ค่าเงินที่แพงที่สุดในโลกสำหรับปี 2568

ค่าเงินไหนเป็นค่าเงินที่แพงที่สุด? ในโลกนี้มีกว่า 180 ประเทศ ประเทศส่วนใหญ่มีค่าเงินเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของตัวเองรวมถึงใช้ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าหรือบริการกับประเทศอื่น ๆ ด้วย แต่ทราบหรือไม่ว่าในกว่า 180 ประเทศนี้ค่าเงินของประเทศไหนที่แพงที่สุด (1 หน่วยค่าเงินสามารถแลกได้เป็นสกุลเงินอื่น ๆ มากที่สุด) ? บทความนี้เราได้รวบรวมค่าเงินที่แพงที่สุดในโลกสำหรับปี 2568 มาไว้เป็นลิสต์ให้แล้ว

1.ดีนาร์คูเวต (Kuwaiti Dinar) 

ดีนาร์คูเวตถูกนำมาใช้ครั้งแรกแทนที่สกุลเงิน Gulf Rupee เมื่อปีพ.ศ. 2503 ด้วยการตรึงค่าเริ่มแรกเท่ากับ 1 รูปีซึ่งเท่ากับ 1 ปอนด์สเตอร์ลิงของอังกฤษ หลังจากได้เปลี่ยนมาให้ตรึงค่าไว้กับตะกร้าเงิน (Currnecy Basket) จนถึงปัจจุบันมีอัตตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1KWD ต่อ 3.24USD 

เศรษฐกิจของคูเวตขับเคลื่อนด้วยการส่งออกน้ำมันราว 3 ล้านบาร์เลลต่อวัน คิดเป็นผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 10 ของโลก ซึ่งสร้างรายได้และความมั่งคั่งให้กับระบบเศรษฐกิจจนมีผลิตภัณฑ์มวลรวมต่อหัวประชากรสูงในระดับเกิน $20,000 ต่อหัวต่อปี บวกรวมกับตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลตลอดทำให้สกุลเงิน KWD มีเสถียรภาพสูงสกุลเงินหนึ่งของโลก

รายละเอียด

• ชื่อย่อสกุลเงิน: KWD

• ประเทศผู้ออก: คูเวต

• อัตตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน: 1 KWD = 3.26 USD

• นโยบายกำหนดค่าเงิน: ตรึงมูลค่ากับตะกร้าเงิน (Reserved Basket)

2. ดีนาร์บาห์เรน (Bahraini Dinar)

เช่นเดียวกับสกุลเงินดีนาร์คูเวต ในปีพ.ศ. 2508 ดีนาร์บาห์เรนก็ถูกนำมาใช้ครั้งแรกด้วยการแทนที่สกุลเงิน Gulf Rupee โดย ณ เวลานั้น 1 ดีนาร์บาห์เรนมีค่าเทียบเท่า ¾ ปอนด์สเตอร์ลิง หลังจากนั้นในทางปฏิบัติสกุลเงินนี้ได้ถูกตรึงค่าไว้กับ USD ที่อัตรา 1BHD = 2.65USD ซึ่งใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2544 มาจนถึงปัจจุบัน

บาห์เรนเป็นอีกหนึ่งประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกที่สร้างรายได้ให้กับประเทศผ่านการส่งออกน้ำมัน สนับสนุนให้ตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศเกินดุลเสมอมาจนมีผลิตภัณฑ์มวลรวมต่อหัวประชากรสูงในระดับเกิน $20,000 ต่อหัวต่อปีเช่นกัน ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ยังต่ำ (0.8%) ดีนาร์บาห์เรนจึงเป็นอีกหนึ่งสกุลเงินที่มีเสถียรภาพสูงแม้จะตรึงมูลค่าไว้กับเงินดอลลาร์โดยตรงและได้ชื่อว่าเป็นสกุลเงินที่แพงเป็นอันดับสองของโลกก็ตาม

รายละเอียด

• ชื่อย่อสกุลเงิน: BHD

• ประเทศผู้ออก: บาห์เรน

• อัตตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน: 1BHD = 2.65USD

• นโยบายกำหนดค่าเงิน: ตรึงค่าเงินกับดอลลาร์สหรัฐ (USD)

3. เรียลโอมาน (Omani Rial)

โอมานเป็นประเทศที่ร่ำรวยและมั่งคั่งจากการค้าน้ำมันโดยใช้สกุลเงินเรียลเป็นสกุลเงินหลัก เรียลโอมานเป็นสกุลเงินที่ผูกค่าติดกับดอลลาร์สหรัฐมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2516 โดยเริ่มแรกตรึงค่าไว้ที่ 1OMR ต่อ 2.895USD และอีกสิบกว่าปีต่อมาก็ปรับค่าเป็น 1OMR ต่อ 2.60USD 

สำหรับประเทศโอมานเป็นผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 21 ของโลกที่ผลิตได้วันละ 1 ล้านบาร์เรล และมีการส่งออกน้ำมันเป็นปัจจัยหลักของการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ล่าสุดส่งให้ประเทศเติบโต 4.1% YoY บวกกับระดับเงินเฟ้อต่ำและดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลตลอด เรียลโอมานจึงเป็นอีกหนึ่งสกุลเงินที่มีเสถียรภาพและขึ้นชื่อว่าแพงที่สุดเป็นอันดับสามด้วยอัตรา 1 OMR = 2.60 USD

รายละเอียด

• ชื่อย่อสกุลเงิน: OMR

• ประเทศผู้ออก: โอมาน

• อัตตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน: 1 OMR = 2.60 USD

• นโยบายกำหนดค่าเงิน: ตรึงค่าเงินกับดอลลาร์สหรัฐ (USD)

4. ดีนาร์จอร์แดน (Jordanian Dinar)

ภายหลังจากที่จอร์แดนได้ผนวกเขตเวสต์แบงค์เข้ามาก็มีการนำสกุลเงินดีนาร์จอร์แดนเข้ามาใช้แทนสกุลเงินเดิมของปาเลสไตน์ และใช้ระบบตรึงมูลค่ากับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งในปัจจุบันซื้อขายแลกเปลี่ยนกันอยู่ที่ 1JOD ต่อ 1.41USD

สำหรับเศรษฐกิจจอร์แดนนั้นถือว่าไม่ได้ร่ำรวยมากเมื่อเทียบกับประเทศผู้ผลิตน้ำมันอื่น ๆ โดยมีการเติบโตทางเศรษฐกิจล่าสุดอยู่ที่ 2.7%YoY และผลิตภัณฑ์มวลรวมต่อหัวประชากรอยู่ที่ราว $3,891 ต่อหัวต่อปี ทั้งยังขาดดุลบัญชีเดินสะพัดตลอดนับย้อนไปหลายสิบปี แต่ประเทศยังคงมีเงินสำรองระหว่างประเทศในระดับ $13,533 พันล้าน ณ สิ้นปี 2566 (อ้างอิง ceicdata) และเป็นสกุลเงินที่แพงเป็นอันดับ 4 สำหรับค่าเงินที่แพงที่สุดนี้

รายละเอียด

• ชื่อย่อสกุลเงิน: JOD

• ประเทศผู้ออก: จอร์แดน

• อัตตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน: 1JOD  = 1.41USD

• นโยบายกำหนดค่าเงิน: ตรึงค่าเงินกับดอลลาร์สหรัฐ (USD)

5. ปอนด์สเตอร์ลิง (Pound Sterling)

อังกฤษใช้เงินปอนด์มาตั้งแต่ยุคแองโกลแซกซอน โดยตั้งแต่ยุคกลางเป็นต้นมาก็อ้างอิงกับค่าของเงิน (Silver) จนภายหลังอังกฤษขาดแคลนแร่เงินจึงเปลี่ยนมาอ้างอิงค่าเงินกับทองคำที่เรียกว่า Gold Standard เมื่อถึงปลายศตวรรษที่ 19 ประเทศอื่น ๆ ก็เริ่มนำมาตรฐานทองคำมาใช้ทำให้สามารถเทียบค่าในช่วงแรกได้ที่ 1GBP แลกได้ 4.87USD, 4.87CAD,   9.46Rbls ฯลฯ และใช้ระบบนี้มาจนถึงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 แล้วเปลี่ยนเป็นระบบลอยตัวจากนั้นเป็นต้นมา

ปัจจุบันเศรษฐกิจอังกฤษใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลกด้วยสัดส่วน 3% ของจีดีพีโลก แม้แต่ลอนดอนก็ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญแห่งหนึ่งในโลก และปัจจุบันยังมีส่วนแบ่งของภาคเทคโนโลยีเป็นมูลค่ากว่า $1ล้านล้าน ใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากสหรัฐและจีน อังกฤษจึงถือเป็นเศรษฐกิจที่มีศักยภาพแห่งหนึ่งของโลกซึ่งสนับสนุนให้เกิดความต้องการใช้เงินปอนด์สเตอร์ลิงอย่างแข็งแกร่งจนกลายเป็นสกุลเงินที่แพงเป็นอันดับ 5 ที่อัตราแลกเปลี่ยน 1 GBP = 1.33 USD

รายละเอียด

• ชื่อย่อสกุลเงิน: GBP

• ประเทศผู้ออก: สหราชอาณาจักร

• อัตตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน: 1 GBP = 1.33 USD

• นโยบายกำหนดค่าเงิน: ลอยตัว (Free Floating)

6. ปอนด์ยิบรอลตาร์ (Gibraltar pound)

ปอนด์ยิบรอลตาร์ (GIP) เป็นสกุลเงินอย่างเป็นทางการของยิบรอลตาร์ ซึ่งเป็นดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษที่ตั้งอยู่ที่ปลายสุดของคาบสมุทรไอบีเรีย GIP ใช้มาตั้งแต่ปี 1934 และออกโดยรัฐบาลยิบรอลตาร์ โดยผูกกับปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษ (GBP) ในอัตราคงที่ 1:1 ซึ่งหมายความว่า 1 GIP = 1 GBP และมีค่าใกล้เคียงกับค่า GBP ในตลาดโลก ณ ปี 2568 อัตราแลกเปลี่ยนจะเท่ากับ 1 GIP = 1.29 USD

แม้ว่าปอนด์ยิบรอลตาร์จะใช้สำหรับธุรกรรมภายในท้องถิ่นทั้งหมดในยิบรอลตาร์ แต่ปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษก็ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางเช่นกัน และสกุลเงินทั้งสองหมุนเวียนเคียงข้างกัน อย่างไรก็ตาม GIP ไม่ได้รับการยอมรับในสหราชอาณาจักร ทำให้เป็นสกุลเงินเฉพาะภูมิภาค ความแข็งแกร่งของ GIP ได้รับการสนับสนุนจากระบบการเงินที่มั่นคงของยิบรอลตาร์ นโยบายภาษีที่ต่ำ และความสำคัญในฐานะศูนย์กลางเกมออนไลน์ การขนส่ง และบริการทางการเงิน

แม้ว่าการใช้เงินปอนด์ของยิบรอลตาร์ในระดับสากลจะจำกัด แต่เงินปอนด์ของยิบรอลตาร์ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของการปกครองตนเองด้านเศรษฐกิจของยิบรอลตาร์ และยังคงตรึงอัตราแลกเปลี่ยนกับเงินปอนด์สเตอร์ลิงไว้คงที่ ซึ่งทำให้มั่นใจในมูลค่าและเสถียรภาพในระยะยาวของเงินปอนด์

รายละเอียด

• ชื่อย่อสกุลเงิน: GIP

• ประเทศผู้ออก: ยิบรอลตาร์

• อัตตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน: 1 GIP = 1.33 USD

• นโยบายกำหนดค่าเงิน: ตรึงอัตราแลกเปลี่ยนกับปอนด์สเตอร์ลิง

7. ฟรังก์สวิส (Swiss Franc)

ฟรังก์สวิสเริ่มถูกนำมาใช้ตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 18 โดยอ้างอิงมูลค่าอยู่กับแร่เงิน (Silver) และกลายเป็นสื่อกลางที่ได้รับความนิยมแทนที่ค่าเงินดั้งเดิมที่มีหลากหลายแตกต่างกันไปในแต่ละท้องถิ่นของสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีค่าเริ่มแรกอ้างอิงกับฟรังก์ฝรั่งเศส จนถึงปัจจุบันฟรังก์สวิสยังได้ชื่อว่าเป็นสกุลเงินที่เป็น Safe Haven เนื่องจากมีกฎหมายให้สำรองทองคำเพื่อหนุนค่าเงินไว้ขั้นต่ำ 40% โดยเฉพาะเมื่อเกิดสงครามโลก สวิสยังกลายเป็นรัฐตัวกลางที่เป็นหลุมหลบภัยของสินทรัพย์ทั่วโลกอีกด้วย ทำให้ค่าเงินสวิสกลายเป็นหนึ่งในค่าเงินที่ทรงอิทธิพลของโลก และถูกถ่วงน้ำหนักในตระกร้าดัชนีดอลลาร์สหรัฐด้วย

หลังจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ที่ส่งผลต่อหนี้สาธารณะของกรีซส่งผลให้เงินฟรังก์สวิสกลายเป็นที่ต้องการและแข็งค่าขึ้นจนธนาคารกลางสวิสต้องเข้าแทรกแซง จนถึงปัจจุบันสกุลเงินนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่แพงที่สุดด้วยเรท 1CHF ต่อ 1.21 USD 

รายละเอียด

• ชื่อย่อสกุลเงิน: CHF

• ประเทศผู้ออก: สวิสเซอร์แลนด์

• อัตตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน: 1CHF = 1.21 USD 

• นโยบายกำหนดค่าเงิน: กึ่งลอยตัว (Managed Floatign) 

8.Cayman Islands dollar (KYD)

ดอลลาร์หมู่เกาะเคย์แมน (KYD) เป็นสกุลเงินอย่างเป็นทางการของหมู่เกาะเคย์แมน ซึ่งเป็นดินแดนโพ้นทะเลของอังกฤษในทะเลแคริบเบียน ดอลลาร์หมู่เกาะเคย์แมนถูกนำมาใช้ในปี 1972 เพื่อแทนที่ดอลลาร์จาเมกา และผูกกับดอลลาร์สหรัฐที่อัตราคงที่ 1 KYD ต่อ 1.20 USD ทำให้เป็นหนึ่งในสกุลเงินที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก 

หมู่เกาะเคย์แมนเป็นศูนย์กลางการเงินนอกชายฝั่งที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก และ KYD ถูกใช้ภายในอาณาเขตสำหรับธุรกรรมในท้องถิ่นเป็นหลัก ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐก็ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางเช่นกัน แม้ว่าจะมีการใช้ในระดับสากลที่จำกัด แต่ความแข็งแกร่งของ KYD สะท้อนให้เห็นถึงกฎหมายการเงินที่มั่นคงของประเทศ การเก็บภาษีต่ำ และการพึ่งพาการท่องเที่ยวและการเงินระหว่างประเทศ ณ ปี 2568 ดอลลาร์หมู่เกาะเคย์แมนยังคงรักษาอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ที่แข็งแกร่งที่ 1 KYD = 1.20 USD ซึ่งเน้นย้ำถึงสถานะของสกุลเงินนี้ในฐานะสกุลเงินที่มีมูลค่าสูงแต่เน้นที่ภูมิภาค

รายละเอียด

• ชื่อย่อสกุลเงิน: KYD

• ประเทศผู้ออก: หมู่เกาะเคย์แมน

• อัตตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน: 1 KYD = 1.20 USD

• นโยบายกำหนดค่าเงิน: ตรึงอัตราแลกเปลี่ยนกับดอลลาร์สหรัฐ

9. ยูโร (Euro)

ค่าเงินยูโรถือเป็นสกุลเงินน้องใหม่ที่เพิ่งเริ่มนำมาใช้เมื่อปีพ.ศ. 2542 และใช้ใน 20 ประเทศสมาชิกกลุ่มยูโรโซนจากประเทศสมาชิกทั้งหมด 27 ประเทศ ซึ่งในช่วง 3 ปีแรกค่าเงินยูโรจะถูกเทรดต่ำกว่าค่าเงินดอลลาร์ แต่หลังจากนั้นยูโรเริ่มกลับมาเทรดแพงกว่าค่าเงินดอลลาร์และทำจุดสูงสุดในช่วงปีพ.ศ. 2551ที่ 1EUR ต่อ 1.6USD 

ค่าเงินยูโรถือเป็นอีกหนึ่งสกุลเงินที่ทรงอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลกด้วยการเป็น 1 ในสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์สำรองของ IMF ด้วยสัดส่วน 29.31% ของเงินสำรอง SDR, และเป็นสกุลเงินสำรองระหว่างประเทศที่ใช้มากเป็นอันดับสองรองจาก USD ด้วยขนาด 19.58% ของเงินสำรองระหว่างประเทศทั้งหมด ปัจจุบันค่าเงินยูโรมีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1EUR ต่อ 1.13 USD

รายละเอียด

• ชื่อย่อสกุลเงิน: EUR

• ประเทศผู้ออก: สหภาพยุโรป

• อัตตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน: 1EUR = 1.13 USD

• นโยบายกำหนดค่าเงิน: ลอยตัว (Free Floating)

และทั้งหมดนี้ก็คือค่าเงินที่แพงที่สุดสำหรับปี 2568 ที่ประกอบด้วยค่าเงินของประเทศผู้ผลิตน้ำมันอันมั่งคั่งไปจนถึงประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ก็ใช่ว่าค่าเงินที่แพงที่สุดจะเป็นค่าเงินที่ปลอดภัยและทรงอิทธิพลที่สุด ซึ่งหากนักลงทุนคิดจะเลือกถือสกุลเงินใดควรพิจารณาความน่าเชื่อถือของรัฐบาลที่เป็นผู้สร้างสกุลเงินนั้น ๆ ขึ้นมาด้วย

สกุลเงินเหล่าคือค่าเงินที่แพงที่สุดในโลกในปี 2568 รวมถึงสกุลเงินจากประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่ร่ำรวยและประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ในปี 2568 การเลือกสกุลเงินไม่ได้ขึ้นอยู่กับมูลค่าเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับความไว้วางใจในเศรษฐกิจที่สนับสนุนสกุลเงินนั้นด้วย

คว้าโอกาสในการเทรดค่าเงินที่ที่ยอดนิยมในโลกกับโบรกเกอร์ชั้นนำ Mitrade เดี๋ยวนี้ ▼▼▼

💸 ห้ามพลาด!!! 💸

แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์! 🎁🎁🎁

ค่าคอมฯ 0 สเปรดต่ำ! เงินฝากขั้นต่ำ $50 🤑

ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี 💰

เทรดเดี๋ยวนี้

การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน