CFD เป็นการลงทุนตราสารซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงที่อาจทำให้สูญเสียเงินทุนได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากมีเลเวอเรจ คุณควรตรวจสอบตนเองว่าคุณเข้าใจวิธีการทำงานของ CFD หรือไม่ และคุณสามารถที่จะรับความเสี่ยงในการสูญเสียเงินทุนที่สูงนี้ได้หรือไม่
    Mitrade Insights ทุ่มเทเพื่อให้นักลงทุนได้รับข้อมูลทางการเงินที่ครบถ้วน ทันเวลา และมีคุณค่ามากที่สุด เพื่อช่วยให้นักลงทุนเข้าใจสถานการณ์ตลาดและคว้าโอกาสในการซื้อขายได้ทันท่วงที
    2021
    ผู้ให้บริการข่าวและการวิเคราะห์ที่ดีที่สุด
    FxDailyInfo
    2022
    แหล่งข้อมูลการศึกษา Forex ที่ดีที่สุดทั่วโลก
    International Business Magazine

    หุ้นเอเชียที่น่าจับตามอง ตลาดหุ้นเอเชียที่ไม่ควรพลาด!

    8 นาที
    อัพเดทครั้งล่าสุด 10 พ.ย. 2566 03:25 น.

    เมื่อเรานึกถึงการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ส่วนมากมักจะดูไปยังตลาดอย่างเช่น สหรัฐ ยุโรป ที่นักลงทุนคุ้นเคยกับข่าวสารข้อมูลและตลาดหุ้นชื่อดังต่างๆ ให้เข้าไปลงทุน รวมถึงโปรดักส์ที่หลากหลาย แต่รู้ไหมว่า โมเมนตัมกำลังจะส่องมาที่ตลาดหุ้นเอเชีย ด้วยจำนวนประชากร ซึ่งหากนับแค่ประชากรของจีนและอินเดียก็มีมากถึง 58% ของประชากรโลกแล้ว อีกทั้งยังเป็นผู้บริโภคสินค้าและบริการรายใหญ่อีกด้วย ทำให้แนวโน้มการเติบโตของบริษัทต่างๆ ในภูมิภาคนี้มีสูงมาก บทความนี้เราจะมารู้จักหุ้นและตลาดหุ้นเอเชียกันให้มากขึ้น

    ตลาดหุ้นเอเชียคืออะไร?

    ตลาดหุ้นเอเชียเป็นส่วนหนึ่งของตลาดที่มีการซื้อขายหุ้นในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งรวมถึงตลาดหลายแห่งในประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย อันได้แก่ประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia) และประเทศเอเชียตะวันออก (East Asia) รวมทั้งฮ่องกงและไต้หวัน การลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียสามารถทำได้ผ่านการซื้อขายหุ้นของบริษัทที่มีการจดทะเบียนในประเทศนั้น ๆ หรือผ่านกองทุนรวม (mutual funds) หรือกองทุนฝากขาย (exchange-traded funds) ที่ลงทุนในหุ้นในภูมิภาคเอเชีย. โดยที่หุ้นเอเชียยังมีสัดส่วนที่น้อยในดัชนีหุ้นโลก (MSCI ACWI) ตามมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market capitalization) แม้ว่า Economic exposure ของเอเชียจะมีมากถึง 30% ของ GDP ดังนั้น หุ้นเอเชียจึงยังมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว และหากเปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่น หุ้นเอเชียที่มีคุณภาพสูง (ไม่นับญี่ปุ่น) ยังมี Return on Invested Capital (ROIC*) หรือผลตอบแทนจากการลงทุนสูงกว่าและมีแนวโน้มเติบโตดีกว่า นี่คือบางข้อดีและสิ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นเอเชียน่าสนใจ:


    🔸 โอกาสการลงทุน: เอเชียเป็นภูมิภาคที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมีราคาหุ้นที่น่าสนใจในหลายประเทศ ทำให้มีโอกาสการลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพสูงในตลาดเอเชีย


    🔸 ความหลากหลาย: ตลาดหุ้นเอเชียมีความหลากหลายทั้งในแง่ของกลุ่มอุตสาหกรรม และประเทศที่มีหุ้นเทรด อาจมีทั้งบริษัทเทคโนโลยีในฮ่องกง, บริษัทเหล็กและเหล็กในจีน, หรือบริษัทการเงินในสิงคโปร์ เป็นต้น


    🔸 โอกาสการเติบโต: เอเชียเป็นภูมิภาคที่มีประชากรมากและมีการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว นี่อาจสร้างโอกาสการเติบโตในตลาดหุ้น


    🔸 ความทนทาน: ตลาดหุ้นเอเชียมีความทนทานต่อความแปรปรวนและวิกฤติในตลาดโลก อาจมีส่วนในการลดความเสี่ยงในการลงทุน


    รายชื่อตลาดหลักทรัพย์ 10 อันดับแรกของโลก


    ชื่อตลาดหลักทรัพย์

    มูลค่าตลาด( Market Capitalization)             ล้านล้านเหรียญสหรัฐ               

    (Trillion USD)

    New York Stock Exchange, US

    25.53

    NASDAQ, US

    11.23

    Japan Exchange Group

    5.1

    Shanghai Stock Exchange, China

    4.67

    Hong Kong Exchanges

    4.23

    Euronext Europe

    3.67

    Schzhen Stock Exchange, China

    3.28

    LSE Group, UK and Italy

    2.92

    TMX Group, Canada

    1.75

    BSE India Limited

    1.51

    หลังจากรู้จักตลาดหุ้นใหญ่ๆจากทั่วโลกกันแล้ว เรามาลงรายละเอียดถึงตลาดหุ้นเอเชียที่สำคัญๆว่าที่นักลงทุนส่วนใหญ่สนใจเข้าไปลงทนนั้น มีที่ใดบ้าง เพื่อจะได้โฟกัสตลาดได้ถูกต้อง เวลาที่จะติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ สังคมและการเมืองที่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นเอเชีย  โดยทั่วไปจะแบ่งเป็น 3 ประเภท


    1.ตลาดหลัก (Main Stock Exchanges):

    -ประเทศญี่ปุ่น: ตลาดหลักในประเทศญี่ปุ่นรวมถึง Tokyo Stock Exchange (TSE)

    -ประเทศฮ่องกง: ตลาดหลักในฮ่องกงรวมถึง Hong Kong Stock Exchange (HKEX)

    -ประเทศจีน: ตลาดหลักในจีนรวมถึง Shanghai Stock Exchange (SSE) และ Shenzhen Stock Exchange (SZSE)

    -ประเทศเกาหลีใต้: ตลาดหลักในเกาหลีใต้รวมถึง Korea Exchange (KRX)


    2.ตลาดรอง (Secondary Stock Exchanges):

    -ประเทศอินเดีย: ตลาดหลักคือ Bombay Stock Exchange (BSE) และ National Stock Exchange (NSE) ในขณะที่ตลาดรองรวมถึง Calcutta Stock Exchange (CSE) และ Madras Stock Exchange (MSE)

    -ประเทศไต้หวัน: ตลาดหลักคือ Taiwan Stock Exchange (TWSE) และ Taipei Exchange (TPEx) ในขณะที่ตลาดรองรวมถึง GreTai Securities Market (GTSM)

    -ประเทศมาเลเซีย: ตลาดหลักคือ Bursa Malaysia (KLSE) และตลาดรองคือ ACE Market


    3.ประเทศอื่น ๆ: 

    นอกจากนี้ยังมีตลาดหุ้นในประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย เช่น Indonesia Stock Exchange (IDX) ในอินโดนีเซีย, Singapore Exchange (SGX) ในสิงคโปร์, Philippines Stock Exchange (PSE) ในฟิลิปปินส์, Stock Exchange of Thailand (SET) ในประเทศไทย และตลาดหลักและตลาดรองอื่น ๆ ในพื้นที่อาเซียน


    สำหรับที่ MiTrade เรามีให้บริการในส่วนของดัชนีตลาดหุ้นเอเชียอยู่ 2 ตลาดคือ ญี่ปุ่นและฮ่องกง ซึ่งเป็นดัชนีตลาหุ้นเอเชียที่ยอดนิยมและมีหุ้นเอเชียที่สำคัญหลายตัวอยู่ในทั้งสองตลาดนี้


    🔸 HK50 ดัชนีหุ้นของฮ่องกงที่สำคัญที่สุดคือ "Hang Seng Index" หรือ ดัชนีฮั่งเซ็ง (Hang Seng Index, HSI) ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นหลักที่ใช้วัดประสิทธิภาพของตลาดหุ้นในฮ่องกง. ดัชนีฮั่งเซ็งรวมถึงหุ้นที่คัดเลือกจากตลาดหุ้นของฮ่องกงและเป็นหนึ่งในดัชนีหุ้นที่มีชื่อเสียงที่ใช้ในการติดตามสถานะของตลาดหุ้นในฮ่องกงและภูมิภาคเอเชีย.คำนวณจากการรวบรวมค่าหุ้นของบริษัทที่คุณสมบัติเสนอขายในตลาดหุ้นของฮ่องกงและเปรียบเทียบกับค่าหุ้นของบริษัทเหล่านี้กับเวลาก่อนเพื่อให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในราคาหุ้น. ดัชนีนี้มีบทบาทสำคัญในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานะและทิศทางของตลาดหุ้นและอยู่ในการติดตามโดยนักลงทุนและผู้ที่สนใจในตลาดหุ้นของฮ่องกง.

     

    ราคา HK50 แบบเรียลไทม์


    ข้อมูลเพิ่มเติม: ดัชนีหุ้นฮั่งเส็งคืออะไร?>>

    🔸 JPN225 ดัชนีนิเกอิ (Nikkei) คือดัชนีหุ้นหลักของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งรู้จักกันในนาม "Nikkei Stock Average" หรือ "Nikkei 225." ดัชนีนิเกอิมีหมายเลข "225" เนื่องจากมี 225 บริษัทในญี่ปุ่นที่มีความสำคัญที่ถูกรวบรวมในดัชนี ซึ่งถูกใช้วัดประสิทธิภาพของตลาดหุ้นญี่ปุ่นและสถานะของเศรษฐกิจญี่ปุ่น. ดัชนีนิเกอิได้รวมถึงบริษัทที่สัมพันธ์กับกลุ่มอุตสาหกรรมหลายประเภท ซึ่งทำให้มันเป็นตัวบ่งบอกสถานะของเศรษฐกิจและภาวะตลาดในประเทศญี่ปุ่น. ดัชนีนิเกอิเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับนักลงทุนและผู้ที่สนใจในตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพื่อติดตามแนวโน้มของราคาหุ้นและการเคลื่อนไหวของตลาด


    ราคา JPN225 แบบเรียลไทม์


    ข้อมูลเพิ่มเติม: นิเคอิ225(Nikkei 225) คืออะไร? ลงทุนหุ้นญี่ปุ่นผ่านดัชนีนิเคอิ225>>

    ตารางการซื้อขายตลาดหลักทรัพย์เอเชีย

    หลังจากทำความรู้จักกับตลาดหุ้นเอเชียที่สำคัญๆ ไปแล้ว ก็ต้องมาสำรวจที่เวลาเปิด-ปิดตลาดหุ้นกัน ซึ่งในตารางจะแจ้งเวลาซื้อขายทั้งอ้างอิงจากเวลา GMT และเวลาท้องถิ่น นักลงทุนจะได้เตรียมตัวเข้าซื้อขายดัชนีตลาดหุ้นได้ถูกเวลา เพราะส่วนใหญ่ไม่ได้เปิดตลอด 24 ชม.เหมือนพวกสินค้าค่าเงินหรือทองคำ นอกจากสินค้าที่เป็น Future เพราะในช่วงที่เปิดทำการจะมีปริมาณการซื้อขายที่สูง มีแรงสวิงของกราฟมาก


    ตลาดหุ้นเอเชีย

    ชั่วโมงการซื้อขาย

    (GMT)

    ชั่วโมงการซื้อขาย

    (เวลาท้องถิ่น)

    ตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น

    00:00 - 06:00
    (เวลาพัก 02:30 - 03:30)

    09:00 - 15:00
    (เวลาพัก 11:30 - 12:30)

    ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง

    01:30 - 08:00
    (เวลาพัก 04:00 - 05:00)

    09:30 - 16:00
    (เวลาพัก 2:00 - 13:00)

    ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้จีน

    01:30 - 08:00

    (เวลาพัก 04:00 - 05:00)

    09:30 - 16:00
    (เวลาพัก 11:30 - 13:00)

    ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์

    01:00 - 09:00

    (ไม่มีเวลาพัก)

    09:30 - 16:00

    (ไม่มีเวลาพัก)

    ตลาดหลักทรัพย์อินเดีย

    03:45 - 10:00
    (ไม่มีเวลาพัก)

    08:00 - 15:50

     (ไม่มีเวลาพัก)

    ตลาดหุ้นเอเชียเปิดกี่โมง ?

    ตลาดหุ้นในเอเชียเปิดและปิดตามเวลาท้องถิ่นของแต่ละตลาด ดังนั้นเวลาเปิดและปิดของตลาดหุ้นในเอเชียจะแตกต่างกันตามพื้นที่และประเทศ. นี่คือตัวอย่างของเวลาเปิดและปิดของตลาดหุ้นเอเชียที่สำคัญ


    ตลาดหลักในฮ่องกง (Hong Kong Stock Exchange, HKEX):

    เวลาเปิด: 09:30 น. (เวลาฮ่องกง) เวลาปิด: 16:00 น. (เวลาฮ่องกง)


    ตลาดหลักในประเทศญี่ปุ่น (Tokyo Stock Exchange, TSE):

    เวลาเปิด: 09:00 น. (เวลาญี่ปุ่น) เวลาปิด: 15:00 น. (เวลาญี่ปุ่น)


    ตลาดหลักในประเทศจีน (Shanghai Stock Exchange, SSE):

    เวลาเปิด: 09:30 น. (เวลาจีน) เวลาปิด: 15:00 น. (เวลาจีน)


    ตลาดหลักในประเทศเกาหลีใต้ (Korea Exchange, KRX):

    เวลาเปิด: 09:00 น. (เวลาเกาหลีใต้) เวลาปิด: 15:30 น. (เวลาเกาหลีใต้)


    ซื้อขายหุ้นเอเชียช่วงไหนดี?

    โดยตลาดหุ้นเอเชียมีศักยภาพในการเติบโตของเศรษฐกิจสูง ยิ่งในช่วงครึ่งหลังของปี 2022 ต่อด้วยครึ่งปี 2023 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการที่จีนเริ่มผ่อนคลายกฎระเบียบเกี่ยวกับมาตรการควบคุมโรค Covid-19 รวมถึงนโยบายการเงิน และนโยบายการคลังของจีนที่มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจเป็นหลัก ลองพิจารณาจากปัจจัยดังต่อไปนี้


    👉   การลงทุนระยะยาว (Long-Term Investment): ถ้าคุณมีวัตถุประสงค์ในการลงทุนระยะยาว เช่นการออมเงินเพื่อการเกษียณหรือการลงทุนเพื่อการเพิ่มมูลค่าในระยะยาว คุณสามารถซื้อขายหุ้นเมื่อมีเงินสำรองสำหรับลงทุนและคงค่าในระยะยาวโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการผันผวนของตลาดในระยะสั้น แนะนำให้คุณลงทุนอย่างมีวางแผนและคงเส้นทางการลงทุนของคุณตลอดเวลา


    👉   การลงทุนระยะสั้น (Short-Term Trading): หากคุณสนใจในการทำการซื้อขายหุ้นในระยะสั้นเพื่อกำไรราคาขึ้นหรือลง ความสำคัญคือการทำการวิเคราะห์ที่ถูกต้องและการติดตามข่าวสารเศรษฐกิจและเหตุการณ์ที่อาจมีผลต่อตลาด. การลงทุนระยะสั้นมักมีความเสี่ยงสูงและต้องใช้ความรอบคอบในการตัดสินใจ


    👉   ความต้องการส่วนตัว (Personal Circumstances): การเลือกเวลาการซื้อขายหุ้นต้องมีการพิจารณาวัตถุประสงค์การลงทุนของคุณและสถานการณ์ส่วนตัวของคุณ เช่น งบประมาณ, ระยะเวลาการลงทุน, และระดับความเสี่ยงที่คุณพร้อมรับ


    👉   การวิเคราะห์ตลาด (Market Analysis): การซื้อขายหุ้นควรจะขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ตลาดและการระมัดระวังในการตัดสินใจ. ควรพิจารณาปัจจัยทางเศรษฐกิจ, ข่าวสารทางการเมือง, และแนวโน้มของตลาดก่อนการลงทุนหรือทำการซื้อขาย


    วิธีเทรดหุ้นเอเชีย?

    หลังจากเปิดนักลงทุนมีบัญชีซื้อขายจริงหรือบัญชีทดลองเทรด และสามารถเริ่มจากเว็ปของทาง www.mitrade.com หรือดาวน์โหลดแอพลิเคชั่น Mitrade ทั้งผ่าน IOS และ ANDRIOD  เรียบร้อยแล้ว นักลงทุนก็สามารถเริ่มต้นซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชีย ได้ทันที โดยเลือกตามขั้นตอนนี้  


    ภาพชาร์ตดัชนีตลาดหุ้น


    1.เปิดที่เว็ป Mtrade.com หรือผ่านแอพลิเคชั่น Mitrade

    2.เลือกคำสั่ง Market เพื่อดูกราฟราคา ณ เวลาปัจจุบัน

    3.เลือกเมนู Indices เพื่อให้เปิดเฉพาะสินค้าดัชนีตลาดหุ้นเท่านั้น

    4.ดูตลาดหุ้นเอเชียที่สนใจ 


    🎉ห้ามพลาด!!
    แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ หรือ
    ทดลองเทรดฟรีเงินเสมือนจริง $50,000 ดอลลาร์
    illustration

    สำหรับกลยุทธ์การเทรดตลาดหุ้นเอเชียนั้นสามารถเลือกดูได้สองกลยุทธ์หลักๆ คือสายเทคนิคคอล (Technical Analysis) และสายวิเคราะห์พื้นฐานทางเศรษฐกิจ (Fundamental Analysis)


    วิเคราะห์ปัจจัยเทคนิค (Technical Analysis)

    คือ เป็นกระบวนการที่ใช้ข้อมูลราคาและปริมาณการซื้อขายของหุ้นหรือดัชนีตลาดหุ้นเพื่อวิเคราะห์แนวโน้มราคาในอนาคต การทำวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถทำได้ด้วยการตรวจสอบข้อมูลบางอย่างหรือองค์ประกอบหลายอย่างต่อไปนี้: กราฟราคา: การสังเกตกราฟราคาของดัชนีตลาดหุ้นเพื่อเข้าใจแนวโน้มราคา เช่น กราฟแท่งเทียน (candlestick charts)  ศึกษา แนวรับและแนวต้าน เหล่านี้เป็นระดับราคาที่ควรให้ความสนใจเนื่องจากราคามักจะพบการควบคุมในระดับเหล่านี้


    ภาพชาร์ตดัชนีตลาดหุ้นฮ่องกงหรือ HS50 18-10-2023 ที่มา Mitrade


    ตัวอย่างการวิเคราะห์จากปัจจัยเทคนิค จากกราฟ HS50 ในกรอบราคารายวัน จะเห็นว่า ดัชนีของ HS50 ยังเคลื่อนที่อยู่ในแนวโน้มขาลง หรือ Downtrend เนื่องจากกราฟยังมีลักษณะเป็นทิศทางลงชัดเจน และมีดัชนีอยู่ใต้เส้นค่าเฉลี่ยสำคัญ MA60 วัน แสดงว่ายังไม่สามารถกลับขึ้นมาอยู่บนทิศทางแนวโน้มขาขึ้นได้ ลักษณะนี้นักลงทุนอาจจะรอดูอีกครั้งหรือไปหาแนวรับสำคัญในกรอบราคาที่กว้างกว่าเป็นต้น


    วิเคราะห์พื้นฐานทางเศรษฐกิจ (Fundamental Analysis) 

    คือ การติดตามข้อมูลเศรษฐศาสตร์ทั่วไปของประเทศหรือภูมิภาคที่มีผลต่อค่าดัชนี เช่น อัตราการเงิน, อัตราการบริหารรัฐบาล, แนวโน้มของการจัดการเศรษฐกิจ, และเหตุการณ์ทางการเมือง.หรือลงไปถึงตัวเลข GDP ต่อไตรมาส , ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญเช่น เงินเฟ้อ นำเข้า ส่งออก หรืออัตราการจ้างงานและว่างงาน ล้วนมีผลต่อความแข็งแรงทางเศรษฐกิจ ตัวอย่างเช่น 


    - "ญี่ปุ่น" ปรับลดประมาณการ GDP Q2 ลงเหลือ 4.8% จาก 6% หลังเอกชนลดการลงทุน 

    - อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคของญี่ปุ่น (Core Consumer Price Inflation) ในเดือน พ.ย. ปรับขึ้นแตะ 3.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) สูงสุดในรอบ 41 ปี นับตั้งแต่ปี 2524 


    สรุป

    ตลาดหุ้นฝั่งเอเชีย เป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่น่าสนใจต่อการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่เงินเฟ้อโดยรวมอยู่ในระดับสูง ขณะภาวะความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนก็ยังไม่คลี่คลาย และฝั่งตลาดประเทศจีนนั้นหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจซบเซามาพักใหญ่ เริ่มมีสัญญานฟื้นตัวด้วย ซึ่งถือว่าเป็นพี่ใหญ่ที่จะคอยดึงภาพรวมให้ขึ้นมา โดยฉพาะเมื่อเอเชียนั้นใกล้ตัวกับนักลงทุน เราจะได้ยินข่าวสารจากสื่อต่างๆมากมายให้พอเห็นภาพของการลงทุนได้ชัดเจนมากขึ้นในการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย ถือว่าห้ามพลาดเลยทีเดียว

    คำถามที่พบบ่อย
    1.ถ้าสนใจลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียต้องระวังเรื่องความเสี่ยงใดบ้าง
    ควรระมัดระวังและโฟกัสดังนี้ ความเสี่ยงเชิงเศรษฐศาสตร์เกิดจากแนวโน้มทางเศรษฐกิจในประเทศหรือภูมิภาคที่อาจส่งผลต่อการลงทุน เช่น ตัวเลข GDP การจ้างงาน การผลิต เป็นต้น และจำพวกข่าวสารและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ ต่อมาคือความเสี่ยงที่เกี่ยวกับนโยบายการเงินและนโยบายการเมืองที่เปลี่ยนแปลงอาจมีผลต่อตลาดหุ้น เช่น การปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยหรือนโยบายการควบคุมการซื้อขาย
    2.สามารถเริ่มต้นลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียด้วยเงินลงทุนเท่าไหร่
    นักลงทุนสามารถเข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นเอเชียที่สำคัญอย่าง ฮ่องกง HS50 และ ญี่ปุ่น JPN225 ด้วยเงินทุนเริ่มต้นเพียง 50 USD หลังจากที่สมัครและเปิดบัญชีกับทาง Mitrade เรียบร้อย โดยเทรดในลักษณะของสินค้าที่เป็น CFD หรือสัญญาส่วนต่างๆ มีเลเวอเรจสูงสุดถึง 1:200 ซึ่งสามารถเพิ่มมูลค่าขอเงินในการลงทุนให้มากกขึ้นในการเทรด และยังเลือกลงทุนเทรดตลาดหุ้นเอเชียได้ทั้งฝั่งแนวโน้มขาขึ้นและขาลง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตลาด

    *** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา


    การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

    บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?
    บทความที่เกี่ยวข้อง
    placeholder
    วิธีเล่นหุ้นสำหรับมือใหม่แบบละเอียดในปี 2024‘อยากเล่นหุ้นต้องทํายังไง’ ‘เริ่มเล่นหุ้นแบบไม่รู้อะไรเลย ต้องทำยังไง’ คำถามแบบนี้เป็นคำถามที่เจอบ่อยมากสำหรับผู้ที่มีความสนใจในการเข้าสู่โลกการลงทุน ซึ่งวันนี้เราจะมีวิธีเล่นหุ้นสำหรับมือใหม่แบบละเอียดมาฝากกัน
    ผู้เขียน  MitradeInsights
    ‘อยากเล่นหุ้นต้องทํายังไง’ ‘เริ่มเล่นหุ้นแบบไม่รู้อะไรเลย ต้องทำยังไง’ คำถามแบบนี้เป็นคำถามที่เจอบ่อยมากสำหรับผู้ที่มีความสนใจในการเข้าสู่โลกการลงทุน ซึ่งวันนี้เราจะมีวิธีเล่นหุ้นสำหรับมือใหม่แบบละเอียดมาฝากกัน
    placeholder
    เปิดบัญชีหุ้นที่ไหนดี? 10 โบรกเกอร์ที่น่าเปิดพอร์ตหุ้นในปี 2023 นักลงทุนมือใหม่อาจจะเกิดคำถามว่า จะเปิดบัญชีหุ้นที่ไหนดี? บทความนี้จึงได้รวบรวม 10 โบรกเกอร์ที่น่าเปิดพอร์ตหุ้นในปี 2023 ตามมาดูกันเลย
    ผู้เขียน  MitradeInsights
    นักลงทุนมือใหม่อาจจะเกิดคำถามว่า จะเปิดบัญชีหุ้นที่ไหนดี? บทความนี้จึงได้รวบรวม 10 โบรกเกอร์ที่น่าเปิดพอร์ตหุ้นในปี 2023 ตามมาดูกันเลย
    placeholder
    ตลาดหุ้นเปิดกี่โมง?ก่อนเทรดหุ้นต้องรู้การรู้ว่าตลาดหุ้นเปิดกี่โมงเป็นเรื่องสำคัญและถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักเก็งกำไร สำหรับใครที่อยากรู้แล้วว่าตลาดหุ้นเปิดกี่โมงสำหรับการซื้อขายหุ้นในประเทศไทยก็อย่าได้รอช้า เราเตรียมข้อมูลมาให้แล้ว
    ผู้เขียน  MitradeInsights
    การรู้ว่าตลาดหุ้นเปิดกี่โมงเป็นเรื่องสำคัญและถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักเก็งกำไร สำหรับใครที่อยากรู้แล้วว่าตลาดหุ้นเปิดกี่โมงสำหรับการซื้อขายหุ้นในประเทศไทยก็อย่าได้รอช้า เราเตรียมข้อมูลมาให้แล้ว
    placeholder
    8 โบรกเกอร์ Forex แจกโบนัสฟรีสำหรับลูกค้าใหม่ 2566คราวนี้เราได้รวบรวมลิสต์โบรกเกอร์ Forex แจกโบนัสฟรีสำหรับลูกค้าใหม่ 2566 มาไว้เพื่อให้คุณได้ตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ Forex ใหม่ได้ง่ายยิ่งขึ้น!
    ผู้เขียน  MitradeInsights
    คราวนี้เราได้รวบรวมลิสต์โบรกเกอร์ Forex แจกโบนัสฟรีสำหรับลูกค้าใหม่ 2566 มาไว้เพื่อให้คุณได้ตัดสินใจเลือกโบรกเกอร์ Forex ใหม่ได้ง่ายยิ่งขึ้น!
    placeholder
    DCA คือ อะไร? เปิดบัญชีออมหุ้น DCA ที่ไหนดี 2024สร้างรายได้ทางอ้อมด้วยการลงทุนออมสม่ำเสมอ ทยอยลงทุนเรื่อย ๆ แบบ DCAหรือ Dollar-Cost- Averaging ถัวเฉลี่ยต้นทุนยังไงให้ประสบความสำเร็จ เพราะเป็นการลงทุนที่ง่าย เงินลงทุนตั้งต้นไม่มาก ไม่มีความซับซ้อน เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่เป็นอย่างมาก
    ผู้เขียน  MitradeInsights
    สร้างรายได้ทางอ้อมด้วยการลงทุนออมสม่ำเสมอ ทยอยลงทุนเรื่อย ๆ แบบ DCAหรือ Dollar-Cost- Averaging ถัวเฉลี่ยต้นทุนยังไงให้ประสบความสำเร็จ เพราะเป็นการลงทุนที่ง่าย เงินลงทุนตั้งต้นไม่มาก ไม่มีความซับซ้อน เหมาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่เป็นอย่างมาก
    ราคาเสนอแบบเรียลไทม์
    ราคาเสนอแบบเรียลไทม์