วิเคราะห์แนวโน้มราคาบิทคอยน์ 2024 จะไปในทิศทางใด
ราคาบิทคอยน์วันนี้ (ที่มา: MiTrade)
*เปิดบัญชีภายใน 3 นาที ⌛
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
*เงินเสมือนจริง $50, 000 ดอลลาร์ 💰
Bitcoin (บิทคอยน์) สกุลเงินดิจิทัลอันดับหนึ่งของวงการ Cryptocurrency เนื่องจากว่าเป็นเหรียญที่มีมูลค่าสูงสุดในตลาดเมื่อเทียบกับเหรียญอื่นๆ ทั้งเป็นเหรียญที่ทำให้นักลงทุนหลายคนเริ่มหันมาสนใจในตลาดคริปโทเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ในปี 2024 ตลาดคริปโทเคอเรนซี่ถูกกลับมาพูดถึงอีกครั้ง โดยเฉพาะ “บิทคอยน์” ที่นักลงทุนหลายคนตั้งหน้าตั้งรอว่า แนวโน้มราคาบิทคอยน์ 2024 จะเป็นไปในทิศทางใด เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าราคาเหรียญได้ร่วงลงเป็นอย่างมากเมื่อเทียบราคากับปี 2021 อาจจะทำให้หลายคนเกิดความสงสัยว่าราคาเหรียญมีแนวโน้มที่จะโตขึ้นไหมหรือว่าสถานการ์ณตอนนี้จะเป็นจุดจบของเหรียญบิทคอยน์แล้ว
ดังนั้นเนื้อหาในบทความนี้จึงเป็นการเรียบเรียงข้อข้อมูลเกี่ยวกับ “Bitcoin” โดยตรง เริ่มตั้งแต่ศึกษาเกี่ยวกับ Key Metrics (ตัวชี้วัดความสำเร็จ)ของบิทคอยน์ อะไรที่ทำให้บิทคอยน์เป็นสกุลเงินที่ประสบความสำเร็จ ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาของบิทคอยน์ การวิเคราะห์ราคาบิทคอยน์ 12 ปีย้อนหลัง การวิเคราะห์ราคาบิทคอยน์ปี 2023 และวิเคราะห์บทสุปราคาบิทคอยน์ว่าจะไปในในทิศทางใด ราคาจะขึ้นหรือจะลดลงและยังน่าลงทุนอยู่ไหมในปี 2024 หากคุณไม่อยากพลาดข่าวสารดีๆเกี่ยวกับราคาบิทคอยน์ติดตามได้ในบทความนี้เลย
Key Metrics (ตัวชี้วัดความสำเร็จ) ของบิทคอยน์
(อ้างอิงข้อมูลจาก Coinmarketcap.com ณ วันที่ 11/04/2024)
บิทคอยน์ (Bitcoin) สกุลเงินดิจิทัลอันดับหนึ่งของโลกที่มีการเติบโตทางด้านมูลค่าของเหรียญแบบก้าวกระโดด ทำให้ผู้คนต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยคุณลักษณะเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องราคาของเหรียญ ความต้องการของเหรียญสูงแต่ปริมาณเหรียญมีอย่างจำกัด มีการนำเทคโนโลยีบล็อคเชนเข้ามาปรับใช้จนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ทั้งยังเป็นแรงจูงใจที่ทำให้เกิด Alt coin อื่นๆ ตามมาอีกมากมายอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในหัวข้อนี้เราจะพาทุกคนมาศึกษาเกี่ยวกับ ปัจจัยที่ทำให้บิทคอยน์กลายเป็นสกุลเงินที่ประสบความสำเร็จ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
การกระจายอำนาจอย่างแท้จริง Decentralization
ปัจจัยในข้อแรกที่ทำให้ Bitcoin กลายเป็นสกุลเงินที่ประสบความสำเร็จก็คือระบบ Decentalization ซึ่งเป็นระบบไม่มีการควบคุมจากคนส่วนกลาง ไม่มีความเสี่ยงในเรื่องของการโดนแทรกแซงจากภาครัฐหรือนายทุนอย่างแน่นอน
บิทคอยน์ ถือว่าเป็นผู้เปิดโลกในเรื่องของการกระจายอำนาจอย่างแท้จริงเลยก็ว่าได้ เนื่องจากว่าวัตถุประสงค์หลักของการสร้างบิทคอยน์ขึ้นมาก็เพื่อต้องการแก้ไขปัญหาระบบธนาคาร แก้ไขปัญหาการทำธุรกรรมทางการเงินที่เราต้องทำผ่านคนกลาง ทำให้เสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายสูง ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ “บิทคอยน์” ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและมีผู้เข้าใช้งานเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่วันที่เริ่มก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน
อีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ “บิทคอยน์”ประสบความสำเร็จนั่นก็คือ ระบบการทำงานด้วยกระบวนการกระจายอำนาจแบบไม่ต้องผ่างองค์กรใดๆ โดยที่ผู้ใช้งานสามารถเข้ามาทำการขุดเหรียญด้วยวิธีการแก้ปัญหาสมการทางคณิตศาสตร์ตามกฎของบิทคอยน์ที่กำหนดไว้ ส่งผลให้ผู้คนมีอิสระในการครอบครองสินทรัพย์มากยิ่งขึ้น
เรื่องความปลอดภัย Security
Bitcoin ขึ้นชื่อว่าเป็นเหรียญคริปโทเคอเรนซี่ที่มีความปลอดภัยสูงมาก เมื่อเทียบสกุลเงินเหรียญอื่นๆ ที่เรามักจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับการแฮ็กเหรียญขโมยเหรีญอยู่บ่อยครั้ง แต่สำหรับบิทคอยน์ไม่เคยเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้นเลย เนื่องจากว่าเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีเทคโนโลยีบล็อคเชนการเข้ารหัสที่ค่อนข้างมีความซับซ้อนในเรื่องของการแก้สมการ ทำให้ผู้อื่นสามารถเข้าถึงบัญชีได้ยากและแฮ็กเหรียญได้ยากนั่นเอง ในขณะเดียวกันก็ยากต่อการขุดด้วยเช่นกัน ยิ่งปริมาณของเหรียญเหลือน้อยลงมากเท่าไหร่ ความยากในการขุดเหรียญก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้นกว่านั้น ส่งผลให้ราคาเหรียญมีมูลค่าสูงขึ้นตามความต้องการของนักลงทุน
ความเป็นส่วนตัว Privacy
บิทคอยน์ ให้ความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้ใช้งานที่ไม่ต้องการจะเปิดเผยตัวตน ผู้ใช้งานสามารถใช้นามแฝงของตัวเองได้ เช่นเดียวกับ “ Satoshi Nakamoto “ ผู้สร้างบิทคอยน์ขึ้นมาโดยไม่เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงว่าเป็นใคร ซึ่งความเป็นส่วนตัวนี้ทำให้ผู้ใช้งานสามารถทำการซ่อนที่มาของการทำธุรกรรมได้โดยเพียงแค่ใช้ address ที่สร้างขึ้นมาจากกระเป๋าเงินที่มีลายเซ็นหลายลายเซ็น
ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถทำการรับ-ส่งบิทคอยน์ได้โดยไม่ต้องระบุตัวตน เนื่องจากว่าแต่ละธุรกรรมจะได้รับการเข้ารหัสด้วย address เฉพาะที่เป็นของผู้ใช้งานเท่านั้น ดังนั้น จะไม่มีใครติดตามกลับมาหาตัวผู้ใช้งานได้นั่นเอง
ความรวดเร็วในการทำธุรกรรมทางด้านการเงิน
หากพูดถึงในอดีตที่มีการทำธุรกกรรมทุกครั้ง มักจะมีปัญหาความล่าช้าในการรับโอน โดยเฉพาะการโอนเงินข้ามประเทศ บิทคอยน์ เป็นสกุลเงินดิจิทัลรุ่นบุกเบิกที่สร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาข้อนี้โดยตรง ดังนั้นไม่ว่าผู้ใช้งานจะอยู่ส่วนไหนของโลกใบนี้ก็สามารถรับโอนบิทคอยน์ให้กันได้ตลอด 24 ชั่วโมง และได้รับเงินทันทีแบบไม่ต้องรอข้ามวัน ที่สำคัญมีค่าธรรมเนียมที่ถูกด้วยเมื่อเทียบกับการทำธุรกรรมกับธนาคาร
ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาของบิทคอยน์
“บิทคอยน์” เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ที่มีความผันผวนในเรื่องราคาเป็นอย่างมากตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตัวแปรที่ทำให้ราคามีการเปลี่ยนแปลงก็มีหลายประการ แต่ทางผู้เขียนได้ทำการหยิบยกขึ้นมา 3 ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคาบิทคอยน์ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ความต้องการของตลาด
ราคาของบิทคอยน์ ก็มีการเปลี่ยนแปลงเหมือนกับราคาสินค้าทั่วไปตามกฎเศรษฐศาสตร์ นั่นก็คือ (demand Supply) กล่าวคือ เมื่อสภาวะตลาดเป็นช่วงขาขึ้น ผู้คนมีความต้องการที่จะซื้อเหรียญเป็นอย่างมาก ก็จะส่งผลให้ราคาบิทคอยน์มีมูลค่าที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกันมีสภาวะตลาดขาลงผู้คนต้องการที่จะเทขายเหรียญพร้อมกันก็ส่งผลให้ราคาเหรียญมีมูลค่าลดลง เนื่องจากว่า “Bitcoin” มีปริมาณจำกัดอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญ และในจะมีปริมาณลดลงเรื่อยๆ จากภาวะ Halving หรือรางวัลในการขุด Bitcoin ที่จะลดลงครึ่งหนึ่งในทุกๆ 4 ปี ซึ่งภาวะนี้ก็ส่งผลให้ราคาของเหรียญมีมูลค่าเพิ่มขึ้นนั่นเอง
ข่าวสาร
ข่าวสารถือว่าเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ราคาของบิทคอยน์มีการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นข่าวที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในเรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลาง ข่าวเกี่ยวกับสภาวะเงินเฟ้อในช่วงหลังโควิดที่ผ่านมา ซึ่งทำให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่มีอย่างจำกัดอย่าง บิทคอยน์ จึงทำให้ราคาเหรียญมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น
แต่ในขณะเดียวกันหากข่าวมาในกระแสลบ ก็จะทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นในตัวเหรียญก็ส่งผลให้ราคาเหรียญมีมูลค่าลดลง ตามที่เราได้เห็นในช่วงสภาวะตลาดขาลที่ผ่านมา
การแข่งขัน
บิทคอยน์ เป็นสกุลเงินดิจิทัลตัวแรกของโลกที่สร้างขึ้นมาภายใต้เทคโนโลยีบล็อคเชนที่น่าสนใจ และเป็นเหรียญที่ทำให้เกิด “ALT Coin” เกิดขึ้นจำนวนมากกว่าพันเหรียญ ทำให้นักลงทุนมีทางเลือกที่จะลงทุนในเหรียญอื่นๆที่มีราคาที่ถูกกว่าและให้ผลตอบแทนที่มากกว่า ตัวอย่างเช่น Etheruem เป็นสกุลเงินดิจิทัลอันดับสองของตลาด เป็นรองเพียงบิทคอยน์เท่านั้น แต่มีเทคโนโลยีที่น่าสนใจกว่าบิทคอยน์ นั่นก็คือ Smart Contract ที่โดดเด่นในเรื่องความปลอดภัย เปิดโอกาสให้ผู้คนสามารถเข้าสร้างแอปพลิเคชั่นได้อย่างเสรี
สรุปโดยรวมแล้วนั้น ราคาของ Bitcoin ก็ขึ้นอยู่กับกฎ Demand Supply ในตลาดเหมือนกับสินทรัพย์อื่นๆ ตามที่ได้กล่าวไปในข้อแรก แต่เนื่องจากว่า “บิทคอยน์” เป็นสินทรัพย์ทีมีตัวกลางเข้ามาแทรกแซงในการควบคุมราคา ดังนั้นราคาของ บิทคอยน์ จึงไม่มีปัจจัยในในเรื่องของผลประกอบการของบริษัทเข้ามาเกี่ยวข้องเหมือนกับหุ้นหรือพันธบัตร สำหรับข่าวที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาบิทคอยน์มากที่สุด ก็คือข่าวที่เกี่ยวกับการเปิดรับ Bitcoin อย่างเป็นวงกว้าง (Mass Adoption)
การวิเคราะห์ราคาบิทคอยน์ย้อนหลัง
ที่มา finance.yahoo.com
จากภาพจะเป็นราคาของบิทคอยน์ย้อนหลังเริ่มตั้งแต่ปี 2015 - 2023 ซึ่งทางผู้เขียนจะทำการอธิบายรายละเอียดของแต่ละปีดังต่อไปนี้
ปี 2010
บิทคอยน์ได้ถูกนำมาใช้จ่ายในชีวอตประจำวันเป็นครั้งแรก จากนักโปรแกรมเมอร์ชื่อดังที่รัฐฟลอริดา ที่เขาได้นำบิทคอยน์ไปซื้อ Pizza จำนวน 2 ถาด ในราคา 10,000 BTC ซึ่งในขณะนั้นบิทอคอยน์มีราคาแค่ $0.04 USD/BTC แค่ภาพรวมราคาบิทคอยน์ในปีนั้นมีมูลค่าอยู่ที่ $0.09 USD/BTC
ปี 2011
ตลาดแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล ในต่างประเทศได้มีการนำเหรียญบิทคอยน์เข้าลิสต์บิทคอยน์เข้ามาให้มีการซื้อขายด้วยสกุลเงิน USD ส่งผลให้ราคาเหรียญเติบโตขึ้น 2,960% ภายในปีนั้น และทำให้ผู้คนเริ่มรู้จักบิทคอยน์เพิ่มมากขึ้น
ปี 2012
Bitcoin ได้เกิดปรากฎการ์ณ Bitcoin Halving ครั้งแรกในปีนี้ ซึ่งหลังจากเหตุการ์ณดังกล่าวเกิดขึ้นนั้น ส่งผลให้ราคาของเหรียญพุ่งสูงขึ้นไปถึง $270.94 USD/BTC คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ราคาเพิ่มขึ้น 13,480% หลังจากนั้นราคาเหรียญลดลงมาตามลำดับมีมูลค่าราคาเฉลี่ยต่อเหรียญอยู่ที่ $123 USD/BTC ในช่วงเดือนตุลาคมของปี 2012
ปี 2013
เป็นที่ราคาเหรียญบิทคอยน์มีการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง เกิดความผันผวนสูงมากในปีนั้น ในช่วงต้นปีราคาได้มีการพุ่งอยู่ที่ $220 USD/BTC จากนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงในราคาของเหรียญกลับมามูลลดลงอยู่ที่ประมาณ $70 USD/BTC และในช่วงเดือนธันวาคมของปี ราคาเหรียญได้พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ $1,156 USD/BTC จากนั้นราคาก็แกว่งลงอย่างรุนแรงกลับมาอยู่ระดับราคา $315 USD/BTC ซึ่งส่งสัญญาณว่าเป็นช่วงขาลงของบิทคอยน์ในปีถัดไป
ปี 2014 - 2015
จากวิกฤตการ์ณราคาของบิทคอยน์ที่ร่วงลงเป็นอย่างมากในปี 2013 ส่งผลให้ราคาเหรียญเป็นช่วงลงที่ต่ำที่สุดเลยก็ว่าได้ โดยลงไปทำระดับต่ำสุดอยู่ที่ $314 USD/BTC ด้วยเหตุผลกระแสลบจาก People’s Bank of China ได้ประกาศห้ามสถาบันทางการเงินในประเทศทำธุรกรรมใด ๆ ด้วยบิตคอยน์ ส่งผลให้ราคาบิตคอยน์ลดลงอย่างหนักในปีนี้นั่นเอง
ปี 2016
เกิดเหตุการ์ณ Bitcoin Halving ครั้งที่สองอีกครั้ง ซึ่งเหตุการ์ณในปีนี้ราคาในช่วงแรกไม่ค่อยหวือสักเท่าไหร่ แต่ว่าก็มีการขยับราคาขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระดับ $998 USD/BTC ในช่วงเวลาของสิ้นปีนั้น
ปี 2017
ถือว่าเป็นช่วงเวลาขาขึ้นของบิทคอยน์ในปีนี้เลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุผลหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นผลเชิงบวที่มาจากการอัปเดตเครือข่ายบิทคอยน์ครั้งยิ่งใหญ่ที่เรียกว่า Segwit (Segregated Witness) และปัจจัยเชิงบวกจากเหตุการ์ณ Bitcoin Halving ครั้งที่สอง ส่งผลให้ราคาเหรียญบิทคอยน์ในปีนี้มีมูลค่าอยู่ที่ $20,000 USD/BTC คิดเป็นเปอร์เซ็นต์มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 3100% ในระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งปีเศษ
(กราฟแสดงราคาเหตุการ์ณ Bitcoin Halving ครั้งที่ 2 อ้างอิงจาก สยามบล็อคเชน)
ปี 2018 - 2019
เป็นช่วงจังหวะเวลาของราคาเหรียญบิทคอยน์เริ่มย่อตัวลง หลังจากที่ทำระดับราคาสูงสุดในปีที่ผ่านมา และในประเทศไทยนักลงทุนเริ่มเข้ามาให้ความสนใจในการลงทุนกับบิทคอยน์เพิ่มมากขึ้น
ปี 2020
เป็นปีที่ทุกสินทรัพย์ได้รับผลกระทบกันอย่างรุนแรง จ่กพิษโควิด ซึ่งทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกต้องหยุดชะงักตัวลง ธนาคารโลกมีการอัดฉีดเงินเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เกิดสภาวะเงินเฟ้อ และเป็นจังหวะเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยเริ่มให้ความสนใจสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ “บิทคอยน์” ซึ่งส่งผลให้ราคาเหรียญในปีนี้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดอีกครั้งจากราคาเดิมเฉลี่ยอยู่ที่ $9,000 USD/BTC พุ่งขึ้นทำราคาสูงสุดอยู่ที่ระดับราคา $20,000 USD/BTC ในช่วงปลายปีและกระแสยาวในปีถัดมา
ปี 2021
ราคาบิตคอยน์ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนไปถึง 65,000 ดอลลาร์สหรัฐ (All-time High) ในช่วงปีนี้บิตคอยน์เริ่มเป็นที่รู้จักและเป็นที่พูดทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทยด้วย เป็นผลต่อเนื่องมาจากวิกฤตโควิด ส่วนหนึ่งมาจากการที่บริษัทยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น MicroStrategy ที่เลือกถือ บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์สำรอง หรือ Morgan Stanley ที่เริ่มให้บริการเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี เรียกได้ว่าเป็นปีที่มีผู้เล่นรายใหญ่เข้ามาในวงการกันอย่างล้นหลาม รวมถึงรัฐบาลประเทศเอลซัลวาดอร์ ที่เดินหน้าอนุมัติให้บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ที่สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายเป็นประเทศแรกของโลก ส่งผลให้นักลงทุนกลับมามุมมองที่ดีต่อตลาดคริปโตฯ
การวิเคราะห์ราคาบิทคอยน์ปี 2022
สำหรับในปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นช่วงที่สินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ในสภาวะตลาดหมี (Bear Market) มูลค่าของบิตคอยน์ในตลาดโลกลดลงถึง 60% ถือว่าผิดการคาดการ์ณไว้จากนักวิเคราะห์หลายคนที่คาดการ์ณว่าราคาเหรียญในปี 2022 อาจจะมีการฟื้นตัวขึ้น แต่ในทางกลับกันภาพรวมราคาของเหรียญลดลง จากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นข่าวเชิงลบที่ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ทำให้ในช่วงปลายปีเดือนธันวาคมของปี 2022 บิทคอยน์ได้มีการทำราคาอยู่ที่คา 15,000-17,000 ดอลลาร์สหรัฐ (5.2 แสนบาท) ทั้งนี้ภาพใหญ่ของ Bitcoin (BTC) ได้เกิดแท่งเทียน “Bearish Engulfing” ขนาดใหญ่ขึ้นในกรอบเวลา (Timeframe) 12 เดือน ราคาบิทคอยน์สามารถทำลายแพทเทิร์นดังกล่าวได้ในช่วงต้นมกราคาของปี 2023 กลับมาทำราคาทะลุ 28,900 ดอลลาร์สหรัฐ (1 ล้านบาท) อีกครั้ง
การวิเคราะห์ราคาบิทคอยน์ปี 2023
ราคา Bitcoin ในปี 2023 ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าราคาของเหรียญยังไม่เป็นที่น่าประทับใจเท่าไหร่เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกมากมาย เช่น มรบริษัทใหญ่ ๆ ที่ขายการถือครอง BTC ออกไป รวมทั้ง อัตราเงินเฟ้อลดลงในขณะที่อัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับสูง สิ่งเหล่านี้จึงกระตุ้นให้นักลงทุนเปลี่ยนจากการถือ BTC เป็นการถือเงินสดแทน ยิ่งไปกว่านั้นการเพิ่มการตรวจสอบตลาด crypto โดยหน่วยงานกำกับดูแลทำให้นักลงทุนสถาบันจำนวนมากหวาดกลัวซึ่งยังเป็นอีกสาเหตุที่ได้ลดการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลลง อย่างไรก็ตาม ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2023 ราคาของ Bitcoin ได้ชี้ให้เห็นว่านักลงทุนต่างกลับมามีความเชื่อมั่นต่อตลาดคริปโตรวมถึงบิทคอยน์จึงอาจเป็นไปได้ว่าในปี 2024 นี้จะมีข่าวดีสำหรับนักลงทุน BTC ก็เป็นได้
ราคาบิทคอยน์จะขึ้นไหมและยังน่าลงทุนอยู่หรือไม่ในปี 2024
นักลงทุนหลายคนก็ต่างให้การคาดหวังว่าราคาเหรียญบิทคอยน์น่าจะมีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของครึ่งปีหลัง เพราะว่าในปี 2024 จะเกิดเหตุการณ์ Halving ของ Bitcoin (BTC) ในเดือนเมษายน 2024 หากอ้างอิงจากสถิติที่ผ่านมา โดยจากสถิติที่ผ่านมาของ Bitcoin (BTC) นักลงทุนจะเริ่มกลับมาเก็บสะสมอีกครั้งก่อนเกิดการ Halving ประมาณ 300-400 วัน หากกล่าวเป็นอีกนัยหนึ่ง ณ เวลานี้ก็เป็นช่วงเหมาะสมในการเริ่มเก็บทยอยลงทุนในบิทคอยน์นั่นเอง ทั้งนี้ทางผู้เขียนได้ทำการอ้างอิงการคาดการณ์ราคาเหรียญบิทคอยน์ ในปี 2023 จากสำนักการเงิน Long forecast เพื่อให้นักลงทุนทุกท่านได้ใช้เป็นเหตุผลประกอบการตัดสินใจว่าควรลงทุนบิทคอยน์ในปีนี้หรือไม่
ราคา BTC มุ่งหน้าสู่ปี 2024 ราคา bitcoin มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 160% เมื่อเทียบเป็นรายปี ณ วันที่ 5 ธันวาคม แต่ Bitcoin ยังมีหนทางอีกยาวไกลในการกลับไปสู่ระดับสูงสุดตลอดกาลที่เกือบ 69,000 ดอลลาร์ในเดือนพฤศจิกายน 2021
เดือน | จุดเปิด | จุดปิด |
ม.ค. | 42,459 | 48,753 |
ก.พ. | 48,753 | 52,720 |
มี.ค. | 52,720 | 59,393 |
เม.ย. | 59,393 | 64,587 |
พ.ค. | 64,587 | 74,921 |
มิ.ย. | 74,921 | 77,891 |
ก.ค. | 77,891 | 80,086 |
ส.ค. | 80,086 | 80,901 |
ก.ย. | 80,901 | 90,572 |
ต.ค. | 90,572 | 92,136 |
พ.ย. | 92,136 | 94,595 |
ธ.ค. | 94,595 | 109,730 |
อย่างไรก็ตามก็เป็นเพียงการแค่กาวิเคราะห์และการคาดการ์ณราคาเหรียญไว้พียงเท่านั้น ราคาอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงที่อยู่กับปัจจัยภายนอกอื่นๆ ที่อาจจะทำให้ราคาไม่ได้เป็นไปตามที่วิเคราะห์ไว้ ดังนั้นนักลงทุนทุกท่านจำเป็นที่จะต้องศึกษาข้อมูลและติดตามสถาการ์ณข่าวสารให้ดีก่อนลงทุน เพราะการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความผันผวนสูงมากกว่าสินทรัพย์อื่นๆ อาจจะทำให้คุณสูญเสียเงินจากการลงทุนก็เป็นได้
คว้าโอกาสการเทรดบิทคอย์กับโบรกเกอร์ชั้นนำ Mitrade เดี๋ยวนี้ 👇️👇️👇️
1.เหรียญใดจะปังในปี 2024?
2.Bitcoin จะเติบโตในอนาคตได้หรือไม่?
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน