วิเคราะห์ Hang Seng Index เจาะลึกโอกาสทำกำไรในปี 2025

อัพเดทครั้งล่าสุด
coverImg
แหล่งที่มา: DepositPhotos

Hang Seng Index คือดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่ Hang Seng Index วันนี้ กำลังอยู่ท่ามกลางโอกาสและความเสี่ยงจากปัจจัยทั่วโลก


วันนี้ เราจะพาไปมองหาโอกาสทำกำไรจาก Hang Seng Index ในปี 2025 ดูการคาดการณ์จากสถาบันการเงิน และแนะนำกลยุทธ์ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง

ปัจจัยชี้ชะตา Hang Seng Index ที่ต้องจับตาในปี 2025

การเคลื่อนไหวของ Hang Seng Index (HSI) ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยเดียว แต่เป็นผลลัพธ์ของสมการที่ซับซ้อนซึ่งเชื่อมโยงทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และนโยบายระดับโลก


สำหรับปี 2025 มีปัจจัยหลักๆ ที่นักลงทุนต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะมันจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของตลาดอย่างมีนัยสำคัญ


นโยบายเศรษฐกิจจีน

นี่คือปัจจัยที่สำคัญที่สุด เนื่องจากบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงส่วนใหญ่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่จากจีนแผ่นดินใหญ่ (เรียกว่า H-Shares) นโยบายของรัฐบาลปักกิ่งจึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อ หุ้น HSI แทบทุกตัว


  • จุดยืนเชิงรุกด้านนโยบาย: รัฐบาลปักกิ่งได้ให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนนโยบายอย่างเต็มที่เพื่อบรรลุเป้าหมาย การเติบโต 5% ในปี 2025 ซึ่งรวมถึงนโยบายการคลังเชิงรุกและนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายปานกลาง เช่น การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและอัตราส่วนการกันสำรองของธนาคาร (Reserve Requirement Ratios)


  • อุปสรรคที่ยังคงอยู่: เศรษฐกิจจีนยังคงเผชิญกับความท้าทายจากวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยืดเยื้อ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอ และแรงกดดันด้านเงินฝืด โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ยังคง ติดลบเมื่อเทียบเป็นรายปีในปี 2025


  • แม้จะมีมาตรการกระตุ้นโดยรวม แต่ภาคส่วนดั้งเดิม เช่น อสังหาริมทรัพย์และธนาคารของรัฐบางแห่งอาจมีผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคาด ในทางกลับกัน ผู้ที่ได้รับประโยชน์ที่แท้จริงคือหุ้น ในกลุ่มเทคโนโลยี และ Health Care ดังนั้น นักลงทุนจึง “ไม่สามารถซื้อทั้งดัชนี” เพียงเพราะข่าวการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกต่อไป


หุ้นกลุ่ม Tech และ Health Care ยังคงเป็นสัดส่วนหลักที่ทำผลงานได้ดีที่สุดใน HSI


ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน

ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแข่งขันทางการค้าและเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และจีน กลายเป็นเพดานสำคัญที่จำกัดศักยภาพการปรับตัวขึ้นของ Hang Seng Index


  • กำแพงภาษี: สหรัฐฯ ได้ขู่และบังคับใช้กำแพงภาษี โดยนักวิเคราะห์บางรายตั้งสมมติฐานว่า อาจมีการขึ้นภาษีถึง 60% สำหรับสินค้าส่งออกจากจีน ในปี 2025-2026 ซึ่งส่งผลให้การส่งออกไปยังสหรัฐฯ ลดลงอย่างรุนแรงแล้ว


  • ข้อจำกัดทางเทคโนโลยี: สหรัฐฯ ได้เพิ่มความเข้มงวดในข้อจำกัดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ AI และเทคโนโลยีอื่นๆ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อบริษัทที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของ Hang Seng Index


  • ความผันผวนของตลาด: ข่าวเกี่ยวกับกำแพงภาษีเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของความผันผวนในระยะสั้น ทำให้ตลาดเกิดการแกว่งตัวอย่างรุนแรง และมีแนวโน้มว่าตลาดจะซื้อขายในกรอบราคาที่จำกัด จนกว่าจะมีความชัดเจนเรื่องการเจรจาการค้า


นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)

“เมื่อ Fed ขยับ โลกก็สั่นสะเทือน” คำกล่าวนี้ยังคงเป็นจริงเสมอ อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ มีผลโดยตรงต่อการเคลื่อนย้ายของเงินทุนทั่วโลก


  • อัตราดอกเบี้ยของ Fed: ตลาดคาดการณ์ว่า Fed จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือนกันยายนของปี 2025 โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Federal Funds Rate) จะลดลงจากช่วง 4.25%-4.50% มาอยู่ที่ประมาณ 3.9% ภายในสิ้นปี 2025 และลดลงต่อไปอยู่ที่ประมาณ 3.4% ภายในสิ้นปี 2026


  • ผลกระทบต่อกระแสเงินทุน: การลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ถูกมองว่าเป็นตัวกระตุ้นสำหรับ Hang Seng Index โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่าหุ้น H-shares มีความอ่อนไหวเป็นพิเศษต่อปัจจัยนี้เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ฮ่องกง (HKD) ผูกติดกับดอลลาร์สหรัฐ (USD)


  • กระแสเงินทุน Southbound: ตัวชี้วัดสำคัญที่ต้องจับตาคือ Southbound flow ซึ่งคือกระแสเงินทุนจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นฮ่องกง ตัวเลขนี้กำลังฟื้นตัวและถูกมองว่าเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญสำหรับแนวโน้มขาขึ้น


ภาวะเศรษฐกิจของฮ่องกงโดยตรง

แม้จะพึ่งพิงจีนแผ่นดินใหญ่สูง แต่เศรษฐกิจภายในของฮ่องกงก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญ


  • นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า GDP ที่แท้จริงของฮ่องกงจะ เติบโตในช่วง 2-3% ในปี 2025 ซึ่งเป็นการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง


  • ภาคการท่องเที่ยวและการบริโภค: จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาถึงฮ่องกงมีจำนวนประมาณ 24 ล้านคนในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และการบริโภคภาคเอกชนกำลังเติบโต พลิกกลับจากแนวโน้มขาลงก่อนหน้านี้


ผลตอบแทน YTD ของ HSI เป็นรองแค่ทองคำ และ DAX

Hang Seng Index วันนี้

ราคา HK50 แบบเรียลไทม์


เทรด Hang Seng Index เดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

การคาดการณ์ Hang Seng Index ปี 2025-2026 จากสถาบันชั้นนำ

หลังจากพิจารณาปัจจัยรอบด้านแล้ว ลองมาดูกันว่าสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของโลกมองทิศทาง Hang Seng Index ในอนาคตอย่างไร การวิเคราะห์จากผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะช่วยให้เราเห็นภาพที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น


สถานบันมุมมองเป้าหมายสิ้นปี 2025
Goldman Sachsมองบวก27,000 จุด
Morgan Stanleyมองกลาง ถึงบวก27,500 จุด
HSBC Global Researchมองบวก26,340 จุด
UBSมองลง25,000 จุด


Goldman Sachs

Goldman Sachs ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นจีนและฮ่องกง โดยคาดการณ์ว่า Hang Seng Index จะสามารถไปถึงระดับ 27,000 จุดได้ภายในสิ้นปี 2025


  • พวกเขามองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ จะเริ่มเห็นผลชัดเจนขึ้น นอกจากนี้ การประเมินมูลค่า (Valuation) ที่ถูกมากเมื่อเทียบกับตลาดอื่น ทำให้มีความน่าสนใจในการลงทุนสูง และคาดว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะกลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง


Morgan Stanley

Morgan Stanley ให้เป้าหมายพื้นฐาน สำหรับ Hang Seng Index ไว้ที่ 19,150 จุด แต่ในกรณีที่ดีที่สุด (Bull Case) อาจพุ่งไปได้ถึง 27,500 จุด


  • ปัจจัยหลักที่ Morgan Stanley ให้ความสำคัญคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ขับเคลื่อนด้วยการบริโภคภายในประเทศ และการผ่อนคลายนโยบายที่เคยเข้มงวดในภาคเทคโนโลยี พวกเขามองว่าตลาดได้ซึมซับข่าวร้ายไปมากแล้ว และมีความเสี่ยงด้านต่ำ (Downside Risk) ที่จำกัด


HSBC Global Research

HSBC ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์สิ้นปี 2025 สำหรับดัชนี HSI ขึ้นเป็น 26,340 จุด สะท้อนความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้น


  • HSBC ชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลจีนกำลังมาถูกทาง และเริ่มสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับการที่บริษัทจีนหลายแห่งเริ่มเน้นการจ่ายเงินปันผลและซื้อหุ้นคืน (Share Buyback) เพื่อสร้างมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีและจะดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเข้ามาใน หุ้น HSI มากขึ้น


UBS

UBS กลับมีมุมมองที่ระมัดระวังอย่างมาก โดยคาดการณ์ว่าดัชนี HSI จะอยู่ที่ระดับ 25,000 จุด ภายในสิ้นปี 2025 ซึ่งแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปัจจุบัน 


  • มุมมองเชิงลบนี้มีรากฐานมาจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์เป็นหลัก ทั้งกำแพงภาษีสหรัฐฯ ที่อาจเรียกเก็บสูงถึง 60% กับสินค้าจีน รวมทั้งเชื่อว่าตลาดยังไม่ได้สะท้อนความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างเต็มที่ และคาดการณ์ว่าอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E ratio) ของ Hang Seng Index อาจถูกปรับลดลงจาก 8.9 เท่าในปัจจุบัน เหลือเพียง 8.1 เท่าภายในสิ้นปีหน้า


จะเห็นได้ว่าสถาบันการเงินชั้นนำส่วนใหญ่มองว่า Hang Seng Index ในปี 2025 มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีกมากจากระดับปัจจุบัน แม้เป้าหมายจะแตกต่างกันไปบ้าง แต่ทิศทางโดยรวมเป็นบวก ซึ่งตอกย้ำถึงโอกาสในการลงทุนที่น่าสนใจ


สถาบันการเงินส่วนใหญ่มองว่า Hang Seng Index ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ

กลยุทธ์ และโอกาสสร้างกำไรจาก Hang Seng Index

เมื่อเข้าใจปัจจัยขับเคลื่อนและเห็นภาพการคาดการณ์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการวางกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสมกับ Hang Seng Index ซึ่งเป็นดัชนีที่มีความผันผวนสูง


การเทรดดัชนีผ่านตราสารอนุพันธ์อย่าง CFD (Contract for Difference) บนแพลตฟอร์มอย่าง Mitrade เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะมีความยืดหยุ่นสูง สามารถทำกำไรได้ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง


เทรดตามแนวโน้ม (Trend Following)

กลยุทธ์พื้นฐานที่ทรงพลังที่สุด คือการหาแนวโน้มหลักของตลาดให้เจอ แล้วเปิดสถานะไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้มนั้น ดั่งคำกล่าวว่า “Trend is your friend”


  • หลักการคือ ใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) ในการระบุแนวโน้ม เช่น ใช้ EMA 20 วัน และ EMA 50 วัน หากราคา hang seng index วันนี้ อยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยทั้งสอง และอยู่เหนือ EMA 200 แสดงว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง (Golden Cross) นักลงทุนสามารถมองหาจังหวะเปิดสถานะ Long (ซื้อ) ได้


  • ในทางกลับกัน หากราคาอยู่ใต้เส้นค่าเฉลี่ยทั้งสอง และตัดลงต่ำกว่า EMA 200 (Dead Cross) แสดงว่าเป็นแนวโน้มขาลงที่ชัดเจน เหมาะกับการหาจังหวะเปิดสถานะ Short (ขาย)


  • ตัวอย่าง หลังจาก Hang Seng Index สามารถยืนเหนือระดับ 18,000 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านจิตวิทยาที่สำคัญ และเส้นค่าเฉลี่ยเริ่มส่งสัญญาณขาขึ้น นักลงทุนอาจพิจารณาเปิดสถานะ Long โดยตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ไว้ใต้แนวรับที่สำคัญ


ตัวอย่างการใช้เทคนิค Trend Following


เทรดในกรอบ (Range Trading)

เหมาะสำหรับช่วงที่ตลาดยังไม่มีแนวโน้มชัดเจน หรือเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ (Sideways) โดยอาศัยการทำกำไรจากส่วนต่างระหว่างแนวรับและแนวต้าน


  • หลักการคือ ระบุแนวรับ-แนวต้าน มองหาจุดที่ราคามักจะกลับตัวในอดีต จุดต่ำสุดเดิมคือ แนวรับ (Support) และจุดสูงสุดเดิมคือ แนวต้าน (Resistance)


  • เปิดสถานะ เมื่อราคาลงมาทดสอบแนวรับและเริ่มมีสัญญาณกลับตัว (เช่น เกิดแท่งเทียนรูปแบบ Bullish) ให้เปิดสถานะ Long โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่บริเวณแนวต้าน และเมื่อราคาขึ้นไปทดสอบแนวต้านและมีสัญญาณกลับตัว (เช่น แท่งเทียน Bearish) ให้เปิดสถานะ Short โดยมีเป้าหมายที่แนวรับ


  • กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยงหากเกิดการทะลุกรอบ (Breakout) ดังนั้น การตั้ง Stop Loss นอกกรอบราคาจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง


ตัวอย่างการใช้เทคนิค Range Trading


ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้กลยุทธ์ใด แพลตฟอร์มของ Mitrade ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจของคุณ ด้วยเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ครบครัน, การส่งคำสั่งที่รวดเร็ว และที่สำคัญคือเครื่องมือบริหารความเสี่ยง เช่น Stop Loss และ Trailing Stop ที่ช่วยให้คุณสามารถจำกัดผลขาดทุนและปกป้องกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ


mitrade
💸 ห้ามพลาด!!! 💸
แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์! 🎁🎁🎁

ค่าคอมฯ 0 สเปรดต่ำ! เงินฝากขั้นต่ำ $50 🤑
ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี 💰
การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน

เจาะลึก Hang Seng Index: ทุกเรื่องที่นักเทรดต้องรู้

เพื่อที่จะเทรด Hang Seng Index ได้อย่างมั่นใจ การทำความเข้าใจพื้นฐานของดัชนีนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม


Hang Seng Index คืออะไร?

  • Hang Seng Index (HSI) คือดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่สะท้อนมูลค่าของบริษัทขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูงสุดประมาณ 80 บริษัทแรก ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (Hong Kong Stock Exchange - HKEX)

  • เปรียบเสมือน SET50 Index ของประเทศไทย แต่มีความสำคัญในระดับโลกสูงกว่ามาก เพราะเป็นประตูสู่การลงทุนในบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีน


คำนวณอย่างไร?

  • Hang Seng Index คำนวณด้วยวิธีถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ปรับด้วยสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free-float Adjusted Market Capitalization Weighted)

  • พูดง่ายๆ คือ หุ้น HSI ตัวไหนที่มีขนาดใหญ่ (Market Cap สูง) และมีสัดส่วนให้นักลงทุนรายย่อยซื้อขายได้มาก ก็จะมีน้ำหนักและอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของดัชนี HSI มากกว่าหุ้นตัวเล็ก


หุ้นตัวท็อปในดัชนีมีอะไรบ้าง?

องค์ประกอบของดัชนีมีการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ แต่หุ้นที่มีน้ำหนักสูงและเป็นที่รู้จักกันดีมักจะมาจาก 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มการเงิน เช่น


  • Tencent Holdings: บริษัทเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดของจีน (เจ้าของ WeChat)

  • Alibaba Group: ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซและคลาวด์คอมพิวติ้ง

  • AIA Group: บริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย

  • HSBC Holdings: กลุ่มธนาคารและการเงินระดับโลก

  • Meituan: แพลตฟอร์มเดลิเวอรี่และบริการไลฟ์สไตล์


เวลาซื้อขาย (ตามเวลาประเทศไทย)

ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดทำการซื้อขาย 2 ช่วงในหนึ่งวัน

  • ช่วงเช้า (Morning Session): 08:30 น. – 11:00 น.

  • ช่วงบ่าย (Afternoon Session): 12:00 น. – 15:00 น.

บทสรุป

Hang Seng Index ในปี 2025 กำลังยืนอยู่บนจุดเปลี่ยนที่น่าสนใจอย่างยิ่ง การคาดการณ์จากสถาบันการเงินชั้นนำของโลกต่างมองเป็นทิศทางเดียวกันว่า HSI มีโอกาสปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงต้องจับตาความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน อย่างใกล้ชิด


ความผันผวนนี้ คือโอกาสสำหรับนักเทรดที่เตรียมตัวมาอย่างดี การเลือกใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการเทรดตามแนวโน้ม หรือเทรดในกรอบ ประกอบกับการใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพบนแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้อย่าง Mitrade จะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจจากหนึ่งในดัชนีที่น่าตื่นเต้นที่สุดของเอเชีย

คำถามที่พบบ่อย

สามารถซื้อขายดัชนี Hang Seng Index โดยตรงได้หรือไม่?

รายย่อยไม่สามารถซื้อขายตัวดัชนีได้โดยตรง แต่นิยมเทรดผ่านผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่อ้างอิงกับดัชนี เช่น กองทุนรวมดัชนี (Index Funds), ETF และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง CFD (Contract for Difference) ซึ่งมีความยืดหยุ่นสูง สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง และใช้เงินลงทุนเริ่มต้นน้อยกว่าผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Mitrade

เทรด Hang Seng Index ช่วงเวลาไหนได้บ้าง?

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือช่วงที่ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดทำการ ได้แก่ 08:30-11:00 น. และ 12:00-15:00 น. ตามเวลาประเทศไทย เพราะเป็นช่วงที่ดัชนีมีความผันผวนและมีสภาพคล่องสูงสุด ทำให้การจับจังหวะเข้าออกทำได้ง่าย

*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา


การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

goTop
quote
บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?
บทความที่เกี่ยวข้อง
placeholder
SET50 คืออะไร? SET50 มีอะไรบ้าง? และลงทุน SET50 ยังไง?บทความนี้เราขอแนะนำดัชนี SET50 นะครับ รวมถึง SET50 คืออะไร, SET50 มีอะไรบ้าง, วิธีคำนวณ SET50 และปัจจัยที่ส่งผลต่อดัชนี SET50 และลงทุน SET50 ยังไงนะครับ
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 01 ธ.ค. 2023
บทความนี้เราขอแนะนำดัชนี SET50 นะครับ รวมถึง SET50 คืออะไร, SET50 มีอะไรบ้าง, วิธีคำนวณ SET50 และปัจจัยที่ส่งผลต่อดัชนี SET50 และลงทุน SET50 ยังไงนะครับ
placeholder
ดัชนีเอสแอนด์พี 500 หรือ ดัชนี S&P 500 คืออะไร?บทความนี้จะพานักลงทุนทำความรู้จักกับดัชนีหุ้นสหัฐ S&P 500 รวมถึง S&P 500 คืออะไร, S&P 500 คำนวณอย่างไร, รายชื่อหุ้นใน S&P 500, S&P 500 และ Dow Jones แตกต่างกันอย่างไร
ผู้เขียน  MitradeInsights
1 เดือน 03 วัน ศุกร์
บทความนี้จะพานักลงทุนทำความรู้จักกับดัชนีหุ้นสหัฐ S&P 500 รวมถึง S&P 500 คืออะไร, S&P 500 คำนวณอย่างไร, รายชื่อหุ้นใน S&P 500, S&P 500 และ Dow Jones แตกต่างกันอย่างไร
placeholder
นิเคอิ225(Nikkei 225) คืออะไร? ลงทุนหุ้นญี่ปุ่นผ่านดัชนีนิเคอิ225 Nikkei 225 ขึ้นสู่จุดสูงสุดตั้งแต่เดือนสิงหาคม 1990 เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2023 อะไรทำให้ราคาของ Nikkei 225 พุ่งกระฉูด? เราจะทำกำไรจากกระแสของ Nikkei 225 ได้อย่างไร? บทความนี้จะแจ้งให้คุณทราบ
ผู้เขียน  เมธิณี วสุมดีInsights
วันที่ 25 ธ.ค. 2023
Nikkei 225 ขึ้นสู่จุดสูงสุดตั้งแต่เดือนสิงหาคม 1990 เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2023 อะไรทำให้ราคาของ Nikkei 225 พุ่งกระฉูด? เราจะทำกำไรจากกระแสของ Nikkei 225 ได้อย่างไร? บทความนี้จะแจ้งให้คุณทราบ
placeholder
Dow Jones(DJIA) คืออะไร? สำคัญยังไง? ทำไมต้องดูทุกวันบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ ดัชนี Dow Jones คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรต่อตลาดหุ้นทั่วโลกพร้อมเผยรายชื่อบริษัทที่อยู่ในดัชนี Dow Jones การวิเคราะห์แนวโน้มดัชนีหุ้น Dow Jones ปี 2025 และลงทุนในดัชนี Dow Jones ยังไง ตามมาดูกันเลย
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 19 ธ.ค. 2024
บทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ ดัชนี Dow Jones คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรต่อตลาดหุ้นทั่วโลกพร้อมเผยรายชื่อบริษัทที่อยู่ในดัชนี Dow Jones การวิเคราะห์แนวโน้มดัชนีหุ้น Dow Jones ปี 2025 และลงทุนในดัชนี Dow Jones ยังไง ตามมาดูกันเลย
placeholder
NASDAQ 100 คืออะไร สรุปทุกเรื่องที่ต้องรู้ก่อนลงทุนใน 100 หุ้นระดับโลกบทความนี้เราจะความรู้จักกับดัชนีหุ้นตัวนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่ทุกคน เริ่มตั้งแต่ประวัติความเป็นมา ค่อย ๆ ไล่ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพชัดเจนจนเข้าใจได้ว่าทำไมดัชนีหุ้น Nasdaq 100 จึงได้รับความนิยมระดับโลก และคุณควรลงทุนกับหุ้นตัวนี้อย่างไรเพื่อสร้างกำไรให้กับตัวคุณเอง
ผู้เขียน  เมธิณี วสุมดีInsights
2 เดือน 06 วัน พฤหัส
บทความนี้เราจะความรู้จักกับดัชนีหุ้นตัวนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่ทุกคน เริ่มตั้งแต่ประวัติความเป็นมา ค่อย ๆ ไล่ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพชัดเจนจนเข้าใจได้ว่าทำไมดัชนีหุ้น Nasdaq 100 จึงได้รับความนิยมระดับโลก และคุณควรลงทุนกับหุ้นตัวนี้อย่างไรเพื่อสร้างกำไรให้กับตัวคุณเอง
ราคาเสนอแบบเรียลไทม์