Decentralized Finance หรือ DeFi คืออะไร?

อัพเดทครั้งล่าสุด
coverImg
แหล่งที่มา: DepositPhotos

DeFi หรือ Decentralized Finance เป็นคำสั่งพิเศษที่กำลังเป็นที่นิยมในวงการดิจิทัล และ เทคโนโลยีบล็อกเชน ในตอนนี้ ซึ่ง DeFi ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานที่ต้องการเข้าถึงการเงินแบบดิจิทัลโดยไม่ต้องผ่านธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่น ๆ


ในบทความนี้เราจะได้รู้จักกับ DeFi ว่ามันคืออะไร และทำงานอย่างไร รวมถึงพิจารณาความเสี่ยงและประโยชน์ของการใช้ DeFi และการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ในระบบนิเวศ DeFi

Decentralized Finance หรือ DeFi คืออะไร?

DeFi ย่อมาจาก Decentralized Finance เป็นแนวคิดการเงินที่ไม่จำเป็นต้องใช้บริการของสถาบันการเงินทั้งหมด เช่น ธนาคาร โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งเป็นการทำให้มีระบบการเงินแบบเปิดกว้างที่สามารถเชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้โดยตรง โดยใน DeFi จะมีการใช้สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) ที่ถูกเขียนขึ้นบนบล็อกเชน ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ถูกเขียนเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนการทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้โดยอัตโนมัติ


DeFi และ CeFi แตกต่างกันอย่างไร

DeFi  vs CeFi

Cr: Ledger 


DeFi (Decentralized Finance) และ CeFi (Centralized Finance) เป็นสองระบบการเงินที่แตกต่างกันอย่างมาก ดังนั้นการทำธุรกรรมของทั้งสองระบบจะมีข้อแตกต่างเชิงพื้นฐานดังนี้:


ความเป็นกระจายของระบบ: DeFi มีการเป็นกระจายกว่า CeFi เนื่องจากมีการพัฒนาบนบล็อกเชน ทำให้ไม่ต้องมีผู้ควบคุมระบบเพื่อดำเนินการเงิน


ความมั่นคงของระบบ: CeFi มีความมั่นคงกว่า DeFi เนื่องจากมีผู้ควบคุมและผู้ดูแลระบบ เช่น การใช้ระบบการรักษาความปลอดภัยและการป้องกันการฉ้อโกง


การเชื่อมต่อกับระบบการเงินด้านอื่น ๆ: CeFi มีการเชื่อมต่อกับระบบการเงินด้านอื่น ๆ เช่น บัตรเครดิต ธนาคาร และบริษัทเจ้าของเครื่องจ่ายเงิน เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถทำธุรกรรมได้ง่ายขึ้น ในขณะที่ DeFi ยังไม่มีการเชื่อมต่อกับระบบการเงินด้านอื่น ๆ ที่จะช่วยให้ผู้ใช้บริการสามารถทำธุรกรรมได้ง่ายขึ้น


ค่าธรรมเนียม: โดยทั่วไปแล้ว CeFi มักมีค่าธรรมเนียมสูงกว่า DeFi เนื่องจากต้องมีการเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและรักษาระบบของบริษัท เช่น ค่าธรรมเนียมในการฝากถอนเงิน และค่าธรรมเนียมการใช้บริการต่าง ๆ 


ในขณะที่ DeFi ไม่มีค่าธรรมเนียมในการใช้บริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม เนื่องจากใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนที่ทำงานอย่างอัตโนมัติ และไม่ต้องมีคนกลางเป็นผู้ควบคุมการทำธุรกรรม

DeFi ทำงานอย่างไร

DeFi (Decentralized Finance) ดำเนินงานผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน สัญญาอัจฉริยะ และแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApps) ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง เช่น ธนาคาร เป็นต้น


โดยพื้นฐานแล้ว DeFi ใช้บล็อกเชนอย่าง Ethereum, Solana และ Binance Smart Chain เพื่อบันทึกธุรกรรมอย่างโปร่งใสและไม่เปลี่ยนแปลง รากฐานของระบบสร้างขึ้นบนสัญญาอัจฉริยะ ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ดำเนินการเองและประมวลผลข้อตกลงต่างๆ เช่น การให้กู้ยืม การกู้ยืม หรือการซื้อขายโดยอัตโนมัติเมื่อตรงตามเงื่อนไขที่กำหนด


โครงการ DeFi ดำเนินการผ่าน dApps ซึ่งเชื่อมต่อผู้ใช้กับบล็อกเชนโดยตรง แอปเหล่านี้ให้บริการต่างๆ เช่น


  • การให้กู้ยืมและการกู้ยืมแบบกระจายอำนาจ (เช่น Aave, Compound)

  • การแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจ (DEX) (เช่น Uniswap, SushiSwap)

  • การทำฟาร์มผลตอบแทนและการขุดสภาพคล่องเพื่อสร้างรายได้แบบพาสซีฟ

  • แพลตฟอร์ม Stablecoin เช่น DAI และ USDC เพื่อลดความผันผวนของราคา


เมื่อผู้ใช้ใช้งานแพลตฟอร์มเหล่านี้ ก็จะสามารถควบคุมเงินทุนของตนในกระเป๋าเงินคริปโตได้ แทนที่จะฝากเข้าธนาคาร ระบบทำงานตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน โดยไม่ต้องขออนุญาต และไม่มีพรมแดน ช่วยให้ทุกคนทั่วโลกสามารถซื้อขาย ให้กู้ยืม หรือรับผลตอบแทนได้อย่างปลอดภัยและโปร่งใส


ด้วยการผสมผสานระบบอัตโนมัติ ความโปร่งใส และการเข้าถึง DeFi จึงได้เปลี่ยนโฉมระบบการเงินแบบดั้งเดิมให้กลายเป็นระบบนิเวศแบบเปิด ระดับโลก และขับเคลื่อนโดยผู้ใช้

ระบบนิเวศ (Ecosystem) DeFi เป็นอย่างไร

ระบบนิเวศ DeFi


ระบบนิเวศ DeFi นั้นมีหลายโปรโตคอลและแพลตฟอร์มที่ให้บริการต่างๆ ที่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น 


1.แพลตฟอร์มการเทรด (trading platforms) 

แพลตฟอร์มการเทรด (trading platforms) เป็นส่วนสำคัญใน DeFi Ecosystem ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ใช้งานซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลโดยตรงระหว่างกันโดยไม่ต้องผ่านธนาคารหรือตลาดหลักทรัพย์แบบดั้งเดิม และยังมีความสามารถในการรวมกลุ่มอื่นๆ เช่น การเปิดโอกาสให้กับผู้ใช้ในการเทรดขายต่างๆ และการใช้โปรโตคอลของเครือข่าย blockchain เพื่อสร้างความโปร่งใสและความปลอดภัยในการซื้อขาย นอกจากนี้แพลตฟอร์มการเทรดใน DeFi Ecosystem ยังสามารถใช้งานร่วมกับเครื่องมือ DeFi อื่นๆ เช่น แพลตฟอร์มการกู้ยืม (lending platforms) หรือแพลตฟอร์มการเลี้ยงดอกเบี้ย (yield farming platforms) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และเพิ่มรายได้ในการเลี้ยงดอกเบี้ยของสินทรัพย์ดิจิทัล


ตัวอย่างของแพลตฟอร์มการเทรดใน DeFi Ecosystem ได้แก่ Uniswap, SushiSwap, Curve Finance และ Balancer ซึ่งทั้งหมดเป็นโปรโตคอลของเครือข่าย blockchain Ethereum และมีการใช้งาน smart contract เพื่อรับรองความถูกต้องและปลอดภัยในการเทรด นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มการเทรดอื่นๆ เช่น PancakeSwap ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเทรดบนเครือข่าย blockchain Binance Smart Chain


2.แพลตฟอร์มการกู้ยืม (lending platforms) 

แพลตฟอร์มการกู้ยืม (lending platforms) ใน DeFi Ecosystem คือระบบการกู้ยืมแบบไม่มีกลไกการกู้ยืมแบบดั้งเดิมที่ต้องผ่านบริษัทเอกชน และใช้เทคโนโลยี Smart Contract และ Tokenization มาช่วยในการเพิ่มความเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมการเงิน แพลตฟอร์มการกู้ยืมใน DeFi Ecosystem มีหลายแพลตฟอร์มที่รู้จักกันดี เช่น Aave, Compound, MakerDAO, และ Liquidity


3.แพลตฟอร์มการเลี้ยงดอกเบี้ย (yield farming platforms) 

แพลตฟอร์มการเลี้ยงดอกเบี้ย (yield farming platforms) เป็นส่วนสำคัญของ DeFi Ecosystem ที่ช่วยเสริมสร้างความนิยมของการใช้งาน DeFi อย่างมากขึ้น แพลตฟอร์มเหล่านี้มีเป้าหมายในการช่วยผู้ใช้งาน DeFi ที่มีความต้องการเลี้ยงดอกเบี้ยในการเก็บเงินหรือทำธุรกรรมการเงินต่างๆ โดยเป็นการใช้เทคโนโลยีการจัดการเงินดิจิทัล เช่น liquidity provision, staking และ yield aggregation เพื่อเพิ่มรายได้ในรูปแบบดอกเบี้ย โดยผู้ใช้งานสามารถเลือกที่จะลงทุนในแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อรับดอกเบี้ยที่สูงกว่าเงินฝากธนาคารทั่วไป


ตัวอย่างของแพลตฟอร์มการเลี้ยงดอกเบี้ยที่ได้รับความนิยมใน DeFi Ecosystem ได้แก่ Compound, Aave, Yearn Finance, Curve และ Uniswap เป็นต้น ผู้ใช้งานสามารถลงทุนในแพลตฟอร์มเหล่านี้เพื่อรับดอกเบี้ยและรายได้อื่นๆ ที่สูงกว่าเงินฝากธนาคารหรือการลงทุนในทรัพย์สินอื่นๆ ในระบบการเงินทั่วไป 


4.แพล็ตฟอร์มการเปิดหลักทรัพย์ดิจิทัล (security token platforms) 

ซึ่งให้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนในหลักทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างมีความปลอดภัย และมีการตรวจสอบและประเมินค่าสินทรัพย์ในแต่ละรอบการลงทุน


5.แพล็ตฟอร์มการเล่นเกม (gaming platforms)

การพัฒนาแพล็ตฟอร์มการเล่นเกม (gaming platforms) ใน DeFi Ecosystem เป็นอีกส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความนิยมของ DeFi ได้มากขึ้น การเล่นเกมใน DeFi Ecosystem นั้นมีเป้าหมายในการนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในการเล่นเกม โดยอาศัย Smart Contract และ Tokenization เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นในการเล่นเกมและสร้างความเป็นส่วนตัวในการควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นในเกม


แพล็ตฟอร์มการเล่นเกมใน DeFi Ecosystem สามารถสร้างระบบการเล่นเกมที่ไม่เสี่ยงต่อการโกง และทำให้ผู้เล่นสามารถควบคุมเงินของตนเองได้อย่างเต็มที่ โดยผู้เล่นสามารถใช้เงินดิจิทัลเป็นเงินเดิมพัน และเงินรางวัลที่ได้รับก็จะถูกกำหนดโดย Smart Contract ซึ่งช่วยให้ผู้เล่นมีความมั่นใจได้ว่าจะได้รับเงินรางวัลตามที่ตกลงกันไว้


ตัวอย่างของแพล็ตฟอร์มการเล่นเกมใน DeFi Ecosystem ได้แก่ Axie Infinity ซึ่งเป็นเกม NFT ที่ผู้เล่นสามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงที่เป็น NFT และนำไปใช้เล่นเกม ผู้เล่นสามารถสร้างรายได้จากการเล่นเกมนี้ได้ เช่นเดียวกับเกมเอาชนะเจ้าม้าใน Ethereum ที่มีโอกาสในการเล่นและควบคุมการลงทุนที่สูงมากในเกมออนไลน์


6.Stablecoin

ใน DeFi Ecosystem การใช้ Stablecoin เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เนื่องจากสกุลเงินดิจิทัลที่มีค่าคงที่นี้ช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนในเหรียญดิจิทัลที่มีค่าต่ำและมีความผันผวนสูง เช่น Bitcoin หรือ Ethereum ซึ่งมีความผันผวนของราคาอย่างสูง โดยทั่วไปแล้ว Stablecoin จะมีการสนับสนุนด้วยสินทรัพย์มีค่าเช่นเงินฝากธนาคารหรือเงินสดเพื่อให้มั่นคงและมีค่าคงที่ตลอดเวลา


ใน DeFi Ecosystem มี Stablecoin ที่ได้รับความนิยมอย่างมากเช่น USDT (Tether), USDC (USD Coin), DAI, และ TrueUSD เป็นต้น และผู้ใช้สามารถใช้ Stablecoin เหล่านี้ในการเก็บเงินเสมือน และการทำธุรกรรมการเงินอื่นๆใน DeFi Ecosystem ได้อย่างสะดวกและปลอดภัย

ทำไม DeFi ถึงได้รับความสนใจจากทั่วโลก

Decentralized Finance (DeFi) กลายเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกของ Fintech และ Blockchain ซึ่งแตกต่างจากระบบการเงินแบบดั้งเดิม DeFi ขจัดตัวกลางอย่างธนาคาร และช่วยให้ผู้ใช้สามารถซื้อขาย ให้ยืม หรือกู้ยืมได้โดยตรงผ่านสัญญาอัจฉริยะบนเครือข่าย Blockchain เช่น Ethereum, Solana และ BNB Chain


ความนิยมของ DeFi พุ่งสูงขึ้นทั่วโลก เนื่องจากมอบอิสรภาพทางการเงิน ความโปร่งใส และการเข้าถึงได้ ใครก็ตามที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสามารถเข้าถึงบริการ DeFi ได้โดยไม่ต้องรอการอนุมัติเป็นเวลานาน ทำให้ DeFi น่าสนใจเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่ไม่มีบัญชีธนาคาร ธุรกรรมจะดำเนินการโดยอัตโนมัติและบันทึกลงใน Blockchain แบบเปิด ช่วยลดการฉ้อโกงและเพิ่มความน่าเชื่อถือ


ยิ่งไปกว่านั้น DeFi ยังสนับสนุนโอกาสในการสร้างรายได้แบบ Passive Income ผ่านการ Staking, Yield Farming และการขุดสภาพคล่อง ซึ่งดึงดูดนักลงทุนที่มองหาทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการออมดอกเบี้ยต่ำ ด้วย Stablecoin ที่มีความผันผวนน้อยกว่า ผู้ใช้จึงสามารถเพลิดเพลินกับทั้งความยืดหยุ่นและเสถียรภาพในระบบนิเวศแบบกระจายศูนย์


ในขณะที่นักพัฒนาและสถาบันต่างๆ เริ่มนำ DeFi มาใช้มากขึ้น โครงการใหม่ๆ ยังคงก้าวข้ามขีดจำกัด ตั้งแต่สินทรัพย์โทเคนไปจนถึงการแลกเปลี่ยนแบบกระจายศูนย์ ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า DeFi จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของการเงินโลก โดยเปลี่ยนแปลงวิธีการลงทุน การออม และการโอนเงินของผู้คนในเศรษฐกิจดิจิทัลไร้พรมแดนอีกด้วย

DeFi มีประโยชน์อะไรบ้าง?

DeFi มีประโยชน์หลายอย่างที่สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้เงินและการเข้าถึงบริการทางการเงินได้อย่างมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ไม่สามารถใช้บริการทางการเงินแบบดั้งเดิมได้เนื่องจากข้อจำกัดต่างๆ เช่น การจำกัดการเข้าถึงบริการทางการเงิน การต้องการการยืนยันเครื่องหมายเซ็นต์ดิจิตอล หรือเงินเดือนต่ำกว่าค่าใช้จ่ายที่ต้องการใช้บริการทางการเงินแบบดั้งเดิม


นอกจากนี้ ยังมีประโยชน์อื่นๆ ของ DeFi ดังนี้


ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย: การใช้งาน DeFi ไม่ต้องใช้บัญชีธนาคารหรือต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ทั้งนี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเงิน


ความโปร่งใส: DeFi ช่วยให้โลกการเงินมีความโปร่งใสมากขึ้น โดยเทคโนโลยีบล็อกเชนจะทำให้ข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับธุรกรรมสามารถตรวจสอบได้อย่างง่ายดาย และทำให้ผู้ใช้งานได้รับการยืนยันการทำธุรกรรมในระบบอย่างถูกต้อง


ความเร็วและความสะดวก: การใช้งาน DeFi ช่วยลดเวลาในการดำเนินการทางการเงิน โดยผู้ใช้งานสามารถทำธุรกรรมได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องรอการตรวจสอบจากธนาคาร


การลดค่าธรรมเนียม: ระบบ DeFi มีค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าระบบทางการเงินดั้งเดิม เนื่องจากไม่ต้องใช้บริการธนาคารหรืออื่นๆ เป็นกลาง ทำให้ผู้ใช้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น

ความเสี่ยงของ DeFi

เทคโนโลยี DeFi มีความเสี่ยงที่ต้องพิจารณาอย่างจริงจัง ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างของความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น:


ความเสี่ยงทางเทคโนโลยี: การพัฒนาระบบ DeFi อยู่ในช่วงต้นของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและยังมีข้อจำกัดในด้านการประมวลผลและการรักษาความปลอดภัย ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน และการเสียหายทางการเงิน


ความเสี่ยงทางการเงิน: เนื่องจาก DeFi เป็นโลกที่ไม่มีการควบคุมจากองค์กรหรือผู้บริหาร อย่างไรก็ตามยังมีความเสี่ยงทางการเงินเพราะบางโปรแกรมอาจมีบั๊กหรือผู้ไม่หวังดีสามารถโจมตีระบบได้ การฝากเงินในโปรแกรม DeFi อาจเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินในกรณีที่โปรแกรมมีบั๊กหรือถูกโจมตี


ความเสี่ยงทางกฎหมาย: DeFi เป็นระบบที่ไม่ได้รับการกำหนดกฎหมายโดยองค์กรหรือผู้บริหาร ซึ่งอาจเกิดความไม่สมดุลย์ระหว่างการดำเนินการ DeFi กับกฎหมายและการกำกับดูแลขององค์กรหรือผู้บริหาร


ความเสี่ยงจากความซับซ้อนของเทคโนโลยีการทำงานของ DeFi มีความซับซ้อน โดยเฉพาะเมื่อมีการเชื่อมต่อกับโซลูชันอื่นๆ เช่น การเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การเชื่อมต่อกับเหรียญดิจิทัลอื่นๆ การสร้างสัญญาอัจฉริยะ (smart contract) เพื่อจัดการการทำธุรกรรมของเงินดิจิทัล การตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล และการตรวจสอบความถูกต้องของเงินดิจิทัลที่ถูกใช้ในระบบ เมื่อมีความซับซ้อนเพิ่มขึ้น จะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดข้อผิดพลาดหรือข้อผิดพลาดที่อาจทำให้ผู้ใช้เสียเงินหรือข้อมูล

DeFi หรือ Decentralized Finance เป็นแนวคิดการเงินที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี Blockchain และ Cryptocurrencies ที่ใช้สัญญาอัจฉริยะเพื่อสร้างระบบการเงินที่ไม่จำเป็นต้องผ่านผู้กลางและสามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา การใช้งาน DeFi มีความเสี่ยงอย่างเช่นเดียวกับการใช้งาน Cryptocurrencies แต่การลงทุนใน DeFi นั้น ต้องมีการจัดการความเสี่ยงอย่างเหมาะสมและการศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบเพื่อการตัดสินใจลงทุนที่ถูกต้องและปลอดภัย

คำถามที่พบบ่อย

อนาคตของ DeFi จะเป็นอย่างไร?

อนาคตของ DeFi ยังดูแข็งแกร่ง ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า DeFi จะยังคงปฏิวัติวงการการเงินโลกอย่างต่อเนื่อง ด้วยการใช้งานสินทรัพย์โทเคน การแลกเปลี่ยนแบบกระจายศูนย์ และการชำระเงินผ่าน Stablecoin ที่เพิ่มมากขึ้น

แพลตฟอร์ม DeFi ปลอดภัยต่อการใช้งานหรือไม่?

แพลตฟอร์ม DeFi ใช้สัญญาอัจฉริยะบนบล็อกเชน ซึ่งช่วยเพิ่มความโปร่งใสและลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกง อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรศึกษาโครงการต่างๆ อย่างรอบคอบ เนื่องจากอาจเกิดช่องโหว่ในโค้ดหรือการหลอกลวงได้

DeFi แตกต่างจากการเงินแบบดั้งเดิมอย่างไร?

ต่างจากการเงินแบบดั้งเดิม (CeFi) ซึ่งต้องพึ่งพาธนาคารและสถาบันในการบริหารจัดการเงินทุน DeFi กำจัดตัวกลางออกไป ธุรกรรมทั้งหมดเกิดขึ้นโดยตรงระหว่างผู้ใช้ผ่านสัญญาอัจฉริยะ มอบความโปร่งใสมากขึ้น การเข้าถึงที่รวดเร็วขึ้น และพร้อมให้บริการทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน

*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา


การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

goTop
quote
บทความที่เกี่ยวข้อง
placeholder
10 โปรแกรมขุด Bitcoin ฟรีที่ดีที่สุดสำหรับปี 2025จากข้อมูลล่าสุดในปี 2024 Bitcoin กลับมาฟื้นตัวอย่างน่าทึ่ง โดยทะลุ 3 ล้านบาท การพุ่งขึ้นนี้ส่งผลให้ผู้ลงทุนระยะยาวและผู้ที่ทำเงินจากความผันผวนของราคาในระยะสั้นได้รับกำไรอย่างมาก นอกจากที่เราจะสามารถเทรดเหรียญได้แล้วเรายังสามารถทำการขุดบิตคอยน์ได้ด้วย ในบทความนี้เราได้นำเสนอ 10 โปรแกรมขุด Bitcoin ฟรีที่ดีที่สุดสำหรับปี 2025
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 21 พ.ย. 2024
จากข้อมูลล่าสุดในปี 2024 Bitcoin กลับมาฟื้นตัวอย่างน่าทึ่ง โดยทะลุ 3 ล้านบาท การพุ่งขึ้นนี้ส่งผลให้ผู้ลงทุนระยะยาวและผู้ที่ทำเงินจากความผันผวนของราคาในระยะสั้นได้รับกำไรอย่างมาก นอกจากที่เราจะสามารถเทรดเหรียญได้แล้วเรายังสามารถทำการขุดบิตคอยน์ได้ด้วย ในบทความนี้เราได้นำเสนอ 10 โปรแกรมขุด Bitcoin ฟรีที่ดีที่สุดสำหรับปี 2025
placeholder
8 อันดับเหรียญคริปโตที่น่าลงทุน 2025 ฉบับมือใหม่!เหรียญที่ได้รับความนิยมในปี 2025 จะยังคงรักษาระดับความเข้มข้นนี้ไว้ได้หรือไม่ ในปีนี้จะมีเหรียญอะไรใหม่ๆ ที่มาแรงและน่าจับตามองกันบ้าง เราจะพาทุกคนไปสำรวจ 8 อันดับเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนระยะสั้นในปี 2025 กันเลย
ผู้เขียน  MitradeInsights
6 เดือน 27 วัน ศุกร์
เหรียญที่ได้รับความนิยมในปี 2025 จะยังคงรักษาระดับความเข้มข้นนี้ไว้ได้หรือไม่ ในปีนี้จะมีเหรียญอะไรใหม่ๆ ที่มาแรงและน่าจับตามองกันบ้าง เราจะพาทุกคนไปสำรวจ 8 อันดับเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนระยะสั้นในปี 2025 กันเลย
placeholder
Bitcoin Wallet อันไหนดี? 9 กระเป๋าบิทคอยน์ที่คนไทยนิยมใช้กัน 2025ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือมือเก่าก็สามารถติดตั้ง Bitcoin Wallet ได้ด้วยตัวเอง ใครที่มีกระเป๋า Bitcoin ในใจ หรือกำลังมองหากระเป๋า Bitcoin ที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุดสำหรับตัวเอง บทความนี้มีคำตอบให้คุณ
ผู้เขียน  ชัญญาพัชร์ ประวาสุขInsights
6 เดือน 30 วัน จันทร์
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือมือเก่าก็สามารถติดตั้ง Bitcoin Wallet ได้ด้วยตัวเอง ใครที่มีกระเป๋า Bitcoin ในใจ หรือกำลังมองหากระเป๋า Bitcoin ที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุดสำหรับตัวเอง บทความนี้มีคำตอบให้คุณ
placeholder
วิเคราะห์แนวโน้มราคาบิทคอยน์ 2025 จะไปในทิศทางใด “แนวโน้มราคาบิทคอยน์ 2025” จะไปทางไหน? ในบทความนี้ เราจะมาย้อนดูผลงานของบิทคอยน์ในช่วงที่ผ่านมา เพื่อวิเคราะห์ถึงแนวโน้มราคาบิทคอยน์ 2025 กัน
ผู้เขียน  MitradeInsights
2 เดือน 20 วัน พฤหัส
“แนวโน้มราคาบิทคอยน์ 2025” จะไปทางไหน? ในบทความนี้ เราจะมาย้อนดูผลงานของบิทคอยน์ในช่วงที่ผ่านมา เพื่อวิเคราะห์ถึงแนวโน้มราคาบิทคอยน์ 2025 กัน
placeholder
5 อันดับเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนระยะยาวในปี 2025เพื่อให้นักลงทุนไม่พลาดรถขบวนนี้เราจึงมาชวนดูว่าสกุลเงินแห่งโลกอนาคตอ่างเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนยาวนั้น เราจะสามารถลงทุนกับมันได้อย่างไร และมีโอกาสอะไรแฝงอยู่ในการลงทุนกับเหรียญคริปโตนั้นบ้าง
ผู้เขียน  MitradeInsights
10 เดือน 27 วัน จันทร์
เพื่อให้นักลงทุนไม่พลาดรถขบวนนี้เราจึงมาชวนดูว่าสกุลเงินแห่งโลกอนาคตอ่างเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนยาวนั้น เราจะสามารถลงทุนกับมันได้อย่างไร และมีโอกาสอะไรแฝงอยู่ในการลงทุนกับเหรียญคริปโตนั้นบ้าง
ราคาเสนอแบบเรียลไทม์
ราคาเสนอแบบเรียลไทม์