Purchasing Managers Index หรือ PMI คืออะไร

7 นาที
อัพเดทครั้งล่าสุด
coverImg
แหล่งที่มา: DepositPhotos

PMI คือ ตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่ใช้กันอย่างแพร่หลายซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสภาวะของภาคการผลิตของประเทศ และยังช่วยให้ข้อมูลภาพรวมของเศรษฐกิจที่แม่นยำ ทั้งหมดนี้จะช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจในการเทรดได้จากข้อมูลที่แม่นยำ มาทำความเข้าใจดัชนีและวิธีการคำนวณกันต่อได้เลย


PMI คืออะไร? ทำงานอย่างไร

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ หรือ PMI คือ ตัวบ่งชี้ทางเศรษฐกิจที่ใช้วัดความสมบูรณ์ในภาคการผลิตของประเทศที่ใช้กันทั่วโลก โดยอิงจากการสำรวจของผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในอุตสาหกรรมต่าง ๆ จากการสำรวจในตัวแปรทางธุรกิจที่สำคัญ เช่น คำสั่งซื้อใหม่ ระดับการผลิต การจ้างงาน การส่งมอบของซัพพลายเออร์ และสินค้าคงคลัง เพื่อให้ข้อมูลทางด้านสภาวะทางเศรษฐกิจต่อนักลงทุนหรือนักวิเคราะห์ 


PMI คำนวณเป็นค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักจากการตอบแบบสำรวจเหล่านี้ และแสดงในระดับ 0 ถึง 100 สำหรับ ค่าที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวในภาคการผลิตเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ในขณะที่ค่าที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตมีการหดตัว ตัวอย่างเช่น หากดัชนี PMI ภาคการผลิต และภาคบริการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องก็สะท้อนว่าเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัวดีขึ้น 


ดัชนี PMI ได้รับความนิยมและใช้อย่างกว้างขวางโดยนักเศรษฐศาสตร์ นักลงทุน และธุรกิจต่าง ๆ เพื่อวัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต


PMI ทำงานอย่างไร

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ถือเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจที่สำคัญ และได้รับการยกย่องว่าเป็นดัชนีชี้วัดชั้นนำที่เชื่อถือมากที่สุดในเศรษฐกิจหลายภูมิภาคทั่วโลก ดัชนีนี้ครอบคลุมทั้งภาคการผลิตและบริการ ซึ่งมักจะมีการอัปเดตทุกเดือน ด้วยการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในปัจจุบัน PMI ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ ได้รับความเข้าใจที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับภาพรวมด้านเศรษฐกิจ


โดยทั่วไปคำถามในแบบสำรวจจะมีคำถามเกี่ยวกับตัวแปรสำคัญ ได้แก่


  • คำสั่งซื้อสินค้าใหม่

  • ผลผลิต

  • การจ้างงาน

  • สินค้าคงคลัง

  • ระยะเวลาที่ใช้ขนส่งวัตถุดิบ


ผู้ตอบแบบสอบถามจะขอให้รายงานว่ารับรู้ว่าตัวแปรเหล่านี้มีการปรับปรุง คงเดิม หรือแย่ลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนมีตั้งแต่ 0 ถึง 100 สำหรับ PMI ที่เกิน 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ในขณะที่ค่าที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่ามีการหดตัว โดย 50 แสดงว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง


ทำไม PMI จึงมีความสำคัญมาก?

ดัชนี PMI มีความสำคัญในด้านเศรษฐศาสตร์และธุรกิจอย่างมาก ด้วยเหตุผลหลายประการ 


ประการแรก ทำหน้าที่เป็นตัวบ่งชี้ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจยอดนิยม โดยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสุขภาพและทิศทางของภาคการผลิตอย่างทันท่วงที ในฐานะตัวบ่งชี้ที่เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าข้อมูล PMI ช่วยให้ นักเศรษฐศาสตร์ และธุรกิจสามารถคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจและทำการตัดสินใจโดยมีข้อมูล


ตัวอย่างเช่น PMI ที่เพิ่มขึ้นอาจบ่งบอกถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับสินค้าที่ผลิต กระตุ้นให้ธุรกิจต่าง ๆ ขยายการผลิตและลงทุนในอุปกรณ์ทุน ในขณะที่ PMI ที่ลดลงอาจส่งสัญญาณถึงความต้องการที่ลดลง ซึ่งนำไปสู่การปรับระดับการผลิตและการจัดการสินค้าคงคลัง


ประการที่สอง PMI ได้รับการยกย่องว่าใช้งานง่ายต่างจากตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจบางตัวที่อาจซับซ้อนหรือที่อาจยากต่อการตีความ 


สำหรับ PMI จะแสดงในระดับ 0 ถึง 100 โดยค่าที่อ่านได้มากกว่า 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัว และการอ่านที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงการหดตัว การตีความที่ตรงไปตรงมานี้ทำให้ข้อมูล PMI เข้าใจได้ง่าย รวมถึง นักลงทุน และประชาชนทั่วไป 


นอกจากนี้ PMI ยังให้ข้อมูลเชิงลึกโดยละเอียดเกี่ยวกับแง่มุมเฉพาะของภาคการผลิต เช่น คำสั่งซื้อใหม่ ระดับการผลิต และการจ้างงาน ช่วยสามารถระบุจุดแข็งหรือจุดอ่อนและดำเนินการที่เหมาะสมได้

PMI จัดทำโดยหน่วยงานใด

PMI จัดทำโดยองค์กรต่างๆ ทั่วโลก แต่ละองค์กรดำเนินการสำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อเพื่อประเมินสภาวะทางธุรกิจในภูมิภาคและอุตสาหกรรมของตน หน่วยงานหลัก ๆ ได้แก่


ISM (Institute for Supply Management)

เดิมชื่อ National Association of Purchasing Management (NAPM) เป็นผู้จัดทำ PMI สำหรับสหรัฐอเมริกา โดยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในการผลิต คำสั่งซื้อใหม่ การจ้างงาน การส่งมอบของซัพพลายเออร์ และสินค้าคงคลัง ISM ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากนักเศรษฐศาสตร์  และนักลงทุน ในฐานะตัวบ่งชี้สำคัญของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคการผลิตของสหรัฐฯ


IHS Markit Ltd

เป็นบริษัทข้อมูลและการวิเคราะห์ระดับโลกที่ผลิตข้อมูล PMI สำหรับประเทศและภูมิภาคต่าง ๆ มากมายทั่วโลก การสำรวจ PMI ของ IHS Markit ครอบคลุมภาคการผลิตและบริการ และดำเนินการร่วมกับองค์กรท้องถิ่นในแต่ละประเทศ ดังนั้น ข้อมูล PMI ของ IHS Markit ได้รับการยกย่องอย่างสูงในด้านความแม่นยำ ความทันเวลา และครอบคลุมทั่วโลก ทำให้เป็นเครื่องมือที่มีค่าสำหรับการประเมินการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจในระดับโลก


Caixin Media Company Ltd (Caixin)

ผลิต Caixin Manufacturing PMI สำหรับประเทศจีน PMI นี้มุ่งเน้นไปที่ภาคการผลิตของจีนโดยเฉพาะ และให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในการผลิต คำสั่งซื้อใหม่ การจ้างงาน และตัวชี้วัดสำคัญอื่น ๆ Caixin PMI ได้รับการจับตามองอย่างใกล้ชิดโดยนักเศรษฐศาสตร์ นักลงทุน และเกี่ยวกับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลก

ประเภทของ PMI

ประเภทของ PMI


PMI มีสองประเภทหลัก ได้แก่


1. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing PMI) : PMI ประเภทนี้เน้นไปที่ภาคการผลิตโดยเฉพาะ โดยจะวัดการเปลี่ยนแปลงในตัวแปรสำคัญ เช่น คำสั่งซื้อใหม่ ระดับการผลิต การจ้างงาน การส่งมอบของซัพพลายเออร์ และสินค้าคงคลังภายในอุตสาหกรรมการผลิต


2. ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (Non-Manufactuting PMI หรือ Services PMI) : บางครั้งเรียกว่า PMI ที่ไม่ใช่ภาคการผลิต จะวัดการเปลี่ยนแปลงของตัวแปรสำคัญภายในภาคบริการของเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การค้าปลีก การเงิน การดูแลสุขภาพ การศึกษา และการบริการ


สูตรและการคำนวณ

สูตรและการคำนวณ PMI


P1 = เปอร์เซ็นต์ของคำตอบที่รายงานการขยายตัว ตัวอย่างเช่น อาจเป็นคำสั่งซื้อใหม่ ซึ่งมักถือเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การคูณ P1 ด้วย 1 แสดงว่ามีน้ำหนักเต็มในการคำนวณ PMI ซึ่งหมายความว่าการเปลี่ยนแปลงใน P1 มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อ PMI โดยรวม


P2 = เปอร์เซ็นต์ของคำตอบที่รายงานว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจรวมถึงระดับการผลิตหรือการจ้างงาน การคูณ P2 ด้วย 0.5 แสดงว่า PMI จะให้น้ำหนักเป็นครึ่งหนึ่งของ P1 ซึ่งหมายความว่าการเปลี่ยนแปลงใน P2 จะมีผลกระทบต่อ PMI โดยรวมน้อยลงแต่ยังคงสำคัญเมื่อเทียบกับ P1


P3 = เปอร์เซ็นต์ของคำตอบที่รายงานการเสื่อมสภาพ เช่น การส่งมอบของซัพพลายเออร์หรือระดับสินค้าคงคลัง การคูณ P3 ด้วย 0 แสดงว่าไม่ได้มีส่วนช่วยในการคำนวณ PMI นี่อาจหมายความว่า P3 ไม่ถือว่ามีความสำคัญในการกำหนดสถานภาพโดยรวมของภาคส่วน หรือความน่าเชื่อถือน้อยกว่าในฐานะตัวบ่งชี้เมื่อเปรียบเทียบกับ P1 และ P2


ข้อดีข้อเสียของ PMI

ข้อดีของ PMI

👍 ให้ข้อมูลที่รวดเร็ว: เนื่องจากข้อมูล PMI จะเผยแพร่ทุกเดือน เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจอย่างทันท่วงที ช่วยให้นักลงทุนสามารถตอบสนองต่อแนวโน้มที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสม


👍 ตัวบ่งชี้ยอดนิยม: PMI ถือเป็นตัวบ่งชี้ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ได้รับความนิยมมากที่สุดที่ให้มีประโยชน์ในการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจและการระบุจุดเปลี่ยนในวงจรธุรกิจ


👍 ใช้งานง่าย: ระดับ PMI จะแสดงในระดับ 0 ถึง 100 ความเรียบง่ายนี้ทำให้ข้อมูล PMI เข้าใจและตีความได้ง่าย แม้สำหรับบุคคลที่ไม่มีพื้นฐานด้านเศรษฐศาสตร์ก็ตาม


👍 ข้อมูลเชิงลึกแบบละเอียด: ครอบคลุมเงื่อนไขทางธุรกิจในด้านต่าง ๆ เช่น คำสั่งซื้อใหม่ ระดับการผลิต และการจ้างงาน ข้อมูลนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกโดยละเอียดเกี่ยวกับสภาพของเศรษฐกิจและภาคส่วนที่เฉพาะเจาะจงและสามารถระบุจุดแข็งหรือจุดอ่อนได้


ข้อเสียของ PMI

👎 มีขอบเขตที่จำกัด: PMI ครอบคลุมเฉพาะภาคการผลิตและบริการ ซึ่งอาจจับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคส่วนอื่นๆ ของเศรษฐกิจได้ไม่ครบถ้วน เช่น การก่อสร้าง เกษตรกรรม หรือบริการของรัฐ ขอบเขตที่จำกัดนี้อาจนำไปสู่ความเข้าใจภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ไม่สมบูรณ์


👎 ข้อมูลมักมีการแก้ไข: ข้อมูล PMI มักจะได้รับการแก้ไขในการเปิดตัวครั้งต่อ ๆ ไปเมื่อมีข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งอาจทำให้ตีความการเปลี่ยนแปลงแบบเรียลไทม์ได้ยาก และอาจจำเป็นต้องให้นักวิเคราะห์ปรับการคาดการณ์ตามข้อมูลที่อัปเดต


👎 ความเป็นส่วนตัว: ข้อมูล PMI ขึ้นอยู่กับการรับรู้เชิงอัตนัยของผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ซึ่งอาจก่อให้เกิดอคติหรือความไม่สอดคล้องกัน


วิธีการใช้ PMI สำหรับเทรดเดอร์

ดัชนี PMI สามารถเป็นเครื่องมืออันมีค่าสำหรับการตัดสินใจซื้อขายโดยมีข้อมูลครบถ้วน ต่อไปนี้เป็นวิธีที่เทรดเดอร์สามารถใช้ข้อมูล PMI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น


การวิเคราะห์ความเชื่อมั่นของตลาด

ข้อมูล PMI ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจและภาคส่วนเฉพาะ เทรดเดอร์สามารถใช้การเผยแพร่ PMI เพื่อวัดความเชื่อมั่นของตลาดและประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจกำลังดีขึ้นหรือแย่ลงหรือไม่ ระดับ PMI ที่แข็งแกร่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจอาจนำไปสู่ความเชื่อมั่นเชิงบวก ในขณะที่ระดับ PMI ที่อ่อนแอซึ่งบ่งชี้ว่าการหดตัวอาจนำไปสู่ความเชื่อมั่นที่เป็นลบ


การซื้อขายสกุลเงิน

การเปิดเผยข้อมูล PMI อาจมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดสกุลเงิน เนื่องจากให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจและความคาดหวังสำหรับนโยบายการเงิน เทรดเดอร์สามารถใช้ข้อมูล PMI เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของสกุลเงินและปรับกลยุทธ์การซื้อขายตามเหตุการณ์ที่เกินขึ้น ตัวอย่างเช่น ระดับ PMI ที่แข็งแกร่งอาจนำไปสู่การคาดหวังอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้ค่าเงินในสกุลเงินนั้น ๆ แข็งค่าขึ้นได้ ในขณะที่ระดับ PMI ที่อ่อนแออาจมีผลตรงกันข้าม


การบริหารความเสี่ยง

 เทรดเดอร์ควรพิจารณาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากข้อมูล PMI ที่มีต่อความผันผวนของตลาด และปรับกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงตามนั้น การเปิดเผย PMI อาจนำไปสู่ความผันผวนของตลาดที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเทรดเดอร์ตอบสนองต่อข้อมูลเศรษฐกิจใหม่ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเทรดเดอร์ที่จะใช้ขนาดตำแหน่งและเทคนิคการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมเพื่อปกป้องเงินทุนของ

ความสัมพันธ์ระหว่าง PMI กับราคาทองคำ

ความเชื่อมโยงระหว่างดัชนี PMI และราคาทองคำ ตามทฤษฎีแล้ว ค่า PMI ที่สูง (สูงกว่า 50) บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังขยายตัว ซึ่งน่าจะส่งผลเสียต่อราคาทองคำหรือราคาทองคำต่ำลง และ PMI ที่ต่ำ (ต่ำกว่า 50) ส่งสัญญาณการหดตัวทางเศรษฐกิจซึ่งน่าจะสนับสนุนราคาทองคำให้สูงขึ้น


แม้ว่าดัชนี PMI จะมีความเกี่ยวข้องกับราคาทองคำในบางแง่มุม แต่ก็มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำ เช่น


แนวโน้มเศรษฐกิจ: ข้อมูล PMI ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการผลิต ระดับ PMI ที่แข็งแกร่ง ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวในกิจกรรมการผลิต สามารถส่งสัญญาณการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและความต้องการสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้น ในกรณีเช่นนี้ นักลงทุนอาจชื่นชอบสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากกว่า เช่น หุ้น ส่งผลให้ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ ลดลง ซึ่งอาจกดดันราคาทองคำได้


ความคาดหวังของเงินเฟ้อ: ข้อมูล PMI ยังสามารถส่งผลต่อการคาดการณ์เงินเฟ้อได้เช่นกัน หากการอ่าน PMI บ่งชี้ถึงต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นหรือแรงกดดันด้านอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น นักลงทุนอาจคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในอนาคต อัตราเงินเฟ้อมักกัดกร่อนมูลค่าของสกุลเงินทั่วไป และสามารถผลักดันนักลงทุนให้หันไปใช้สินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ เช่น ทองคำ ซึ่งอาจทำให้ราคาทองคำสูงขึ้นได้


นโยบายการเงิน: ธนาคารกลางมักจะตรวจสอบข้อมูล PMI ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงิน ระดับ PMI ที่แข็งแกร่งอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางพิจารณาดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นเพื่อป้องกันภาวะเศรษฐกิจผันผสวนซึ่งอาจนำไปสู่อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นสามารถเพิ่มต้นทุนเสียโอกาสในการถือครองสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน เช่น ทองคำ ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาทองคำลดลง


ดัชนี PMI ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกในด้านใดบ้าง

ทิศทางของแนวโน้มใน PMI มีแนวโน้มที่จะนำหน้าการเปลี่ยนแปลงในแนวโน้มในการประมาณการที่สำคัญของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและผลผลิต การให้ความสนใจกับมูลค่าและความเคลื่อนไหวของ PMI สามารถสร้างผลกำไรล่วงหน้าในการพัฒนาแนวโน้มในเศรษฐกิจโดยรวม


ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)

ข้อมูล PMI มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับการเติบโตของ GDP ค่า PMI ที่อ่านได้สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งบ่งชี้ว่า GDP มีแนวโน้มที่จะเติบโตในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ในทางกลับกัน ค่า PMI ที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงการหดตัว ซึ่งอาจบ่งบอกถึงการชะลอตัวหรือถดถอยในการเติบโตของ GDP


ระดับ PMI ที่แข็งแกร่งบ่งชี้ถึงกิจกรรมการผลิตหรือการบริการที่แข็งแกร่งสามารถนำไปสู่การผลิต การบริโภค และการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวม และมีส่วนทำให้ GDP สูงขึ้น


การผลิตทางอุตสาหกรรม

ข้อมูล PMI เป็นตัวบ่งชี้ชั้นนำของการผลิตภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากเป็นการวัดการเปลี่ยนแปลงในกิจกรรมการผลิต ระดับ PMI ที่แข็งแกร่งบ่งชี้ถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับสินค้าที่ผลิต ซึ่งอาจนำไปสู่ระดับการผลิตทางอุตสาหกรรมที่สูงขึ้นในภาคส่วนต่างๆ เช่น การผลิต เหมืองแร่ และสาธารณูปโภค


ในทางกลับกัน ระดับค่า PMI ที่อ่อนแอซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวหรือการหดตัวในกิจกรรมการผลิตอาจส่งผลให้ระดับการผลิตทางอุตสาหกรรมลดลง เนื่องจากบริษัทต่างๆ ลดขนาดการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการที่ลดลง


การจ้างงาน

ข้อมูล PMI สามารถส่งผลกระทบต่อระดับการจ้างงานโดยมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจจ้างงาน ระดับ PMI ที่แข็งแกร่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของกิจกรรมการผลิตหรือบริการอาจกระตุ้นให้บริษัทต่างๆ เพิ่มการจ้างงานเพื่อตอบสนองความต้องการสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้น


ในทางกลับกัน ระดับ PMI ที่อ่อนแอซึ่งบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจหดตัวอาจนำไปสู่การเลิกจ้างหรือการจ้างงานลดลง เนื่องจากบริษัทต่างๆ ปรับจำนวนพนักงานเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่ลดลงและระดับการผลิตที่ลดลง


สรุป

PMI คือ ระดับที่บอกเราว่าค่า PMI ที่แข็งแกร่งมีความสัมพันธ์กับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น และระดับการจ้างงานที่สูงขึ้น ในขณะที่ระดับ PMI ที่อ่อนแออาจส่งสัญญาณการหดตัวทางเศรษฐกิจ การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ลดลง และโอกาสการจ้างงานที่ลดลง ด้วยเหตุนี้  นักเศรษฐศาสตร์ นักลงทุน และธุรกิจจึงติดตามข้อมูล PMI อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจและคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตของ GDP การผลิตภาคอุตสาหกรรม และการจ้างงาน


mitrade
🎉ห้ามพลาด!!!
ค่าคอมฯ 0 สเปรดต่ำ ! เงินฝากขั้นต่ำ $50 
แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 
ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี
การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน
คำถามที่พบบ่อย
ข้อมูล PMI ส่งผลต่อกลยุทธ์การเทรด CFD อย่างไร
ข้อมูล PMI สามารถมีอิทธิพลต่อกลยุทธ์การซื้อขาย CFD โดยการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์ เทรดเดอร์มักจะติดตามการเผยแพร่ PMI เพื่อประเมินความสมบูรณ์ของภาคส่วนหรือเศรษฐกิจที่เฉพาะเจาะจง และปรับสถานะการซื้อขายตามนั้น
องค์ประกอบ PMI ใดที่เกี่ยวข้องกับเทรดเดอร์รายวันมากที่สุด?
เทรดเดอร์รายวันอาจมุ่งเน้นไปที่องค์ประกอบ PMI เฉพาะที่มีผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์ในทันทีมากกว่า เช่น คำสั่งซื้อใหม่ ระดับการผลิต และการจ้างงาน เนื่องจากให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอารมณ์ของตลาดในปัจจุบันและการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นที่อาจเกิดขึ้น
PMI จะเปิดเผยผลกระทบต่อความผันผวนของตลาดได้อย่างไร
การเปิดเผยข้อมูล PMI อาจนำไปสู่ความผันผวนของตลาดที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเทรดเดอร์ตอบสนองต่อข้อมูลเศรษฐกิจใหม่และปรับตำแหน่งการเทรด ระดับ PMI ที่แข็งแกร่งเกินคาดอาจนำไปสู่ความเชื่อมั่นขาขึ้นและกิจกรรมการซื้อที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ ระดับ PMI ที่อ่อนแอกว่าที่คาดอาจส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นขาลงและแรงกดดันในการขาย

*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา


การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?
บทความที่เกี่ยวข้อง
placeholder
บิทคอยน์ (Bitcoin) คืออะไร? ศึกษาให้ดีก่อนลงทุน ห้ามพลาด! บทความนี้จะตอบคำถามทั้งหมดที่นักลงทุนที่สนใจลงทุนใน Bitcoin รวมถึง Bitcoin คืออะไร, Bitcoin ทำงานอย่างไร, การขุด Bitcoin คืออะไรและได้เงินจริงไหม, จัดเก็บ bitcoin อย่างไร, บิทคอยน์ ผิดกฎหมายไหม พร้อมคำถามที่น่าตื่นเต้นที่สุด - วิธีเริ่มต้นเทรด Bitcoin นะครับ
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 18 พ.ค. 2023
บทความนี้จะตอบคำถามทั้งหมดที่นักลงทุนที่สนใจลงทุนใน Bitcoin รวมถึง Bitcoin คืออะไร, Bitcoin ทำงานอย่างไร, การขุด Bitcoin คืออะไรและได้เงินจริงไหม, จัดเก็บ bitcoin อย่างไร, บิทคอยน์ ผิดกฎหมายไหม พร้อมคำถามที่น่าตื่นเต้นที่สุด - วิธีเริ่มต้นเทรด Bitcoin นะครับ
placeholder
วิเคราะห์แนวโน้มราคาบิทคอยน์ 2024 จะไปในทิศทางใดบทความนี้จะเป็นการเรียบเรียงข้อข้อมูลเกี่ยวกับ “Bitcoin” โดยตรง รวมไปถึงการวิเคราะห์ราคาบิทคอยน์ 10 ปีย้อนหลัง การวิเคราะห์ราคาบิทคอยน์ปี 2023 และวิเคราะห์บทสุปราคาบิทคอยน์จะขึ้นหรือลดลงและยังน่าลงทุนอยู่ไหมในปี 2024
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 19 พ.ค. 2023
บทความนี้จะเป็นการเรียบเรียงข้อข้อมูลเกี่ยวกับ “Bitcoin” โดยตรง รวมไปถึงการวิเคราะห์ราคาบิทคอยน์ 10 ปีย้อนหลัง การวิเคราะห์ราคาบิทคอยน์ปี 2023 และวิเคราะห์บทสุปราคาบิทคอยน์จะขึ้นหรือลดลงและยังน่าลงทุนอยู่ไหมในปี 2024
placeholder
มีเงิน 20,000 ลงทุนอะไรดีให้เหมาะกับตัวเอง วันนี้ผมมี 6 วิธีการลงทุน ที่จะทำให้เงินให้งอกเงย ตั้งแต่ผลตอบแทนน้อย ไปยังผลตอบแทนสูง แต่เพื่อนๆ อย่าลืมว่า ผลตอบแทนแทนที่คาดหวังสูง ก็จะมาพร้อมความเสี่ยงที่สูงตามนะครับ มาดูกันเลย!!
ผู้เขียน  ปรีชา มานพInsights
วันที่ 15 มี.ค. 2023
วันนี้ผมมี 6 วิธีการลงทุน ที่จะทำให้เงินให้งอกเงย ตั้งแต่ผลตอบแทนน้อย ไปยังผลตอบแทนสูง แต่เพื่อนๆ อย่าลืมว่า ผลตอบแทนแทนที่คาดหวังสูง ก็จะมาพร้อมความเสี่ยงที่สูงตามนะครับ มาดูกันเลย!!
placeholder
CFD คืออะไรและทำงานอย่างไร?หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์เช่น forex หุ้น ดัชนี ทองคำหรือบิทคอยน์ แต่คุณมีเงินไม่มากแต่ก็มีความคาดหวังว่าจะเก็งกำไรในระยะสั้น การลงทุนด้วยเครื่องมือ CFD อาจจะเป็นคำตอบสำหรับการลงทุนของคุณ ว่าแต่ CFD คืออะไร, CFD ทำงานอย่างไร CFD, จะช่วยให้คุณลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยอย่างไร, ข้อดีและความเสี่ยงในการเทรด CFD คืออะไร เรามาหาคำตอบกันครับ
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 01 มิ.ย. 2023
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์เช่น forex หุ้น ดัชนี ทองคำหรือบิทคอยน์ แต่คุณมีเงินไม่มากแต่ก็มีความคาดหวังว่าจะเก็งกำไรในระยะสั้น การลงทุนด้วยเครื่องมือ CFD อาจจะเป็นคำตอบสำหรับการลงทุนของคุณ ว่าแต่ CFD คืออะไร, CFD ทำงานอย่างไร CFD, จะช่วยให้คุณลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยอย่างไร, ข้อดีและความเสี่ยงในการเทรด CFD คืออะไร เรามาหาคำตอบกันครับ
placeholder
7 หุ้น AI หรือหุ้น ปัญญาประดิษฐ์ ที่น่าจับตามองบทความนี้จะพูดถึงหุ้น AI ที่น่าจับตามอง และเป็นหุ้นที่น่าลงทุน รวมไปถึงการนำ AI เข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการพอร์ตของนักลงทุน สามารถอ่านในบทความกันได้เลย
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 17 พ.ค. 2023
บทความนี้จะพูดถึงหุ้น AI ที่น่าจับตามอง และเป็นหุ้นที่น่าลงทุน รวมไปถึงการนำ AI เข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการพอร์ตของนักลงทุน สามารถอ่านในบทความกันได้เลย
ราคาเสนอแบบเรียลไทม์