Luna Coin คืออะไร ยังน่าลงทุนในอนาคตหรือไม่?

วิกฤตการณ์ Luna Coin ในปี 2022 ถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่สุดครั้งหนึ่งในโลกคริปโต จากเหรียญอันดับท๊อปของโลก กลายเป็นศูนย์ภายในเวลาไม่กี่วัน จนนำไปสู่การกำเนิดใหม่เป็น Luna Classic (LUNC) และ Luna 2.0 (LUNA)

บทความนี้จะพาคุณเจาะลึก Luna Coin อีกครั้ง และวิเคราะห์ว่าเหรียญนี้ยังมีอนาคตให้ลงทุนอีกหรือไม่

Luna coin (ในขณะนั้น) เปิดตัวในปี 2018 โดยบริษัท Terraform Labs สตาร์ทอัปสัญชาติเกาหลีใต้ที่นำโดยสองผู้ก่อตั้ง Do Kwon และ Daniel Shin

Luna coin ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเงินโดยตรงเหมือน Bitcoin แต่ถูกออกแบบมาให้เป็น สินทรัพย์ค้ำประกัน หรือ ตัวรักษาเสถียรภาพ (Stabilizing Token) ให้กับระบบนิเวศบล็อกเชนที่ชื่อว่า Terra    

หัวใจหลักของ Terra คือการสร้างสิ่งที่เรียกว่า Algorithmic Stablecoins หรือเหรียญที่มีมูลค่าคงที่โดยใช้กลไกอัลกอริทึมในการควบคุม ไม่ได้ใช้เงินดอลลาร์จริงๆ มาค้ำประกัน

โดยเหรียญ Stablecoin ของระบบนี้คือ TerraUSD (UST) ซึ่งถูกออกแบบมาให้มีมูลค่าเท่ากับ 1 ดอลลาร์สหรัฐเสมอ

พูดง่ายๆ คือ มูลค่าของ Luna coin ไม่ได้มาจากความขาดแคลน (Scarcity) เหมือน Bitcoin หรือการใช้เป็นค่า Gas เหมือน Ethereum แต่มูลค่าของมันผูกติดอยู่กับ ความสำเร็จ และ ความน่าเชื่อถือ ของ UST

ตราบใดที่คนเชื่อมั่นและใช้งาน UST มากขึ้น LUNA ก็จะมีมูลค่าสูงขึ้น นี่คือการออกแบบที่ชาญฉลาด และในขณะเดียวกัน ก็เป็นจุดเปราะบางที่สุดที่นำไปสู่การล่มสลายครั้งประวัติศาสตร์

แล้วกลไกที่เคยถูกยกย่องว่าเป็นนวัตกรรม ได้กลายมาเป็นหายนะได้อย่างไร

กลไกการทำงาน

 ที่มา: ledgerjournal.org

ระบบของ Terra สร้างกลไกที่เรียกว่า Mint and Burn (การสร้างและเผา) ระหว่าง Luna coin (LUNA) และ UST โดยเปิดโอกาสให้ใครก็ได้สามารถทำกำไรจากส่วนต่างราคา (Arbitrage) เพื่อช่วยรักษาสมดุล 1 ดอลลาร์ของ UST

กลไกนี้ทำงานผ่าน 2 สถานการณ์หลักคือ

1.เมื่อ UST ราคา สูงกว่า 1 ดอลลาร์ (เช่น $1.01)

• สิ่งที่เกิดขึ้น: ระบบจูงใจให้คนเผา (Burn) เหรียญ LUNA มูลค่า $1.00

• ผลลัพธ์: ระบบจะสร้าง (Mint) 1 UST ให้กับคนนั้น

• การทำกำไร: คนนั้นสามารถนำ 1 UST ที่เพิ่งได้มา ไปขายในตลาดที่ราคา $1.01 ได้กำไรทันที $0.01

• ผลต่อระบบ: การกระทำนี้จะเพิ่มอุปทาน (Supply) ของ UST ในตลาด ทำให้ราคา UST ค่อยๆ ลดลงกลับมาสู่ $1.00

2.เมื่อ UST ราคา ต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ (เช่น $0.99)

• สิ่งที่เกิดขึ้น: ระบบจูงใจให้คนไปซื้อ 1 UST จากตลาดในราคา $0.99

• ผลลัพธ์: นำ 1 UST นั้นมาเผา (Burn) ในระบบ ระบบจะสร้าง (Mint) เหรียญ LUNA มูลค่า $1.00 คืนให้

• การทำกำไร: คนนั้นใช้เงิน $0.99 แต่ได้ LUNA กลับมามูลค่า $1.00 ได้กำไรทันที $0.01

• ผลต่อระบบ: การกระทำนี้จะลดอุปทาน (Supply) ของ UST ในตลาด ทำให้ราคา UST ค่อยๆ เพิ่มขึ้นกลับมาสู่ $1.00

ตราบใดที่คนยังเชื่อมั่นในระบบ กลไกนี้ก็ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่เหตุการณ์มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น

จุดเริ่มต้นของจุดจบ

กลไกนี้มีจุดอ่อนร้ายแรง มันตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่า “มีคนเชื่อมั่นใน LUNA เสมอ” และแรงกดดันในการเทขาย UST จะไม่เกิดขึ้นพร้อมกันมหาศาล แต่ในเดือนพฤษภาคม 2022 สมมติฐานทั้งสองข้อได้พังทลายลง    

ปัจจัยเร่งสำคัญคือ Anchor Protocol แพลตฟอร์มบน Terra ที่ให้ผลตอบแทนจากการฝาก UST สูงถึง 19.45% ต่อปี

ผลตอบแทนที่สูงเกินจริง ดึงดูดเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์เข้ามาในระบบ นักวิจารณ์หลายคนมองว่ามันไม่ต่างอะไรกับ Ponzi scheme หรือแชร์ลูกโซ่ เพราะต้องนำเงินสำรองมาจ่ายดอกเบี้ย   

เมื่อตลาดเริ่มผันผวนและเกิดความไม่มั่นคงใน Anchor ประกอบกับการเทขายครั้งใหญ่ (ข้อมูลบางแหล่งระบุว่ามีการถอน UST มหาศาลจาก Curve Finance และเทขาย UST กว่า 285 ล้านดอลลาร์บน Binance)  ราคา UST ก็ได้ หลุด (De-peg) จาก 1 ดอลลาร์อย่างรุนแรง

หายนะเริ่มทำงาน

เมื่อ UST ราคาดิ่งลงต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ เช่น $0.90, $0.80 ไปต่อเรื่อยๆ ความตื่นตระหนกก็เกิดขึ้น

นักลงทุนหลายล้านคน พร้อมใจกันแห่ไปเผา UST ที่กำลังไร้ค่า เพื่อแลกรับ Luna coin (LUNA) มูลค่า $1.00 กลับคืนมา (ตามที่ระบบสัญญาไว้)

ปัญหาคือ เมื่อทุกคนทำพร้อมกัน ระบบจึงต้องสร้าง (Mint) เหรียญ LUNA ใหม่ออกมามหาศาลเพื่อจ่ายนักลงทุนเหล่านั้น

การที่ LUNA ถูกพิมพ์ออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้อุปทานของ LUNA เกิดภาวะ Hyperinflation หรือเงินเฟ้อมหาศาล ราคาของ LUNA จึงดิ่งลงเหว

เมื่อราคา LUNA ยิ่งตก (เช่น เหลือ $0.10) ระบบก็ยิ่งต้องสร้าง LUNA จำนวนมากขึ้นไปอีก เพื่อให้ครบ มูลค่า $1.00 ที่ต้องจ่ายคืน นี่คือวงจรที่ไม่มีวันจบ

ผลลัพธ์ก็คือภายในไม่กี่วัน อุปทานของ Luna coin (LUNA) พุ่งจากหลักร้อยล้าน ไปสู่ระดับ ล้านล้าน (Trillions)  และมูลค่าของทั้ง LUNA และ UST ก็กลายเป็นศูนย์

 ที่มา: Coinmarketcap

การล่มสลายครั้งนี้ ไม่ใช่บั๊ก หรือการแฮ็ก แต่เป็นกลไกที่ทำงานตามปกติของมันเองภายใต้สภาวะ Bank Run

มันพิสูจน์ให้เห็นว่า สินทรัพย์ค้ำประกันที่แท้จริงของระบบนี้ไม่ใช่ LUNA แต่คือ ความไว้วางใจ (Trust) และเมื่อมันพังทลาย ทุกอย่างก็พังตาม

จุดที่คนสับสนมากที่สุด หลังจากการล่มสลาย Luna coin ไม่ได้มีเหรียญเดียวอีกต่อไป Do Kwon (ผู้ก่อตั้ง) ได้เสนอแผนฟื้นฟู ด้วยการทำ Hard Fork

พูดง่ายๆ คือการสร้างบล็อกเชนใหม่ขึ้นมาทับของเดิม ทำให้เกิดเหรียญ Luna coin สองจักรวาลที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

1. Terra Classic (LUNC)

• นี่คือ เชนดั้งเดิม หรือเชนที่ล่มสลาย มันคือซากปรักหักพังของระบบเดิม

• เหรียญ LUNA เดิม ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น Luna Classic (LUNC) และเหรียญ UST เดิม ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น USTC (ซึ่งก็ยังคงหลุด Peg อยู่)

• Tokenomics (กลไกเหรียญ) ที่มีอุปทานมหาศาลจากเหตุการณ์ Hyperinflation ข้อมูลล่าสุด (พฤศจิกายน 2025) มีอุปทานหมุนเวียนประมาณ 5.49 ล้านล้าน LUNC

• หลังถูกทอดทิ้งโดยผู้พัฒนาเดิม (Terraform Labs) นี่กลายเป็นโครงการที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน (Community-driven)

• ความหวังเดียวของชุมชนคือการเผาเหรียญ (Burn Tax) โดยมีการเก็บภาษีจากการทำธุรกรรมบนเชนเพื่อนำเหรียญไปเผาทิ้ง และลดอุปทานมหาศาลนี้ลง

• อัปเดตล่าสุด (2025) ชุมชนยังคงพยายามพัฒนา โดยล่าสุดมีการอัปเกรดเครือข่าย v3.5.0 (สิงหาคม 2025) และมีความพยายามในการฟื้นฟู Market Module (ระบบแลกเปลี่ยน LUNC/USTC) กลับมา

2. Terra 2.0 (LUNA)

• นี่คือ เชนใหม่ ที่ถูกสร้างขึ้นมา (Hard Fork) เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2022

• เหรียญใหม่ของเชนนี้ ใช้ชื่อว่า LUNA (เป็นชื่อเดียวกับเหรียญเดิมที่ล่มสลาย ซึ่งสร้างความสับสนอย่างมาก)

• Tokenomics (กลไกเหรียญ) เริ่มต้นใหม่ด้วยอุปทานที่จำกัด (ข้อมูลการเปิดตัวระบุว่าเริ่มต้นที่ 116.7 ล้าน LUNA) ซึ่งน้อยกว่า LUNC หลายล้านเท่า

• นี่คือการเริ่มต้นใหม่ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Terraform Labs (ในอดีต)

• เหรียญนี้ไม่มีกลไก Algorithmic Stablecoin พวกเขาทิ้งกลไกนี้ไป และมุ่งเน้นการเป็นบล็อกเชน Layer 1 สำหรับ dApps (แอปพลิเคชันกระจายศูนย์) ทั่วไป

• เหรียญ LUNA ใหม่นี้ ถูกแจกจ่ายให้กับผู้ถือ LUNA เดิม (LUNC) และ UST เดิม (USTC) ที่ได้รับผลกระทบจากการล่มสลาย ตามสัดส่วนที่กำหนด

ตารางเปรียบเทียบ LUNC vs LUNA 2.0

ดังนั้น ในการวิเคราะห์ Luna coin เราจึงต้องแยกวิเคราะห์เหมือนเป็นคนละบริษัท LUNC คือการเดิมพันแบบ Deflationary (ลดอุปทาน) ที่ความสำเร็จวัดจากจำนวนการเผา

ในขณะที่ LUNA 2.0 คือการเดิมพันแบบ Growth (การเติบโต) ที่ความสำเร็จวัดจากจำนวน dApps ที่ใช้งาน

นี่คือคำถามสำคัญที่สุด ก่อนจะไปต่อ มีคำเตือนที่ต้องย้ำ

การซื้อ Luna coin ทั้งสองตัวในวันนี้ ไม่ใช่การลงทุน แต่คือการเก็งกำไรที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด ผลตอบแทนในอดีต (ที่พังทลาย) ไม่ได้การันตีอนาคต และนักลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน

วิเคราะห์ Luna Classic (LUNC)

การเดิมพันใน LUNC คือการเดิมพันบนความหวัง และพลังชุมชน โดยมีความฝันสูงสุดคือ “LUNC 1 บาท” หรือ “LUNC $1”

เรามาลองวิเคราะห์ฝัน 1 บาท ด้วยคณิตศาสตร์กันก่อน

• อุปทาน LUNC ปัจจุบัน (พ.ย. 2025): ประมาณ 5.49 ล้านล้าน LUNC

• เป้าหมาย 1 บาท (ประมาณ $0.027 USD)

• มูลค่าตลาด (Market Cap) ที่ต้องใช้คือ $5.49 ล้านล้าน x $0.027 =$148.23 พันล้านดอลลาร์

• เปรียบเทียบกับ Market Cap ระดับนี้ ใหญ่กว่าเหรียญอย่าง Solana หรือ XRP ทั้งหมด (ในสภาวะตลาดปัจจุบัน)

• ส่วนเป้าหมาย $1 หากจะไปถึง $1 ต้องใช้ Market Cap = $5.49 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งใหญ่กว่า Market Cap ของ Bitcoin หลายเท่า

บทสรุปสำหรับ LUNC คือ มันเป็นไปไม่ได้ ทางคณิตศาสตร์ เว้นแต่จะมีการเผาเหรียญหายไปมากกว่า 99.9% ของอุปทานทั้งหมด

ดังนั้น การเทรด LUNC จึงเป็นการเดิมพันว่าการเผาครั้งมโหฬารจะเกิดขึ้นจริง

วิเคราะห์ LUNA 2.0 (LUNA)

นี่คือการเดิมพันบนการฟื้นตัวของระบบนิเวศ

• ปัจจัยบวกคือ การไม่มี Algorithmic Stablecoin, อุปทานน้อยกว่า LUNC เยอะ, มีนักพัฒนาและ dApps พยายามกลับมาสร้างบนเชน และยังคงมีการอัปเดตโค้ดอยู่บ้า

• ปัจจัยลบ ที่เป็น Red Flags ที่สำคัญที่สุด และเป็นข้อมูลอัปเดตล่าสุดที่นักลงทุน Luna coin ต้องรู้ คือเรื่องของ Do Kwon (ผู้ก่อตั้ง)

การล่มสลายครั้งแรกเกิดจากวิกฤตศรัทธา และ LUNA 2.0 ถูกสร้างมาเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นนั้น แต่โปรเจกต์นี้ผูกติดกับชื่อเสียงของผู้ก่อตั้งอย่างแยกไม่ออก

ณ เดือนสิงหาคม 2025 Do Kwon ได้ยอมรับสารภาพผิด ในข้อหาฉ้อโกง 2 กระทง ในศาลสหรัฐฯ และตกลงที่จะริบทรัพย์สินมูลค่า 19 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงยอมความ

 ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์

เขากำลังรอการกำหนดโทษในเดือนธันวาคม 2025 โดยรัฐบาลสหรัฐฯ จะเสนอให้ลงโทษจำคุกไม่เกิน 12 ปี

นี่คือปัจจัยที่บ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของ LUNA 2.0 อย่างร้ายแรงที่สุด ข้อกล่าวหาไม่ได้เป็นแค่ข่าวลืออีกต่อไป แต่ผู้ก่อตั้งเป็นผู้กระทำผิดตามกฎหมายแล้ว

ดังนั้น การลงทุนใน LUNA 2.0 จึงเป็นการเดิมพันที่ประหลาดมาก คือการเดิมพันว่าระบบนิเวศนี้จะแยกตัวออกจากเงาของผู้ก่อตั้งที่ฉ้อโกงได้สำเร็จหรือไม่ นี่คือความเสี่ยงที่ประเมินค่าไม่ได้

 ที่มา: coingekco

ราคา LUNC ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยพื้นฐาน แต่ขับเคลื่อนด้วย “ข่าว” เช่น ข่าวการเผาเหรียญจาก Exchange ใหญ่ๆ อย่าง Binance หรือข่าวการอัปเกรดทางเทคนิคของชุมชน

ณ ปลายปี 2025 ภาพรวมทางเทคนิคของ LUNC อยู่ในภาวะหมีอย่างรุนแรง สัญญาณทางเทคนิคหลายตัวบ่งชี้ถึงแรงขายที่ต่อเนื่อง และตลาดยังคงขาดความเชื่อมั่น

• ปี 2025 - 2026: แหล่งข้อมูลส่วนใหญ่ (เช่น Gate.com, Binance) คาดการณ์ในกรอบแคบๆ ที่ $0.00003x - $0.00004x

• ปี 2030 (ระยะยาว): Bitget คาดการณ์ที่ $0.000046 แต่ถ้าเป็น Bull Case ด้าน CoinDCX  ก็คาดการณ์สูงถึง $0.008 - $0.015

อย่างไรก็ตาม แม้ชุมชนจะมีความพยายามอัปเกรดเครือข่าย (เช่น v3.5.0 ในเดือนสิงหาคม 2025) และมีการเผาเหรียญอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่สามารถสู้แรงเทขายได้ สะท้อนจากการที่ OKX ประกาศถอดถอน LUNC ในเดือนกันยายน 2025 เนื่องจากสภาพคล่องต่ำ

การคาดการณ์ราคา LUNA (Luna 2.0)

 ที่มา: coingekco

สถานการณ์ของ LUNA 2.0 ยิ่งซับซ้อน กราฟสะท้อนถึงวิกฤตความเชื่อมั่นอย่างชัดเจน ข้อมูล ณ เดือนพฤศจิกายน 2025 ราคาได้ลดลงกว่า 78.9% ตั้งแต่ต้นปี และอยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาล (ATH) ที่ $18.87 ถึง 99.55%

นอกจากนี้ ปริมาณการซื้อขายและสภาพคล่องยังคงเบาบาง ซึ่งเป็นสัญญาณอันตราย ดังนั้น การวิเคราะห์ทางเทคนิคแทบไม่มีความหมาย เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐานที่เลวร้าย ทั้งความเสี่ยงด้านกฎระเบียบที่เข้มงวด และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข่าวการยอมรับสารภาพผิดฐานฉ้อโกงของผู้ก่อตั้ง ซึ่งทำลายความน่าเชื่อถือที่เหลืออยู่ทั้งหมด

ในมุมมองด้าน Bearish หลายฝ่ายมองว่าราคาจะค่อยๆ ตาย

• ปี 2025: Binance คาดการณ์ราคา $0.086

• ปี 2026: Binance และ Kraken คาดการณ์ราคา $0.091 เท่าๆ กัน

• ปี 2030 (ระยะยาว): ส่วนใหญ่คาดการณ์กันที่ราคา $0.11

• อย่างไรก็ตาม มีบางส่วนที่คาดการณ์ว่าราคาอาจจะลดไปต่ำกว่า $0.00xx ภายในปี  2030 เช่นกัน

ส่วนมุมมองของกลุ่มกระทิง (Bullish) ก็มีการมองว่าจะมีการฟื้นตัวดังนี้

• ปี 2025: Binance คาดการณ์ราคา $0.13 - $1.00

• ปี 2026: คาดการณ์ราคา $0.51 - $1.29

• ปี 2030 (ระยะยาว): คาดการณ์ราคา $1.56 - $3.75

หากคุณได้ศึกษาความเสี่ยงทั้งหมดแล้ว และยอมรับได้ว่านี่คือการเก็งกำไรที่อาจสูญเสียเงินทั้งจำนวน

ขั้นตอนแรกคือการตัดสินใจให้ชัดเจนว่าคุณกำลังจะซื้อ Luna coin ตัวไหน LUNC (Luna Classic) หรือ LUNA (Luna 2.0)

การซื้อเหรียญจริง

นี่คือการซื้อเพื่อถือครองเหรียญนั้นไว้ใน Wallet ใน Exchange เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการถือครองในระยะยาว (หากเชื่อมั่นในอนาคตของมัน)

• LUNC: มีการซื้อขายในกระดานเทรด ชั้นนำระดับโลกหลายแห่ง เช่น Binance, Gate.io 

• LUNA (2.0): มีการซื้อขายเช่นกันใน Binance, Bitkub, OKX   

การเก็งกำไรส่วนต่างราคา (CFD Trading)

นี่คือทางเลือกสำหรับนักเก็งกำไรที่ไม่ต้องการถือเหรียญ หรือมีความยุ่งยากในการเปิด Wallet แต่ต้องการเดิมพันกับความเคลื่อนไหวของราคา (ทั้งขาขึ้นและขาลง) ผ่านตราสาร CFD (Contract for Difference)

สำหรับนักลงทุนที่อาจไม่ได้มุ่งเน้นการถือเหรียญ Luna coin โดยตรง แต่สนใจการเก็งกำไรในความผันผวนของตลาดคริปโตในภาพรวม เช่น สกุลเงินหลักอย่าง Bitcoin (BTC) หรือ Ethereum (ETH) โบรกเกอร์ CFD อย่าง Mitrade ก็นำเสนอเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสามารถเทรดสินทรัพย์เหล่านี้ได้

การเทรด CFD ช่วยให้นักลงทุนสามารถใช้ประโยชน์จาก Leverage และมีเครื่องมือบริหารความเสี่ยง ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการจัดการกับตลาดที่ผันผวนสูง

💸 ห้ามพลาด!!! 💸

แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์! 🎁🎁🎁

ค่าคอมฯ 0 สเปรดต่ำ! เงินฝากขั้นต่ำ $50 🤑

ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี 💰

เทรดเดี๋ยวนี้ >

การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน

Luna coin คือหนึ่งในบทเรียนที่เจ็บปวดที่สุดของประวัติศาสตร์คริปโต ซึ่งในทางคณิตศาสตร์แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ราคากลับไปสู่จุดเดิมได้ เพราะฉะนั้นคำตอบสุดท้ายสำหรับคำถามที่ว่า “อนาคตน่าลงทุนไหม?”

คำตอบคือ ทั้งสองเหรียญมี ความเสี่ยงในระดับสูงสุด การลงทุนใดๆ ควรใช้เงินที่พร้อมจะสูญเสียทั้งจำนวนเท่านั้น