Price action คืออะไร? เคล็ดลับการเทรด Forex ด้วย Price Action

อัพเดทครั้งล่าสุด
coverImg
แหล่งที่มา: DepositPhotos

นักเทรดหลายคนยกย่องให้ Price Action เป็นภาษาสากลของตลาด เพราะมันคือพฤติกรรมของราคาที่เกิดขึ้นจริงบนกราฟ โดยที่ไม่ต้องมีเครื่องมือ หรืออินดิเคเตอร์ต่างๆ เข้ามารบกวน


วันนี้ เราจะมาเจาะลึกกันว่าทำไม Price Action ถึงเป็นเครื่องมือที่นักเทรดขาดไม่ได้ และคุณจะนำไปใช้ทำกำไรในตลาดจริงได้อย่างไร

Price Action คืออะไร?

Price Action ถ้าแปลตรงตัวก็คือ “ พฤติกรรมราคา” แต่ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายที่สุด Price Action คือศาสตร์และศิลป์ในการอ่านกราฟราคา เพื่อคาดการณ์ความเคลื่อนไหวในอนาคต โดยอาศัยข้อมูลจากตัวราคาเองเป็นหลัก


มันคือการศึกษาข้อมูลในอดีตและปัจจุบันเพื่อคาดการณ์ความน่าจะเป็นในอนาคต โดยยึดถือหลักการทางเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่ง นั่นก็คือ “ราคาได้สะท้อนทุกอย่างไว้แล้ว” (Price Discounts Everything)


แนวคิดนี้เชื่อว่า ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ , ข่าวสารบ้านเมือง , นโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลาง, ภัยธรรมชาติ, สงคราม หรือแม้กระทั่งอารมณ์ความกลัว (Fear) และความโลภ (Greed) ของมวลชน ได้ถูกซึมซับ และสะท้อนออกมาในราคาปัจจุบัน ณ วินาทีนั้นๆ เรียบร้อยแล้ว


ดังนั้น การวิเคราะห์ราคาโดยตรงจึงเป็นการวิเคราะห์ผลลัพธ์สุดท้ายของตัวแปรทั้งหมดในตลาด


ความแตกต่างของ Price Action กับ Indicators อื่นๆ

เพื่อที่จะเข้าใจความเหนือกว่าของ Price Action เราต้องเปรียบเทียบกับวิธีการที่นักลงทุนส่วนใหญ่คุ้นเคย นั่นคือการใช้ Technical Indicators เช่น RSI, MACD, Stochastic


ปัญหาหลักของอินดิเคเตอร์คือ ความล่าช้า (Lag) อินดิเคเตอร์เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นจากสูตรคณิตศาสตร์ที่นำราคาในอดีตมาคำนวณ


ตัวอย่างเช่น Moving Average 50 วัน คือการนำราคาปิดย้อนหลัง 50 วันมาหาค่าเฉลี่ย นั่นหมายความว่า ข้อมูลที่คุณเห็นคือ อดีต ไม่ใช่ปัจจุบัน ในสภาวะตลาดที่ผันผวนรวดเร็ว การรอสัญญาณตัดกันของเส้นค่าเฉลี่ยอาจทำให้คุณเข้าซื้อเมื่อตลาดกำลังจะวาย หรือขายหมูเมื่อตลาดเพิ่งเริ่มต้น


ตรงกันข้าม Price Action คือการอ่านสิ่งที่ตลาดกำลังบอกเราเดี๋ยวนี้ (Real-time) หากเกิดแท่งเทียนที่แสดงการปฏิเสธราคา (Rejection) อย่างรุนแรงที่แนวต้าน Price Action Trader จะรับรู้สัญญาณเตือนทันที ในขณะที่ Indicator Trader อาจต้องรออีกหลายแท่งเทียนกว่าสูตรจะคำนวณค่าออกมาให้เห็นสัญญาณขาย


หน้าตาของ Price Action

เมื่อเราพูดถึง Price Action โดยทั่วไปเราจะหมายถึงการวิเคราะห์ผ่าน กราฟแท่งเทียน (Candlestick Charts)


กราฟแท่งเทียน

 ที่มา: investopedia


กราฟแท่งเทียนคือเครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ Price Action เพราะในแท่งเทียน 1 แท่ง มันบอกเล่าเรื่องราวการต่อสู้ในกรอบเวลานั้นๆ ได้อย่างสมบูรณ์


  • ราคาเปิด (Open): จุดเริ่มต้นการต่อสู้

  • ราคาสูงสุด (High): จุดสูงสุดที่ฝั่งซื้อเคยดันราคาขึ้นไปได้

  • ราคาต่ำสุด (Low): จุดต่ำสุดที่ฝั่งขายเคยทุบราคาลงไปได้

  • ราคาปิด (Close): บทสรุปของการต่อสู้ ว่าใครชนะในแท่งนี้

  • เนื้อเทียน (Body): คือ “ตัวจริง” ของการต่อสู้ เนื้อเทียนสีเขียว (หรือขาว) หมายถึงฝั่งซื้อชนะ (ราคาปิดสูงกว่าเปิด) เนื้อเทียนสีแดง (หรือดำ) หมายถึงฝั่งขายชนะ (ราคาปิดต่ำกว่าเปิด)

  • ไส้เทียน (Wick/Shadow): คือร่องรอยของการต่อสู้ ไส้เทียนบนยาวๆ บอกเราว่า ฝั่งซื้อพยายามดันขึ้นไป แต่โดนฝั่งขายตบกลับลงมาอย่างแรง (Price Rejection) ไส้เทียนล่างยาวๆ ก็บอกในทางตรงกันข้าม

องค์ประกอบพื้นฐานในกราฟ Price Action

ก่อนที่คุณจะเริ่มเทรดจริง คุณต้องเข้าใจพื้นฐานของ Price Action ก่อน ซึ่งประกอบไปด้วยองค์ประกอบหลักๆ ดังนี้


1. แนวโน้ม (Trend)

นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด “Trend is your friend” Price Action ช่วยให้เรามองเห็นแนวโน้มได้ชัดเจนที่สุด


รูปแบบแนวโน้ม

ที่มา: Mitrade


  • แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend): กราฟจะสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่สูงขึ้น (Higher Highs - HH) และจุดต่ำสุดใหม่ที่สูงขึ้น (Higher Lows - HL) ไปเรื่อยๆ ตราบใดที่โครงสร้างนี้ยังอยู่ เราจะมองหาจังหวะซื้อ (Buy)

  • แนวโน้มขาลง (Downtrend): กราฟจะสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ต่ำลง (Lower Highs - LH) และจุดต่ำสุดใหม่ที่ต่ำลง (Lower Lows - LL) ตราบใดที่โครงสร้างนี้ยังอยู่ เราจะมองหาจังหวะขาย (Sell)

  • ภาวะไร้ทิศทาง (Sideways/Range): กราฟวิ่งอยู่ในกรอบแนวรับ-แนวต้านที่ชัดเจน ไม่ทำจุดสูงสุดหรือต่ำสุดใหม่ นี่คือช่วงที่ตลาดกำลัง สะสมพลัง หรือ รอข่าว


2. แนวรับและแนวต้าน (Support & Resistance)

สมรภูมิสำคัญที่การต่อสู้มักจะดุเดือด Price Action ไม่ได้มองสิ่งเหล่านี้เป็นเส้น แต่จะมองเป็น โซน (Zone)


รูปโซนแนวรับ แนวต้าน

 ที่มา: angelone


  • แนวรับ (Support): คือโซนราคาที่ “ถูก” ในอดีต เมื่อราคาลงมาถึงจุดนี้ มักจะมีแรงซื้อ (Demand) กลับเข้ามา ทำให้ราคามีโอกาสเด้งกลับขึ้นไป

  • แนวต้าน (Resistance): คือโซนราคาที่ “แพง” ในอดีต เมื่อราคาขึ้นไปถึงจุดนี้ มักจะมีแรงขาย (Supply) เทออกมา ทำให้ราคามีโอกาสย่อกลับลงมา

  • เคล็ดลับสำคัญ: เมื่อแนวต้านที่แข็งแกร่งถูก “ทะลุ” (Breakout) ผ่านไปได้ มันมักจะกลับกลายมาเป็น “แนวรับ” ใหม่ในทันที (และในทางกลับกัน) นี่คือหลักการพื้นฐานที่ทรงพลังมากของ Price Action


3. รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns)

ตัวอย่างรูปแบบแท่งเทียน

 ที่มา: wikihow


นี่คือ “คำ” ที่ตลาดใช้สื่อสารกับเราโดยตรง มีรูปแบบนับร้อย แต่เราไม่จำเป็นต้องจำทั้งหมด แค่เข้าใจจิตวิทยาที่อยู่เบื้องหลังของรูปแบบหลักๆ ก็เพียงพอ

  • Pin Bar: คือแท่งเทียนที่มี ไส้ยาวมากๆ และมีเนื้อเทียนเล็กๆ เหมือนหัวไม้ขีดไฟ มันคือสัญญาณ “การปฏิเสธราคา” (Rejection) ที่ชัดเจนที่สุด

    • จิตวิทยา: ราคาพุ่งไปทางใดทางหนึ่งอย่างแรง แต่ถูกอีกฝั่งสวนกลับมาอย่างรุนแรงกว่า จนราคาปิดกลับมาใกล้จุดเปิด

    • การใช้: ถ้าเกิด Pin Bar ไส้ยาวๆ ที่แนวต้านสำคัญ มันคือสัญญาณ “ขาย” ที่แข็งแกร่งมาก

  • Engulfing


รูปแบบ Engulfing

 ที่มา: priceactionninja


  • Bullish Engulfing: แท่งเทียนสีเขียว(ซื้อ) ที่มีขนาดใหญ่ “กลืนกิน” แท่งสีแดง(ขาย) ก่อนหน้าทั้งแท่ง

  • Bearish Engulfing: แท่งเทียนสีแดง(ขาย) ที่มีขนาดใหญ่ “กลืนกิน” แท่งสีเขียว(ซื้อ) ก่อนหน้าทั้งแท่ง

  • จิตวิทยา: มันคือสัญญาณการเปลี่ยนขั้วอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ ฝ่ายหนึ่งกลับมาคุมเกมได้อย่างสมบูรณ์ในแท่งเดียว

  • Inside Bar: คือแท่งเทียนที่มีขนาดเล็กกว่า โดยทั้งราคาสูงสุดและต่ำสุด อยู่ “ภายใน” กรอบของแท่งเทียนก่อนหน้า


รูปแบบ Inside Bar

 ที่มา: j2t


  • จิตวิทยา: ตลาดกำลังพักรบ หรือลังเล มันคือการบีบอัดพลังงาน (เหมือนสปริงที่ถูกกด) เพื่อรอการระเบิดออก (Breakout) ไปทางใดทางหนึ่ง


กลยุทธ์ Price Action ที่ใช้ได้จริง

เมื่อคุณเข้าใจองค์ประกอบพื้นฐานแล้ว ทีนี้มาดูกลยุทธ์ Price Action ที่นักเทรดมืออาชีพใช้ทำกำไรกันจริงๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะวนเวียนอยู่กับ 3 แนวทางหลักนี้


กลยุทธ์ที่ 1: การเทรดแบบทะลุกรอบ (The Breakout Strategy)

นี่คือกลยุทธ์ยอดนิยมสำหรับนักเก็งกำไร คือการรอให้ราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญออกไป แล้วตามน้ำไปในทิศทางนั้น


รูปแบบ Breakout

 ที่มา: ig


  • หลักการ: เมื่อราคาไม่สามารถทะลุแนวต้านได้หลายครั้ง (แสดงว่าแนวต้านนี้แข็งแกร่ง) แต่ทันทีที่มัน “ทะลุ” (Break) ขึ้นไปได้ มันหมายถึงฝั่งซื้อได้ชนะฝั่งขายที่คุมโซนนั้นอย่างเด็ดขาดแล้ว และราคาพร้อมที่จะพุ่งขึ้นไปหาแนวต้านถัดไป

  • วิธีใช้

    • หาโซนแนวรับ-แนวต้าน หรือกรอบ Sideways ที่ชัดเจน

    • รอให้ราคาทะลุกรอบนั้นอย่างชัดเจน เช่น แท่งเทียนต้อง “ปิด” นอกกรอบได้สำเร็จ

    • เข้าออเดอร์ในทิศทางที่ทะลุ เช่น Buy ถ้าทะลุแนวต้าน หรือ Sell ถ้าหลุดแนวรับ


  • ข้อควรระวัง: การเบรกหลอก (False Breakout) คือการที่ราคาทะลุไปแล้ว แต่โดนดึงกลับเข้ามาในกรอบเดิมอย่างรวดเร็ว นักเทรด Price Action มืออาชีพมักจะรออีกหนึ่งจังหวะ คือรอให้ราคาย่อกลับมา ทดสอบ (Retest) แนวที่เพิ่งทะลุไปอีกครั้ง ถ้าแนวต้านที่กลายเป็นแนวรับ “รับอยู่” และมีสัญญาณซื้อ Price Action (เช่น Pin Bar) เกิดขึ้นตรงนั้น นี่คือจุดเข้าที่ปลอดภัยและแม่นยำกว่ามาก


กลยุทธ์ที่ 2: การเทรดตามแนวโน้ม (The Trend-Following / Pullback Strategy)

นี่คือกลยุทธ์ที่ปลอดภัยที่สุดและเป็นที่นิยมที่สุด Buy the Dip หรือ ซื้อเมื่อย่อ ในขาขึ้น และ Sell the Rally หรือ ขายเมื่อเด้ง ในขาลง


รูปแบบ Pullback Strategy

 ที่มา: Mitrade


  • หลักการ: ในแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ราคาจะไม่ขึ้นเป็นเส้นตรง มันจะขึ้น (Impulse) แล้ว ย่อ (Pullback) เพื่อพักหายใจ ก่อนจะขึ้นต่อ การเทรดด้วย Price Action คือการรอจังหวะที่มันย่อลงมาหาแนวรับสำคัญ แล้วเข้าซื้อ

  • วิธีใช้

    • ยืนยันแนวโน้มหลักก่อน เช่น กราฟ Day เป็นขาขึ้นชัดเจน

    • มองหาแนวรับสำคัญในขาขึ้นนั้น อาจจะเป็นแนวต้านเก่าที่เพิ่งทะลุมา, หรือเส้น Trend Line, หรือระดับ Fibo 50%-61.8%

    • “รอ” ให้ราคาย่อ (Pullback) ลงมาถึงโซนแนวรับนั้น

    • มองหาสัญญาณกลับตัว ของ Price Action ณ โซนนั้น เช่น Bullish Engulfing หรือ Bullish Pin Bar

    • เมื่อเห็นสัญญาณชัดเจน จึงเข้าออเดอร์ Buy

  • จุดเด่น: กลยุทธ์นี้ทำให้คุณได้ต้นทุนที่ดีกว่าการไปไล่ราคา และมีจุด Stop Loss (ตัดขาดทุน) ที่ชัดเจน (เช่น วางไว้ใต้ Pin Bar หรือใต้โซนแนวรับนั้น)


กลยุทธ์ที่ 3: การเทรดแบบกลับตัว (The Reversal Strategy)

นี่คือกลยุทธ์ที่ยากที่สุด แต่ก็ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด คือการพยายามจับ จุดสูงสุด หรือ จุดต่ำสุด ของแนวโน้ม

  • หลักการ: ทุกแนวโน้มต้องมีวันสิ้นสุด กลยุทธ์นี้คือการมองหาสัญญาณ Price Action ที่บ่งบอกว่าแนวโน้มเดิมกำลัง “หมดแรง” และแนวโน้มใหม่กำลังจะ “เกิด”

  • วิธีใช้

    • มองหาแนวโน้มที่อยู่มานานมากแล้ว เช่น ขึ้นมาติดต่อกันยาวนานหลายสัปดาห์

    • สังเกตราคาเมื่อเข้าใกล้แนวต้านระดับใหญ่ เช่น แนวต้านในกราฟ Weekly หรือ Monthly

    • มองหาสัญญาณการสูญเสียโมเมนตัม เช่น ราคาไม่สามารถทำ Higher High ใหม่ได้ (หรือทำได้แต่ก็โดนตบกลับมาแรง)

    • มองหาสัญญาณ Price Action การกลับตัวที่รุนแรง เช่น Bearish Engulfing ขนาดใหญ่ หรือรูปแบบ Head and Shoulders

    • จุดเข้าที่ปลอดภัยคือ “รอ” ให้โครงสร้างแนวโน้มขาขึ้น (HH, HL) ถูกทำลายก่อน (เช่น ราคาหลุด Higher Low ล่าสุดลงมา) นี่คือการยืนยันว่าฝั่งขายชนะแล้วจริงๆ

วิธีเริ่มเทรดด้วย Price Action

สำหรับมือใหม่ที่อ่านมาถึงตรงนี้และรู้สึกมีไฟ อยากจะเริ่มใช้ Price Action บ้าง นี่คือขั้นตอนแบบจับมือทำ


ขั้นตอนที่ 1: เลือกเครื่องมือและแพลตฟอร์มที่เหมาะสม

คุณต้องการแพลตฟอร์มที่เสถียร, กราฟดูง่าย และมีค่าสเปรดต่ำ การวิเคราะห์ Price Action ต้องการกราฟที่สะอาดที่ไม่มีอะไรมารบกวน ซึ่ง Mitrade ก็มีแพลตฟอร์มการเทรดที่ใช้งานง่าย กราฟชัดเจน และมีสินทรัพย์หลากหลายให้คุณได้ฝึกฝน ทั้งบน PC และแอปพลิเคชันมือถือ ทำให้คุณวิเคราะห์กราฟได้ทุกที่ทุกเวลา


ขั้นตอนที่ 2: ฝึกอ่านกราฟเปล่า

เริ่มจากกราฟเปล่าๆ แล้วลองตีเส้นแนวโน้ม

ที่มา: Mitrade


ปิดอินดิเคเตอร์ทุกตัวที่คุณมี แล้วเริ่มจากกราฟ Day (รายวัน) เลือกสินทรัพย์มา 1 ตัว (เช่น คู่เงิน EUR/USD หรือ ทองคำ) แล้วย้อนกราฟกลับไปในอดีต


  • ลองตีเส้นแนวรับ-แนวต้าน (มองเป็นโซน)

  • ลองระบุแนวโน้ม (ขาขึ้น? ขาลง? หรือ Sideways?)

  • มองหาแท่งเทียน Price Action ที่เราคุยกัน (Pin Bar, Engulfing) ที่เกิดขึ้น ณ แนวรับ-แนวต้านเหล่านั้น


แล้วดูว่าอะไรเกิดขึ้นต่อจากนั้น ทำซ้ำๆ จนคุณเริ่ม เห็นรูปแบบ


ขั้นตอนที่ 3: สร้างแผนการเทรด (Trading Plan) ที่ชัดเจน

การเทรด Price Action ไม่ใช่การรู้สึกว่าจะขึ้นหรือลง แต่ต้องมีแผนที่ชัดเจน ซึ่งประกอบด้วย

  • เงื่อนไขการเข้า: คุณจะเข้าออเดอร์เพราะอะไร? เช่น Buy เมื่อเห็น Bullish Pin Bar ที่แนวรับ Day ในแนวโน้มขาขึ้น

  • จุดตัดขาดทุน (Stop Loss): ถ้าคุณคิดผิด คุณจะหนีตรงไหน? นี่คือส่วนที่สำคัญที่สุด! Price Action ช่วยให้คุณมีจุด Stop Loss ที่สมเหตุสมผล เช่น วางไว้ใต้หาง Pin Bar เล็กน้อย หรือใต้โซนแนวรับ

  • จุดทำกำไร (Take Profit): คุณจะออกจากออเดอร์ที่ไหน? เช่น ที่แนวต้านถัดไป หรือเมื่ออัตราส่วนกำไรต่อขาดทุน (Risk:Reward) ถึง 1:2


ขั้นตอนที่ 4: ฝึกฝนในบัญชีทดลอง (Demo Account)

ห้ามใจร้อน อย่าเพิ่งรีบลงเงินจริงเด็ดขาด จงใช้กลยุทธ์ Price Action ที่คุณสร้างขึ้นในบัญชีทดลองก่อน โบรกเกอร์ Mitrade มีบัญชีทดลอง (Demo Account) ให้คุณได้ฝึกฝนในสภาพตลาดจริงด้วยเงินจำลอง ฝึกจนกว่าคุณจะทำตามแผนได้สม่ำเสมอและเห็นผลลัพธ์เป็นบวก


mitrade
💸 ห้ามพลาด!!! 💸

แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์! 🎁🎁🎁


ค่าคอมฯ 0 สเปรดต่ำ! เงินฝากขั้นต่ำ $50 🤑

ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี 💰

การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน


ขั้นตอนที่ 5: เริ่มเทรดด้วยเงินจริง (ขนาดเล็ก)

เมื่อมั่นใจแล้ว ให้เริ่มด้วยขนาด Lot ที่เล็กที่สุดที่คุณรับความเสี่ยงได้ เป้าหมายในช่วงแรกไม่ใช่กำไร แต่คือการทำตามแผน และจัดการอารมณ์ให้อยู่

5 เคล็ดลับการเทรดด้วย Price Action ให้เหมือนมือโปร

การอ่าน Price Action เป็นทักษะที่ต้องใช้เวลา นี่คือ 5 เคล็ดลับที่จะเร่งกระบวนการเรียนรู้ของคุณ


1.Timeframe ใหญ่คุมเกมเสมอ

นี่คือความลับที่มือใหม่ส่วนใหญ่มองข้าม สัญญาณ Price Action ในกราฟ 1 นาที อาจเป็นแค่ Noise (สัญญาณรบกวน) แต่สัญญาณเดียวกันในกราฟ Day (รายวัน) หรือ Week (รายสัปดาห์) มีนัยสำคัญมหาศาล


เริ่มวิเคราะห์จากกราฟ Week/Day ก่อน เพื่อหาภาพใหญ่ (แนวโน้มหลัก และ โซนแนวรับ-แนวต้านหลัก) จากนั้นค่อยซูมเข้าไปในกราฟ H4 หรือ H1 เพื่อหาจังหวะเข้าที่คมขึ้น โดยเทรดตามทิศทางของภาพใหญ่เท่านั้น


2.บริบทสำคัญกว่ารูปแบบ

การท่องจำว่า Pin Bar คือสัญญาณกลับตัวนั้น “ผิด”Pin Bar ที่เกิดขึ้นกลางเทรนด์ที่แข็งแกร่ง อาจไม่มีความหมายอะไรเลย หรืออาจเป็นแค่สัญญาณพักตัว


แต่ Pin Bar (Bearish) ที่เกิดขึ้น ณ แนวต้านสำคัญระดับ Week หลังจากราคาขึ้นมาอย่างยาวนาน... นี่คือสัญญาณ “ขาย” ที่ทรงพลังที่สุด

จำไว้ว่า อย่าเทรดแค่รูปแบบ แต่จงเทร'รูปแบบที่เกิดขึ้นในจุดที่สมเหตุสมผล


3.น้อยแต่มาก

Price Action สอนให้เราอดทนรอจังหวะที่ดีที่สุด

  • น้อยลงในแง่เครื่องมือ: เอามือถือมาเทรดกราฟ 1 นาที แล้วใส่อินดิเคเตอร์ 5 ตัว คือหายนะ จงใช้กราฟเปล่าใน Timeframe ที่ใหญ่ขึ้น

  • น้อยลงในแง่การเทรด: คุณไม่จำเป็นต้องเทรดทุกวัน จงรอ A+ Setup ซึ่งคือจังหวะที่ทุกอย่างสอดคล้องกัน (ภาพใหญ่เป็นใจ + เกิดขึ้นที่แนวรับ-แนวต้านสำคัญ + เกิดสัญญาณ Price Action ชัดเจน) แค่เดือนละ 3-4 ออเดอร์ที่มีคุณภาพ ก็เพียงพอที่จะสร้างพอร์ตให้โตได้


4.บันทึกการเทรด

สมองของมนุษย์เราโกหกตัวเองเก่งมาก เรามักจะจำแต่ชัยชนะที่สวยหรู และลืมความผิดพลาดที่เจ็บปวด


อย่าลืมแคปหน้าจอกราฟ “ก่อน” เข้าเทรด (พร้อมเหตุผลว่าทำไมถึงเข้า) และ “หลัง” ปิดออเดอร์ (ไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุน) แล้วกลับมาทบทวนทุกสุดสัปดาห์ นี่คือวิธีเรียนรู้ Price Action ที่เร็วที่สุดในโลก


5.Price Action คือเครื่องมือบริหารความเสี่ยง ไม่ใช่เครื่องมือวิเศษ

ไม่มีกลยุทธ์ไหนแม่น 100% Price Action ก็เช่นกัน คุณต้องมีวันที่เทรดเสีย


แต่จุดแข็งของมันคือ มันบอกจุดที่ควรถอย (Stop Loss) ได้ชัดเจนมาก นักเทรดที่ชนะแค่ 50% แต่ทุกครั้งที่ชนะ ได้กำไร 2 เท่าของที่เสีย (Risk:Reward 1:2) คือนักเทรดที่จะอยู่รอดและทำกำไรได้ในระยะยาว

บทสรุป

Price Action ไม่ใช่แค่เทคนิค แต่คือทักษะในการอ่านและทำความเข้าใจภาษาที่ตลาดสื่อสารกับเราโดยตรง


ข้อดีของ Price Action คือมันไม่เคยช้าเหมือนอินดิเคเตอร์ มันใช้ได้กับทุกสินทรัพย์ และทุกกรอบเวลา และที่สำคัญ มันทำให้การเทรดของคุณเรียบง่าย และเฉียบคมขึ้น


แน่นอนว่ามันต้องใช้เวลาฝึกฝน การเริ่มต้นที่ดีที่สุดคือการฝึกฝนในสภาพแวดล้อมที่ปราศจากความเสี่ยง ลองเปิดบัญชีทดลองกับ Mitrade วันนี้ แล้วเริ่มฝึกอ่านกราฟเปล่าของคุณ จับจังหวะด้วยกลยุทธ์ Price Action และค้นพบแนวทางการเทรดที่ทรงพลังและยั่งยืน


mitrade
💸 ห้ามพลาด!!! 💸

แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์! 🎁🎁🎁


ค่าคอมฯ 0 สเปรดต่ำ! เงินฝากขั้นต่ำ $50 🤑

ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี 💰

การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน
คำถามที่พบบ่อย

Price Action ใช้ได้กับทุกตลาดไหม?

ใช้ได้กับทุกตลาด ตราบใดที่ตลาดนั้นมีสภาพคล่อง (Liquidity) ที่มากพอ และขับเคลื่อนด้วยอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) จริงๆ เพราะจิตวิทยามวลชน (ความกลัวและความโลภ) ที่ขับเคลื่อนราคาในทุกตลาดนั้นเป็นสากลเหมือนกันหมด

ควรใช้อินดิเคเตอร์ (Indicator) ร่วมกับ Price Action ไหม?

ขึ้นอยู่กับความถนัด เทรดเดอร์ Price Action แบบบริสุทธิ์จะไม่ใช้เลย แต่ในความเป็นจริง เทรดเดอร์มืออาชีพจำนวนมากใช้ตัวช่วย เล็กน้อยเพื่อยืนยันแนวคิด หลักการคือให้ราคานำเสมอ แล้วใช้อินดิเคเตอร์เป็นแค่ตัวเสริม ไม่ใช่ตัวนำ

Price Action มีความแม่นยำแค่ไหน?

Price Action ไม่ได้ให้ความแม่นยำ 100% (ไม่มีอะไรทำได้) แต่มันให้ความได้เปรียบทางสถิติและกรอบการบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจน ตัวอย่างเช่น กลยุทธ์หนึ่งอาจมี Win Rate แค่ 55% แต่ถ้าทุกครั้งที่ชนะ คุณได้กำไร 2 เท่าของความเสี่ยง (Reward:Risk 2:1) ในระยะยาวคุณจะเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน

*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา


การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

goTop
quote
บทความที่เกี่ยวข้อง
placeholder
เจาะลึก 10 โบรกเกอร์ Forex โบนัสฟรีที่ดีที่สุด ปี 2026|อัปเดตล่าสุดการมองหา โบรกเกอร์ forex โบนัสฟรี เป็นหนึ่งในกลยุทธ์แรกๆ ที่เทรดเดอร์ให้ความสนใจ แต่ในโลกของการลงทุนที่ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยตัวเลขและผลประโยชน์ คำว่า “ฟรี” มักมาพร้อมกับเงื่อนไขเสมอ บทความนี้ จะพาคุณเจาะลึกว่าโบนัสคืออะไร และมีที่ไหนบ้างที่เป็น โบรกเกอร์ forex โบนัสฟรี ที่ดีที่สุดสำหรับปี 2026
ผู้เขียน  MitradeInsights
12 เดือน 15 วัน จันทร์
การมองหา โบรกเกอร์ forex โบนัสฟรี เป็นหนึ่งในกลยุทธ์แรกๆ ที่เทรดเดอร์ให้ความสนใจ แต่ในโลกของการลงทุนที่ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยตัวเลขและผลประโยชน์ คำว่า “ฟรี” มักมาพร้อมกับเงื่อนไขเสมอ บทความนี้ จะพาคุณเจาะลึกว่าโบนัสคืออะไร และมีที่ไหนบ้างที่เป็น โบรกเกอร์ forex โบนัสฟรี ที่ดีที่สุดสำหรับปี 2026
placeholder
วิธีอ่านกราฟแท่งเทียนในการเทรด Forex สำหรับมือใหม่หากคุณต้องการเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จในการเทรด Forex การอ่านกราฟแท่งเทียนให้แตกฉานถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะกราฟแท่งเทียนเป็นหนึ่งในเครื่องมือพื้นฐานที่คุณสามารถพบได้บนทุกแพลตฟอร์ม และเทรดเดอร์หลายคนสามารถทำกำไรก้อนโตจากฟอเร็กซ์โดยอาศัยเพียงการอ่านกราฟแท่งเทียนเพียงอย่างเดียว บทความนี้จะสอนวิธีการอ่านกราฟแท่งเทียนในการเทรด Forex หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเทรดเดอร์มือใหม่ทุกท่านนะครับ
ผู้เขียน  MitradeInsights
1 เดือน 07 วัน อังคาร
หากคุณต้องการเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จในการเทรด Forex การอ่านกราฟแท่งเทียนให้แตกฉานถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะกราฟแท่งเทียนเป็นหนึ่งในเครื่องมือพื้นฐานที่คุณสามารถพบได้บนทุกแพลตฟอร์ม และเทรดเดอร์หลายคนสามารถทำกำไรก้อนโตจากฟอเร็กซ์โดยอาศัยเพียงการอ่านกราฟแท่งเทียนเพียงอย่างเดียว บทความนี้จะสอนวิธีการอ่านกราฟแท่งเทียนในการเทรด Forex หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเทรดเดอร์มือใหม่ทุกท่านนะครับ
placeholder
เทรด forex โบรกไหนดี?10 อันดับโบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือในปี 2025คราวนี้เรามาชวนคุยเรื่องโบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือ และนำเสนอ 10 อันดับโบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือให้เพื่อน ๆ ได้ลองพิจารณากัน
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 18 พ.ย. 2024
คราวนี้เรามาชวนคุยเรื่องโบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือ และนำเสนอ 10 อันดับโบรกเกอร์ Forex ที่น่าเชื่อถือให้เพื่อน ๆ ได้ลองพิจารณากัน
placeholder
Forex เล่นยังไง? วิธีเทรด Forex สำหรับมือใหม่ 2568Forex เป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่มีปริมาณการซื้อขายสูงชนิดหนึ่งของโลก ในปี 2567 ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) ทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 7.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐด้วยสภาพคล่องจำนวนมากและเครื่องมือในการเทรด Forex ที่หลากหลายจึงเปิดโอกาสให้นักเทรดหลากหลายกลุ่มเข้ามาแสวงหากำไรจากตลาดนี้ได้ไม่ยาก
ผู้เขียน  MitradeInsights
3 เดือน 06 วัน พฤหัส
Forex เป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่มีปริมาณการซื้อขายสูงชนิดหนึ่งของโลก ในปี 2567 ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันของตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) ทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 7.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐด้วยสภาพคล่องจำนวนมากและเครื่องมือในการเทรด Forex ที่หลากหลายจึงเปิดโอกาสให้นักเทรดหลากหลายกลุ่มเข้ามาแสวงหากำไรจากตลาดนี้ได้ไม่ยาก
placeholder
ตลาด Forex เปิดกี่โมง(เวลาไทย)และเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเทรด Forexการประสบความสำเร็จในการเทรด Forex คุณจำเป็นจำต้องรักษาสมดุลระหว่างหลักการและกลยุทธ์ หากพยายามมองเกมในมุมสูงคุณอาจจะเห็นภาพรวม แต่ก็อาจจะตกมาเจ็บก็ได้ ดังนั้นการมองหลายๆ ด้านถือเป็นอีกหนึ่งทักษะสำคัญของ VI โดยเฉพาะเรื่องใกล้ตัวอย่าง “เวลา” ในการเปิดปิดของตลาด Forex ในแต่ละประเทศ ซึ่งหากคุณมองข้อได้เปรียบจากจุดนี้ออกคุณจะทราบช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการทำกำไรของคุณ และแน่นอนสำหรับเวลาที่เสี่ยงที่สุดที่คุณควรหลีกเลี่ยง เวลาในแต่ละตลาดจะต่างกันไปตามโซนทวีปซึ่งผลจะอธิบายโดยอ้างอิงตามเวลาไทยเพื่อความเข้าใจของผู้อ่าน นอกจากนี้เราจะไปติดตามผลกระทบของข่าวในตลาด Forex ว่ามีส่วนสำคัญในการสร้างกำไรได้อย่างไรอีกด้วย
ผู้เขียน  MitradeInsights
3 เดือน 21 วัน ศุกร์
การประสบความสำเร็จในการเทรด Forex คุณจำเป็นจำต้องรักษาสมดุลระหว่างหลักการและกลยุทธ์ หากพยายามมองเกมในมุมสูงคุณอาจจะเห็นภาพรวม แต่ก็อาจจะตกมาเจ็บก็ได้ ดังนั้นการมองหลายๆ ด้านถือเป็นอีกหนึ่งทักษะสำคัญของ VI โดยเฉพาะเรื่องใกล้ตัวอย่าง “เวลา” ในการเปิดปิดของตลาด Forex ในแต่ละประเทศ ซึ่งหากคุณมองข้อได้เปรียบจากจุดนี้ออกคุณจะทราบช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการทำกำไรของคุณ และแน่นอนสำหรับเวลาที่เสี่ยงที่สุดที่คุณควรหลีกเลี่ยง เวลาในแต่ละตลาดจะต่างกันไปตามโซนทวีปซึ่งผลจะอธิบายโดยอ้างอิงตามเวลาไทยเพื่อความเข้าใจของผู้อ่าน นอกจากนี้เราจะไปติดตามผลกระทบของข่าวในตลาด Forex ว่ามีส่วนสำคัญในการสร้างกำไรได้อย่างไรอีกด้วย
ราคาเสนอแบบเรียลไทม์
ราคาเสนอแบบเรียลไทม์