CFD เป็นการลงทุนตราสารซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงที่อาจทำให้สูญเสียเงินทุนได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากมีเลเวอเรจ คุณควรตรวจสอบตนเองว่าคุณเข้าใจวิธีการทำงานของ CFD หรือไม่ และคุณสามารถที่จะรับความเสี่ยงในการสูญเสียเงินทุนที่สูงนี้ได้หรือไม่
    Mitrade Insights ทุ่มเทเพื่อให้นักลงทุนได้รับข้อมูลทางการเงินที่ครบถ้วน ทันเวลา และมีคุณค่ามากที่สุด เพื่อช่วยให้นักลงทุนเข้าใจสถานการณ์ตลาดและคว้าโอกาสในการซื้อขายได้ทันท่วงที
    2021
    ผู้ให้บริการข่าวและการวิเคราะห์ที่ดีที่สุด
    FxDailyInfo
    2022
    แหล่งข้อมูลการศึกษา Forex ที่ดีที่สุดทั่วโลก
    International Business Magazine

    APR คืออะไร? APR และ APY ต่างกันอย่างไรใน Crypto

    6 นาที
    อัพเดทครั้งล่าสุด 07 ธ.ค. 2566 05:46 น.

    APR คืออัตราดอกเบี้ย "ธรรมดา" ที่แสดงว่าดอกเบี้ยของเงินต้นที่คุณจะได้รับในแต่ละปีในฐานะนักลงทุน หรือ ผู้ให้กู้หรือจ่ายในฐานะผู้ยืม ส่วน APY คือส่วนประกอบของดอกเบี้ยทบต้น สองคำนี้มักทำให้มือใหม่ที่กำลังสนใจด้านการลงทุนทางการเงินสับสน ดังนั้น มาทำความเข้าใจเรื่อง APR และ APY เพื่อการเริ่มต้นลงทุนที่ดีได้จากบทความนี้ได้เลย


    APR คืออะไร

    คำว่า APR คือ อัตราร้อยละต่อปี ความหมายโดยทั่วไปคือ อัตราร้อยละต่อปี ย่อมาจาก Annual Percentage Rate กล่าวง่าย ๆ ก็คือ อัตราดอกเบี้ยธรรมดาที่แสดงให้เห็นว่าดอกเบี้ยของเงินต้นที่คุณจะได้รับในแต่ละปีคือเท่าไหร่


    ตัวอย่างเช่น หาก APR อยู่ที่ 5% หมายความว่า ทุกการลงทุน 100 บาทจะให้ผลตอบแทน 5 บาทในปีต่อมา ในทางตรงกันข้าม หากกู้ยืมเงิน 100 บาทในอัตราดอกเบี้ย 5% จะต้องชำระคืนเงินกู้ 100 บาทแรกบวกกับดอกเบี้ย 5 บาทหลังจากผ่านไปหนึ่งปี


    การทำความเข้าใจ APR จะให้ภาพรวมของจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเมื่อกู้ยืมเงินหรือจำนวนเงินที่นักลงทุนจะได้รับได้ง่ายขึ้น สำหรับในบริบทของบัตรเครดิต APR จะไม่ถูกเรียกเก็บเงินเมื่อใช้บัตร แต่จะชำระยอดคงเหลือในแต่ละเดือนภายในวันครบกำหนด อย่างไรก็ตาม หากมียอดค้างชำระและเลยวันครบกำหนดชำระไปแล้ว ดอกเบี้ยจะถูกเพิ่มเมื่อสิ้นสุดรอบบิลแต่ละรอบ


    เป็นที่น่าสังเกตว่า APR รวมเฉพาะค่าใช้จ่ายภาคบังคับเท่านั้น ค่าธรรมเนียมบางอย่าง เช่น การคุ้มครองการชำระเงิน อาจไม่นำมาพิจารณา ดังนั้นคุณควรอ่านข้อกำหนดและเงื่อนไขอย่างละเอียดก่อนสมัครขอเครดิต เพราะ APR ยังไม่ครอบคลุมถึงค่าปรับใด ๆ เช่นการชำระล่าช้าหรือเกินวงเงินเครดิต ของคุณ


    ประเภทของ APR

    APR มี 2 ประเภทได้แก่


    คงที่ (Fixed): ตราดอกเบี้ยเงินกู้ของคุณจะไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้น APR ที่คุณคำนวณตามอัตราดอกเบี้ยของคุณจะไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากไม่มีการเปลี่ยนแปลงของอัตรา จำนวนเงินที่คุณจ่ายในแต่ละปีสำหรับการกู้ยืมเงินนั้นจึงยังคงเท่าเดิม


    แปรผันได้ (Variable): ดอกเบี้ยและ APR ของเงินต้นของคุณจะเปลี่ยนแปลงเป็นครั้งคราว รูปแบบเหล่านี้ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของอัตราการกู้ยืม


    สำหรับ APR แบบคงที่จะไม่เปลี่ยนแปลง ในทางกลับกัน APR แบบแปรผันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดและปัจจัยอื่น ๆ ที่แพลตฟอร์มการให้กู้ยืมอาจตัดสินใจเป็นปัจจัยด้วย ด้วยเหตุนี้ ผู้กู้จึงมีแนวโน้มที่จะจ่ายดอกเบี้ยด้วย APR แบบแปรผันมากกว่าแบบคงที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสภาวะตลาดมีความผันผวน เพราะคุณอาจจ่ายมากขึ้นหากดอกเบี้ยมีการเปลี่ยนแปลงสูงขึ้น


    APR ใน crypto คืออะไร?

    APR ในสกุลเงินดิจิทัล คือดอกเบี้ยทั้งหมดที่ได้รับจากการลงทุนที่ Staking หรือดอกเบี้ยที่จ่ายให้กับเงินกู้ตลอดระยะเวลาหนึ่งปี รายได้จากการลงทุนและการจ่ายดอกเบี้ยจะให้ผลตอบแทนด้วยสกุลเงินดิจิทัล ผ่านแพลตฟอร์ม DeFi คุณสามารถมีส่วนร่วมในการ Staking และให้ผลผลิตเพื่อรับผลตอบแทนดอกเบี้ย


    APR จะไม่พิจารณาการทบต้นของดอกเบี้ย ทำให้การคำนวณผลตอบแทนที่เป็นไปได้ตรงไปตรงมามากขึ้น เนื่องจาก APR ไม่ได้สะท้อนถึงผลกระทบจากการทบต้น จึงอาจไม่ได้ให้ภาพผลตอบแทนในช่วงเวลาหนึ่งที่ถูกต้องแม่นยำตลอดระยะเวลาการลงทุนหรือเงินกู้ทั้งหมด


    นักพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลและผู้ให้กู้อาจสร้างรายได้ด้วยการให้ยืมสกุลเงินดิจิทัลของตนเอง สำหรับ APR ในคริปโตเป็นเรื่องง่ายเพราะไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝงใด ๆ โดยมีดอกเบี้ยจะคำนวณตามจำนวนเงินกู้เริ่มต้นเท่านั้น


    ตัวอย่างเช่น การลงทุน 1.0 Ether (ETH) ใน Lending Pool บนเครือข่ายการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) หาก APR ที่แสดงไว้คือ 24% ก็ควรได้รับ 0.24 Ether นอกเหนือจากการลงทุนเริ่มแรก หากถูกล็อคอยู่ใน Pool เป็นเวลาหนึ่งปีพอดี เป็นผลให้การลงทุนตอนนี้ควรมีทั้งหมด 1.24 Ether ซึ่งประกอบด้วยเงินต้น 1.0 Ether และดอกเบี้ยสะสม 0.24 Ether (อิงตาม APR 24 %)


    การทำงานของ APR กับ APY ในโลกคริปโต

    มาดูกันต่อว่า APR กับ APY ในโลกคริปโตสามารถทำอะไรได้บ้าง


    Staking

    การฝากเหรียญไว้บนบล็อกเชน และจะได้รับเหรียญเป็นผลตอบแทนหรือการ Staking เป็นเครื่องมือการลงทุนคริปโตแบบพาสซีฟที่ช่วยให้คุณสามารถสร้างรายได้จากการเป็นเจ้าของสกุลเงินดิจิทัลได้ ด้วยเครื่องมือนี้ คุณจะให้ยืมโทเค็นของคุณ โดย "ล็อค" โทเค็นเหล่านั้นอย่างมีประสิทธิภาพเพื่ออำนวยความสะดวกในกลไกฉันทามติบล็อคเชน และรับดอกเบี้ยเป็นการตอบแทน วิธีนี้คือพื้นฐานของกลไกฉันทามติที่เรียกว่า Proof-of-Stake ซึ่งเป็นแนวทางที่ไปสู่โลก DeFi นอกจากนี้แพลตฟอร์ม DeFi crypto บางแพลตฟอร์มเสนอการจ่ายดอกเบี้ยรายวันด้วยซ้ำ


    Yield Farming

    การทำฟาร์มที่ให้นักลงทุนสามารถทำกำไรจากการฝากสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือในการลงทุนคริปโตแบบพาสซีฟ เช่นเดียวกับการ Staking เพราะคุณให้คริปโตทำงานให้คุณเพื่อรับดอกเบี้ย


    ใน Yield Farming คุณมอบโทเค็นของคุณให้กับ liquidity pool ผ่าน dApp หรือแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ แนวคิดทั้งหมดก็คือ ด้วยวิธีนี้ คุณจะเป็นผู้จัดหาสภาพคล่องให้กับแพลตฟอร์มสกุลเงินดิจิทัลซึ่งคุณจะได้รับรางวัลที่กำหนดไว้


    วิธีการคำนวณ APR และ APY

    วิธีพื้นฐานในการคำนวณ APR มีดังนี้:


    APR = P x T


    P = อัตราเป็นงวด

    T = ระยะเวลาการลงทุน


    ตัวอย่างการคำนวณ APR


    หากคุณต้องการลงทุน 10 Bitcoins (BTC) ที่ APR 6% หลังจาก 1 ปี คุณจะมี BTC 10.6


    P = 6 (%) x T = 1 (ปี) = 6%


    หาก APR กำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อเดือน เช่น 0.5% คุณจะได้รับผลลัพธ์เดียวกัน:


    P = 0.5 (%) x T = 12 (เดือน) = 6%


    อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าวิธีการคำนวณนี้เป็นการคำนวณ APR ด้วยวิธีพื้นฐานที่สุด เนื่องจากไม่พิจารณาค่าธรรมเนียมและภาษีที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน/สินเชื่อ เมื่อเข้าสู่สมการ สูตรจะมีลักษณะดังนี้:

    สมการสูตร APR


    วิธีคำนวณ APY

    นอกจากจะสามารถคำนวณ APY ได้จากสูตรนี้แล้ว คุณยังสามารถคำนวณผ่านเครื่องคิดเลขออนไลน์ที่จะคำนวณให้คุณด้วยการคลิกเพียงไม่กี่ครั้ง หรือลองใช้สูตรดังต่อไปนี้


    เนื่องจากดอกเบี้ยทบต้นคำนึงถึงการสะสมของเงินทุน สูตรจึงมีลักษณะดังนี้:


    APY = (1 + r/n)n: 1


    r = งวดดอกเบี้ยปัจจุบัน (หรือที่เรียกกันว่า งวดของการทบต้น) แสดงเป็นทศนิยม (เปอร์เซ็นต์หารด้วย 100)

    n = จำนวนครั้งของการทบต้น


    APY คืออะไร?

    ความหมายของ APY โดยทั่วไปคืออะไร?

    APY ย่อมาจาก Annual Percentage Yield คือ อัตราผลตอบแทนร้อยละต่อปีเป็นส่วนตัวประกอบของดอกเบี้ยทบต้น โดยที่คุณจะได้รับ หรือจ่าย ดอกเบี้ยจากเงินต้น + ดอกเบี้ยของเงินต้น


    APY ในสกุลเงินดิจิทัลคืออะไร?

    ในสกุลเงินดิจิทัล APY เป็นอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงจากการลงทุนซึ่งคำนึงถึงผลลัพธ์ของดอกเบี้ยทบต้น สิ่งที่ทำให้ดอกเบี้ยทบต้นแตกต่างจากดอกเบี้ยธรรมดาก็คือ เมื่อใช้ APY ผู้ลงทุนจะได้รับดอกเบี้ยจากดอกเบี้ย ไม่ใช่แค่เงินต้นเท่านั้น


    ด้วยคริปโต การทบต้นนี้อาจเกิดขึ้นได้บ่อยในแต่ละวัน ซึ่งหมายความว่าคุณจะได้รับดอกเบี้ยตามดอกเบี้ยของคุณทุกๆ 24 ชั่วโมง ตัวอย่างเช่น เมื่อพิจารณาการทบต้นแล้ว 6% จากตัวอย่างข้างต้นจะแปลงเป็น APY เป็น:


    • 6.09%: การทบต้นทุกครึ่งปี

    • 6.14%: การทบต้นรายไตรมาส

    • 6.17%: การทบต้นรายเดือน

    • 6.18%: การทบต้นรายสัปดาห์

    • 6.18%: การทบต้นรายวัน


    ดังที่เราเห็น การทบต้นรายวันจะจ่ายคืนมากที่สุดในอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิม


    APR และ APY ต่างกันอย่างไรใน Crypto

    ทั้ง APY และ APR ใช้ในการคำนวณดอกเบี้ยสำหรับการลงทุนและสินเชื่อสกุลเงินดิจิทัล แต่ทั้งสองคำนนี้ก็มีความแตกต่างกัน


    ตัวเลข APR บอกคุณถึงค่าใช้จ่ายที่คุณจะต้องเสียในระยะเวลาหนึ่งปีเมื่อคุณยืมเงินคำนึงถึงอัตราดอกเบี้ยบวกค่าธรรมเนียมและต้นทุนอื่น ๆ แต่ไม่รวมดอกเบี้ยทบต้น โดยธรรมชาติแล้ว คุณต้องการให้ค่านี้ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หรืออาจกล่าวได้ว่า APY 6% ให้ผลตอบแทนดีกว่า APR 6%


    ความแตกต่างคือ APY คำนึงถึงดอกเบี้ยทบต้น และด้วยดอกเบี้ยทบต้น จำนวนผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับจะมากขึ้นเนื่องจากดอกเบี้ยจะคำนวณจากเงินต้นบวกดอกเบี้ยที่ได้รับก่อนหน้านี้ ดังนั้นนอกเหนือจากดอกเบี้ยที่จ่ายเป็นจำนวนเงินต้นแล้ว กำไรจะยังคงเพิ่มขึ้นเนื่องจากดอกเบี้ยที่สะสมเมื่อเวลาผ่านไป


    ความแตกต่างระหว่าง APY และ APR มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำความเข้าใจว่าคุณจะนำเงินไปลงทุนที่ไหนได้ดีที่สุด ในทางปฏิบัติแล้ว APR จะเป็นประโยชน์ต่อผู้กู้ อย่างไรก็ตาม บุคคลที่ต้องการลงทุนกองทุนควรพิจารณาอัตรา APY เพื่อเพิ่มผลกำไรสูงสุด


    สรุปความแตกต่างระหว่าง APY และ APR สำหรับคริปโตในตารางด้านล่าง

    APYAPR 
    คำนึงถึงดอกเบี้ยทบต้นไม่พิจารณาดอกเบี้ยทบต้น
    ผลการทบต้นทำให้การลงทุนหรือต้นทุนการกู้ยืมสูงขึ้นการเติบโตของการลงทุนหรือต้นทุนการกู้ยืมต่ำกว่า APY
    แนะนำสำหรับผู้ออม/นักลงทุนแนะนำสำหรับผู้กู้


    APR กับ APY: แบบไหนดีกว่ากัน?

    จากสิ่งที่เราเคยเห็นมาเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า APY ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า APR หรืออย่างน้อยก็หากคุณเป็นนักลงทุนหรือผู้ให้กู้ แน่นอนว่าการได้รับดอกเบี้ยจากดอกเบี้ยทบต้นจะทำให้คุณมีเงินมากกว่าการคิดดอกเบี้ยจากเงินต้นเท่านั้น อีกทั้งการลงทุนของคุณจะเติบโตเร็วขึ้นเช่นกัน


    ในทางกลับกัน APR จะดีกว่าหากคุณเป็นผู้กู้ยืม เนื่องจากคุณจะจ่ายอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า เนื่องจาก APR คำนวณอัตรารายปี จึงอาจเป็นประโยชน์สำหรับผู้กู้ยืมที่กำลังมองหา “ดอกเบี้ยที่ดีที่สุด” แทนที่จะลงทุนในสินทรัพย์คริปโตเพื่อหวังผลตอบแทน


    การทำความเข้าใจว่าผลกำไรหรือการชำระเงินอิงตาม APR หรือ APY เป็นสิ่งสำคัญในการลงทุนหรือการกู้ยืม ด้วยธรรมชาติของตลาดคริปโต ผลตอบแทนมักจะสูงเมื่อเทียบกับภาคการเงินแบบดั้งเดิม แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน


    ตัวอย่างของการใช้ APR กับ APY

    APY คำนึงถึงดอกเบี้ยทบต้นภายในหนึ่งปี ในขณะที่ APR ไม่ได้คำนึงถึง ตัวอย่างเช่น

     

    • คุณลงทุน 10,000 บาทในบัญชีออมทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงพร้อมอัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี 

    • หากคุณพิจารณาเฉพาะ APR คุณสามารถคาดหวังว่าจะได้รับดอกเบี้ย 500 บาทในช่วงปลายปีหรือ 1,500 บาทในระยะเวลาสามปี 

    • แต่หากคุณทบต้นดอกเบี้ย 5% ต่อปีแบบ APY ในช่วงสามปี คุณจะได้รับดอกเบี้ย 1,576.25 บาท หลังจากสามปี ซึ่งมากกว่า 1,500 บาท หากคุณคำนวณโดยพิจารณา APR เพียงอย่างเดียว


    สรุป APR คืออะไร

    APR และ APY เป็นคำศัพท์สองคำที่คุณมักจะพบเจอในโลกแห่งการเงิน อัตราดอกเบี้ยเหล่านี้ใช้สำหรับการลงทุน สินเชื่อ บัตรเครดิต และเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ การใช้งานในอุตสาหกรรมคริปโตนั้นคล้ายคลึงและได้รับความนิยมมาก

     

    หนึ่งในเหตุผลหลักก็คืออุปทานผลิตภัณฑ์ DeFi สำหรับการลงทุนคริปโตแบบพาสซีฟมีเพิ่มมากขึ้น เหนือสิ่งอื่นใด คุณยังสามารถใช้เครื่องมือออนไลน์ที่มีจะช่วยคำนวณให้กับคุณได้ ดังนั้น ไม่ต้องกังวลกับสูตร APR และ APY เพราะคุณมีตัวช่วยคำนวณให้อย่างง่ายดาย


    คำถามที่พบบ่อย
    1.APR และ APY คือสิ่งเดียวกันหรือไม่?
    หลายคนเข้าใจว่า APR และ APY เป็นคำที่ใช้แทนกันได้ อย่างไรก็ตาม สองคำนี้มีความแตกต่างกันเรื่องของดอกเบี้ยทบต้น
    2.APR 10% ใน crypto คืออะไร?
    แสดงถึงอัตราดอกเบี้ยรายปี 10% สำหรับการลงทุนโดยเฉพาะ โดยไม่คำนึงถึงผลของดอกเบี้ยทบต้น หมายความว่า ทุก ๆ การลงทุน 100 บาท คุณคาดว่าจะได้รับดอกเบี้ย 10 บาทต่อปีโดยไม่ต้องนำดอกเบี้ยที่ได้รับกลับมาลงทุนใหม่
    3.APR ทำงานในการ staking อย่างไร?
    โดยทั่วไปรางวัลจากการในการเดิมพันและการ Lock Up จะแสดงเป็นเงื่อนไขอัตราร้อยละต่อปี (APR) ตัวอย่างเช่น APR 5% หมายความว่าสำหรับมูลค่าคริปโตทุก ๆ 100 บาทที่ Staking ตามทฤษฎีแล้วผู้ถือจะได้รับ 5 บาทต่อปี โดยสังเกตว่าราคาของสกุลเงินดิจิทัลมีแนวโน้มที่จะผันผวนตลอดระยะเวลาการ staking

    *** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา


    การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

    บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?
    บทความที่เกี่ยวข้อง
    placeholder
    คำสั่ง Long , Short คืออะไร? ​คำสั่ง Long (Buy), Short (Sell) คืออะไร คราวนี้เราก็จะมาพาเทรดเดอร์ทั้งมือเก่าและมือใหม่ไปทำความรู้จักคำสั่งนี้กัน เพื่อคล้าโอกาสการเทรดและทำกำไรจากความผันผวนของตลาดเงินให้มากขึ้น ตามมาดูกันเลย
    ผู้เขียน  MitradeInsights
    ​คำสั่ง Long (Buy), Short (Sell) คืออะไร คราวนี้เราก็จะมาพาเทรดเดอร์ทั้งมือเก่าและมือใหม่ไปทำความรู้จักคำสั่งนี้กัน เพื่อคล้าโอกาสการเทรดและทำกำไรจากความผันผวนของตลาดเงินให้มากขึ้น ตามมาดูกันเลย
    placeholder
    วิธีดูกราฟราคาทองที่นักลงทุนทองคำต้องรู้ ฉบับมือใหม่ต้องอ่านขึ้นชื่อว่าทองคำ หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นสินทรัพย์อันมีค่า ยอดนิยมตลอดปี ไม่ว่าใครก็อยากมีไว้ครอบครอง แต่นักลงทุนมือใหม่หลายคนยังไม่ทราบปัจจัยที่ส่งผลต่อการขึ้นลงของราคาทอง ถ้านักลงทุนสามารถวิเคราะห์และดูสถิติของราคาทองคำเป็น ก็จะรู้ได้ว่าช่วงเวลาใดควรซื้อ ช่วงเวลาใดควรขาย เพื่อสร้างกำไรให้นักลงทุนได้อย่างง่ายดาย เพื่อไม่ให้เสียโอกาสของการลงทุน ไปอ่านในบทความกัน
    ผู้เขียน  MitradeInsights
    ขึ้นชื่อว่าทองคำ หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าเป็นสินทรัพย์อันมีค่า ยอดนิยมตลอดปี ไม่ว่าใครก็อยากมีไว้ครอบครอง แต่นักลงทุนมือใหม่หลายคนยังไม่ทราบปัจจัยที่ส่งผลต่อการขึ้นลงของราคาทอง ถ้านักลงทุนสามารถวิเคราะห์และดูสถิติของราคาทองคำเป็น ก็จะรู้ได้ว่าช่วงเวลาใดควรซื้อ ช่วงเวลาใดควรขาย เพื่อสร้างกำไรให้นักลงทุนได้อย่างง่ายดาย เพื่อไม่ให้เสียโอกาสของการลงทุน ไปอ่านในบทความกัน
    placeholder
    อินดิเคเตอร์หุ้นคืออะไร? อินดิเคเตอร์หุ้น 3 ประเภทที่มีประโยชน์สำหรับการซื้อขายสิ่งชี้วัดหุ้นคืออะไร? สิ่งชี้วัดหุ้นช่วยในการซื้อขายอย่างไร? ในบทความนี้คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐานของสิ่งชี้วัดหุ้น และทีมงานได้เลือกสิ่งชี้วัดหุ้น 3 อันดับสำหรับคุณ
    ผู้เขียน  MitradeInsights
    สิ่งชี้วัดหุ้นคืออะไร? สิ่งชี้วัดหุ้นช่วยในการซื้อขายอย่างไร? ในบทความนี้คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐานของสิ่งชี้วัดหุ้น และทีมงานได้เลือกสิ่งชี้วัดหุ้น 3 อันดับสำหรับคุณ
    placeholder
    10 อันดับแอพหาเงินสร้างรายได้เสริมปี 2566ยังจำเป็นอยู่ไหมกับการทำงานกินเงินเดือนที่ต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน ปัจจุบันที่ใคร ๆ ต่างก็นั่งทำงานหารายได้จากหลายช่องทางต้องบอกว่าหมดยุคแล้วกับตอกบัตรเข้าออฟฟิศ และนี่คือทั้งหมดของแอพหาเงินที่เรารวบรวมมาเป็นตัวเลือกสำหรับการสร้างรายได้แบบง่าย ๆ ที่บ้านสำหรับปีนี้ที่เรานำมาฝากกัน
    ผู้เขียน  MitradeInsights
    ยังจำเป็นอยู่ไหมกับการทำงานกินเงินเดือนที่ต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน ปัจจุบันที่ใคร ๆ ต่างก็นั่งทำงานหารายได้จากหลายช่องทางต้องบอกว่าหมดยุคแล้วกับตอกบัตรเข้าออฟฟิศ และนี่คือทั้งหมดของแอพหาเงินที่เรารวบรวมมาเป็นตัวเลือกสำหรับการสร้างรายได้แบบง่าย ๆ ที่บ้านสำหรับปีนี้ที่เรานำมาฝากกัน
    placeholder
    กองทุน ETF คืออะไร? ในบทความนี้เราจะมาทราบกันว่า ETF คืออะไร คนทั่วไปจะสามารถลงทุนอย่างไร โดยที่ผู้ลงทุนสามารถศึกษาเพื่อนำไปวิเคราะห์และตัดสินใจเลือกการลงทุนกับ ETF อย่างหมาะสมนำไปสู่สร้างมูลค่าที่มีอย่างยั่งยืน
    ผู้เขียน  MitradeInsights
    ในบทความนี้เราจะมาทราบกันว่า ETF คืออะไร คนทั่วไปจะสามารถลงทุนอย่างไร โดยที่ผู้ลงทุนสามารถศึกษาเพื่อนำไปวิเคราะห์และตัดสินใจเลือกการลงทุนกับ ETF อย่างหมาะสมนำไปสู่สร้างมูลค่าที่มีอย่างยั่งยืน
    ราคาเสนอแบบเรียลไทม์