BNB Coin (BNB) คืออะไร? แนวโน้มเหรียญ BNB น่าลงทุนไหมในปี 2023

BNB Coin คือ สกุลเงินดิจิทัลอีกหนึ่งเหรียญ สร้างขึ้นมาปี 2017 จากแพลตฟอร์ม Binance กระดานเทรด Cryptocurrency อันดับหนึ่งของโลก และเป็นเหรียญคริปโตอันดับต้นๆที่มีการถูกพูดถึงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน 

ซึ่งในบทความนี้ทางผู้เขียนได้ทำการอัปเดตข้อมูลใหม่ล่าสุดซึ่งเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับ BNB Coin คืออะไร ระบบการทำงานของ BNB Coin จุดเด่นของเหรียญ BNB ที่ทำให้เหรียญยังคงได้รับความนิยมอยู่แม้ว่าจะเป็นช่วงตลาดขาลงแบบนี้ พร้อมทั้งไขข้อสงสัยเกี่ยวกับกระบวนการเผาเหรียญ และศึกษาเกี่ยวกับความเสี่ยงของ BNB Coin ที่ควรระวัง วิเคราะห์ภาพรวมในอนาคตเหรียญนี้ยังน่าสนใจอยู่หรือไม่ และอีกแก่นสำคัญที่สุดที่เหล่านักลงทุนทุกคนต้องการที่จะรู้ นั่นก็คือ BNB Coin (BNB) น่าลงทุนไหมในปี 2023 ไม่อยากพลาดเกร็ดความรู้ที่น่าสนใจ ติดตามได้ในบทความนี้

จ้าว ฉางเผิง (Changpeng Zhao)

Bnb Coin (BNB) คือ Token อยู่บนเครือข่าย Binance Chain (BEP2) ด้วยระบบฉันทามติแบบ Proof of Staked Authority (PoSA) ซึ่งเป็นระบบการทำงานบนเครือข่ายที่ใช้ในปัจจุบันนี้ มีการพัฒนาขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งาน อัปเดตความเสถียรภาพในการรับส่งข้อมูล รวมถึงรองรับในเรื่องของการสร้าง Token ใหม่ๆบนบล็อคเชนนี้อีกด้วย ป้องกันปัญหาการถูกแฮกข้อมูล มีระบบความปลอดภัยสูง ซึ่งระบบเครือข่ายที่ใช้ในปัจจุบันนี้มี

โดยระบบเครือข่ายนี้มีการพัฒนาระบบต่อจากเครือข่ายบล็อคเชนเดิมคือ Ethereum (ERC-20) ที่ในอดีตมักถูกโจมตีในเรื่องของความปลอดภัย การโดนแฮกข้อมูลอยู่บ่อยครั้ง ทางทีมงานผู้ก่อตั้งจึงมีการพัฒนาระบบเครือข่ายบล็อคเชนดังกล่าวขึ้นมา จนมีผู้ใช้งานอย่างล้นหลามและทำให้เหรียญ BNB กลายเป็นเหรียญ Crypto ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดเป็นอันดับที่ 4 ของตลาดในวันนี้

สำหรับ Bnb Coin เรามักจะรู้จักในนามว่าเป็นเหรียญจากกระดานเทรด Binance เนื่องจากว่าเหรียญนี้ถูกสร้างขึ้นโดย "จ้าว ฉางเผิง (Changpeng Zhao)" CEO ของกระดานเทรด Binance กระดานเทรดคริปโทอันหนึ่งของโลก โดย ”จ้าว ฉางเผิง” ได้ทำการเปิดตัวเหรีญดังกล่าวภายใต้การระดมแบบ ICO (Initial Coin Offering) ในปี 2017 นับว่าเป็นระยะเวลา 6 ปีที่ประสบความสำเร็จเกินคาดมากๆเลยก็ว่าสำหรับเหรียญ BNB จากแพลตฟอร์ม Binance Exchange

BNB เป็นสกุลเงินดิจิทัล หรือ โทเค็นที่สร้างขึ้นโดย Binance ความเป็นมาของเหรียญย้อนกลับไปในปี 2017 ที่มีการเปิดตัวครั้งแรกในระหว่างกิจกรรมการระดมทุนครั้งแรก (ICO) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 มิถุนายนถึง 3 กรกฎาคม โทเค็น BNB เสนอขายจำนวน 100,000,000 หน่วย (50% ของอุปทานทั้งหมด) ราคาที่กำหนดคือ 1 ETH เท่ากับ 2,700 BNB หรือ 1 BTC สำหรับ 20,000 BNB หรือมูลค่าประมาณ 0.11 USD ในตอนนั้น

ในตอนแรก BNB ได้รับการออกเป็นโทเค็น ERC-20 บนแพลตฟอร์มอีเธอเรียม แต่หลังจากนั้นก็ถูกโอนไปยัง BNB Chain หลัก สำหรับอุปทานเริ่มแรกของ BNB กำหนดไว้ที่ 200,000,000 เหรียญ แต่เนื่องจากเหตุการณ์การเผาเหรียญที่เกิดชึ้นเป็นประจำจึงทำให้อุปทานจึงค่อย ๆ ลดลง BNB Coin มีกรณีการใช้งานหลายกรณี เช่น ใช้สำหรับการเทรดในศูนย์ซื้อขาย เป็นต้น

ตามที่กล่าวไปในหัวข้อก่อนหน้าว่า Bnb Coin มีระบบการทำงานอยู่บนเครือข่ายบล็อคเชน Binance Chain (BEP2) แต่ทุกคนทราบหรือไม่ว่าแพลตฟอร์มนี้ยังมีระบบการทำงานด้วยระบบเทคโนโลยีที่น่าสนใจนั่นก็คือ รูปแบบการทำงานแบบ Binance Smart Chain ซึ่งมีความแตกต่างจาก Binance Chain ทั่วไป แม้ว่าระบบการทำงานของ Bnb Coin จะมีการพัฒนามา Binance Chain (BEP2) ที่มีความเสถียรภาพมากกว่าแบบเดิมก็ตาม แต่ก็ยังจุดบอดบางประการที่ยังยากต่อการแก้ไข นั่นก็คือ ปัญหาในเรื่องความยืดหยุ่นในการใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันอื่น ดังนั้นจึงมีการนำ Binance Smart Chain เข้ามาใช้งานเพื่อแก้ไขปัญหาจุดบอดให้กลายเป็นจุดแข็ง

สำหรับ Binance Smart Chain ถือว่าเป็นระบบที่มีความเสถียรภาพสูง จากการสร้างขึ้นมาด้วยระบบสถาปัตยกรรมแบบ Dual-chain ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถโอนสินทรัพย์ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยค่าธรรมเนียมที่ถูก ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งกลไกที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถลดต้นทุนในการทำธุรกรรม ทั้งยังเป็นเครือข่ายที่สามารถต่อยอดในเรื่องของการสร้างแอปพลิเคชันที่ไม่มีตัวกลาง (Decentralized Application : DApp) และแพลตฟอร์มทางด้านการเงินเกี่ยวกับตลาด DeFi ระบบเครือข่ายนี้ยังสามารถทำการรองรับ Ethereum Virtual Machine (EVM) ที่เป็นโปรแกรมสำหรับเขียนสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) แบบของ Ethereum ได้เช่นกัน ด้วยระบบการทำงานที่ใชเทคโนโลยีที่น่าสนใจจึงไม่แปลกที่จะทำให้แพลตฟอร์ม Binance กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และมีการเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างเห็นได้ชัด

• ผู้ใช้งานสามาถนำ Bnb Coin มาใช้จ่ายค่าธรรมเนียม สำหรับผู้ที่ทำธุรกรรมบน Binance Exchange ก็จะได้ส่วนลดค่าธรรมในแต่ละครั้งอีกด้วย

• ผู้ใช้งานสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น ชำระค่าบัตรเครดิต ชำระสินค้า และทำการซื้อ Virtual Gifts เป็นต้น

• ปัจจุบันมีการนำไปใช้การลงทุนทางด้านกองทุนรวม ETF และสามารถนำไปลงทุนบนสินทรัพย์ด้านอื่นๆได้เช่นกัน

• ผู้ใช้งานสามารถนำ Bnb Coin ไปเพิ่มมูลค่าบน Binance Exchange แทนวิธีการฝากเงินทั่วไป โดยจะมีวิธีการให้เราเลือกลงทุนอย่างหลากหลาย เช่น การฝากแบบ Binance Saving ก็จะเป็นวิธีการเก็บสินทรัพย์แบบ Flexible Saving เป็นการฝากเพื่อกินดอกเบี้ย, ฝากใน Locked Staking จะคล้ายๆกับฝากประจำ ซึ่งจะได้ผลตามระยะสัญญาที่ทำกำหนด และวิธีการฝากใน Launchpool ที่เป็นการนำ BNB ไปฝากเพื่อเข้าร่วมโครงการที่จะเปิดตัวเหรียญใหม่ โดยจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเหรียญสกุลอื่นๆ กลับคืนมา เป็นต้น

การเผาเหรียญ (Burn) คือ กลวิธีที่ใช้เพื่อต้องการลดปริมาณเหรียญออกจากระบบหมุนเวียน เหรียญในตลาด ซึ่งส่งผลทำให้อุปทานทั้งหมดของเหรียญลดลงอย่างถาวรนั่นเอง โดยกลวิธีการนี้จะช่วยควบคุมปริมาณเหรียญไม่ให้ล้นตลาดในอนาคต พร้อมทั้งแก้ปัญหาสภาวะเงินฝืดได้อีกด้วย

สำหรับ Bnb Coin ได้มีนโยบายในการเผาเหรียญมาตั้งแต่เริ่มสร้างเหรียญนี้ขึ้นมา โดยวิธีแรกเริ่มเลือกใช้กลไกที่ประกอบไปด้วยการเผาไหม้ส่วนหนึ่งของ BNB ที่ถูกใช้เป็นค่าธรรมเนียมค่า Gas บน Binance Smart Chain (BSC) แต่ก็ยังมีปัญหาในเรื่องของความโปร่งใสเกิดขึ้น ดังนั้นทางบริษัทจึงได้มีการพัฒนารูปแบบการเผาเป็นกลวิธีแบบ Auto-Burn คือ วิธีการเผาเหรียญในทุกๆ 3 เดือน ซึ่งวิธีการนี้สามารถตรวจสอบความโปร่งใสได้และสามารถเผาเหรียญออกได้จริงและเป็นวิธีการเผาเหรียญที่ทางบริษัทเลือกใช้ในปัจจุบันนี้

วิธีการเผาเหรียญ ไม่ใช่วิธีการจุดไฟเผาเหรียญแต่อย่างใด แต่เป็นการที่ทาง Binance นำกำไของบริษัท 20 % ออกมาซื้อเหรียญ BNB คืน เพื่อทำการเผาเหรียญให้สูญหายจากระบบอย่างถาวร กล่าวคือ ปริมาณเหรียญที่เผาออกไปนั้นจะไม่สามารถนำกลับเข้ามาหมุนเวียนในตลาดได้อีก

สาเหตุที่ต้องเผาเหรียญออกจากตลาด เนื่องจากว่าทาง Binance มีอุปทานเหรียญทั้งหมด 200 ล้านเหรียญ และมีวัตถุประสงค์ที่จะต้องการเผาเหรียญให้เหลือเพียง 50% ของจำนวนเหรียญทั้งหมดที่มี กล่าวคือ ในอนาคตข้างหน้า Bnb Coin จะเหลือเพียง 100 ล้านเหรียญเท่านั้นในตลาด พูดง่ายๆตามหลักเศรษฐศาสตร์ก็คือ Supply ลดลง Demand เพิ่มขึ้นหรือเท่าเดิมก็ส่งผลให้ราคาของเหรียญมีมูลค่าที่สูงขึ้น

ข้อดีของ Bnb Coin 

1. เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า Bnb Coin เป็นหนึ่งในสกุลเงินดิจิทัลอันดับต้นๆ ที่นักลงทุนหลายคนให้ความสนใจและยังถูกพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง แม้ว่าจะเป็นช่วงตลาดขาลงแบบนี้อยู่ก็ตาม จากการที่ผู้เขียนได้ทำการเรียบเรียงข้อมูลมาถึงตรงนี้ก็ได้เห็นจุดเด่นของ Bnb Coin (BNB)  ที่แตกต่างจาก เหรียญอื่นๆ โดยสามารถอธิบายรายละเอียดได้ดังนี้

   
   

2. เหรียญ BNB เป็นเหรียญที่มาจากระดานเทรด Binance ซึ่งเป็น Exchange ที่ใหญ่และมีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก มีการพัฒนาระบบเครือข่ายเป็นของตัวเองด้วยระบบ Binance Smart Chain ซึ่งเป็นเครือข่ายที่มีความเสถียรภาพสูง ถือว่าเป็นการพัฒนาศักยภาพของตัวเองให้เหนือกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด

   
   

3. Bnb Coin (BNB) จะวิธีการเผาเหรียญทิ้งอย่างถาวรในทุกๆไตรมาส เพื่อไม่ให้มีเหรียญล้นตลาดในอนาคต ซึ่งส่งผลดีต่อราคาเหรียญในระยาว ข้อนี้จึงเป็นเหตุที่ว่าทำไมในช่วงตลาดขาลง ราคาเหรียญ BNB ถึงอยู่ในระดับความผันผวนที่สามารถเข้าถึงได้

   
   

4. Binance มีผลิตภัณฑ์ชิ้นสำคัญอย่าง Binance DEX (ตลาดแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจแบบไร้ตัวกลาง Binance Decentralized Exchange) ซึ่งถือว่าเป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่มีบทบาทต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม Defi ให้ประสบความสำเร็จในช่วงเวลาที่ผ่านมา

   
   

5. แพลตฟอร์ม Binance มีการพัฒนาเทคโนโลยีบล็อคเชนมีการให้มีการเข้าถึงได้ง่ายตามยุคสมัยอยู่ตลอดเวลา ถือว่าเป็นจุดแข็งอีกข้อที่ทำให้คู่แข่งไม่สามารถโค่นล้มความเป็นกระดานแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลอันดับหนึ่งของโลกได้นั่นเอง

ข้อเสียของ Bnb Coin 

1. Binance เป็นบริษัทที่สร้างขึ้นโดยคนจีน ซึ่งแน่นอนว่าจะเจอปัญหาเกี่ยวกับมาตรการการควบคุมจากภาครัฐทั้งภายในและภายนอกประเทศ

   
   

2. เนื่องจาก Binance เป็นแพลตฟอร์มกระดานเทรดอันดับหนึ่งของโลก มีผู้เข้าใช้งานเยอะสุด ในขณะเดียวกัน ก็เป็นที่จับตามองของกลุ่มโจรกรรมทางไซเบอร์เช่นกัน ทางบริษัทไม่สามารถคุ้มครองผู้ใช้งานได้อย่างครอบคลุม เพราะบางประเทศก็ไม่มีกฎหมายคุ้มครองเกี่ยวกับการทำธุรกรรมการเงินในรูปแบบการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล

   
   

3. ราคาของ Bnb Coin ขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มของ Binance เท่านั้น ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาขึ้นกับองค์กรก็อาจจะส่งผลต่อมูลค่าของเหรียญโดยทันที

   
   

4. ปัจจุบัน ก.ล.ต. ในประเทศไทยไม่ได้มีการยอมรับแพลตฟอร์ม Binance ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินเกิดขึ้น ผู้ใช้งานในประเทศไทยก็อาจจะสูญเสียสินทรัพย์ไปโดยสูญเปล่า

ราคาเหรียญ BNB แบบเรียลไทม์
   

สำหรับแพลตฟอร์ม Binance ในช่วงนี้ถือว่าต้องเผชิญกับสภาวะปัญหาหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน เช่น ในเรื่องของกระแสข่าวที่ถูกโจมตีในช่วงปลายปีที่ผ่านมาเกี่ยวกับเรื่องการฟอกเงินและหลังจากสำนักข่าว Reuters ได้มีการปล่อยข่าวเกี่ยวกับการฟอกเงินภายในบริษัทฯออกมา ทำให้บริษัท Binance ดูขาดความน่าเชื่อถือ ส่งผลให้ราคาเหรียญร่วงแตะ 250 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาต่ำมาก แต่ทางบริษัทก็สามารถผ่านวิกฤตและแก้ปัญหาดันราคากลับมาอยู่ในระดับปกติได้อีกครั้ง 

ในปี 2023 ทางบริษัทก็ได้มีการเล็งเห็นโปรเจกต์ใหม่ที่จะพัฒนาเกี่ยวกับ Web3.0 และแน่นอนว่าบริษัทที่มีการพัฒนาระบบอยู่ตลอดเวลาอย่าง Binance สามารถพัฒนาระบบดังกล่าวได้ดีแน่นอน และอาจจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่จะผลักดันราคาเหรียญให้สูงขึ้นอีกครั้ง จากการคาดการ์ณราคาของนักวิเคราะห์มองว่าราคาเหรียญ BNB โดยเฉลี่ยในปี 2023 นี้จะอยู่ที่ $406.30/เหรียญ ราคาสูงสุดจะอยู่ประมาณ $461.60/เหรียญ (อ้างอิงจาก www.changelly.com) ถือว่าเริ่มส่งสัญญาณดีต่อการลงทุนเหรียญ BNB ในปีนี้ได้เป็นอย่างดี

สำหรับการคาดการณ์อนาคต Bnb Coin (BNB) ในระยะยาว มองว่าเป็นอีกเหรียญที่น่าลงทุน เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า Binance เป็นกระดานเทรด Cryptocurrency ที่มีผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก และทุกครั้งที่ทำธุรกรรมบนกระดานเทรดนี้เราจะต้องใช้เหรียญ BNB ในการจ่ายค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมทุกครั้ง ด้วยปริมาณเหรีญยที่มีจำนวนจำกัดแต่ความต้องการของผู้ใช้งานมีมากขึ้นส่งผลให้ราคาเหรียญมีมูลค่าสูงขึ้นมากนั่นเอง 

สำหรับ Bnb Coin ถือว่าเป็นสกุลเงินดิจิทัลอีกหนึ่งเหรียญที่นักลงทุนให้ความสนใจและความเชื่อมั่นในเหรียญนี้เป็นอย่างมาก จากที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าทาง Binance ได้มีโปรเจกต์ที่จะนำ Web3.0 มาพัฒนากับอุตสาหกรรมการลงทุนในด้านต่างๆ ทั้งนี้ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาทาง CEO บริษัท "จ้าว ฉางเผิง (Changpeng Zhao)" ได้ออกมาประกาศนำเงินเหลือจากกองทุนฟื้นฟูอุตสาหกรรมคริปโตในเหรียญ BUSD มูลค่า $1 พันล้านดอลลาร์ มาแปลงเป็น BTC BNB ETH ส่งผลให้ราคาเหรียญกลับมายืนที่ 300$ อีกครั้ง ถือว่าส่งสัญญาณดีที่น่าลงทุนในปีนี้เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงและมีความผันผวนของราคาสูงเช่นกัน ดังนั้นนักลงทุนจะต้องติดตามสถานการ์ณตลาดเป็นช่วงๆและหาจังหวะที่เหมาะสมต่อการลงทุนของตัวเอง

บทความนี้ทางผู้เขียนได้ทำการรวบรวมแพลตฟอร์มที่มีความน่าเชื่อที่สุดมาแนะนำนักลงทุนที่มีความสนใจอยากจะลงทุนในเหรียญ BNB เหรียญคริปโทที่น่าลงทุนในลงทุนในปี 2023 ใครที่ไม่อยากจะเสียดายโอกาสทีหลัง สามารถลงทุนได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

1.ซื้อ Bnb Coin (BNB) ที่ Binance exchanges

สำหรับใครที่ไม่มีบัญชี Binance คุณสามารถทำการเปิดบัญชีได้ด้วยตัวเองผ่านเว็บไซต์ คุณสามารถทำการซื้อเหรียญ BNB ได้ที่ Binance ไม่ว่าจะเป็นการเทรดเหรียญ การฝากเหรียญในรูปแบบ Binance Saving, ฝากใน Locked Staking และวิธีการฝากใน Launchpool สามารถทำได้บนกระดานเทรดนี้เลย

2.Stake BNB With USDT as a Dual Asset

การลงทุนด้วยวิธีนี้สามารถทำได้บนกระดานเทรด Binance เพราะเป็นการลงทุนในระยะสั้น ซึ่งผู้ลงทุนสามารถเลือกคู่เทรดเป็น BNB With USDT และสามารถเลือกระยะเวลาและราคาเป้าหมายได้ตามความต้องการ ซึ่งการลงทุนประเภทนี้ค่อนข้างที่จะมีความเสี่ยงสูง ในขณะเดียวกันก็ได้ผลตอบแทนสูงเช่นกัน

3.เทรด Bnb Coin (BNB) กับ Mitrade

นักลงทุนสามารถทำการเทรด Bnb Coin (BNB) บนแพลตฟอร์ม Mitrade สามารถเปิดบัญชีฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถทำได้ด้วยตัวเองผ่านเว็บนี้ Mitrade ไม่มีค่าคอมมิชชั่นในการเทรด สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันลงบนมือถือได้ทุกระบบทั้งระบบ Android และ IOS สามารถเข้าเทรดได้ตลอด 24 ชั่วโมง

จากเนื้อในบทความนี้ประเด็นหลักๆที่เราเห็นได้ชัดว่า Binance เป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งสูงและมีการพัฒนาระบบเครือข่ายของตัวเองให้ล้ำหน้ากว่าคู่แข่งอยู่ตลอดเวลา ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่ยากต่อการโค่นล้ม แม้ว่าทางบริษัทจะเจอกสภาวะที่กดดัน ถูกกระแสข่าวโจมตีจนทำให้ราคาเหรียญร่วงไปช่วงนึง แต่ก็บริษัทยังสามารถที่จะแก้สถานการ์ณให้ราคาเหรียญกลับมาสู่สภาวะปกติได้เป็นอย่างดี สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนมากยิ่งขึ้น 

แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า Bnb Coin แม้ว่าจะมีจุดแข็งอยู่หลายประการ แต่ก็ยังมีจุดอ่อนที่เป็นความเสี่ยงต่อการลงทุนในเหรียญนี้เช่นกัน แม้ว่าจะมีการคาดการ์ณราคาเหรียญในปีนี้ค่อนน่าสนใจ แต่เราไม่ทราบถึงสถานการ์ณตลาดในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้เลยว่าจะเป็นไปในทิศทางใด 

ดังนั้นนักลงทุนทุกท่านจะต้องติดตามสถานการ์ณให้ดี เพื่อป้องกันการเสียสินทรัพย์ต่อการลงทุน ทางผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านทุกท่าน