Chainlink (LINK) คืออะไร? การวิเคราะห์ Link Coin ในปี 2025

Chainlink คืออะไรคงเป็นคำถามหนึ่งที่ใครหลายคนอยากทราบ เมื่อปัจจุบันมีคำกล่าวที่ว่า “Data is the new natural resource” และ Chainlink ก็เป็นตัวกลางเชื่อมต่อข้อมูลมหาศาลบนโลกซึ่งนับวันมีแต่จะเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนและความต้องการใช้งาน
คราวนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ LINK Coin (Chainlink) คืออะไร น่าลงทุนไหมในปี 2025 และจะลงทุนซื้อเหรียญ LINK Link Coin ได้ที่ไหนบ้าง ตามมาดูกันได้เลย!
Chainlink (LINK) คืออะไร?
Chainlink เป็นเครือข่าย Oracle อยู่บน Ethereum และทำงานประมวลผลแบบกระจายศูนย์ ดังนั้น Chainlink จึงไม่ใช่บล็อก แต่สามารถสร้างฉันทามติให้กับชุมชนได้จากเครือข่ายโหนด Oracle นับร้อย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำส่งกลับมา
จากเอกสาร White Paper ของ Chainlink Lab บล็อกเชนของ Chainlink ถูกสร้างขึ้นด้วยจุดมุ่งหมายที่จะเพิ่มศักยภาพการใช้งานของ Smart Contract ด้วยการเพิ่มเทคโนโลยีใหม่อย่าง ‘การเชื่อมต่อ (Connectivity)’ เพื่อให้ Smart Contract สามารถมีปฎิสัมพันธ์กับข้อมูลจากโลกภายนอกได้แบบเรียลไทม์ด้วยฟีเจอร์สำคัญอย่างการฟีดข้อมูลและ APIs
ด้วยคุณสมบัติสำคัญของการเชื่อมต่อข้อมูลนี้ทำให้ Chainlink ทำหน้าที่เป็น Data Oracle แบบ Decentralized ที่เป็นตัวกลางระหว่างข้อมูลนอกเชน (Off Chain) และในบล็อกเชน (On Chain) โดยที่ผู้ใช้งานสามารถดึงข้อมูลจากภายนอกแบบ APIs เพื่อไปใช้กำหนดเงื่อนไขบน Smart Contract ที่เป็นสัญญาทางธุรกิจได้แบบเรียลไทม์ เช่น Smart Contract ที่อ้างอิงข้อมูลตลาดหลักทรัพย์จาก NYSE, Smart Contract ที่อ้างอิงข้อมูลเศรษฐกิจจาก Bloomberg, หรือ Smart Contract ที่อ้างอิงข้อมูลสภาพอากาศจาก GPS ฯลฯ
โครงสร้างพื้นฐานของ Chainlink
เดิม Oracle ที่ใช้งานแบบ Centralized มีความเสี่ยงที่จะถูกผูกขาดโดยผู้ให้บริการ แต่สำหรับ Chainlink ที่ทำหน้าที่เป็น Decentralized Oracle บนบล็อกเชนสาธารณะนั้นสามารถแก้ไขปัญนี้นี้ได้ด้วยการกระจายอำนาจให้โหนดต่าง ๆ บนเครือข่ายช่วยดึงข้อมูลจากภายนอก (Off Chain) เข้ามาเพื่อทำการตรวจสอบความถูกต้องภายในเชน (On Chain) แล้วจึงยืนยันข้อมูลเพื่อนำไปใช้ต่อได้อย่างน่าเชื่อถือ ทำให้โครงสร้างการทำงานของ Chainlink นั้นมีอยู่ 2 ส่วน คือ โครงสร้างสถาปัตยกรรม On Chain และ โครงสร้างสถาปัตยกรรม Off Chain
★ โครงสร้างสถาปัตยกรรม On Chain
เป็นการทำงานบน Chainlink คือเมื่อ Node บน Chainlink ได้รับคำสั่งเรียกข้อมูลจากผู้ใช้ก็จะสร้างสัญญาขึ้นมา 3 รูปแบบ คือ
Reputation Contract ทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติผู้ให้บริการดึงข้อมูล Oracle ว่าแต่ละโหนดที่มีอยู่นั้นมีความน่าเชื่อถือแค่ไหน และตัดโหนดที่ไม่น่าเชื่อถือออกไป
Order-Matching Contract ทำหน้าที่สร้างข้อตกลงและตรวจสอบข้อเสนอราคาของผู้ให้บริการ Oracle พร้อมประเมินผู้ให้บริการตามที่ Reputation Contract ส่งมา แล้วทำการจับคู่ผู้ให้บริการข้อมูลที่จะให้ช่วยดึงข้อมูลในท้ายที่สุด
Aggregating Contract จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดจากผู้ให้บริการข้อมูล แล้วประมวลผลข้อมูลเพื่อส่งกลับไปให้กับผู้ใช้ที่ส่งคำสั่งเรียกข้อมูล และในอีกด้านหนึ่งก็รายงานประวัติของผู้ให้บริการไปที่ Reputation Contract
จากกระบวนการนี้ ผู้ใช้ Chainlink ที่รัน Node เพื่อเข้ามาเป็นผู้ให้บริการข้อมูลจะมีการทำงานไปพร้อมกัน นั่นคือ เมื่อ Chainlink ได้รับคำสั่งเรียกข้อมูล Node ที่อยู่บนเครือข่ายจะประเมินว่าจะรับข้อเสนอนี้หรือไม่ ซึ่งหากรับก็ต้องวาง LINK ออกมาเป็นเงินวางประกันในกรณีที่ไม่สามารถหาข้อมูลมาให้ตามที่ตกลงไว้ได้ LINK จำนวนนี้จะถูกริบไป
หลังจากนั้น Node ที่รับข้อเสนอมาจะส่งข้อมูลแบบ API ไปประมวลผล Off Chain เพื่อดึงข้อมูลภายนอกกลับเข้ามาส่งให้ Aggregating Contract เพื่อประเมินความถูกต้องและเก็บเป็นประวัติ ซึ่งหากข้อมูลที่หามาได้นั้นได้รับการตอบรับ Node ผู้หาข้อมูลมาก็จะได้เหรียญ LINK เป็นรางวัล
★ โครงสร้างสถาปัตยกรรม Off Chain
โครงสร้าง Off Chain ของ Chainlink เกิดขึ้นจากเครือข่าย Oracle Nodes ที่สนับสนุนการทำงานของ Smart Contract ของเครือข่ายชั้นนำและเชื่อมต่ออยู่บนเครือข่าย Ethereum ซึ่ง Node เหล่านี้สามารถตอบรับคำขอดึงข้อมูลได้อย่างอิสระ แต่ละ Node ยังสามารถเพิ่มการติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่มเติมเพื่อรองรับการค้นหาข้อมูลจาก Off Chain ซึ่งการทำงานของ Node เหล่านี้เองที่ทำให้ Chainlink มีความเฉพาะตัวที่แต่ละโหนดของเครือข่ายสามารถทำงานได้แบบทั้ง On Chain และ Off Chain
ข้อดี-ข้อเสียของ Chainlink (LINK)
ข้อดีของ Chainlink (LINK)
Chainlink เป็นผู้บุกเบิก Oracle บนบล็อกเชน: ช่วยให้สัญญาอัจฉริยะเชื่อมต่อกับข้อมูลนอกเครือข่ายและเหตุการณ์จริงได้อย่างปลอดภัย และรักษาส่วนแบ่งตลาดที่โดดเด่นในปี 2025
มีการใช้งาน DeFi อย่างกว้างขวาง: Chainlink ได้รับความไว้วางใจจากแพลตฟอร์ม DeFi ชั้นนำอย่าง Aave, Synthetix และ Compound ฟีดข้อมูลที่ปลอดภัยจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการติดตามราคาที่แม่นยำ การคำนวณผลตอบแทน และการบริหารความเสี่ยง
ความร่วมมือระหว่างองค์กรและสถาบัน: Chainlink ได้สร้างความร่วมมือและความร่วมมือกับ SWIFT, Google Cloud, AWS, Swisscom และ Associated Press ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและเปิดประตูสู่การนำระบบการเงินแบบดั้งเดิมและการใช้งานในองค์กร
ระบบนิเวศที่หลากหลาย: ภายในปี 2025 Chainlink สนับสนุนโครงการมากกว่า 755 โครงการ ครอบคลุม DeFi การเงินแบบดั้งเดิม ประกันภัย เกม และ NFT ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลาย
คุณสมบัติขั้นสูง (VRF และ CCIP): นวัตกรรมอย่าง Verifiable Random Function (VRF) เพื่อความสุ่มที่ยุติธรรมในเกม/NFT และ Cross-Chain Interoperability Protocol (CCIP) สำหรับธุรกรรมหลายเชนที่ราบรื่น ช่วยขยายประโยชน์ใช้สอยของ Chainlink นอกเหนือไปจากการป้อนราคา
ข้อเสียของ Chainlink (LINK)
มีต้นทุนสูงและปัญหาด้านความสามารถในการปรับขนาด: การพึ่งพา Ethereum และเครือข่าย L1 อื่นๆ อย่างมากหมายความว่า Chainlink อาจเผชิญกับค่าธรรมเนียมแก๊สที่สูงและความท้าทายด้านความสามารถในการปรับขนาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการใช้งานหนาแน่น
ความเสี่ยงด้านการรวมศูนย์และการกระจายโทเค็น: LINK ส่วนใหญ่ยังคงกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มนักลงทุนยุคแรกและทีมงาน ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลในการกำกับดูแลและแรงขาย
การแข่งขันที่เพิ่มขึ้น: โปรเจกต์ Oracle มีคู่แข่งอย่าง Band Protocol, API3 และ Pyth Network กำลังพัฒนานวัตกรรมด้วยโมเดลทางเลือก บังคับให้ Chainlink ต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาความเป็นผู้นำ
Chainlink ใช้ทำอะไรได้บ้าง?
ณ กลางปี 2025 Chainlink ได้พัฒนาไปไกลเกินกว่าบทบาทเริ่มต้นในการจัดหาข้อมูลราคาให้กับแพลตฟอร์ม DeFi เช่น Aave เครือข่าย Oracle แบบกระจายศูนย์ของ Chainlink ได้รักษาความปลอดภัย Total Value Secured (TVS) มูลค่ากว่า 9.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ครอบคลุมโปรโตคอลมากกว่า 2,000 โปรโตคอล รวมถึงแพลตฟอร์ม DeFi หลักๆ อย่าง Aave, GMX และ Lido ซึ่งตอกย้ำถึงความแพร่หลายที่แทบจะครอบคลุมทั่วทั้งระบบนิเวศ DeFi
Chainlink ยังได้ขยายโครงสร้างพื้นฐานอย่างลึกซึ้งไปยังตลาดองค์กรและตลาดทุน ทำให้เกิดกรณีการใช้งานต่างๆ เช่น การชำระบัญชีแบบอะตอมมิกข้ามเครือข่าย (เช่น ระหว่าง Kinexys ของ J.P. Morgan และบล็อกเชนสาธารณะ) การรายงานมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) บนเครือข่ายสำหรับกองทุนสถาบัน และรูปแบบการเข้าถึงของผู้บริโภค เช่น การทำให้ผู้ถือบัตร Mastercard กว่า 3 พันล้านคนสามารถซื้อคริปโตได้โดยตรงบนเครือข่ายนี้
การเชื่อมต่อ Smart Contract กับข้อมูลในโลกจริง เช่น ข้อมูลด้านสถานการณ์ การชำระเงิน ที่ไม่สามารถแฮ็กได้และมีความแม่นยำสูง เช่น CACHE ใช้ Chainlink เพื่อติดตามราคาทองคำที่หนุนหลัง Token ของตัวเองที่อ้างอิงกับราคาทองคำได้แบบเรียลไทม์
การเชื่อมต่อข้อมูลของแอปพลิเคชัน DeFi Chainlink ช่วยเสริมศักยภาพของระบบนิเวศน์ DeFi ด้วยเครือข่าย Oracle ที่ส่งข้อมูลที่แม่นยำ เช่น Synthetix, AAVE และ Tader Joe
การใช้ในองค์กรธุรกิจ Chainlink นับเป็น Oracle แบบ Decentralized เพียงเจ้าเดียวที่น่าเชื่อถือสูงเพียงพอที่จะนำมาใช้ในองค์กรธุรกิจ เพื่อเชื่อมโยงโลกภายนอกเข้ากับเครือข่ายบล็อกเชน และบริษัทที่ใช้งานอยู่เช่น Swisscom หรือ AccuWeather ที่เข้ามาเป็นโหนดส่งข้อมูลให้กับเครือข่าย
การใช้ในธุรกิจประกัน เป็นกลุ่มธุรกิจที่ต้องการใช้ข้อมูลเพื่อการประมวลผลสูง ไม่ว่าจะเป็นการประกันพืชผลการเกษตร หรือ การประกันสุขภาพ อย่างไรก็ตาม การนำไปใช้งานยังคงอยู่ในระยะนำร่องและระยะเริ่มต้น และการใช้งานในวงกว้างในอุตสาหกรรมประกันภัยทั่วโลกยังไม่เกิดขึ้นจริง
เกมและ NFT ด้วยฟีเจอร์เฉพาะตัวของ Chainlink VRF ซึ่งเป็นฟีเจอร์สำหรับใช้ในการสุ่ม ทำให้ถูกนำไปใช้สุ่มสถานการณ์เพื่อทดสอบเกม หรือ สุ่มตรวจสอบโดยการเข้ารหัสบนเครือข่าย เช่น Aavegotchi
LINK Coin คืออะไร
LINK Coin คือ สกุลเงินหลัก (Native Token) ที่ใช้อยู่บนเครือข่าย Chainlink ซึ่งเป็นบล็อกเชนเลเยอร์เสมือนที่วางอยู่บนเครือข่าย Ethereum โดย LINK Coin เพื่อใช้เป็นตัวกลางในการทำธุรกรรมและเป็นรางวัลสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ บนเครือข่าย Chainlink
ที่มา https://coinmarketcap.com/
มีเหรียญ LINK ที่ผลิตออกมาทั้งหมด 1,000,000,000 เหรียญ และมีเหรียญ LINK หมุนเวียนอยู่ 678,090,000 เหรียญ ปัจจุบันราคาเหรียญ LINK อยู่ที่ 23.68 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ณ วันที่ 1 กันยายน 2568) และมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 16,060,293,185 ดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้เป็นเหรียญที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดเป็นอันดับ 11 บน CoinMarketCap
กว่าจะมาเป็นเหรียญ LINK Coin
ย้อนไปในปี 2014 Sergey Nazarov อดีตร่วมผู้ก่อตั้ง ExistLocal และ CryptaMail ได้ร่วมกับ Steve Ellis สร้าง SmartContract.com แพลตฟอร์มที่สามารถเชื่อมต่อกับข้อมูลภายนอก เช่น ข้อมูลการชำระเงิน ไปสู่การทำงานของบล็อกเชนได้ โดยเฉพาะข้อมูลการชำระเงินภายนอกเชน ซึ่ง SmartContract.com นี้เองที่นับเป็นโปรเจกต์เริ่มต้นของ Chianlink
เริ่มแรก SmartContract.com ยังมีการทำงานแบบ Centralized และได้มีการพัฒนาต่อมาให้เป็น Decentalized Oracle บนบล็อกเชน ที่อนุญาตให้ใครก็ได้สามารถดึงข้อมูลจากภายนอกไปใช้บน Smart Contract และกลายมาเป็น Chainlink ในปี 2017 โดยในปีนั้น Chainlink ได้นำ LINK ออกมา ICO จำนวน 1 ร้อยล้านเหรียญ และรับเงินระดมทุนกลับไปพัฒนาโปรเจกต์จำนวน $32 ล้าน
เหรียญ LINK Coin กับการใช้งาน
ถึงตรงนี้เราก็คงได้รู้จักเหรียญ LINK Coin กันไปบ้างแล้ว คราวนี้ลองมาดูการใช้งานเหรียญ LINK Coin กันบ้าง
LINK Coin เป็นเหรียญที่ใช้สำหรับกิจกรรมที่ดำเนินอยู่บน Chainlink การใช้งานเหรียญ LINK Coin ที่เป็นพื้นฐานแรกก็คงหนีไม่พ้นการนำไปใช้สำหรับการจ่ายค่าธรรมเนียมในการเรียกข้อมูล Oracle บน Chainlink เช่น การใช้งาน Smart Contrat บน Ethereum เมื่อต้องการเชื่อมต่อข้อมูลผ่านโหนด Chainlink ก็จำเป็นต้องใช้เหรียญ LINK Coin สำหรับการทำธุรกรรม ส่วนราคานั้นขึ้นอยู่กับการเสนอของ Node Operator ซึ่งจะขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของธุรกรรมในช่วงนั้น ๆ
Chainlink ได้เปิดตัวโปรแกรมการสเตคกิ้ง (Staking) ในเวอร์ชัน 0.1 ในเดือนธันวาคม 2022 (การเข้าถึงล่วงหน้าในวันที่ 6 ธันวาคม และ General Access ในวันที่ 8 ธันวาคม) โดยสมาชิกชุมชนสามารถสเตคกิ้งได้สูงสุด 7,000 LINK ต่อที่อยู่ ในพูลที่จำกัดจำนวนไว้ที่ 25 ล้าน LINK ซึ่งคิดเป็นประมาณ 5% ของอุปทานหมุนเวียน เวอร์ชันนี้ให้ผลตอบแทนโดยประมาณประมาณ 4.75% APY
ในเดือนพฤศจิกายน 2023 Chainlink ได้อัปเกรดเป็นเวอร์ชัน 0.2 โดยขยายขนาดพูลเป็น 45 ล้าน LINK และเพิ่มขีดจำกัดการสเตคกิ้งของชุมชนเป็น 15,000 LINK ต่อที่อยู่ พร้อมกับเพิ่มระบบรางวัลและกลไกการปลดพันธะที่ยืดหยุ่นยิ่งขึ้น ณ ปี 2025 การสเตคกิ้งของ Chainlink ยังคงมีบทบาทสำคัญในการรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายและกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมในระยะยาว
วิเคราะห์เหรียญ Link ราคาล่าสุด 2025
จากกราฟและการคาดการณ์ Chainlink (LINK) ปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ 22.90 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีการคาดการณ์ราคาระยะสั้นที่ 24.88 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มขาขึ้นที่ 7.64% ภายในเดือนตุลาคม 2025 ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มขาขึ้น โดยมีค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันที่ 20.64 ดอลลาร์สหรัฐฯ และค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วันที่ 15.07 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งส่งสัญญาณโมเมนตัมขาขึ้นที่แข็งแกร่งเหนือค่าเฉลี่ยระยะยาว
ค่า RSI 14 วันที่ 50.46 บ่งชี้ว่า LINK ไม่ได้ถูกซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป จึงยังมีโอกาสทำกำไรเพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ โทเค็น LINK ยังคงรักษาระดับวันสีเขียวไว้ที่ 57% ในเดือนที่ผ่านมา โดยมีความผันผวนอยู่ที่ 14.46% ซึ่งบ่งชี้ถึงความผันผวนของราคาที่คงที่แต่ปานกลาง ซึ่งยังคงเป็นผลดีต่อเทรดเดอร์
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีแนวโน้มขาขึ้นนี้ แต่ความเสี่ยงยังคงอยู่ ดัชนี Fear & Greed อยู่ที่ 46 (Fear) สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของตลาดที่ระมัดระวัง แม้ว่า LINK จะยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดัชนีนี้ชี้ให้เห็นว่าแม้ว่า Chainlink จะแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น แต่ตลาดคริปโตโดยรวมยังคงเปราะบางและได้รับอิทธิพลจากปัจจัยมหภาค
หากความเชื่อมั่นของตลาดโดยรวมดีขึ้น LINK อาจทำผลงานได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในทางกลับกัน หากความกังวลทวีความรุนแรงขึ้น แรงขายทำกำไรและความผันผวนที่พุ่งสูงขึ้นอาจจำกัดการเติบโตในระยะสั้น Chainlink ในปี 2025 ยังคงเป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโต เนื่องจากมีบทบาทในโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลบล็อกเชน แต่นักลงทุนควรพิจารณาถึงความสมดุลระหว่างความเชื่อมั่นและความระมัดระวัง

แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์! 🎁🎁🎁
ค่าคอมฯ 0 สเปรดต่ำ! เงินฝากขั้นต่ำ $50 🤑
ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี 💰
จะลงทุนซื้อเหรียญ LINK Coin ได้ที่ไหน?
หากนับว่าฤดูหนาวของคริปโตได้ผ่านพ้นไปแล้ว การเริ่มต้นลงทุนอีกครั้งก็เป็นเรื่องที่ต้องเตรียมตัว สำหรับใครที่อยากเป็นลงทุนกับเจ้าเหรียญนี้และมองหาช่องทางการซื้อเหรียญ LINK Coin สำหรับทำกำไรก็สามารถเลือกได้ 2 วิธี คือ
1. ซื้อเหรียญ LINK Coin บน Exchange
วิธีนี้จะเป็นการนำสกุลเงินที่เรามีไปแลกเหรียญ LINK Coin บน Exchange ต่าง ๆ เช่น Binance, Huobi Global, Coinbase Pro, Gate.io, Kraken มาเก็บรักษาไว้ในกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ Exchange สร้างให้ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนด้วยวิธีนี้สามารถเป็นเจ้าของเหรียญได้จริง ๆ และยังสามารถโอนเหรียญออกไปทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น เก็บไว้ในกระเป๋าเงินดิจิทัลส่วนตัวเพื่อความปลอดภัย หรือ โอนออกไปสเตคเพื่อสร้างผลตอบแทนต่อก็สามารถทำได้
2. เทรดเหรียญ LINK Coin กับ โบรกเกอร์ CFD
วิธีนี้เป็นการเทรดสัญญาซื้อขายส่วนต่าง (Contract for Differences – CFD) ทำให้นักลงทุนจะไม่ได้เป็นเจ้าของเหรียญจริงๆ แต่สามารถทำกำไรจากการเปลี่ยนแปลงของราคาเหรียญได้ โดยสามารถทำการซื้อขายได้อย่างคล่องตัวกว่าโดยไม่ต้องรอการจับคู่ ไม่ต้องเก็บรักษาเหรียญ และมีขั้นตอนการเปิดบัญชีที่ไม่ยุ่งยาก แต่สามารถทำกำไรในสัดส่วนที่สูงได้จากการใช้อัตราทด ในทางตรงข้ามก็มีความเสี่ยงสูงในการขาดทุนที่สูงเช่นกัน
กล่าวโดยสรุปแล้ว Chainlink ก็คือเครือข่าย Oracle แบบกระจายศูนย์ที่ออกแบบมาเพื่อเชื่อมช่องว่างระหว่างเทคโนโลยีบล็อกเชนและข้อมูลในโลกแห่งความเป็นจริง เหรียญ LINK ของ Chainlink ขับเคลื่อนระบบนิเวศนี้ด้วยการจูงใจผู้ให้บริการโหนดให้นำเสนอข้อมูลที่เชื่อถือได้แก่สัญญาอัจฉริยะ
สิ่งที่ทำให้ Chainlink โดดเด่นคือความสามารถในการส่งมอบข้อมูลนอกเครือข่ายอย่างปลอดภัย เช่น ราคาตลาด รายละเอียดด้านโลจิสติกส์ และสภาพอากาศ ไปยังแอปพลิเคชันบล็อกเชนโดยตรง ความสามารถนี้ดึงดูดความร่วมมือกับองค์กรขนาดใหญ่ เช่น Google, FedEx และ FlightStats
มาเลือกวิธีการลงทุนด้วยการซื้อเหรียญ LINK Coin บน Exchange หรือจะเลือกเทรดเหรียญ LINK Coin กับ โบรกเกอร์ CFD ก็ย่อมได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสไตล์การลงทุนของเทรดเดอร์แต่ละคน เริ่มต้นเรียนรู้โครงสร้างของ Chainlink ตอนนี้เพื่อการลงทุนอย่างชาญฉลาดต่อได้เลย
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน