หุ้นเกาหลีตัวไหนดี? 8 อันดับหุ้นเกาหลีน่าสนใจปี 2567

วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับหุ้นต่างประเทศที่น่าสนใจ นั่นก็คือ “หุ้นเกาหลี” หลายคนคงทราบดีว่าประเทศเกาหลีใต้ เป็นอีกหนึ่งประเทศในเอเชียที่มีการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด ทั้งยังเป็นประเทศแห่งการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีและอิเล็กทรอนิกส์เป็นอันดับต้นๆของเอเชีย และยังส่งออกสินค้ามากมายไปยังต่างประเทศทั่วโลก

ใครที่มีความสนใจอยากที่จะลองลงทุนในหุ้นเกาหลี แต่ไม่แน่ใจว่าตัวไหนดี ก็ตามมาเลย ซึ่งทางผู้เขียนได้ทำการคัดสรร 8 อันดับ หุ้นเกาหลี น่าสนใจปี 2567 มาให้ผู้อ่านทุกท่านได้พิจารณากัน มาดูรายละเอียดไปพร้อมกัน

ความน่าสนใจของหุ้นเกาหลีมีที่มาจากหลายปัจจัย ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดนี้เป็นที่ดึงดูดใจนักลงทุนจากทั่วโลก ได้แก่

1.ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ

เกาหลีใต้มีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจากการคาดการณ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มองว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้จะเติบโตได้ 2.3% ในปี 2024 ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยการเติบโตของประเทศพัฒนาแล้วในเอเชียที่จะโตได้ราว 1.7% นอกจากนี้เกาหลีใต้ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีและการผลิต ทำให้มีความมั่นคงในการลงทุนระยะยาว

2.เป็นหนึ่งในตลาดที่เป็นแหล่งรวมบริษัทชั้นนำระดับโลก

เกาหลีใต้เป็นที่ตั้งของบริษัทที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับระดับโลก เช่น Samsung, Hyundai, LG, SK Hynix, POSCO และ Kia ซึ่งบริษัททั้งหมดนี้มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจในระดับนานาประเทศ การลงทุนในหุ้นเกาหลีเหล่านี้จึงมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่มั่นคงและสมน้ำสมเนื้อได้ในระยะยาว

3.ความเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี

เกาหลีใต้เป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยี โดยมีการพัฒนาเทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ เช่น สมาร์ทโฟน อิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยีสารสนเทศในระดับที่แข่งขันได้ระดับโลก ทำให้ตลาดหุ้นเกาหลีมีศักยภาพในการเติบโตจากนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่เกาหลีถูกได้จัดได้ว่าเป็นประเทศที่โดดดเด่นในเรื่องของอุตสาหกรรมทางด้านเทคโนโลยีเป็นหลัก เนื่องจากว่ามีการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีไปต่างประเทศทั่วโลก สาเหตุที่ทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีเพราะว่ารัฐบาลวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีมาตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1980s

4.กระแสการความนิยมของเทคโนโลยี AI

เนื่องจากว่าประเทศเกาหลี เป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ (Semiconductor) รายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ดังนั้นภายใต้กระแสที่มาแรงของ Generative AI ในยุคปัจจุบันนี้ ย่อมส่งผลต่อสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โดยตรง เพราะถือชิ้นส่วนสำคัญต่อการพัฒนา AI นั่นเอง โดยบริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของเกาหลีใต้ คือ Samsung Electronics และ SK hynix ซึ่งทั้งคู่ได้ป้อนชิปให้แก่บิ๊กเทค อาทิ Apple, Microsoft, Asus, Dell, MSI, HP และ Deutsche Telekom เป็นต้น

1. Samsung Electronics (005930.KS)

Samsung Electronics เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีความสำคัญในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ โดยบริษัทมีความหลากหลายในธุรกิจตั้งแต่การผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์, หน่วยความจำ, โทรศัพท์มือถือ, จอภาพ, ไปจนถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ 

ในปี 2023 Samsung Electronics รายงานรายได้รวมประมาณ 256.1 ล้านล้านวอน และกำไรสุทธิประมาณ 39.8 ล้านล้านวอน คิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ 2,450 วอน/หุ้น ซึ่งได้รับการผลักดันจากยอดขายชิปเซมิคอนดักเตอร์ที่เพิ่มขึ้น, การเติบโตของธุรกิจสมาร์ทโฟน, การขยายตัวในตลาดหน้าจอและเครื่องใช้ไฟฟ้า, รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยี 5G และ AI 

Samsung Electronics จากการสร้างรายได้ที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และการจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอ ทำให้บริษัทนี้เป็นที่สนใจของนักลงทุนที่มองหาการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกที่มีความมั่นคงและมีโอกาสเติบโตในอนาคต

รายละเอียด

• ราคาปัจจุบัน: 77,200.00 วอน

• มูลค่าตลาด: 511.622 ล้านล้านวอน

• หมวดอุตสาหกรรม: เทคโนโลยี

• PE: 17.94 เท่า

• อัตรากำไรต่อหุ้น: 4,090.88 วอน

• อัตราเงินปันผล 12 เดือนย้อนหลัง: 1.90%

2. Hyundai Motor (005380.KS)

Hyundai Motor เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของเกาหลีใต้และของโลก โดยบริษัทมีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่กระจายไปทั้งตลาดการผลิตรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและการผลิตรถเชิงพาณิชย์ รวมถึงการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยมีตลาดจัดจำหน่ายรถยนต์ทั่วโลก 

ในปี 2023 Hyundai Motor รายงานรายได้รวมประมาณ 114 ล้านล้านวอน และกำไรสุทธิประมาณ 7.5 ล้านล้านวอน คิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ 45,259.3 วอน ซึ่งการเติบโตของรายได้หลัก ๆ  มาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า, การขยายตลาดในภูมิภาคใหม่ ๆ, และการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัย

Hyundai Motor มีความสามารถในการสร้างรายได้และผลกำไรที่มั่นคง มีงบดุลที่แข็งแกร่งและจ่ายเงินปันผลในระดับดีได้อย่างสม่ำเสมอ จึงได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่มองหาการเติบโตในอุตสาหกรรมยานยนต์และต้องการผลตอบแทนที่คงเส้นคงวา

รายละเอียด

• ราคาปัจจุบัน: 241,000.00 วอน

• มูลค่าตลาด: 58.82 ล้านล้านวอน

• หมวดอุตสาหกรรม: ยานยนต์

• PE: 5.87 เท่า

• กำไรต่อหุ้น: 45,259.3 วอน/หุ้น

• อัตราเงินปันผล 12 เดือนย้อนหลัง: 5.72% 

  
  

3. SK Hynix (000660.KS)

SK Hynix เป็นผู้นำระดับโลกในตลาดชิปเซมิคอนดักเตอร์และเป็นผู้ผลิตชิปเบอร์ 2 ในอุตสาหกรรมชิปของเกาหลี โดยบริษัทมุ่งเน้นการผลิตชิป DRAM และ NAND flash ที่ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเซิร์ฟเวอร์เป็นหลัก

ในปี 2023 SK Hynix รายงานรายได้รวมประมาณ 46 ล้านล้านวอน และกำไรสุทธิประมาณ 3.5 ล้านล้านวอน คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ประมาณ 3,500 วอน โดยการเติบโตของรายได้ได้รับการสนับสนุนจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดชิป DRAM และ NAND, การขยายกำลังการผลิต, ความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดคลาวด์และการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ 

SK Hynix มีงบดุลที่แข็งแกร่งและมีความสามารถในการลงทุนในนวัตกรรมใหม่ ๆ ทำให้น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาหุ้นเทคโนโลยีที่มีโอกาสเติบโตในระยะยาว แต่เนื่องจากรายได้ของอุตสาหกรรมชิปมีลักษณะเป็นวัฏจักรทำให้อาจต้องเผชิญความผันผวนของตลาดในระยะสั้นได้ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงด้านนวัตกรรมและความต้องการเทคโนโลยีใหม่ ๆ 

รายละเอียด

• ราคาปัจจุบัน: 186,700 วอน

• มูลค่าตลาด: 125.17 ล้านล้านวอน

• หมวดอุตสาหกรรม: เทคโนโลยี

• PE: 6.44 เท่า

• กำไรต่อหุ้น: 3,500 วอน

• อัตราเงินปันผล 12 เดือนย้อนหลัง: 0.66%

4. LG Chem (051910.KS)

LG Chem เป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ที่มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย มุ่งเน้นการผลิตวัสดุเคมีขั้นสูง, แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า, และสารเคมีพื้นฐาน บริษัทเป็นผู้นำในตลาดแบตเตอรี่สำหรับ EV และมีการลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น โซลูชั่นพลังงานและวัสดุเคมีสีเขียว 

ในปี 2023 LG Chem รายงานรายได้รวมประมาณ 41 ล้านล้านวอน และกำไรสุทธิประมาณ 2.8 ล้านล้านวอน คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 12,604.31 วอน โดยการเติบโตของรายได้มาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจแบตเตอรี่ EV และวัสดุเคมีขั้นสูง

ด้วยความเป็นผู้นำในตลาดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า, การเติบโตของธุรกิจวัสดุเคมีขั้นสูง, และการลงทุนในเทคโนโลยีพลังงานสะอาด ทำให้ LG Chem เป็นหุ้นเกาหลีที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงในอนาคต

รายละเอียด

• ราคาปัจจุบัน: 296,000 วอน

• มูลค่าตลาด: 21.87 ล้านล้านวอน

• หมวดอุตสาหกรรม: เคมีภัณฑ์

• PE: 19.64 เท่า

• กำไรต่อหุ้น: 12,604.31 วอน

• อัตราเงินปันผล 12 เดือนย้อนหลัง: 1.21%

5. Naver Corporation (035420.KS)

หุ้น Naver Corp เป็นผู้นำในตลาดเทคโนโลยีของเกาหลีใต้ โดยมุ่งเน้นธุรกิจหลักในด้านการค้นหาข้อมูลออนไลน์, แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย, และบริการอีคอมเมิร์ซ รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยี AI และการขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันบริษัทได้ส่งบริษัทลูกอย่าง Naver Webtoon (WBTN) เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดแนสแด็กไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาด้วย

ปี 2023 Naver Corp รายงานรายได้รวมประมาณ 7.5 ล้านล้านวอน กำไรสุทธิประมาณ 1.2 ล้านล้านวอน คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ประมาณ 9,720.13 วอน โดยการเติบโตของบริษัทได้รับการสนับสนุนจากการลงทุนในนวัตกรรมและการขยายบริการดิจิทัล

การลงทุนในหุ้น Naver มีความน่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสในบริษัทเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการเติบโตและนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง

รายละเอียด

• ราคาปัจจุบัน: 157,300 วอน

• มูลค่าตลาด: 23.81 ล้านล้านวอน

• หมวดอุตสาหกรรม: เทคโนโลยี

• PE: 26.03 เท่า

• กำไรต่อหุ้น: 9,720.13 วอน

• อัตราเงินปันผล 12 เดือนย้อนหลัง: 0.77%

6. POSCO Holdings (005490.KS)

POSCO เป็นบริษัทเหล็กยักษ์ใหญ่และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีความเชี่ยวชาญในกระบวนการผลิตที่ทันสมัยและเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียว บริษัทจึงมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ยานยนต์ ก่อสร้าง และอุตสาหกรรมหนัก ปัจจุบันบริษัทกำลังเน้นลงทุนในโครงการพลังงานและวัสดุขั้นสูง เพื่อปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดในอนาคต

ในปี 2023 POSCO รายงานรายได้รวมประมาณ 78 ล้านล้านวอน และกำไรสุทธิประมาณ 7 ล้านล้านวอน โดยกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ประมาณ 17,108.02 วอน โดยการเติบโตของรายได้สนับสนุนจากความต้องการเหล็กที่เพิ่มขึ้นและการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต

หุ้น POSCO ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอันเนื่อมาจากรายได้รวมที่แข็งแกร่งและกำไรสุทธิที่ดี นอกจากนี้การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเหล็กกล้าและการลงทุนในนวัตกรรมช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตในระยะยาว

รายละเอียด

• ราคาปัจจุบัน: 332,500 วอน

• มูลค่าตลาด: 24.96 ล้านล้านวอน

• หมวดอุตสาหกรรม: วัสดุ

• PE: 17.52 เท่า

• กำไรต่อหุ้น: 17,108.02 วอน

• อัตราเงินปันผล 12 เดือนย้อนหลัง: 3.08%

7. Celltrion (068270.KS)

Celltrion เป็นบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์จากเกาหลีใต้ซึ่งมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมสุขภาพระดับโลก บริษัทเชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตและจัดจำหน่ายยาชีวภาพ โดยเฉพาะยา biosimilars ที่ผลิตขึ้นมาให้มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับยาต้นแบบทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้ 

ในปี 2023 Celltrion รายงานรายได้รวมประมาณ 3.2 ล้านล้านวอน และกำไรสุทธิประมาณ 500 พันล้านวอน โดยกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ประมาณ 2,477.71 วอน โดยการเติบโตของรายได้ได้รับการสนับสนุนจากการขายผลิตภัณฑ์ทางชีวภาพและการขยายตลาดในต่างประเทศ

หุ้น Celltrion มีความน่าสนใจจากรายได้รวมที่แข็งแกร่งและกำไรสุทธิที่มั่นคง รวมทั้งการขายผลิตภัณฑ์ทางชีวภาพที่เพิ่มขึ้นและการขยายตลาดในต่างประเทศที่จะช่วยผลักดันผลประกอบการได้ในระยะยาว

รายละเอียด

• ราคาปัจจุบัน: 194,600 วอน

• มูลค่าตลาด: 39.66 ล้านล้าน

• หมวดอุตสาหกรรม: สุขภาพ

• PE: 51.21 เท่า

• กำไรต่อหุ้น: 2,477.71 วอน

• อัตราเงินปันผล 12 เดือนย้อนหลัง: 0.26%

8. Hyundai Mobis (012330.KS)

Hyundai Mobis เป็นบริษัทชิ้นส่วนยานยนต์จากเกาหลีใต้ที่มีความสำคัญในตลาดโลก เชี่ยวชาญในการผลิตและพัฒนาชิ้นส่วนรถยนต์ที่สำคัญ เช่น ระบบความปลอดภัย ระบบไฟฟ้า และชิ้นส่วนต่าง ๆ โดยบริษัทเป็นผู้นำในนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ เช่น ระบบขับขี่อัตโนมัติและเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโตและการแข่งขันในตลาดยานยนต์ระดับโลก

ในปี 2023 Hyundai Mobis (012330.KS) รายงานรายได้รวมประมาณ 39 ล้านล้านวอน และกำไรสุทธิประมาณ 3 ล้านล้านวอน โดยกำไรสุทธิต่อหุ้น 37,920.06 วอน โดยการเติบโตของรายได้ได้รับการสนับสนุนจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายชิ้นส่วนและเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์ รวมถึงการขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศ

Hyundai Mobis มีรายได้รวมที่แข็งแกร่งและสร้างกำไรสุทธิได้ดี การเทรดยังซื้อขายในราคาไม่แพง และด้วยปันผลที่จ่ายได้สม่ำเสมอ หุ้นเกาหลีตัวนี้จึงได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่จะถือได้ในระยะยาว

รายละเอียด

• ราคาปัจจุบัน: 218,000 วอน

• มูลค่าตลาด: 19.34 ล้านล้านวอน

• หมวดอุตสาหกรรม: ยานยนต์

• PE: 5.64 เท่า

• กำไรต่อหุ้น: 37,920.06 วอน

• อัตราเงินปันผล 12 เดือนย้อนหลัง: 2.08%

ปัจจุบันการลงทุนในหุ้นเกาหลีสำหรับนักลงทุนไทยยังเป็นไปได้อย่างจำกัด แต่ยังสามารถทำได้ เช่น 

1.การลงทุนในหุ้นรายตัวผ่านโบรกเกอร์ไทย

การลงทุนในหุ้นเกาหลีรายตัวสำหรับนักลงทุนไทยทำได้ด้วยการเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศกับโบรกเกอร์ผู้ให้บริการ เช่น หลักทรัพย์กสิกร หลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์ และสามารถเข้าซื้อหุ้นในตลาดหุ้นใหญ่ ๆ ของโลก รวมทั้งตลาดหุ้นเกาหลีได้ โดยมีขั้นตอนคือ

• เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกับโบรกเกอร์ที่ให้บริการ

• ขอเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นต่างประเทศ โดยต้องมีการยื่นเอกสารยืนยันสถานะทางการเงินและเอกสารยืนยันตัวตันเพิ่มเติม

• โอนเงินเข้าบัญชีและทำการแปลงค่าเงิน

• ส่งคำสั่งซื้อขายในหุ้นรายตัวที่ต้องการ

การซื้อขายหุ้นเกาหลีรายตัวทำให้นักลงทุนได้เป็นเจ้าของหุ้นจริง ๆ และมีสิทธิ เช่น สิทธิเข้าประชุมผู้ถือหุ้น สิทธิในปันผล และอื่น ๆ และเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองเห็นโอกาสในการลงทุนหุ้นตัวใดตัวหนึ่งโดยไม่ต้องการกระจายเงินลงทุนไปกับหุ้นตัวอื่น ๆ แต่วิธีนี้ค่อนข้างมีข้อจำกัดสำหรับนักลงทุนไทยที่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมากและมีค่าธรรมเนียมสูง

2.การลงทุนใน ETF: EYW

ETF หรือ Exchange-Traded Fund คือ กองทุนที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เหมือนหุ้นแต่ละตัว โดย ETF จะถือครองสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น iShares MSCI South Korea ETF (EYW) ที่เป็น ETF ลงทุนในหุ้นเกาหลี โดยมุ่งหมายได้ได้ผลตอบแทนล้อตามตลาดหุ้น การลงทุนใน ETF หุ้นเกาหลีสำหรับนักลงทุนไทยทำได้หลายวิธี เช่น

1️⃣ การซื้อหุ้น ETF หุ้นเกาหลีผ่านแอปผู้ให้บริการ เช่น Dime Innovest X ซึ่งมีบริการให้นักลงทุนเลือกลงุทุนในดัชนีหุ้นเกาหลีและต้องการมีส่วนในการเติบโตของเศรษฐกิจเกาหลีได้ โดยมีวิธีเริ่มต้นจาก

• โหลดแอปผู้ให้บริการและลงทะเบียนเพื่อเปิดบัญชี

• โอนเงินเข้าบัญชีที่ได้รับการยืนยันการเปิด จากนั้นแลกเงินเพื่อเตรียมทุนสำหรับซื้อขาย

• ส่งคำสั่งซื้อขาย ETF หุ้นเกาหลี เช่น EYW เมื่อเห็นโอกาสในการเข้าซื้อและทำกำไร

การลงทุนใน ETF หุ้นเกาหลี เช่น EYW เหมาะกับผู้ที่มองเห็นโอกาสการลงทุนในภาพรวมของตลาดหุ้นเกาหลีโดยมุ่งเน้นการกระจายเงินทุนไปในหุ้นหลาย ๆ ตัวที่สะท้อนผลการเติบโตของตลาดหุ้นโดยรวม โดยมีข้อดีที่ผลตอบแทนไม่ผันผวนเท่าการลงทุนหุ้นรายตัวและอาจได้ปันผลจากหุ้น (ขึ้นอยู่กับนโยบายของกองทุน)

2️⃣ การเทรดสัญญาอนุพันธ์ เช่น CFDs กับโบรกเกอร์อย่าง Mitrade Plus500 เป็นการลงทุนบนสัญญาที่ให้สิทธิซื้อขายและจะได้กำไรจากส่วนต่างราคาโดยไม่จำเป็นต้องเข้าซื้อกองทุนมาก่อน มีวิธีเริ่มต้นจาก

• เปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ผ่านแอปหรือเว็บไซต์ผู้ให้บริการ

• โอนเงินเข้าบัญชีเพื่อเริ่มการซื้อขาย

• ส่งคำสั่งเปิดสถานะเพื่อคว้าโอกาสในการทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคา ETF ที่เลือกไว้

การเทรด CFDs บน ETF หุ้นเกาหลีอย่าง iShares MSCI S Korea ETF (EYW) ช่วยให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรบนการเปลี่ยนแปลงของดัชนีหุ้นเกาหลีได้ รวมถึงใช้ในการประกันความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นเกาหลีได้ด้วยการใช้อัตราทดและใช้เงินลงทุนน้อย แต่จะไม่ได้ทำให้นักลงทุนได้สิทธิอื่น ๆ เช่น จะไม่ได้เงินปันผล

ราคา EWY แบบเรียลไทม์

💸 ห้ามพลาด!!! 💸

แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์! 🎁🎁🎁

ค่าคอมฯ 0 สเปรดต่ำ! เงินฝากขั้นต่ำ $50 🤑

ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี 💰

เทรดเดี๋ยวนี้

การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน

ปัจจุบันหุ้นเกาหลีได้รับความสนใจจากนักลงทุนจากทั่วโลกจากการเติบโตของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี พลังงาน เทคโนโลยีสุขภาพ และอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต การลงทุนในตลาดหุ้นเกาหลีจึงไม่ใช่แค่การกระจายพอร์ตแต่เป็นการเปิดรับโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาว ถึงอย่างนั้นสำหรับนักลงทุนไทยแล้วการลงทุนในต่างประเทศยังคงมีความเสี่ยง โดยเฉพาะความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน นักลงทุนควรศึกษารายละเอียดและความเสี่ยงอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน