WTI เคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังเหนือ $70 ขณะที่นักลงทุนรอการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-
- WTI ทรงตัวอย่างระมัดระวังเหนือ $70.00 ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุม Trump-Putin
- ผลกระทบจากการสงบศึกระหว่างรัสเซีย-ยูเครนจะเป็นลบต่อราคาน้ำมัน
- OPEC มีแนวโน้มที่จะเลื่อนการเพิ่มอุปทานรายเดือนที่วางแผนไว้
ในตลาดลงทุนยุโรปวันจันทร์ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) ฟิวเจอร์สใน NYMEX ซื้อขายอย่างระมัดระวังเหนือระดับต่ำสุดในรอบเจ็ดสัปดาห์ที่ $70.15 ราคาน้ำมันซื้อขายอย่างระมัดระวังขณะที่นักลงทุนต้องการเห็นพัฒนาการเพิ่มเติมในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันว่าผู้นำทั้งสองของรัสเซียและยูเครนได้ตกลงที่จะเจรจาสันติภาพ
โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าเขามีการสนทนาที่ยาวนานและมีประสิทธิผลสูงกับผู้นำรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน และเขาได้ตกลงที่จะเริ่มการเจรจาสันติภาพกับยูเครน นอกจากนี้เขายังสั่งให้ทีมของเขาเริ่มการเจรจาสันติภาพ
ในช่วงสุดสัปดาห์ ทรัมป์ยังกล่าวว่าเขาคาดว่าจะหารือเกี่ยวกับการยุติสงครามที่ยาวนานสามปีในยูเครนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
นักวิเคราะห์ที่ Philip Nova คาดว่า "หากการเจรจานำไปสู่การแก้ไขปัญหา บาร์เรลน้ำมันของรัสเซียจะเข้าสู่ตลาดโลกมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันอย่างมากในทางลบ"
ในขณะเดียวกัน รายงานว่า OPEC กำลังวางแผนที่จะเลื่อนการเพิ่มอุปทานรายเดือนที่วางแผนไว้ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มในเดือนเมษายน ได้ให้ความโล่งใจชั่วคราวต่อราคาน้ำมัน Bloomberg รายงาน
การตัดสินใจนี้ขัดแย้งกับการเรียกร้องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ให้ซาอุดีอาระเบียเพิ่มการผลิตน้ำมันสองล้านบาร์เรลเมื่อเดือนที่แล้ว
Brent Crude Oil FAQs
น้ำมันดิบเบรนท์เป็นน้ำมันดิบประเภทหนึ่งที่พบในทะเลเหนือซึ่งใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับราคาน้ำมันระหว่างประเทศ ถือว่า 'เบา' และ 'หวาน' เนื่องจากมีแรงโน้มถ่วงสูงและมีปริมาณกำมะถันต่ำ ทำให้ง่ายต่อการกลั่นเป็นน้ำมันเบนซินและผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงอื่นๆ น้ำมันดิบเบรนท์ทำหน้าที่เป็นราคาอ้างอิงประมาณสองในสามของอุปทานน้ำมันที่มีการซื้อขายระหว่างประเทศทั่วโลก ความนิยมขึ้นอยู่กับความพร้อมและเสถียรภาพ: ภูมิภาคทะเลเหนือมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีสำหรับการผลิตและการขนส่งน้ำมัน ทำให้มั่นใจได้ถึงอุปทานที่เชื่อถือได้และสม่ำเสมอ
เช่นเดียวกับอุปสงค์และอุปทานของสินทรัพย์ทั้งหมดที่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญของราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ด้วยเหตุนี้ การเติบโตทั่วโลกจึงสามารถเป็นตัวขับเคลื่อนอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น และในทางกลับกัน การเติบโตทั่วโลกที่อ่อนแอ ความไม่มั่นคงทางการเมือง สงคราม และการคว่ำบาตรสามารถขัดขวางอุปทานและผลกระทบต่อราคา การตัดสินใจของ OPEC ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนราคา มูลค่าของดอลลาร์สหรัฐมีอิทธิพลต่อราคาของน้ำมันดิบเบรนท์ เนื่องจากน้ำมันมีการซื้อขายเป็นดอลลาร์สหรัฐเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐสามารถทำให้น้ำมันมีราคาไม่แพงมากขึ้นและในทางกลับกัน
รายงานน้ำมันคงคลังรายสัปดาห์ที่ประกาศโดยสถานบันปิโตรเลียมของอเมริกา หรือ American Petroleum Institute (API) และสำนักงานข้อมูลเกี่ยวกับพลังงานหรือ Energy Information Agency (EIA) ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน WTI ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่เปลี่ยนแปลงไปสะท้อนให้เห็นภาพอุปสงค์/อุปทานที่ผันผวน หากข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าน้ำมันดิบคงคลังลดลง อาจหมายความว่าอุปสงค์น้ำมันเพิ่มขึ้น และผลักดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้น การที่ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสูงขึ้นสามารถสะท้อนให้เห็นอุปทานน้ำมันที่เพิ่มขึ้น รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของ API จะประกาศทุกวันอังคารและของ EIA จะประกาศในถัดไป ตัวเลขจากรายงานเหล่านี้มักจะคล้ายกัน อาจจะมีความแตกต่างกันเพียง 1% (มีโอกาสราว ๆ 75%) ข้อมูลจาก EIA ถือว่ามีความน่าเชื่อถือมากกว่าเนื่องจากเป็นหน่วยงานของรัฐ
OPEC (หรือองค์การบริหารน้ำมันปิโตรเลียมของประเทศกลุ่มผู้ส่งออก - Organization of the Petroleum Exporting Countries) เป็นกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน 12 ประเทศที่ร่วมกันกําหนดโควตาการผลิตน้ำมันสําหรับประเทศสมาชิก มีการประชุมปีละสองครั้ง การตัดสินใจขององค์กรนี้มักส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน WTI เมื่อโอเปกตัดสินใจลดโควตาการผลิต นั่นอาจทําให้อุปทานน้ำมันตึงตัว ผลักดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้น แต่เมื่อโอเปกเพิ่มการผลิต ก็จะมีผลตรงกันข้าม OPEC+ หมายถึงกลุ่มประเทศสมาชิกนอกจากโอเปกดั้งเดิมเพิ่มอีกสิบประเทศ โดยประเทศที่มีอิทธิพลที่สุดก็คือรัสเซีย
บทความแนะนำ
