CFD เป็นการลงทุนตราสารซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงที่อาจทำให้สูญเสียเงินทุนได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากมีเลเวอเรจ คุณควรตรวจสอบตนเองว่าคุณเข้าใจวิธีการทำงานของ CFD หรือไม่ และคุณสามารถที่จะรับความเสี่ยงในการสูญเสียเงินทุนที่สูงนี้ได้หรือไม่
    Mitrade Insights ทุ่มเทเพื่อให้นักลงทุนได้รับข้อมูลทางการเงินที่ครบถ้วน ทันเวลา และมีคุณค่ามากที่สุด เพื่อช่วยให้นักลงทุนเข้าใจสถานการณ์ตลาดและคว้าโอกาสในการซื้อขายได้ทันท่วงที
    2021
    ผู้ให้บริการข่าวและการวิเคราะห์ที่ดีที่สุด
    FxDailyInfo
    2022
    แหล่งข้อมูลการศึกษา Forex ที่ดีที่สุดทั่วโลก
    International Business Magazine

    การคาดการณ์ราคาหุ้น AAPL: ภายในปี 2566 นี้ จะสามารถกลับคืนสู่มูลค่าตลาด 3 ล้านล้าน ได้หรือไม่?

    Mitrade
    อัพเดทครั้งล่าสุด 09 มิ.ย. 2566 02:57 น.

    การคาดการณ์ราคาหุ้น AAPL: ภายในปี 2566 นี้ จะสามารถกลับคืนสู่มูลค่าตลาด 3 ล้านล้าน ได้หรือไม่?


    การลดลงของราคาหุ้นของ Apple มีสาเหตุหลักมาจากปัจจัยด้านลบและทัศนคติเชิงลบของนักลงทุนที่มีต่อตลาดโดยรวม


    คุณค่าที่แท้จริง รวมถึงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ และ บริการ Apple จะยังคงเป็นปัจจัยเชิงบวกได้ตลอดทั้งปี 2022

    มูลค่าตลาด 3 ล้านล้านของ Apple นั้นมีอายุสั้น

    เมื่อมองย้อนกลับไปในช่วงต้นปี 2022 ราคาของ Apple (NASDAQ: AAPL) ขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 182.94 ดอลลาร์ ส่งผลให้กลายเป็นบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีที่มีมูลค่าตลาดสุทธิ 3 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งแรกที่มีมูลค่าสูงที่สุดในช่วงเวลานั้น แต่เรื่องนี้กลับผิดคาด เพราะตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาราคาหุ้นก็ปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยเชิงลบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน อำนาจการบริโภคที่ลดลง การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และตลาดที่มีมูลค่าติดลบ โดยในเดือนมกราคมปี 2023 มูลค่าตลาดของ Apple ได้กลับสู่ระดับ 2 ล้านล้านอีกครั้ง และในปัจจุบันราคาหุ้นของ Apple ได้ปรับลงมาอยู่ที่ประมาณ 130 ดอลลาร์ พร้อมกับมูลค่าตลาดสูงกว่าหนึ่งล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ


    แผนภูมิแนวโน้มมูลค่าตลาดของ Apple ในปี 2022

    ที่มา: Finbox


    อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากคุณค่าที่แท้จริงของ Apple แล้ว ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ Apple จะยังคงทำงานได้ดีตลอดทั้งปี 2022 โดยไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์สวมใส่ อุปกรณ์เสริมสำหรับบ้าน และบริการอื่นๆ ก็ล้วนเคยสร้างปรากฎการณ์ทำลายสถิติในอดีตมาแล้วทั้งนั้น ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ยอดขายผลิตภัณฑ์หลักอย่าง iPhone มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 7% ต่อปี และยอดขายคอมพิวเตอร์ซีรีส์ Mac ก็เพิ่มขึ้น 14% ปีต่อปีเช่นกัน


    ผลประกอบการด้านรายได้ของธุรกิจ Apple ในปี 2022

    ที่มา:รายงานประจำปี 2022 ของ Apple


    ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่า Apple เป็นบริษัทนวัตกรรมแห่งศตวรรษที่สร้างมูลค่ามหาศาลให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นกลับปรับตัวลดลงตลอดในปี 2022 ในฐานะบริษัท Tech ชั้นนำที่มีมูลค่าตลาดหลายล้านล้าน Apple จะแก้ปัญหาในปี 2023 ได้หรือไม่? มูลค่าตลาดจะจัดกลุ่มใหม่และกลับมาเป็น 3 ล้านล้านได้เหมือนเดิมไหม? ในบทความนี้ เราจะมาหาคำตอบกัน

    ปัจจัยลบที่ส่งผลต่อราคาหุ้น Apple คาดว่าจะอ่อนตัวลงในปี 2566

    ในปี 2022 Apple เผชิญกับผลกระทบด้านลบจากปัจจัยมหภาคหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ภาวะเงินเฟ้อ และการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ทั้งหมดนี้ล้วนกระตุ้นให้ภาคธุรกิจและผู้บริโภคลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น แม้ว่าผลกระทบด้านลบเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเฉพาะกับ Apple แค่บริษัทเดียว เพราะยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีเกือบทั้งหมดก็กำลังเผชิญกับปัญหาเหล่านี้เช่นเดียวกัน แต่ดูเหมือนว่าความคาดหวังของนักลงทุนที่มีต่อ Apple ก็ยังคงลดลงอย่างมีนัยสำคัญ


    1. ปัญหาห่วงโซ่อุปทานกำลังจะได้รับการแก้ไขเนื่องจากการผลิตมีการกระจายอำนาจ

    การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานทำให้เกิดความท้าทายอย่างมากต่อการขายผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ของ Apple ซึ่งครั้งหนึ่งพวกเขาได้ออกเอกสารระบุว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ได้ส่งผลกระทบต่อโรงงานประกอบที่ตั้งอยู่ในเมืองเจิ้งโจว ประเทศจีน อย่าง Foxconn เป็นการชั่วคราว และกำลังการผลิตของบริษัทก็ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งในตอนนั้น iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max ก็เพิ่งทำการเปิดตัวไปได้ไม่นาน ในขณะที่ความต้องการมีสูงในช่วงปลายปี 2022 ทำให้การหยุดชะงักในเวลานั้นจะทำให้สภาพคล่องทางการเงินของ Apple ลดลงตามไปด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ Apple กำลังกระจายการผลิตของบริษัทจากจีนไปยังอินเดียและเวียดนาม เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับระบบห่วงโซ่อุปทานมากยิ่งขึ้น


    Apple กำลังลดความเสี่ยงที่ซัพพลายเออร์จะกระจุกตัวมากจนเกินไป และหวังว่าบริษัทผลิตชิ้นส่วนแต่ละแห่งจะมีโรงงานตั้งแต่สองแห่งขึ้นไป โดย Apple วางแผนที่จะโอน 5% ของการผลิต iPhone14 ทั่วโลกไปยังประเทศอินเดียภายในสิ้นปี 2565 และคาดว่า 25% ของการผลิต iPhone จะแล้วเสร็จภายในปี 2568 ซึ่งนับเป็นผลลัพธ์ที่ค่อนข้างชัดเจน แม้ว่าปัญหาของห่วงโซ่อุปทานจะยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์ก็ตาม "Apple จะรับประกันความมั่นคงของการผลิตในอนาคต โดยการกระจายอำนาจของซัพพลายเออร์ตามภูมิศาสตร์"


    2. นโยบายของจีนเปิดกว้าง ยอดขายในจีนแผ่นดินใหญ่กำลังจะฟื้นตัว

    นอกจากผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานแล้ว ยอดขายในภูมิภาคของ Apple ก็ยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนกันยายน 2565 การเติบโตของยอดขายในภูมิภาคจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งรวมถึงฮ่องกงและไต้หวัน ต่างปรับตัวลดลงเหลือ 9% ซึ่งต่ำกว่าอัตราการเติบโต 70% ในปี 2564 (ดังแสดงในรูป) การชะลอตัวส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภคระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายมากขึ้น


    ยอดขายของ Apple ปี 2564-2565 เติบโตตามภูมิภาค

    ที่มา:รายงานประจำปี 2022 ของ Apple


    จากการคาดการณ์ของ IDC ภายในปี 2565 ตลาดสมาร์ทโฟนของจีนจะหดตัวลง 13% เนื่องจากยอดขายในภูมิภาคจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีสัดส่วนเกือบ 20% ได้ปรับตัวลงลง ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบเป็นอย่างมากต่อยอดขายรวมของบริษัท อย่างไรก็ตาม เมื่อเศรษฐกิจค่อยๆ กลับสู่ภาวะปกติ การใช้จ่ายของผู้บริโภคก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งจะส่งเสริมการฟื้นตัวของการเติบโตต่อยอดขายของ Apple


    3. ธุรกิจบริการกลายเป็นกำลังหลักที่ส่งผลต่อการเติบโตของกำไร

    นักลงทุนส่วนใหญ่จะคาดการณ์ความสำเร็จของ Apple เข้ากับผลิตภัณฑ์ที่ตนเองเคยใช้ (เช่น iPhone, iPad และ Mac series เป็นต้น) โดยอัตราการเข้าถึงสมาร์ทโฟนในปี 2564 ของสหรัฐอเมริกาจะอยู่ที่ 88% ในขณะที่ iPhone จะคิดเป็น 50% อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตนี้จะชะลอตัวลงเมื่อตลาดเข้าสู่ภาวะอิ่มตัว


    Apple ได้กำหนดกลยุทธ์การเติบโตของกำไรไปที่ภาคบริการ เป็นรายได้จากธุรกิจที่มาจากบริการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น App Store, Apple Music, iCloud, Apple Care และ โฆษณาต่างๆ โดยอัตรากำไรขั้นต้นของภาคบริการนั้นสูงถึง 71.7% 


    ประสิทธิภาพอัตรากำไรขั้นต้นของ Apple ตั้งแต่ปี 2022 ถึง 2022

    ที่มา: รายงานประจำปี 2022 ของ Apple


    Tim Cook CEO ของ Apple กล่าวในการประชุมทางโทรศัพท์เกี่ยวกับผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ของปี 2022 ไว้ว่า Apple มีอุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่มากกว่า 1.8 พันล้านเครื่องทั่วโลก ซึ่งหมายความว่าผู้บริโภคจะยังคงใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple ต่อไป ซึ่งส่งผลให้รายได้จากภาคบริการนั้นเพิ่มขึ้น และเนื่องจากสัดส่วนของตลาดในภาคบริการยังคงขยายตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้รายได้จากส่วนนี้จะมีแนวโน้มสูงกว่ารายได้จากผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ในอนาคต


    4. Apple ยังคงสำรวจพื้นที่ใหม่ๆ และตลาด Fintech อาจกลายเป็นเป้าหมายต่อไป

    นอกจากนี้ Apple ยังได้เข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว อย่างตลาด Fintech สาขาเทคโนโลยีการเงินสมัยใหม่ที่บริษัทได้เปิดตัว Apple Pay ไปในช่วงต้นปี 2013 ที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทดลองและวิจัยตลาดขั้นต้น ซึ่งก็ถือเป็นก้าวแรกที่ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ซึ่งในปี 2022 ธุรกรรม Apple Pay คิดเป็น 48% ของประชากรสหรัฐฯ แม้ว่า Apple จะมีฐานผู้ใช้งานที่ต่ำกว่า Android แต่ก็ยังคงครองความเป็นเบอร์ 1 ด้านตลาดการชำระเงินผ่านมือถืออย่างต่อเนื่อง โดยความทะเยอทะยานของ Apple ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น Bloomberg คาดการณ์ว่าตลาด Fintech จะมีมูลค่าตลาดถึง 324 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2569 โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีที่ 25% ซึ่งหมายความว่ายังมีที่ว่างอีกมากพอสำหรับการเติบโตของอนาคตเทคโนโลยีทางการเงิน


    ในปี 2023 Apple มีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง Apple Pay Later (บริการซื้อตอนนี้จ่ายทีหลัง) ซึ่งภายหลังจากการเปิดตัว Apple จะกลายเป็นคู่แข่งคนสำคัญกับบริษัทเทคโนโลยีทางการเงินยอดนิยมหลายแห่งในตลาด โดยในปี 2566 การเติบโตของธุรกิจบริการโดยรวม การพัฒนาธุรกิจใหม่ และการขยายตัวของอัตรากำไรขั้นต้นก็ยังเป็นความคาดหวังของนักลงทุนเช่นกัน


    5.กลยุทธ์ชิปกลายเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตใหม่

    การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคตของ Apple ก็ได้รับผลกระทบจากกลยุทธ์ใหม่เช่นเดียวกัน โดยตั้งแต่ต้นปี 2020 Apple ได้เปิดตัวชิป M1 ที่พัฒนาขึ้นเองเพื่อทดแทนชิป Intel (NASDAQ: INTC) บางส่วน ซึ่งจากการใช้งานชิป M1 นั้นก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและความเร็วของผลิตภัณฑ์ จนได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค และส่งผลต่อการเติบโตของรายได้อีก 15% ในระยะสั้น โดยถือเป็นการเติบโตรอบใหม่หลังจากที่ Apple เปิดตัวชิป M2 อีกครั้งในเดือนมิถุนายน 2022


    ตามข้อมูลที่ได้รับจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Apple ประสิทธิภาพของ CPU สูงกว่า M1 18%, GPU เร็วกว่า 35% และความเร็วหน่วยความจำเร็วกว่า M1 40%


    CPU performance vs.power

    ที่มา: เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Apple


    ประสิทธิภาพที่สูงขึ้นทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของ Apple มากยิ่งขึ้น จากชิป M1 เป็นชิป M2 ทำให้ส่วนแบ่งตลาดคอมพิวเตอร์ของ Apple ได้รับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งตามข้อมูลที่ได้รับจาก Statista ในช่วงสองปีระหว่าง 2020 ถึง 2022 ส่วนแบ่งการตลาดของ Apple Computer ในสหรัฐอเมริกานั้นเพิ่มขึ้นจาก 12.2% เป็น 16.0% ในขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกของ Apple Computer จะเพิ่มขึ้นจาก 5.4% เป็น 13.5%.


    และ Apple ผู้ที่ได้รับปัจจัยเชิงบวกโดยตรง จะยังคงสร้างเลย์เอาต์เพิ่มเติมในฟิลด์ชิป ซึ่งตามรายงานล่าสุดของ Bloomberg ได้ระบุไวว่า Apple วางแผนที่จะละทิ้ง Broadcom (NASDAQ:AVGO) Wi-Fi, ชิป Bluetooth และ Qualcomm (NASDAQ:QCOM) ภายในปี 2025 และใช้ผลิตภัณฑ์ชิปที่พัฒนาขึ้นเองแทน

    การคาดการณ์ราคาหุ้นของ Apple ในปี 2023 พร้อมผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ

    ตลาดมีท่าทีเชิงบวกต่อการคาดการณ์ราคาหุ้นของ Apple ซึ่งจากข้อมูลที่แสดงโดย TipRanks ราคาหุ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้าจะมีระดับเป้าหมายสูงสุดเฉลี่ยที่ $210 และราคาเป้าหมายเฉลี่ยคือ $174.71 โดยราคาหุ้นของ Apple ในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 130 ดอลลาร์ ซึ่งยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอนาคต


    Apple Analyst Ratings

    ที่มา: TipRanks


    นักวิเคราะห์ของสถาบันการเงินรายใหญ่ก็มีมุมมองของตนเองเช่นกัน


    Jim Suva นักวิเคราะห์เทคโนโลยีของ Citibank เชื่อว่าราคา 175 ดอลลาร์เป็นราคาที่เหมาะสม และการเปิดตัวชุดหูฟัง AR/VR และผลิตภัณฑ์หลักอื่นๆ ในปี 2023 จะผลักดันมูลค่าตลาดของ Apple ให้สูงขึ้น


    Citigroup ไม่ใช่บริษัทเดียวที่ให้ความสำคัญไปที่ผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple แต่นักวิเคราะห์จาก Loop Capital Markets ตั้งราคาเป้าหมายไว้ที่ 180 ดอลลาร์ โดยส่วนใหญ่ตั้งตารอผลิตภัณฑ์ใหม่ภายในสิ้นปี 2023 นี้


    และ Evercore ตั้งราคาเป้าหมายให้สูงสุดที่ 190 ดอลลาร์ เขาเชื่อว่าผลกระทบจากการที่ Apple อนุญาตให้ภูมิภาคยุโรปเปิดร้านค้าในนามบุคคลที่สามนอกเหนือจาก App Store นั้นมีน้อยมาก


    ในเดือนธันวาคม JPMorgan Chase ได้ลดราคาเป้าหมายจาก 200 ดอลลาร์เป็น 190 ดอลลาร์ จากความเชื่อที่ว่าผลกระทบของห่วงโซ่อุปทานจะดำเนินต่อไปจนถึงปี 2566 พวกเขาคาดการณ์ว่ายอดจัดส่ง iPhone ในปี 2023 จะลดลง 5% เมื่อเทียบเป็นรายปี


    โดยรวมแล้ว นักวิเคราะห์เชื่อว่าหลังจากที่ Apple ได้ประสบกับภาวะตกต่ำในปี 2022 ราคาหุ้นจะสามารถปรับตัวขึ้นมาได้ภายในปี 2023 อย่างไรก็ตาม มูลค่าของผลิตภัณฑ์และความเสี่ยงอื่นๆ ของบริษัทที่ยังไม่ได้รับการคลี่คลาย จะกลายเป็นประเด็นหลักที่ต้องคอยติดตามจากนักลงทุนสถาบัน


    การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องก่อนทุกครั้ง ซึ่งผู้เขียนคิดว่าบทความต่อไปนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับคุณ 

    >>> ซื้อหุ้น APPLE ยังไง? สเต็ปการซื้อหุ้นแอปเปิ้ลแบบละเอียด 

    สรุป

    ท่ามกลางการเฝ้ารอแนวโน้มราคาหุ้นของ Apple ในปี 2023 ขณะที่ห่วงโซ่อุปทานค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และเศรษฐกิจของจีนก็กลับมาเติบโตได้อีกครั้ง ภายใต้ความแข็งแกร่งและคุณค่าที่แท้จริงของธุรกิจ Apple ที่ไร้ข้อกังขา จะทำให้ความยากลำบากที่ Apple เคยเผชิญในสภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่ในปี 2022 จะผ่านพ้นไปในที่สุด 


    ด้วยการเปลี่ยนโฟกัสไปยังธุรกิจบริการที่ให้ผลกำไรสูง ผลประกอบการทางการเงินในปี 2566 จะไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง ชิปที่พัฒนาขึ้นเองจะช่วยให้ Apple สามารถรักษาตำแหน่งผู้นำได้ในอีกห้าปีข้างหน้า เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวและความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลายเป็นบวก นักลงทุนควรใช้เวลาสักระยะก่อนที่มูลค่าตลาดจะกลับมาที่ 3 ล้านล้านดอลลาร์

    *** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา


    การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

    บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?
    บทความที่เกี่ยวข้อง
    ราคาเสนอแบบเรียลไทม์
    ราคาเสนอแบบเรียลไทม์