วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 11 ก.ค. 2568

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 11 กรกฏาคม 2568 เปิดตลาดมาวันนี้ ราคาทองคำ XAUUSD ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ แถวระดับ $3,300 - $3,330 ซึ่งถือว่ายังทรงตัวได้ค่อนข้างดี ท่ามกลางปัจจัยบวกลบที่เข้ามาปะทะกันอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ตอนนี้เหมือนการชักเย่อกันอยู่ระหว่างปัจจัยที่กดดันราคาทองคำ กับปัจจัยที่คอยพยุงราคาไว้ไม่ให้ร่วงลงไปแรงๆ
ปัจจัยที่กดดันหลักๆ เลยก็คือตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่งเกินคาด โดยเฉพาะตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่ประกาศออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้และยังต่ำกว่าครั้งก่อนด้วยซ้ำ ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง เศรษฐกิจยังไปได้ดีอยู่ เมื่อเศรษฐกิจดี ความน่าสนใจของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยก็ลดลงไปโดยปริยาย นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยังยืนอยู่ในระดับสูงก็เป็นอีกหนึ่งแรงกดดันสำคัญที่ทำให้นักลงทุนบางส่วนเทขายทองคำเพื่อไปหาผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่า
ในขณะเดียวกัน ความคาดหวังของตลาดที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed จะลดดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคมนี้ก็ดูจะเลือนลางลงไป ถึงแม้จะมีกรรมการ Fed บางส่วนส่งสัญญาณว่าอยากให้ลดดอกเบี้ย แต่ส่วนใหญ่ยังคงกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่อาจจะกลับมาพุ่งสูงได้อีกครั้ง โดยเฉพาะจากผลกระทบของมาตรการกำแพงภาษีต่างๆ ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศใช้
ทางด้าน Daniel Pavilonis นักวิเคราะห์จาก RJO Futures ก็ให้ความเห็นว่า เขาไม่คิดว่าราคาทองคำจะสามารถพุ่งทะลุผ่านระดับ $3,400 ไปได้ง่ายๆ ตราบใดที่ยังไม่มีสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงปะทุขึ้นมา และคาดว่าราคาทองคำน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบไปอีกสักพัก
มองข้ามช็อต ทำไมนักวิเคราะห์เชื่อว่าทองคำยังมีอนาคต
แม้ว่าในระยะสั้น ราคาทองคำอาจจะดูอึดอัดไปบ้าง แต่หากเรามองในภาพที่ใหญ่ขึ้นและยาวขึ้น จะพบว่ามีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งหลายอย่างคอยสนับสนุนอยู่ ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์จากหลายสำนักยังคงเชื่อมั่นในอนาคตของทองคำ บริษัทวิเคราะห์อย่าง Metals Focus ชี้ว่าโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวลงแรงๆ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้มีค่อนข้างจำกัด เหตุผลสำคัญคือความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ยังคงปกคลุมอยู่ทั่วโลก ซึ่งจะกระตุ้นให้นักลงทุนยังคงต้องการถือครองทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยง
ถึงแม้สงครามการค้าเต็มรูปแบบอาจจะยังไม่เกิดขึ้น แต่กำแพงภาษีของสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ในระดับสูงก็มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อและสร้างความเสี่ยงให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะชะงักงันได้ในอนาคต
แต่ประเด็นที่ใหญ่กว่านั้นและเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำในระยะยาวที่น่าจับตาที่สุด คือปัญหาหนี้สาธารณะทั่วโลกที่อยู่ในระดับที่ไม่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ เองที่ตอนนี้ทะยานเกินกว่า 37 ล้านล้านดอลลาร์ไปแล้ว และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอีกมหาศาลจากกฎหมายงบประมาณฉบับใหม่
ความกังวลเรื่องหนี้สินล้นพ้นตัวของสหรัฐฯ นี่แหละ ที่เป็นตัวบั่นทอนความเชื่อมั่นในค่าเงินดอลลาร์ และเมื่อเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ก็เป็นปกติที่ราคาทองคำในสกุลเงินดอลลาร์จะปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้ ข้อมูลยังชี้ให้เห็นว่ากองทุน ETP ที่ลงทุนในทองคำกลับมามียอดซื้อสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในเดือนมิถุนายน จนมูลค่าการถือครองพุ่งขึ้นไปทำสถิติสูงสุดใหม่ตลอดกาลที่ 383,000 ล้านดอลลาร์ สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนรายใหญ่ยังคงทยอยสะสมทองคำอย่างต่อเนื่อง
ปัญหาหนี้สหรัฐฯ แรงผลักดันชั้นดีของราคาทองคำในระยะยาว
สอดคล้องกับมุมมองของสภาทองคำโลก (World Gold Council หรือ WGC) ที่ออกมาตอกย้ำว่า ปัญหาการขาดดุลงบประมาณและเสถียรภาพทางการคลังที่ง่อนแง่นของสหรัฐฯ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนราคาทองคำให้สูงขึ้น แม้ว่าจะยังไม่เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินในเร็ววันนี้ก็ตาม
WGC ชี้ว่ากฎหมายงบประมาณฉบับใหม่ของประธานาธิบดี Donald Trump ที่ชื่อว่า “One Big, Beautiful Bill” จะทำให้หนี้ของประเทศเพิ่มขึ้นอีกเกือบ 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ในอีก 10 ปีข้างหน้า สถานการณ์เหล่านี้ได้กระตุ้นให้เกิดการโยกย้ายเงินทุนทั่วโลกออกจากสินทรัพย์สกุลดอลลาร์ เพื่อไปหาสินทรัพย์ปลอดภัยทางเลือกอื่นซึ่งทองคำคือหนึ่งในเป้าหมายหลัก
ที่น่าสนใจคือความสัมพันธ์แบบสวนทางกันระหว่างอัตราดอกเบี้ยกับราคาทองคำที่เคยเป็นมาในอดีต ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปนับตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นมา เราจะเห็นว่าแม้ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงปรับตัวสูงขึ้น แต่ราคาทองคำกลับปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย
ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นจากปัจจัยอื่นที่เข้ามามีอิทธิพลมากกว่า นั่นคือความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ และที่สำคัญคือการเข้าซื้อทองคำอย่างมหาศาลของธนาคารกลางในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ เพื่อใช้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศและกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์เพียงอย่างเดียว WGC ยังมองว่าในอนาคตเราอาจไม่ได้เห็นวิกฤตการคลังของสหรัฐฯ แบบล้มครืนในครั้งเดียว แต่จะมาในรูปแบบของ “วิกฤตย่อยๆ ที่เกิดขึ้นเป็นระลอก” (rolling mini-crises) ทุกครั้งที่เป้าหมายทางการเมืองเกิดขัดแย้งกับความเป็นจริงของตลาด ซึ่งความผันผวนและความไม่แน่นอนเหล่านี้เองที่จะเป็นเพื่อนแท้คอยสนับสนุนให้ราคาทองคำยังคงน่าสนใจในสายตาของนักลงทุนทั่วโลกต่อไป
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ภาพรวมของราคาทองคำไปตามทิศทางที่คาดการณ์ไว้ในบทวิเคราะห์ก่อนหน้า โดยหลังจากที่ราคาถูกแรงขายกดดันลงไปทดสอบแนวรับสำคัญที่ $3,293 แล้วไม่ผ่าน ก็เกิดแรงซื้อกลับเข้ามาอย่างหนาแน่นตามที่ประเมินไว้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นล่าสุดถือเป็นสัญญาณบวกที่ชัดเจนและมีนัยสำคัญยิ่งกว่าเดิม เพราะราคาทองคำไม่ได้เพียงแค่ฟื้นตัว แต่ยังสามารถรวบรวมกำลังจนทะยานผ่านแนวต้านที่เป็นเหมือนปราการด่านสำคัญอย่างเส้นค่าเฉลี่ย EMA 200 (เส้นสีส้ม) บริเวณ $3,325-$3,329 ขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง การทะลุผ่านครั้งนี้เป็นการปลดล็อกและเปลี่ยนภาพรวมทางเทคนิคจากที่เคยอึดอัดให้กลับมาสดใสขึ้นอย่างชัดเจน
การทะลุผ่านแนวต้านสำคัญขึ้นมาได้สำเร็จครั้งนี้ เปรียบเสมือนการยืนยันว่าโมเมนตัมได้เปลี่ยนข้างกลับมาอยู่ในฝั่งของแรงซื้อ สิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งในทางเทคนิคคือ เส้นแนวต้าน EMA 200 ที่เคยเป็นตัวกดดันราคามาตลอด ได้สลับหน้าที่กลายมาเป็นแนวรับด่านแรกที่แข็งแกร่งทันที ซึ่งหมายความว่าตราบใดที่ราคายังสามารถยืนเหนือระดับ $3,325-$3,329 นี้ได้ ภาพรวมในระยะสั้นก็ยังคงดูดีและมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ
สัญญาณนี้ได้รับการยืนยันจากอินดิเคเตอร์อย่าง RSI ที่พุ่งทะยานข้ามผ่านระดับ 50 ขึ้นมาเคลื่อนไหวในแดนกระทิงอย่างมั่นคง สะท้อนถึงกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น (EMA 12 และ 26) ก็กำลังโค้งตัวขึ้น ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะเป็นการสร้างสัญญาณ “Golden Cross” ในไทม์เฟรม 4 ชั่วโมง
สำหรับแนวโน้มในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า เมื่อราคาสามารถเอาชนะแนวต้านใหญ่มาได้ เป้าหมายถัดไปที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดจึงหนีไม่พ้นแนวต้านแรกที่บริเวณ $3,345 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เคยประเมินไว้หากราคาสามารถกลับตัวเป็นขาขึ้นได้สำเร็จ หากแรงซื้อยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง ก็มีโอกาสสูงที่เราจะได้เห็นราคาขึ้นไปท้าทายแนวต้านดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากเกิดแรงขายทำกำไรจนทำให้ราคาย่อตัวกลับลงมาอีกครั้ง จุดสังเกตสำคัญที่สุดคือแนวรับใหม่ที่บริเวณ $3,325-$3,329 นี่เอง หากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับนี้ได้ ก็ยังคงมีโอกาสที่จะสะสมกำลังเพื่อปรับตัวขึ้นไปใหม่ แต่หากราคาหลุดแนวรับนี้ลงมา ก็จะเป็นสัญญาณเตือนว่าการทะลุขึ้นมาครั้งนี้อาจเป็นเพียง “False Breakout” และอาจทำให้ราคากลับลงไปทดสอบแนวรับเดิมที่ $3,293 อีกครั้ง ดังนั้น ทิศทางของราคาทองคำในระยะสั้นจึงขึ้นอยู่กับการรักษาระดับเหนือแนวรับ $3,325 เป็นสำคัญ
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,325
$3,293
$3,256
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,344
$3,372
3,400
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน