หุ้นเกาหลีตัวไหนดี? 8 อันดับหุ้นเกาหลีน่าสนใจปี 2025

ปี 2025 กำลังคิดจะลงทุนในตลาดต่างประเทศหรือเปล่า วันนี้เราขอแนะนำหุ้นเกาหลี เกาหลีใต้เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและการส่งออก มีศักยภาพในการเติบโตที่แข็งแกร่ง ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี นี่คือหุ้นเกาหลีชั้นนำ 8 ตัวจากปี 2025 ที่ควรพิจารณา มาสำรวจไปพร้อมๆ กัน
ทำไมหุ้นเกาหลีถึงน่าสนใจ
ความน่าสนใจของหุ้นเกาหลีมีที่มาจากหลายปัจจัย ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดนี้เป็นที่ดึงดูดใจนักลงทุนจากทั่วโลก ได้แก่
1.ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่าเศรษฐกิจของเกาหลีจะเติบโต 1 เปอร์เซ็นต์ในปี 2025 ขณะที่ OECD และธนาคารแห่งเกาหลีคาดการณ์การเติบโต 1.5 เปอร์เซ็นต์
นอกจากนี้ KDI ยังคาดการณ์ว่าราคาผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้น 1.7 เปอร์เซ็นต์ในปี 2025 และ 1.8 เปอร์เซ็นต์ในปี 2026 โดยอ้างถึงอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอและราคาน้ำมันที่ทรงตัว การเติบโตของการจ้างงานคาดว่าจะลดลง โดยมีการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้นเพียง 90,000 ตำแหน่งในปี 2568 และ 70,000 ตำแหน่งในปี 2025 ในขณะที่อัตราการว่างงานคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 3 เปอร์เซ็นต์ในทั้งสองปี
2.เป็นหนึ่งในตลาดที่เป็นแหล่งรวมบริษัทชั้นนำระดับโลก
เกาหลีใต้เป็นที่ตั้งของบริษัทที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับระดับโลก เช่น Samsung, Hyundai, LG, SK Hynix, POSCO และ Kia ซึ่งบริษัททั้งหมดนี้มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจในระดับนานาประเทศ การลงทุนในหุ้นเกาหลีเหล่านี้จึงมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่มั่นคงและสมน้ำสมเนื้อได้ในระยะยาว
3.ความเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี
เกาหลีใต้เป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยี โดยมีการพัฒนาเทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ เช่น สมาร์ทโฟน อิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยีสารสนเทศในระดับที่แข่งขันได้ระดับโลก ทำให้ตลาดหุ้นเกาหลีมีศักยภาพในการเติบโตจากนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่เกาหลีถูกได้จัดได้ว่าเป็นประเทศที่โดดดเด่นในเรื่องของอุตสาหกรรมทางด้านเทคโนโลยีเป็นหลัก เนื่องจากว่ามีการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีไปต่างประเทศทั่วโลก สาเหตุที่ทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีเพราะว่ารัฐบาลวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีมาตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1980s
4.กระแสการความนิยมของเทคโนโลยี AI
เนื่องจากว่าประเทศเกาหลี เป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ดังนั้นภายใต้กระแสที่มาแรงของ Generative AI ในยุคปัจจุบันนี้ ย่อมส่งผลต่อสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โดยตรง เพราะถือชิ้นส่วนสำคัญต่อการพัฒนา AI นั่นเอง โดยบริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของเกาหลีใต้ คือ Samsung Electronics และ SK hynix ซึ่งทั้งคู่ได้ป้อนชิปให้แก่บิ๊กเทค อาทิ Apple, Microsoft, Asus, Dell, MSI, HP และ Deutsche Telekom เป็นต้น
หุ้นเกาหลีตัวไหนดี? 8 อันดับหุ้นเกาหลีที่น่าสนใจปี 2025
1. Samsung Electronics (005930.KS)
Samsung Electronics ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 13 มกราคม 1969 ในเมืองซูวอน ประเทศเกาหลีใต้ และเติบโตจนกลายเป็นผู้นำระดับโลกด้านอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ โดยในปี 2017 บริษัทประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการกลายเป็นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก การเติบโตของบริษัทเกิดจากนวัตกรรมในชิปหน่วยความจำ สมาร์ทโฟน และเทคโนโลยีจอแสดงผล
ในปี 2024 บริษัท Samsung Electronics รายงานรายได้รวมประมาณ 256.1 ล้านล้านวอน และกำไรสุทธิประมาณ 39.8 ล้านล้านวอน เทียบเท่ากับกำไรต่อหุ้นประมาณ 2,450 วอน ขับเคลื่อนโดยยอดขายชิปเซมิคอนดักเตอร์ที่เพิ่มขึ้น การเติบโตของธุรกิจสมาร์ทโฟน การขยายตัวในตลาดจอแสดงผลและเครื่องใช้ในบ้าน และการลงทุนในเทคโนโลยี 5G และ AI
Samsung Electronics จากการสร้างรายได้ที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และการจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอ ทำให้บริษัทนี้เป็นที่สนใจของนักลงทุนที่มองหาการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่มีความมั่นคงและมีโอกาสเติบโตในอนาคต
รายละเอียด
รายได้: 300.87ล้านล้านวอน (↑16.20% YoY)
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน: 81.58ล้านล้านวอน (↑13.34% YoY)
รายได้สุทธิ: 33.62ล้านล้านวอน (↑132.30% YoY)
อัตรากำไรสุทธิ: 11.17% (↑99.82% YoY)
กำไรต่อหุ้น (EPS): 85.83วอน (↓95.97% YoY)
2. Hyundai Motor (005380.KS)
Hyundai Motor ก่อตั้งขึ้นในปี 1967 และได้กลายเป็นผู้ผลิตยานยนต์ระดับโลกที่มีชื่อเสียง การเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของบริษัทนั้นโดดเด่นจากการขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าและตลาดทั่วโลก ความมุ่งมั่นของ Hyundai ในด้านนวัตกรรม รวมถึงการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยมีตลาดจัดจำหน่ายรถยนต์ทั่วโลก
ในปี 2024 บริษัท Hyundai Motor รายงานรายได้รวมประมาณ 114 ล้านล้านวอน และกำไรสุทธิประมาณ 7.5 ล้านล้านวอน เทียบเท่ากับกำไรต่อหุ้น 45,259.3 วอน โดยการเติบโตของรายได้นั้นขับเคลื่อนโดยยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น การขยายไปยังภูมิภาคใหม่ และการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ขั้นสูงเป็นหลัก
Hyundai Motor มีความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรที่มั่นคง มีงบดุลที่แข็งแกร่งและจ่ายเงินปันผลในระดับดีได้อย่างสม่ำเสมอ จึงได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่มองหาการเติบโตในอุตสาหกรรมยานยนต์และต้องการผลตอบแทนที่คงเส้นคงวา
รายละเอียด
รายได้: 44.41 ล้านล้านวอน (↑9.22% เมื่อเทียบกับปีก่อน)
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน: 5.35 ล้านล้านวอน (↑9.76% เมื่อเทียบกับปีก่อน)
รายได้สุทธิ: 3.16 ล้านล้าวอน (↓2.26% เมื่อเทียบกับปีก่อน)
อัตรากำไรสุทธิ: 7.11% (↓10.57% เมื่อเทียบกับปีก่อน)
กำไรต่อหุ้น (EPS): ไม่มีรายงาน
3. SK Hynix (000660.KS)
SK Hynix ก่อตั้งขึ้นในปี 1983 เป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำที่เชี่ยวชาญด้านชิปหน่วยความจำ เหตุการณ์สำคัญที่น่าจับตามองคือการเข้าซื้อธุรกิจหน่วยความจำ NAND ของ Intel ในปี 2021 ซึ่งช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก การเติบโตของบริษัทได้รับแรงผลักดันจากความต้องการหน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นในแอปพลิเคชันเทคโนโลยีต่างๆ
ในปี 2024 SK Hynix รายงานรายได้รวมประมาณ 46 ล้านล้านวอนและกำไรสุทธิประมาณ 3.5 ล้านล้านวอน เทียบเท่ากับกำไรต่อหุ้นประมาณ 3,500 วอน โดยการเติบโตของรายได้ได้รับการสนับสนุนจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดชิป DRAM และ NAND การขยายกำลังการผลิต ความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดคลาวด์ และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่
SK Hynix มีงบดุลที่แข็งแกร่งและมีความสามารถในการลงทุนในนวัตกรรมใหม่ ๆ ทำให้น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาหุ้นเทคโนโลยีที่มีโอกาสเติบโตในระยะยาว แต่เนื่องจากรายได้ของอุตสาหกรรมชิปมีลักษณะเป็นวัฏจักรทำให้อาจต้องเผชิญความผันผวนของตลาดในระยะสั้นได้ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงด้านนวัตกรรมและความต้องการเทคโนโลยีใหม่ ๆ
รายละเอียด
รายได้: 17.64 ล้านล้านวอน (↑41.91% เมื่อเทียบกับปีก่อน)
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน: 2.66 ล้านล้านวอน (↑39.42% เมื่อเทียบกับปีก่อน)
รายได้สุทธิ: 8.11 ล้านล้านวอน (↑322.46% เมื่อเทียบกับปีก่อน)
อัตรากำไรสุทธิ: 45.97% (↑197.73% เมื่อเทียบกับปีก่อน)
กำไรต่อหุ้น (EPS): 11.41Kวอน (↑309.29% เมื่อเทียบกับปีก่อน)
4. LG Chem (051910.KS)
LG Chem ก่อตั้งขึ้นในปี 1947 และได้พัฒนาเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ระดับโลกในด้านการผลิตแบตเตอรี่ ปัจจัยการเติบโตที่สำคัญคือการขยายธุรกิจไปสู่การผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งทำให้บริษัทเป็นผู้เล่นหลักในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
ในปี 2024 LG Chem รายงานรายได้รวมประมาณ 41 ล้านล้านวอนและกำไรสุทธิประมาณ 2.8 ล้านล้านวอน โดยมีกำไรต่อหุ้น 12,604.31 วอน การเติบโตของรายได้ขับเคลื่อนโดยความต้องการแบตเตอรี่ EV และวัสดุเคมีขั้นสูงที่เพิ่มขึ้น
ด้วยความเป็นผู้นำในตลาดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า, การเติบโตของธุรกิจวัสดุเคมีขั้นสูง, และการลงทุนในเทคโนโลยีพลังงานสะอาด ทำให้ LG Chem เป็นหุ้นเกาหลีที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงในอนาคต
รายละเอียด
รายได้: 12.34 ล้านล้านวอน (↓6.08% เมื่อเทียบกับปีก่อน)
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน: 620.49 พันล้านวอน (↓42.43% เมื่อเทียบกับปีก่อน)
รายได้สุทธิ: -1.06 ล้านล้านวอน (↓1,196.03% เมื่อเทียบกับปีก่อน)
อัตรากำไรสุทธิ: —
กำไรต่อหุ้น (EPS): -23.91Kวอน (↓2,100.00% เมื่อเทียบกับปีก่อน)
5. Naver Corp (035420.KS)
Naver ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 เป็นบริษัทผู้ให้บริการเนื้อหาทางอินเทอร์เน็ตชั้นนำของเกาหลีใต้ จุดเปลี่ยนสำคัญคือการเปิดตัวเสิร์ชเอ็นจิ้นซึ่งได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศ การเติบโตของบริษัทขับเคลื่อนโดยการขยายไปสู่บริการดิจิทัลต่างๆ รวมถึงอีคอมเมิร์ซและฟินเทค
ในปี 2024 Naver Corp รายงานรายได้รวมประมาณ 7.5 ล้านล้านวอน กำไรสุทธิประมาณ 1.2 ล้านล้านวอน โดยมีกำไรต่อหุ้นประมาณ 9,720.13 วอน การเติบโตของบริษัทได้รับการสนับสนุนจากการลงทุนด้านนวัตกรรมและการขยายบริการดิจิทัล
การลงทุนในหุ้น Naver มีความน่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสในบริษัทเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการเติบโตและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง
รายละเอียด
รายได้: 2.89 ล้านล้านวอน (↑13.74% เมื่อเทียบกับปีก่อน)
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน: 2.34 ล้านล้านวอน (↑9.95% เมื่อเทียบกับปีก่อน)
รายได้สุทธิ: 553.90 พันล้านวอน (↑76.50% เมื่อเทียบกับปีก่อน)
อัตรากำไรสุทธิ: 19.20% (↑55.21% เมื่อเทียบกับปีก่อน)
กำไรต่อหุ้น (EPS): 3,650วอน (↑77.20% เมื่อเทียบกับปีก่อน)
6. POSCO Holdings (005490.KS)
POSCO ก่อตั้งขึ้นในปี 1968 และเติบโตจนกลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของโลก จุดเปลี่ยนสำคัญคือการขยายธุรกิจไปสู่การผลิตเหล็กอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก บริษัทมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ยานยนต์ ก่อสร้าง และอุตสาหกรรมหนัก ปัจจุบันบริษัทกำลังเน้นลงทุนในโครงการพลังงานและวัสดุขั้นสูง
ในปี 2024 POSCO รายงานรายได้รวมประมาณ 78 ล้านล้านวอนและกำไรสุทธิประมาณ 7 ล้านล้านวอน โดยมีกำไรต่อหุ้นประมาณ 17,108.02 วอน การเติบโตของรายได้ได้รับการสนับสนุนจากความต้องการเหล็กที่เพิ่มขึ้นและการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต
หุ้น POSCO ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอันเนื่อมาจากรายได้รวมที่แข็งแกร่งและกำไรสุทธิที่ดี นอกจากนี้การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเหล็กกล้าและการลงทุนในนวัตกรรมช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตในระยะยาว
รายละเอียด
รายได้: 17.44 ล้านล้านวอน (↓3.41% เมื่อเทียบกับปีก่อน)
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน: 767.00 พันล้านวอน (↑2.42% เมื่อเทียบกับปีก่อน)
รายได้สุทธิ: 302.00 พันล้านวอน (↓44.15% เมื่อเทียบกับปีก่อน)
อัตรากำไรสุทธิ: 1.73% (↓42.33% เมื่อเทียบกับปีก่อน)
กำไรต่อหุ้น (EPS): ไม่มีรายงาน
7. Celltrion (068270.KS)
Celltrion ก่อตั้งขึ้นในปี 2002 เป็นบริษัทชีวเภสัชที่เชี่ยวชาญด้านไบโอซิมิลาร์ ความสำเร็จที่สำคัญประการหนึ่งคือการพัฒนา Remsima ซึ่งเป็นแอนติบอดีโมโนโคลนอลไบโอซิมิลาร์ตัวแรกของโลกที่ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานยาแห่งยุโรป การเติบโตของบริษัทขับเคลื่อนโดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์และการขยายตลาดทั่วโลก
ในปี 2024 Celltrion รายงานรายได้รวมประมาณ 3.2 ล้านล้านวอนและกำไรสุทธิประมาณ 500,000 ล้านวอน โดยมีกำไรต่อหุ้นประมาณ 2,477.71 วอน การเติบโตของรายได้ได้รับการสนับสนุนจากการขายผลิตภัณฑ์ชีวภาพและการขยายตลาดต่างประเทศ
หุ้น Celltrion มีความน่าสนใจจากรายได้รวมที่แข็งแกร่งและกำไรสุทธิที่มั่นคง รวมทั้งการขายผลิตภัณฑ์ทางชีวภาพที่เพิ่มขึ้นและการขยายตลาดในต่างประเทศที่จะช่วยผลักดันผลประกอบการได้ในระยะยาว
รายละเอียด
รายรับ: 1.06 พันล้านวอน (↑178.01% Y/Y)
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน: 347.40Bวอน (↑182.95%)
รายได้สุทธิ: 236.65Bวอน (↑22,354.46%)
อัตรากำไรสุทธิ: 22.25% (↑7,846.43%)
กำไรต่อหุ้น (EPS): 1.15Kวอน (↑13,270.00%)
8. Hyundai Mobis (012330.KS)
Hyundai Mobis ก่อตั้งขึ้นในปี 1977 และเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ชั้นนำ ปัจจัยการเติบโตที่สำคัญคือการมุ่งเน้นพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ขั้นสูง รวมถึงระบบขับขี่อัตโนมัติ การที่บริษัทบูรณาการกับ Hyundai Motor Group ช่วยยกระดับตำแหน่งทางการตลาดของบริษัท
ในปี 2024 Hyundai Mobis (012330.KS) รายงานรายได้รวมประมาณ 39 ล้านล้านวอนและกำไรสุทธิประมาณ 3 ล้านล้านวอน โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 37,920.06 วอน การเติบโตของรายได้ได้รับการสนับสนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของชิ้นส่วนและเทคโนโลยียานยนต์ รวมถึงการขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศ
Hyundai Mobis มีรายได้รวมที่แข็งแกร่งและสร้างกำไรสุทธิได้ดี การเทรดยังซื้อขายในราคาไม่แพง และด้วยปันผลที่จ่ายได้สม่ำเสมอ หุ้นเกาหลีตัวนี้จึงได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่จะถือได้ในระยะยาว
รายละเอียด
รายได้: 14.71 ล้านล้านวอน (↑0.26% Y/Y)
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน: 1.33 ล้านล้านวอน (↑1.83%)
รายได้สุทธิ: 1.28 ล้านล้านวอน (↑96.10%)
อัตรากำไรสุทธิ: 8.69% (↑95.72%)
กำไรต่อหุ้น (EPS): 14.16Kวอน (↑96.32%)
วิธีลงทุนในหุ้นเกาหลี
ปัจจุบันการลงทุนในหุ้นเกาหลีสำหรับนักลงทุนไทยยังเป็นไปได้อย่างจำกัด แต่ยังสามารถทำได้ เช่น
1.การลงทุนในหุ้นรายตัวผ่านโบรกเกอร์ไทย
การลงทุนในหุ้นเกาหลีรายตัวสำหรับนักลงทุนไทยทำได้ด้วยการเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศกับโบรกเกอร์ผู้ให้บริการ เช่น หลักทรัพย์กสิกร หลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์ และสามารถเข้าซื้อหุ้นในตลาดหุ้นใหญ่ ๆ ของโลก รวมทั้งตลาดหุ้นเกาหลีได้
2.การลงทุนใน ETF: EYW
ETF หรือ Exchange-Traded Fund คือ กองทุนที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เหมือนหุ้นแต่ละตัว โดย ETF จะถือครองสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น iShares MSCI South Korea ETF (EYW) ที่เป็น ETF ลงทุนในหุ้นเกาหลี โดยมุ่งหมายได้ได้ผลตอบแทนล้อตามตลาดหุ้น การลงทุนใน ETF หุ้นเกาหลีสำหรับนักลงทุนไทยทำได้หลายวิธี เช่น
1️⃣ การซื้อหุ้น ETF หุ้นเกาหลีผ่านแอปผู้ให้บริการ เช่น Dime Innovest X ซึ่งมีบริการให้นักลงทุนเลือกลงุทุนในดัชนีหุ้นเกาหลีและต้องการมีส่วนในการเติบโตของเศรษฐกิจเกาหลีได้
2️⃣ การเทรดสัญญาอนุพันธ์ เช่น CFDs กับโบรกเกอร์อย่าง Mitrade Plus500 เป็นการลงทุนบนสัญญาที่ให้สิทธิซื้อขายและจะได้กำไรจากส่วนต่างราคาโดยไม่จำเป็นต้องเข้าซื้อกองทุนมาก่อน
การเทรด CFDs บน ETF หุ้นเกาหลีอย่าง iShares MSCI S Korea ETF (EYW) ช่วยให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรบนการเปลี่ยนแปลงของดัชนีหุ้นเกาหลีได้ รวมถึงใช้ในการประกันความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นเกาหลีได้ด้วยการใช้อัตราทดและใช้เงินลงทุนน้อย แต่จะไม่ได้ทำให้นักลงทุนได้สิทธิอื่น ๆ เช่น จะไม่ได้เงินปันผล
ราคา EWY แบบเรียลไทม์

สรุป
ปัจจุบันหุ้นเกาหลีได้รับความสนใจจากนักลงทุนจากทั่วโลกจากการเติบโตของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี พลังงาน เทคโนโลยีสุขภาพ และอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต การลงทุนในตลาดหุ้นเกาหลีจึงไม่ใช่แค่การกระจายพอร์ตแต่เป็นการเปิดรับโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาว ถึงอย่างนั้นสำหรับนักลงทุนไทยแล้วการลงทุนในต่างประเทศยังคงมีความเสี่ยง โดยเฉพาะความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน นักลงทุนควรศึกษารายละเอียดและความเสี่ยงอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน