การคาดการณ์ราคาเงิน: XAG/USD เคลื่อนไหวอยู่รอบ ๆ $33.00 หลังจากที่หลุดต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 9 วัน
- ราคาโลหะเงินอาจพบแนวรับในทันทีที่เส้น EMA 50 วันที่ 32.71 ดอลลาร์
- แนวโน้มขาขึ้นอาจฟื้นตัวได้เมื่อ RSI 14 วันยังคงอยู่เหนือระดับ 50 เล็กน้อย
- แนวต้านแรกปรากฏที่เส้น EMA เก้าวันที่ 33.10 ดอลลาร์
ราคาโลหะเงิน (XAG/USD) ยังคงให้ผลกำไรล่าสุดที่บันทึกไว้ในเซสชันก่อนหน้า โดยเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 33.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงเช้าของวันศุกร์ในเอเชีย แนวโน้มที่เป็นกลางกำลังมีอยู่ เนื่องจากการวิเคราะห์ทางเทคนิคของกราฟรายวันแสดงให้เห็นว่าราคาโลหะมีค่ากำลังปรับฐานอยู่ภายในรูปแบบสี่เหลี่ยม
นอกจากนี้ ราคาโลหะเงินยังเคลื่อนไหวอยู่รอบเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบเอ็กซ์โพเนนเชียล (EMA) เก้าวัน ซึ่งเน้นย้ำว่าโมเมนตัมในระยะสั้นเป็นกลาง อย่างไรก็ตาม ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI) 14 วันยังคงอยู่เหนือระดับ 50 เล็กน้อย ซึ่งบ่งชี้ถึงศักยภาพในการเกิดแนวโน้มขาขึ้น
ราคาโลหะเงินอาจมุ่งเป้าไปที่แนวรับในทันทีที่เส้น EMA 50 วันที่ 32.71 ดอลลาร์ การทะลุระดับนี้ลงไปอาจทำให้โมเมนตัมราคากลางระยะอ่อนตัวลงและทำให้ราคาโลหะมีค่าเข้าใกล้ขอบล่างของสี่เหลี่ยมที่ 31.90 ดอลลาร์ ตามด้วยจุดต่ำสุดในรอบหกสัปดาห์ที่ 31.65 ดอลลาร์ ซึ่งบันทึกไว้เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม
ในด้านบวก คู่ XAG/USD ทดสอบแนวต้านในทันทีที่เส้น EMA เก้าวันที่ 33.10 ดอลลาร์ การทะลุระดับนี้ขึ้นไปอาจทำให้โมเมนตัมราคาสั้นดีขึ้นและสนับสนุนราคาโลหะสีเทาให้สำรวจพื้นที่รอบขอบบนของสี่เหลี่ยมที่ 33.60 ดอลลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับ 33.69 ดอลลาร์ จุดสูงสุดในรอบเจ็ดสัปดาห์ที่ทำได้เมื่อวันที่ 24 เมษายน การทะลุผ่านโซนแนวต้านที่สำคัญนี้อาจทำให้เกิดแนวโน้มขาขึ้นและทำให้ราคาโลหะเงินเข้าใกล้จุดสูงสุดในรอบเจ็ดเดือนที่ 34.59 ดอลลาร์ ซึ่งเคยเห็นเมื่อวันที่ 28 มีนาคม
XAG/USD: กราฟรายวัน
โลหะเงิน FAQs
แร่เงินเป็นโลหะมีค่าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างมากในหมู่นักลงทุน ในอดีต โลหะเงินถูกใช้เป็นสินทรัพย์สะสมมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าทองคํา แต่นักลงทุนอาจหันไปใช้โลหะเงินเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตนเพื่อสะสมมูลค่า หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นักลงทุนสามารถซื้อโลหะเงินจริงในรูปแบบของเหรียญ ในรูปแบบของแท่งหรือซื้อขายผ่านตัวกลางเช่น Exchange Traded Funds ซึ่งอ้างอิงราคาโลหะเงินในตลาดต่างประเทศ
ราคาโลหะเงินสามารถเคลื่อนไหวได้จากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทําให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าจะได้รับความสนใจน้อยกว่าทองคําก็ตาม ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การเคลื่อนไหวของโลหะเงินยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะสินทรัพย์โลหะเงินซื้อขายด้วยราคาเป็นดอลลาร์ (XAGUSD) ดอลลาร์ที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะรักษาราคาโลหะเงินไว้ แต่หากดอลลาร์อ่อนค่าลง มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุปสงค์การลงทุน อุปทานการขุด (โลหะเงินมีมากกว่าทองคํามาก) และอัตราการนำกลับมาใช้ก็อาจส่งผลต่อราคาโลหะเงินได้เช่นกัน
โลหะเงินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากโลหะเงินสามารถนําไฟฟ้าได้สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลหะทั้งหมด มากกว่าทองแดงและทองคํา ความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียยังสามารถส่งผลต่อการแกว่งตัวของราคาโลหะเงิน ในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพวกเขาใช้โลหะเงินในกระบวนการต่างๆ ในอินเดีย ความต้องการโลหะมีค่าของผู้บริโภคเพื่อเอาไปสร้างเครื่องประดับก็มีบทบาทสําคัญในการกําหนดราคาโลหะเงินเช่นกัน
ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคํา เมื่อราคาทองคําสูงขึ้น โลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานะของสินทรัพย์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความคล้ายคลึงกัน อัตราส่วนเปรียบเทียบทองคําและโลหะเงินจะให้ข้อมูลของจํานวนออนซ์ของโลหะเงินที่จําเป็นเพื่อให้เท่ากับมูลค่าของทองคําหนึ่งออนซ์ อัตราส่วนเปรียบทียบนี้อาจช่วยในการกําหนดการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างโลหะทั้งสอง นักลงทุนบางคนอาจพิจารณาว่าหากอัตราส่วนนี้สูง จะหมายความว่าโลหะเงินมีมูลค่าต่ำเกินไป หรือทองคํามีมูลค่าสูงเกินไป ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าทองคํามีมูลค่าต่ำกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน
บทความแนะนำ
