เทรดหุ้นคือการพนันไหม? ไขข้อข้องใจให้เคลียร์ชัด

เคยไหม เวลาบอกใครๆ ว่าเทรดหุ้นอยู่ แล้วเจอสวนกลับมาว่าเล่นพนันอ่ะดิ พร้อมกับเป็นคำถามสุดคลาสสิกเหลือเกินว่า “เทรดหุ้นคือการพนันไหม?”
วันนี้ เราจะมาเจาะลึกให้ชัดเลยว่าเทรดหุ้นคือการพนันไหม? แล้วทำยังไงให้การเทรดของเรามันห่างไกลคำว่าการพนันได้ เตรียมตัวให้พร้อม แล้วไปลุยกันเลย
ความเหมือนและต่างระหว่าง “การเทรดหุ้น” กับ “การพนัน” มาดูกันชัดๆ
ยอมรับเลยว่าถ้ามองแบบผิวเผิน ไม่ลงลึกในรายละเอียด การเทรดกับการพนันมันก็มีบางมุมที่คล้ายกันจนทำให้คนสับสนได้จริงๆ สิ่งที่ ดูคล้าย กัน
ความเสี่ยงและผลตอบแทน ทั้งสองอย่างเปิดโอกาสให้คุณทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ในขณะเดียวกันก็พร้อมจะทำให้คุณหมดตัวได้ในพริบตาเหมือนกัน ความไม่แน่นอนนี่แหละคือเสน่ห์ (และอันตราย) ของมัน
ต้องใช้เงินทุน ไม่ว่าจะเทรดหรือจะแทง ก็ต้องมีกระสุน หรือเงินทุนเริ่มต้นด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีเงินก็เริ่มเกมไม่ได้
รถไฟเหาะทางอารมณ์ จุดนี้เหมือนมาก ความโลภอยากได้อีก ความกลัวว่าจะเสีย ความหวังว่ามันจะกลับมา ความตื่นเต้นตอนราคาพุ่งหรือตอนลุ้นผล ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ทั้งในวงเทรดและวงพนัน
การตัดสินใจภายใต้ความไม่แน่นอน คุณต้องตัดสินใจว่าจะ “ลง” หรือ “ไม่ลง”, “เข้า” หรือ “ออก”, “ถือต่อ” หรือ “พอแค่นี้” ทั้งๆ ที่ไม่รู้ผลลัพธ์ในอนาคต 100%
แต่เดี๋ยวก่อน! จุดต่างนี่แหละสำคัญ นี่คือเหตุผลว่าทำไมการเทรด (ที่ดี) ถึงไม่ใช่การพนัน
พื้นฐานการตัดสินใจ การพนัน อาศัย “โชคชะตาฟ้าลิขิต” หรือ “ความน่าจะเป็นทางสถิติที่ควบคุมไม่ได้” เป็นหลัก เช่น โอกาสออกหัวก้อย โอกาสได้ไพ่ใบนั้นใบนี้ แทบไม่มีข้อมูลเชิงลึกให้วิเคราะห์เพื่อเพิ่มโอกาสชนะอย่างมีนัยสำคัญ แต่การเทรด (แบบมีหลักการ) ต้องอาศัยการวิเคราะห์อย่างหนัก ทั้ง
- ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis - FA) เจาะลึกสุขภาพการเงินของบริษัท ดูแนวโน้มกำไร หนี้สิน P/E, P/BV, อัตราปันผล วิเคราะห์อุตสาหกรรม คู่แข่ง สภาพเศรษฐกิจ เพื่อประเมินมูลค่าที่แท้จริง และศักยภาพการเติบโต
ที่มา: Tradingview
- ปัจจัยทางเทคนิค (Technical Analysis - TA) ศึกษาพฤติกรรมราคาในอดีตผ่านกราฟ ดูแนวโน้ม (Trend), แนวรับ-แนวต้าน, รูปแบบราคา (Patterns), ใช้เครื่องมือ (Indicators) เช่น เส้นค่าเฉลี่ย (Moving Average), RSI, MACD เพื่อหาจังหวะ เข้า-ออก ที่มีความได้เปรียบทางสถิติ ไม่ใช่การเดาสุ่ม
ที่มา: Tradingview
สินทรัพย์อ้างอิง ถ้าเป็นการพนัน คุณแค่เดิมพันกับผลลัพธ์ของเกมหรือเหตุการณ์ ไม่ได้เป็นเจ้าของอะไรเลย แต่กับการเทรดหุ้น คุณกำลังซื้อส่วนหนึ่งของความเป็นเจ้าของในบริษัทนั้นๆ บริษัทมีสินทรัพย์จริง ดำเนินธุรกิจจริง มีรายได้ มีพนักงาน มีมูลค่าในตัวเอง (แม้ราคาตลาดจะผันผวนก็ตาม)
ข้อมูลและการเข้าถึง ถ้าการการพนัน ข้อมูลมีจำกัด หรือเป็นความลับ (ใครจะไปรู้ไพ่ใบต่อไป?) ส่วนการเทรด ข้อมูล (ส่วนใหญ่) เปิดเผยต่อสาธารณะ งบการเงินที่ต้องส่งตามกฎหมาย ข่าวสาร บทวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ ข้อมูลสถิติราคาย้อนหลัง ทุกอย่างเข้าถึงได้ (ผ่าน SET, เว็บไซต์บริษัท, แหล่งข่าวการเงิน) อยู่ที่ว่าใครจะขยันศึกษาและนำมาใช้ประโยชน์ได้มากกว่ากัน
ทักษะ vs โชค “โชค” ในการพนันมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งยวด แม้บางเกมอาจใช้กลยุทธ์ได้บ้าง แต่สุดท้ายดวงก็พลิกเกมได้ แต่การเทรด “ทักษะ” ความรู้ ประสบการณ์ การวางแผน การบริหารความเสี่ยง และ "วินัย" คือตัวตัดสินความสำเร็จในระยะยาว
กฎระเบียบและการคุ้มครอง การพนันส่วนใหญ่ในไทยยังผิดกฎหมาย ขาดการกำกับดูแลที่ชัดเจนและไม่ได้มุ่งเน้นคุ้มครองผู้เล่นเป็นหลัก แต่การเทรด (ในตลาดที่ถูกกฎหมาย เช่น SET) มีองค์กรกำกับดูแลชัดเจน มีกฎเกณฑ์เพื่อสร้างความเป็นธรรม โปร่งใส ป้องกันการฉ้อโกง ปั่นหุ้น และคุ้มครองนักลงทุนรายย่อย (แม้จะมีช่องโหว่บ้าง แต่ก็มีกรอบกติกาชัดเจนกว่ามาก)
สรุปตรงนี้เลยว่า การเทรดมันจะกลายร่างเป็นการพนันได้ง่ายๆ ถ้าคุณ...
เทรดแบบมวยวัด ซื้อเพราะเขาว่าดี เพื่อนบอก หรือแค่ “รู้สึก” ว่ามันจะขึ้น โดยไม่มีการวิเคราะห์พื้นฐานหรือเทคนิครองรับเลย นี่มันแทงหวยชัดๆ
Overtrade หรือ Leverage จัดเต็ม ทุ่มหมดหน้าตักในครั้งเดียว หรือใช้ Leverage สูงลิ่วเพื่อหวังรวยเร็ว ตอนได้มันสะใจ แต่ถ้าพลาดทีเดียวคือจบเกม
ใจไม่ถึง ไม่บริหารความเสี่ยง ไม่เคยตั้ง Stop Loss ปล่อยให้ขาดทุนไหลไปเรื่อยๆ ด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าเดี๋ยวมันก็กลับมา
ที่มา: Tradingview
เทรดตามอารมณ์ล้วนๆ เขียวไล่ราคา แดงเทกระจาด กลัวตกรถ (FOMO) สุดขีด หรือตกใจสุดขีด (Panic Sell) ปล่อยให้อารมณ์ชี้นำการตัดสินใจ นี่คือคุณสมบัติของนักพนัน ไม่ใช่นักเทรด
เพราะฉะนั้น การกระทำของคุณ ทัศนคติของคุณ และวิธีการของคุณต่างหาก ที่จะเป็นตัวชี้วัดว่าสิ่งที่คุณทำคือ “การลงทุน/เก็งกำไรอย่างมีหลักการ” หรือแค่ “การพนัน” ในคราบนักเทรด
วิธีเทรดหุ้นให้ห่างไกลจาก “การพนัน” เปลี่ยนการวัดดวงเป็นการวางแผน
เมื่อรู้แล้วว่าการเทรดแบบไหนที่เข้าข่ายการพนันทีนี้มาดูกันว่าเราจะสร้างเกราะป้องกันและฝึกฝนทักษะเพื่อยกระดับการเทรดของเราให้เป็นการลงทุนหรือเก็งกำไรอย่างมีหลักการได้อย่างไรบ้าง ลองแบ่งเป็น 2 ส่วนสำคัญคือ การเตรียมตัวก่อนลงสนาม และ การจัดการเมื่ออยู่ในสนามจริง
การเตรียมตัวและวางแผน: รากฐานสู่ความสำเร็จ
ก่อนที่คุณจะคิดถึงการกดซื้อขายหุ้นแม้แต่ครั้งเดียว การเตรียมตัวคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เปรียบเหมือนการสร้างบ้านที่ต้องมีฐานรากที่แข็งแรง ไม่อย่างนั้นก็พร้อมจะพังลงมาได้ทุกเมื่อ
ติดอาวุธด้วยความรู้แบบจัดเต็ม นี่คือจุดเริ่มต้น การลงทุนในสิ่งที่คุณไม่เข้าใจ ไม่ต่างอะไรกับการพนันเลย คุณต้องใช้เวลาศึกษาอย่างจริงจัง ทำความเข้าใจทั้ง ปัจจัยพื้นฐาน (FA) เพื่อประเมินมูลค่าและอนาคตของกิจการ (อ่านงบการเงินเบื้องต้นให้เป็น รู้จัก P/E, P/BV, D/E) และ ปัจจัยทางเทคนิค (TA) เพื่อหาจังหวะเข้าออกที่เหมาะสม (อ่านกราฟ ดูแนวโน้ม แนวรับ-แนวต้าน ใช้ Indicators ประกอบ) รวมถึง จิตวิทยาการลงทุน เพื่อให้รู้เท่าทันอารมณ์ตัวเองและอารมณ์ตลาด
สร้างแผนการเทรดที่ชัดเจน อย่าคิดจะเทรดโดยไม่มีแผนเด็ดขาด แผนนี้เปรียบเหมือนแผนที่นำทาง คุณต้องกำหนดให้ชัดเจนก่อนเข้าเทรดเสมอว่า จะเข้าซื้อที่จุดไหนเพราะอะไร? เป้าหมายทำกำไรอยู่ที่เท่าไหร่? และที่สำคัญที่สุด ถ้าผิดทาง จะยอมตัดขาดทุน (Stop Loss) ที่ราคาไหน? รวมถึงการ กำหนดขนาดการลงทุน (Position Sizing) ให้เหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับไหว ไม่ใช่ทุ่มหมดตัวในไม้เดียว การมีแผนชัดเจนจะช่วยลดการตัดสินใจด้วยอารมณ์เมื่ออยู่หน้างานจริง
ทำการบ้านและเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความรู้ที่คุณมีวันนี้อาจไม่พอสำหรับวันหน้า การเรียนรู้จึงไม่มีวันสิ้นสุด คุณต้องหมั่น ติดตามข่าวสาร ที่เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ผลกระทบ ทบทวนผลการเทรด ของตัวเองอยู่เสมอ (การจด Trading Journal ช่วยได้มาก) เพื่อดูว่าแผนยังใช้ได้ดีไหม มีอะไรต้องปรับปรุง และ ไม่หยุดที่จะศึกษาหาความรู้ใหม่ๆ เพื่อพัฒนาตัวเองให้ทันเกมอยู่เสมอ
การลงมือและการจัดการ: วินัยและจิตใจในสนามจริง
เมื่อมีความรู้และแผนการแล้ว ขั้นต่อไปคือการลงสนามจริง ซึ่งต้องอาศัยการจัดการที่ดี วินัย และการควบคุมอารมณ์อย่างเข้มงวด
บริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด จำไว้เสมอว่าการรักษาเงินทุนสำคัญกว่าการทำกำไรสูงสุด คุณต้องใช้เครื่องมือบริหารความเสี่ยงอย่างจริงจัง ตั้ง Stop Loss ทุกครั้งที่เทรด เพื่อจำกัดความเสียหายไม่ให้ลุกลาม ควบคุมขนาดการลงทุนไม่ให้เสี่ยงเกินตัว กระจายความเสี่ยง หากทำได้ และประเมินความคุ้มค่า (Risk/Reward Ratio) ก่อนเข้าเทรดเสมอ ที่สำคัญคือ ใช้เฉพาะเงินเย็น เงินที่พร้อมจะเสียได้โดยไม่เดือดร้อน นี่คือสิ่งที่แยกนักเทรดมืออาชีพออกจากนักพนันอย่างชัดเจน พวกเขาคิดถึงความเสี่ยงก่อนเสมอ
ควบคุมอารมณ์และยึดมั่นในวินัย สนามเทรดคือสนามรบทางอารมณ์ที่แท้จริง คุณต้องต่อสู้กับความโลภ (Greed) ที่จะทำให้คุณไล่ราคา หรือไม่ยอมขายทำกำไรตามเป้า และ ความกลัว (Fear) ที่จะทำให้คุณ Panic Sell หรือไม่กล้าเข้าเทรดตามสัญญาณที่ดี คุณต้อง มีวินัยอย่างถึงที่สุด ในการทำตามแผนการเทรดและกฎการบริหารความเสี่ยงที่วางไว้ อย่าให้ FOMO (กลัวตกรถ) หรือความกังวลชั่วขณะมาทำลายแผนของคุณ ฝึกยอมรับความผิดพลาดเมื่อจำเป็นต้อง Cut Loss การควบคุมอารมณ์และวินัยคือสิ่งที่ยากที่สุด แต่ก็สำคัญที่สุดในการเทรดระยะยาว
ที่มา: CNN
เริ่มต้นจากน้อยๆ ค่อยๆ โต โดยเฉพาะสำหรับมือใหม่ ไม่ควรรีบร้อนลงเงินก้อนใหญ่ ควร เริ่มต้นด้วยเงินจำนวนน้อยๆ ก่อน เพื่อเรียนรู้ ฝึกฝน ทดสอบระบบ และสร้างความคุ้นเคยกับสภาวะตลาดจริง การผิดพลาดด้วยเงินน้อยเป็นบทเรียนราคาถูก เมื่อคุณเริ่มจับทางได้ มีความมั่นใจในระบบเทรดของตัวเอง และสามารถจัดการความเสี่ยงได้อย่างสม่ำเสมอแล้ว จึงค่อยๆ เพิ่มขนาดการลงทุนอย่างระมัดระวัง การค่อยเป็นค่อยไปจะช่วยให้คุณเติบโตได้อย่างมั่นคงกว่า
ถ้าคุณสามารถนำหลักการทั้งในส่วนของการเตรียมตัววางแผน และการลงมือจัดการในสนามจริงไปปรับใช้ได้อย่างครบถ้วน การเทรดของคุณก็จะเข้าใกล้ความเป็นมืออาชีพมากขึ้น และห่างไกลจากคำว่าการพนัน ไปได้อย่างแน่นอน
เทรดหุ้นระยะยาว vs ระยะสั้น เสี่ยงต่างกันไหม?
อีกหนึ่งคำถามที่หลายคนสงสัย คือระหว่างการลงทุนแบบถือยาวเป็นปีๆ กับการเทรดทำกำไรระยะสั้นในหลักวันหรือสัปดาห์นั้น แนวทางไหนมีความเสี่ยงมากกว่ากัน ลองมาพิจารณาทั้งสองแนวทางนี้กัน
การลงทุน/เทรดระยะยาว (Long-Term Investing / Trading)
แนวทางนี้มีปรัชญาหลักคือการสร้างความมั่งคั่งอย่างค่อยเป็นค่อยไปในระยะยาว โดยมองหาคุณค่าที่แท้จริง และศักยภาพการเติบโตของกิจการ หรือเน้นรับ “เงินปันผล” สม่ำเสมอ หัวใจสำคัญคือการใช้ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (FA) อย่างเข้มข้น เพื่อทำความเข้าใจธุรกิจ งบการเงิน และอนาคต กลยุทธ์หลักคือการ “ซื้อและถือ” (Buy and Hold) หรือ “ซื้อและติดตามผล” (Buy and Monitor) โดยไม่หวั่นไหวกับความผันผวนระยะสั้น เพราะเชื่อมั่นในพื้นฐานระยะยาว เปรียบเสมือนการปลูกต้นไม้รอวันเก็บเกี่ยว
อย่างไรก็ตาม การลงทุนระยะยาวก็มีความเสี่ยงเฉพาะตัวที่ต้องตระหนัก ได้แก่
ความเสี่ยงทั้งระบบของตลาด ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือตลาดหมี อาจฉุดราคาหุ้นดีๆ ลงได้
ความเสี่ยงเฉพาะตัวของบริษัท การวิเคราะห์ผิดพลาด ปัญหาภายในกิจการ หรือการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม
ความเสี่ยงด้านเวลาและต้นทุนค่าเสียโอกาส เงินทุนอาจต้องจมอยู่กับหุ้นตัวเดียวนาน และอาจพลาดโอกาสลงทุนอื่น
ความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ อำนาจซื้อของผลตอบแทนอาจลดลงเมื่อเวลาผ่านไป
แล้วมันเหมือนการพนันไหม? หากนักลงทุนทำการบ้านมาอย่างดี วิเคราะห์ข้อมูลละเอียด เข้าใจธุรกิจ และมีวินัย ก็แทบจะไม่ใช่การพนันเลย เพราะอาศัยเหตุผลและข้อมูลเป็นหลัก แต่หากซื้อตามๆ กันโดยไม่เข้าใจพื้นฐาน ก็อาจแฝงความเสี่ยงแบบวัดดวงได้ แนวทางนี้จึงเหมาะกับนักลงทุนที่ใจเย็น มองการณ์ไกล และอดทนรอคอยผลตอบแทนได้
การเทรดระยะสั้น (Short-Term Trading)
นักเทรดระยะสั้นมุ่งเน้นทำกำไรจากความผันผวนของราคาในระยะเวลาอันสั้น (Day Trading หรือ Swing Trading) โดยอาศัย การวิเคราะห์ทางเทคนิค (TA) เป็นหลักในการจับจังหวะเข้า-ออกที่แม่นยำ การเทรดแนวทางนี้เปรียบเหมือนนักโต้คลื่นที่ต้องอ่านทิศทางและจับจังหวะให้ทันเวลา ซึ่งมาพร้อมกับความท้าทายและความเสี่ยงที่แตกต่างออกไป
ความผันผวนสูง ราคาเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ต้องการการตัดสินใจที่ฉับไว
แรงกดดันทางจิตใจ ความเครียดสูง อารมณ์ (โลภ/กลัว) มีผลกระทบมาก
ต้นทุนการซื้อขาย การซื้อขายบ่อยทำให้มีค่าคอมมิชชั่นสูงขึ้น
ความเสี่ยงจากข่าวสาร ข่าวสารอาจทำให้ราคาสวิงแรงจนผิดแผน
สำหรับนักเทรดระยะสั้นบางกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ที่สนใจในตลาดอย่าง Forex , ดัชนีหุ้นต่างประเทศ, หรือสินค้าโภคภัณฑ์ (เช่น ทองคำ, น้ำมัน) มีเครื่องมืออีกประเภทหนึ่งที่เป็น ทางเลือก ในการเข้ามาเก็งกำไร นั่นคือ CFD (Contract for Difference) หรือ สัญญาซื้อขายส่วนต่าง CFD เป็นสัญญาที่ทำกับโบรกเกอร์เพื่อเก็งกำไรจาก “ส่วนต่าง” ของราคาเปิดและราคาปิดของสินทรัพย์อ้างอิง โดยที่ผู้เทรด ไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์นั้นจริงๆ แต่เป็นการคาดการณ์ทิศทางราคาเท่านั้น
จุดเด่นที่สำคัญของ CFD คือ Leverage ซึ่งโบรกเกอร์มักเสนอให้ในอัตราที่สูง (เช่น 1:50, 1:100, หรือมากกว่านั้น) Leverage ช่วยให้ผู้เทรดสามารถใช้เงินทุนเริ่มต้น (Margin) จำนวนน้อย เพื่อควบคุมสถานะการซื้อขายที่มีมูลค่าสูงกว่าได้หลายเท่าตัว ตัวอย่างเช่น Leverage 1:100 หมายความว่า เงินทุน $100 อาจใช้เปิดสถานะที่มีมูลค่าถึง $10,000 ได้
อย่าง Mitrand ก็เป็นหนึ่งในโบรเกอร์ CFD ที่มี Leverage ให้ อีกทั้งยังมีบัญชีให้ทดลองใช้ด้วยเงินทุนเริ่มต้นกว่า $50,000

อย่างไรก็ตาม นี่คือดาบสองคม เพราะในขณะที่มันสามารถ ขยายผลกำไร ให้ทวีคูณได้อย่างรวดเร็วเมื่อทิศทางราคาเป็นใจ มันก็จะขยายผลขาดทุนให้ทวีคูณอย่างรวดเร็วและรุนแรงเช่นกันเมื่อทิศทางราคาผิดพลาด แม้ราคาจะเคลื่อนไหวผิดทางไปเพียงเล็กน้อย ก็อาจส่งผลให้ขาดทุนมากกว่าเงินประกันเริ่มต้นที่วางไว้
บทสรุป เทรดหุ้นไม่ใช่การพนัน ถ้าคุณเลือกที่จะไม่ทำให้มันเป็น
ตกลงแล้ว เทรดหุ้นคือการพนันไหม? คำตอบที่ชัดเจนที่สุดคือโดยตัวมันเอง ไม่ใช่! แต่มันจะกลายเป็นการพนันได้ง่ายๆ ทันที ถ้าคุณเลือกที่จะเทรดด้วยวิธีการและทัศนคติแบบนักพนัน
สิ่งที่แยกการเทรดที่มีหลักการออกจากการวัดดวง คือการตัดสินใจด้วย ความรู้และการวิเคราะห์, การลงมือตาม แผนการที่ชัดเจน, การป้องกันเงินทุนด้วย การบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวด, การมี วินัยในการควบคุมอารมณ์, และ การเรียนรู้ปรับตัว อย่างไม่หยุดนิ่ง หากขาดซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้ การเทรดก็ไม่ต่างอะไรกับการเสี่ยงโชค
ทางเลือกจึงอยู่ในมือของคุณ ว่าจะเตรียมตัวให้พร้อม ศึกษาหาความรู้ วางแผน และบริหารความเสี่ยงอย่างมีความรับผิดชอบ หรือจะเข้ามาในตลาดด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ ตลาดการลงทุนนั้นเปิดโอกาสให้กับผู้ที่ทำการบ้านและมีวินัยเสมอ จงเทรดอย่างมีสติ มีความรู้ แล้วคุณจะสามารถอยู่รอดและอาจเติบโตในเส้นทางนี้ได้อย่างยั่งยืน
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน