วิธีดูกราฟราคาทองที่นักลงทุนทองคำต้องรู้ ฉบับมือใหม่ต้องอ่าน
การลงทุนในทองคำเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนหลายคน แต่การจะประสบความสำเร็จในตลาดนี้ จำเป็นต้องมีความรู้และทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอ่านและตีความกราฟราคาทอง ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างชาญฉลาด
บทความนี้จะแนะนำวิธีดูกราฟราคาทองสำหรับมือใหม่ ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจแนวโน้มตลาด และระบุจังหวะการซื้อขายที่เหมาะสม
วิธีดูกราฟราคาทอง แบบ Real-time
หากสังเกตดูในกราฟทองคำ นักลงทุนจะเห็นตัวเลขที่แกนแนวนอนด้านล่างของกราฟ (แกน X) เป็นตัวเลขที่ระบุวัน-เวลาของแท่งราคาทองคำซึ่งมีระดับราคาอยู่บริเวณแกนแนวตั้งของกราฟ (แกน Y)
แน่นอนว่าวันและเวลาที่แสดงบนกราฟนั้นขึ้นอยู่กับกรอบเวลา (Timeframe) ที่นักลงทุนตั้งค่าเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็น Timeframe รายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน โดยเส้นประสีน้ำเงินในแนวนอนที่อยู่ระหว่างแท่งราคานั้นเป็นตัวบอกราคาล่าสุดแบบสด ๆ ณ ช่วงเวลาที่ท่านกำลังเทรดอยู่นั่นเอง
ช่วงเวลาโอกาสซื้อขายทองคำ
หากเราลองสังเกตดี ๆ ทองคำมักจะมีราคาขึ้นช่วงต้นเดือนมกราคมจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากเป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลองขึ้นปีใหม่ และเทศกาลตรุษจีน ทุกคนเลยแห่กันมาซื้อทองคำเป็นของขวัญของสะสม ที่นิยมซื้อมอบให้กันเพราะถือเป็นสิ่งของหรือเครื่องประดับ แสดงถึงความเป็นสิริมงคล ความมั่งคั่ง และราคาจะเริ่มลงมาช่วงปลายเดือนเมษายนไปจนถึงกรกฏาคม ดังนั้นหากนักลงทุนมือใหม่ต้องการเกร็งกำไรกับราคาทองคำ ช่วงที่ดีที่สุดในการซื้อขายทองคำนั่นก็คือช่วงเดือนมกราคม-กรกฎาคม นั่นเอง ทั้งนี้ นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น สภาวะเศรษฐกิจโลก นโยบายการเงิน และเหตุการณ์สำคัญทางการเมือง ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อราคาทองคำมากกว่าปัจจัยตามฤดูกาล
ทำไมเดือนมกราคม จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการขายทอง
โดยราคาเฉลี่ยในเดือนมกราคม จะปรับตัวเพิ่มขึ้นก่อนเข้าสู่เทศกาลตรุษจีน เพราะเดือนมกราคมจนถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์เป็นเดือนของเทศกาลตรุษจีน ชาวจีนจึงจับจ่ายใช้สอยทองคำกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องประดับ ประกอบกับประเทศจีนเป็นประเทศที่บริโภคทองคำรายใหญ่ของโลก ความต้องการมากขึ้นหรือลดลงในประเทศจีน จึงส่งผลให้ราคาทองคำโลกเปลี่ยนแปลง ดังนั้นในเดือนมกราคม–มีนาคม ราคาทองคำจึงมักจะสูงขึ้นเสมอ ซึ่งเหมาะกับการขายทองคำมากที่สุด สามารถดูรูปภาพประกอบเปรียบเทียบดูในช่วงราคาทองคำสูงขึ้นระหว่างเดือนมกราคม–มีนาคมในปี 2564-2567 ดังรูปภาพด้านล่าง
ที่มา:ทองคําราคา.com
จากภาพ เราจะเห็นได้ว่าในปี 2567 ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี จากราคา 33,400 มาจนถึง 40,050 ในช่วงเดือนพฤษภาคมก่อนที่จะเริ่มชะลอลง เช่นเดียวกับปีก่อนๆ หน้า นี่จึงนับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของการขายทองนั่นเอง
วันตรุษจีนปี 2568 จะตรงกับวันที่ 29 มกราคม ทำให้เป็นที่จับตามองว่าความต้องการซื้อทองคำในช่วงของเทศกาลตรุษจีน จะส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปเท่าไหร่ เพราะเมื่อเทียบเทียบสถิติย้อนหลังของราคาทองคำในช่วงเทศกาลตรุษจีนแล้ว มักจะเห็นว่าราคาสูงขึ้นทุกๆ ปี
ปี | วันที่/ตรุษจีน | ราคาทอง | |
ทองแท่งขายออก(บาท) | ทองรูปพรรณขายออก(บาท) | ||
2567 | 10 กุมภาพันธ์ | 34,450 | 34,950 |
2566 | 21 มกราคม *ก่อนวัน | 29,850 | 30,350 |
2565 | 1 กุมภาพันธ์ | 28,350 | 28,850 |
2564 | 12 กุมภาพันธ์ | 25,850 | 26,350 |
2563 | 25 มกราคม | 22,700 | 23,200 |
2562 | 5 กุมภาพันธ์ | 19,500 | 20,000 |
2561 | 16 กุมภาพันธ์ | 20,050 | 20,550 |
เดือนตุลาคม–ธันวาคม ช่วงเดือนที่ราคาทองคำปรับลดมากที่สุด
แน่นอนว่าราคาทองคำจะดีดตัวสูงตลอดก็คงเป็นไปไม่ได้ ต้องมีช่วงเวลาที่ปรับลดลงมา และช่วงเวลานั้นคือไตรมาสที่ 4 ของปี นั่นคือเดือนตุลาคม–ธันวาคม ก่อนที่ราคาจะปรับลดลงอย่างมากในเดือนพฤศจิกายน ส่งผลให้เดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนที่เหมาะสมแก่การซื้อทองคำมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างมากกว่าแค่ฤดูกาลเพียงอย่างเดียว
กราฟราคาทองวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
ข้อดีของการดูราคาทองคำออนไลน์บนเว็บไซต์ของ Mitrade:
ลงทะเบียนง่าย: ใช้บัญชี Facebook หรือ Gmail เพียง 3 ขั้นตอน
เครื่องมือครบครัน: กราฟและตัวบ่งชี้หลากหลาย ปรับแต่งได้ตามต้องการ
ใช้งานสะดวก: อินเทอร์เฟซเป็นมิตร มีภาษาไทย
ข้อมูลทันสมัย: ราคาทองคำอัปเดตแบบเรียลไทม์
แหล่งความรู้: มีคลังข้อมูลสนับสนุนการลงทุน
ซื้อขายง่าย: ทำธุรกรรมได้โดยตรงบนกราฟ
ปลอดภัย: มีเครื่องมือปกป้องนักลงทุน
ผลิตภัณฑ์หลากหลาย: ไม่จำกัดเฉพาะแค่ทองคำ
เหมาะสำหรับมือใหม่: มีบัญชีทดลองให้ฝึกเทรดทองคำ
Mitrade เป็นโบรกเกอร์เว็บไซต์ราคาทองคำออนไลน์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนทองคำออนไลน์ ทั้งมือใหม่และมืออาชีพ ด้วยเครื่องมือที่ครบครัน ใช้งานง่าย และมีความปลอดภัยสูง
ราคาทองขึ้น – ลงเกิดจากปัจจัยอะไรบ้าง ?
นักลงทุนหลายคนคงเกิดความสงสัยว่า ราคาทองขึ้น-ลง ทุกวันนี้เกิดจากอะไรบ้าง ไม่เพียงแต่เป็นเพราะเศรษฐกิจโลกเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกเยอะเลยขึ้นอยู่ว่าเราอยู่ในสถานการณ์ไหนบ้าง ไปดูกันเลย
1.ความต้องการ (อุปสงค์ และ อุปทาน)
อุปสงค์ (Demand) = ความต้องการซื้อ อุปทาน (Supply) = ความต้องการขาย หรือ การเสนอขาย |
ดังนั้น ถ้ามีคนต้องการซื้อทองเยอะ ราคาทองคำ ก็จะสูงขึ้น แต่ในทางกลับกัน ถ้าไม่ค่อยมีคนซื้อ แต่อยากให้มีคนซื้อทองคำราคาทองคำ ก็จะต่ำลง
ตัวอย่างเช่น
ในช่วงปี 2023 ถึงต้นปี 2024 ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงหลังจากการปรับขึ้นหลายครั้งในปีก่อนหน้า และส่งสัญญาณว่าอาจเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2024 หากเงินเฟ้อลดลงตามเป้าหมาย สถานการณ์นี้ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลง และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ปรับตัวลดลง ปัจจัยเหล่านี้สนับสนุนให้ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศไทยปรับตัวขึ้นตามไปด้วย
2.นโยบายการเงินของรัฐและอัตราดอกเบี้ย
ในปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราดอกเบี้ย เศรษฐกิจ และราคาทองคำมีความซับซ้อนมากขึ้น อัตราดอกเบี้ยสูงไม่ได้สะท้อนถึงเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเสมอไป เนื่องจากธนาคารกลางใช้นโยบายนี้เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แม้เศรษฐกิจอาจชะลอตัว
ในช่วงตลาดผันผวน ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนสนใจ แต่อัตราดอกเบี้ยสูงอาจทำให้สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนคงที่ เช่น พันธบัตร น่าสนใจมากขึ้น
โดยทั่วไป เงินเฟ้อสูงมักส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้น ขณะที่เงินเฟ้อต่ำหรือเงินฝืดอาจทำให้ราคาทองลดลง
3.ราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสินค้าแทบทุกชนิดและเป็นตัวทำให้เกิดสภาวะอัตราเงินเฟ้อ โดยอัตราเงินเฟ้อกับราคาทองคำนั้นเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกันกับราคาทองคำ ช่วงไหนน้ำมันแพงมาก ๆ อัตราเงินเฟ้อก็มีโอกาสปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ในทางตรงกันข้ามช่วงไหนราคาน้ำมันถูก เงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง ราคาทองคำก็มักถูกลงตาม
4.สกุลเงินดอลลาร์
เมื่อสกุลเงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าลงเมื่อไหร่ ทองคำก็มีแนวโน้มราคาสูงขึ้น เช่น เงินยูโร เงินเยน หรือพิจารณาจาก US Dollar Index ก็ได้เช่นกัน ราคาทองคำโลกจะสูงขึ้น เพราะคนมองว่าทองคำดูกลายเป็นสินทรัพย์ที่เหมาะกับการสะสมมูลค่ามากกว่า ไม่ด้อยค่าลดลงอย่างสกุลเงินดอลลาร์ แต่ในทางกลับกัน หากค่าเงินดอลลาร์แข็งตัวขึ้น จะส่งผลราคาทองคำปรับตัวลดลง และนักลงทุนทองคำจะหันมาลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์แทน
5.ฤดูกาล ทองคำจะปรับตัวขึ้น
ช่วงตามฤดูกาล มักจะมีความต้องการซื้อทองคำเพิ่มมากขึ้นและส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นตามเหตุปัจจัยอุปสงค์อุปทาน โดยเฉพาะเทศกาลใหญ่ๆ ของ 2 ประเทศ คือ
1. เทศกาลตรุษจีน ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม
2. เทศกาลติวาลีของอินเดียในช่วงไตรมาส 4
6.ความเสี่ยงทางด้านการเมือง
ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศและความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคำ ในช่วงที่เกิดวิกฤตหรือความตึงเครียดระหว่างประเทศ ราคาทองคำมักมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในปัจจุบันคือ สงครามรัสเซีย-ยูเครน และความตึงเครียดในตะวันออกกลาง
สรุปการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ปี 2566-2567
ในตารางด้านล่างต่อไปนี้เป็นการสรุปข้อมูลราคาทองคำแท่งในประเทศชนิด 96.5% เริ่มตั้งแต่ปี 2566 ถึงปีปัจจุบัน 2567 โดยเป็นการแสดงราคาต่ำสุด ราคาสูงสุดของทุก ๆ เดือน รวมถึงราคารวมที่ปรับขึ้นหรือลดลงในแต่ละเดือน และสรุปราคารวม สูงสุด ต่ำสุด ประจำปี
เปรียบเทียบราคาทองตั้งแต่ปี 2566-2567
กราฟแท่งเทียนมีลักษณะอย่างไร ?
ราคาเปิด (Open Price) : หมายถึงราคาซื้อขายแรกที่เกิดขึ้นตั้งแต่เปิดตลาดของวันนั้น
ราคาสูงสุด (High Price) : หมายถึงการเคลื่อนไหวของราคาทองที่ขึ้นไปสูงสุดของวันนั้น
ราคาต่ำสุด (Low Price) : หมายถึงการเคลื่อนไหวของราคาทองที่ลงไปต่ำสุดของวันนั้น
ราคาปิด (Close Price) : หมายถึงราคาสุดท้ายที่เกิดขึ้นจากการสิ้นสุดการซื้อขายสิ้นสุดของวันนั้น
Doji เป็นรูปแบบของกราฟแท่งเทียนที่บอกถึงความลังเลในตลาด
แนวโน้ม: จะตีความหมายได้ว่าแรงขายที่มีมากในวันแรกริ่มอ่อนตัวลง มีแรงซื้อเข้ามาในวันที่สองทำให้ราคาเกิดความสมดุลใหม่และอาจเปลี่ยนทิศ
โดยรูปแบบ Doji หลัก ๆ แล้วมี 3 รูปแบบ ได้แก่
1.Long legged Doji
รูปร่างคล้ายเครื่องหมายบวก มีจุดเปิดและจุดปิดอยู่ตรงกลาง ไส้เทียนยาวออกไปทั้งด้านบนและด้านล่าง เป็นตัวที่บ่งบอกถึงการสู้กันระหว่างแรงซื้อกับแรงขาย แต่สุดท้ายไม่มีผู้ชนะ ทำให้ราคาทองปิดกลับมาที่จุดเปิด
2.Gravestone Doji
มีรูปร่างคล้ายป้ายหลุมศพ มีจุดเปิดและปิดต่ำ ไส้เทียนยาวขึ้นไปทางด้านบน บ่งบอกว่าราคาปรับตัวสูงขึ้นมากเกินไป จึงมีการขายจำนวนมาก ทำให้ราคาเปิดหรือต่ำกว่าในตอนแรก บ่งบอกถึงสัญญาณจุดกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง
3.Dragonfly Doji
รูปร่างคล้ายแมลงปอ มีจุดเปิดและจุดปิดสูง ไส้เทียนยาวลงไปด้านล่าง บ่งบอกว่าราคาทองคำปรับทิศทางต่ำลงมากเกินไปแล้วจึงมีการซื้อจำนวนมาก ทำให้ราคาปิดกลับมาที่จุดเปิด
Hammer รูปแบบการกลับตัวที่เกิดขึ้นในสภาวะตลาดขาลง
แนวโน้ม: การเกิด Hammer บ่งบอกถึงแรงขายในช่วงแรกแต่มีการซื้อกลับเข้ามาอย่างมากระหว่างวันทำให้แนวโน้มมีโอกาสกลับตัวเป็นขาขึ้น ส่วนจะมากเกิดใกล้จุดต่ำสุดของตลาดขาลง โดยราคามีการปรับตัวลดลง เนื่องจากแรงขายอ่อนแรงลงและมีแรงซื้อกลับมาค่อนข้างมาก แรงซื้อจึงดันให้ราคาทองคำปิดในราคาจุดสูงสุดหรือสูงขึ้นได้ จึงทำให้ตัวแท่งเทียนสั้น และไส้เทียนล่างยาวมีรูปร่างเหมือนค้อน
Inverted Hammer รูปแบบการกลับตัวที่เกิดขึ้นในสภาวะตลาดขาลง
แนวโน้ม: ไส้เทียนด้านบนยาว บ่งบอกถึงการเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาถึงการเข้าสู่ตลาดขาขึ้น ส่วนมากเกิดใกล้จุดต่ำสุดของตลาดขาลง เกิดจากแรงซื้อที่มากทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นและเมื่อถึงจุดหนึ่งจะมีการขายจำนวนมาก ทำให้ราคาปิดกลับมาอยู่ใกล้ราคาเปิด ส่งผลให้ไส้เทียนยาวขึ้นไปด้านบน
หมายเหตุ: การดูกราฟแท่งเทียนแบบค้อน (Hammer) ควรดูแท่งเทียนต่อไปหลาย ๆ แท่งด้วย เพื่อดูแนวโน้มราคาทองคำว่าจะมีโอกาสกลับตัวขึ้นหรือไม่ ถ้าหากแท่งเทียนต่อไปเป็นแท่งสีเขียว จะถือว่ามีแนวโน้มที่ราคาทองคำสูงขึ้น
Hanging Man รูปแบบการกลับตัวที่เกิดขึ้นใกล้จังหวะสิ้นสุดแนวโน้มขาขึ้น
แนวโน้ม: เกิดจากแรงขายที่เข้ามามากกว่าปกติ และฝั่งซื้อเริ่มหมดแรง บ่งบอกถึงโอกาสกลับตัวเป็นขาลง แท่งเทียนจะปรากฏหลังจากมีแนวโน้มขาขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากแรงซื้ออ่อนแรงลงและมีแรงขายกลับมาค่อนข้างมาก แรงขายจึงดันให้ราคาทองคำปิดในราคาจุดต่ำสุดหรือหรือต่ำลงกว่าเดิมได้ และราคาก็มักจะอ่อนค่าลงต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
Bullish Engulfing & Bearish Engulfing
Bullish Engulfing รูปแบบการกลับตัวมักเกิดขึ้นในตลาดสภาวะขาลง
แนวโน้ม: เกิดจากราคาของวันที่สอง แม้จะเปิดต่ำมาก แต่สามารถกลับแต่จะกลับมาปิดได้สูงในเวลาถัดมาที่บ่งบอกถึงราคาทองคำมีแนวโน้มจากขาลงเป็นขาขึ้น หรือสามารถเอาชนะขาลงได้
Bearish Engulfing รูปแบบการกลับตัวมักเกิดขึ้นในตลาดสภาวะขาขึ้น
แนวโน้ม: มีการเปิดตัวสูงแต่ปิดตัวต่ำของแท่งที่สองบ่งบอกถึงแรงซื้อที่ไม่มากพอ และแรงขายที่เข้ามาควบคุมเกมส์ให้ระวังราคาทองคำมีแนวโน้มเปลี่ยนเป็นขาลง
วิธีการใช้กราฟแท่งเทียนเพื่อวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำ
เมื่อรู้ลักษณะของกราฟแท่งเทียนกันไปแล้วเรามีประโยชน์ของการอ่านกราฟทองด้วยกราฟแท่งเทียนมาฝากนักลงทุนกันด้วย
วิธีการอ่านกราฟทองด้วยกราฟแท่งเทียนนั้นมีประโยชน์มาก สำหรับผู้ที่ต้องการเทรดทองคำขั้นต้น เพราะกราฟแท่งเทียนนั้นมีรูปแบบที่อ่านง่าย ดูง่าย ไม่ซับซ้อน มือใหม่ก็อ่านกราฟแท่งเทียนได้ง่าย ๆ ทำให้เป็นกราฟรูปแบบแรก ๆ ที่มือใหม่เพิ่งเริ่มต้นเทรดควรฝึกอ่านให้เป็น เพราะนอกจากจะใช้อ่านกราฟทองคำได้แล้ว ยังใช้อ่านกราฟ Forex ได้ด้วย
ที่มา: finnomena
-รูปร่างของแท่งเทียน 1 แท่ง โดยเปรียบเทียบราคาปิดของวันว่าฝั่งแรงซื้อหรือฝั่งแรงขายเป็นฝ่ายชนะ
-ความยาวของแท่งเทียน โดยแท่งเทียนที่มีความยาวจะบอกว่าแรงซื้อหรือแรงขายมีความรีบร้อนในการซื้อขายจึงทำให้ราคามีความผันผวน แท่งเทียนสั้นๆ แสดงถึงความเอื่อยเฉื่อยขาดความกระตือรือร้น
-ปริมาณการซื้อขายที่มากของแท่งเทียนจะเป็นตัวเสริมความมั่นใจในการแปลความหมายแท่งเทียนนั้น ๆ เนื่องจากมีคนสนใจและเข้ามามีส่วนร่วมซื้อขายเป็นจำนวนมาก ถ้าปริมาณการซื้อขายน้อยให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่าอารมณ์หรือทิศทางของราคานั้น ๆ
-การเปรียบเทียบระหว่างแท่งเทียน โดยเปรียบเทียบแท่งเทียนในปัจจุบันกับแท่งเทียนก่อนหน้า เช่น แท่งเทียนส่วนใหญ่มีอารมณ์ไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่
-ราคาต่ำสุดในแต่ละแท่งเทียนยกตัวขึ้นในช่วงหุ้นขาขึ้นหรือไม่ ราคาสูงในแต่ละแท่งเทียนลดต่ำลงในช่วงหุ้นขาลงหรือไม่ เพื่อยืนยันว่าแนวโน้มทิศทางของราคาหุ้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
-กลุ่มของแท่งเทียนมีการทับซ้อนกันของแท่งเทียนมากหรือน้อย เพื่อดูว่าแรงซื้อและแรงขายมีความรีบร้อนในการซื้อหรือขายหุ้นหรือไม่
รูปแสดงตัวอย่างกลุ่มของแท่งเทียนที่มีการทับซ้อนกันมาก และกลุ่มของแท่งเทียนที่มีการทับซ้อนกันน้อย
รูปที่แสดงตัวอย่างกลุ่มของแท่งเทียนที่มีการทับซ้อนกันมาก และกลุ่มของแท่งเทียนที่มีการทับซ้อนกันน้อยในช่วงหุ้นขาขึ้น
รูปแสดงตัวอย่างกลุ่มของแท่งเทียนที่มีการทับซ้อนกันน้อยในช่วงหุ้นขาลง
-และถ้าเราพบว่ามีแท่งเทียนแท่งใหม่ที่มีอารมณ์ของแรงซื้อแรงขายที่ตรงข้ามกับทิศทางของแท่งเทียนจำนวนหลายๆ แท่งก่อนหน้า จะเป็นจุดที่ราคามีการกลับตัว จึงควรให้ติดตามการซื้อขายหุ้นตัวนั้นอย่างใกล้ชิดเพื่อหาจังหวะในการซื้อขาย
-ลองเปลี่ยน Time Frame ให้สั้นลงเพื่อให้เห็นรายละเอียดการเคลื่อนที่ของราคาที่เพิ่มมากขึ้น
3 ขั้นตอนเริ่มต้นเทรดทอง
1. เลือกโบรกเกอร์ให้ดีเหมาะกับไลฟ์สไตล์ ปัจจุบันมีการให้บริการเทรดทองคำหลายแพลตฟอร์มมากมาย ควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีบัญชีเทรดหลากหลายประเภท ที่มีแพลตฟอร์มเทรด Forex และ CFD ที่คุณรู้สึกว่าใช้งานได้ง่ายและตรงกับความต้องการ
2. เลือกเวลาเทรดที่เหมาะสม หาเวลาที่ราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีขึ้น ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับความต้องการของทองคำเวลาหนึ่ง ตรวจสอบจากปัจจัยที่ส่งผลต่อความต้องการทองคำโลก เช่น การศึกษาข้อมูลลทางเศรษฐกิจ และการศึกษาราคาทองคำเป็นช่วงๆ
3. เลือกใช้กลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสม กลยุทธ์การเทรดจะช่วยให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์กราฟราคาทองคําเพื่อหาว่าตลาดจะเคลื่อนไหวต่อไปในทิศทางใด โดยนักลงทุนควรเริ่มจากทดสอบกลยุทธ์ในบัญชีทดลองก่อนการเปิดบัญชีซื้อขายจริงถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากอาจทำให้เราสูญเสียเงินได้โดยไม่ทันตั้งตัว
เท่าที่รู้ แพลตฟอร์มเทรดของโบรกเกอร์ Mitrade ก็มีบัญชีเทรดทดลองด้วยเงินเสมือนจริง 50,000 USD อีกทั้งฟรีเครื่องมือการจัดการความเสี่ยง และระบบป้องกันยอดคงเหลือติดลบอีกด้วย เป็นมิตรกับนักลงทุนมือใหม่ คุณสามารถลงทะเบียนบัญชีทดลองเพื่อรับประสบการณ์ จากนั้นค่อยพิจารณาว่าจะซื้อขายหรือไม่
ฟรี!!$50,000 จาก Mitrade
ฝึกฝนเทรดผ่าน บัญชีทดลอง แบบไร้ความเสี่ยง
หรือ รับโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์
ลงทุนมีความเสี่ยง อาจจะทำให้คุณเสียเงินทุนทั้งหมด
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> เทรดทองเบื้องต้นยังไงดี วิธีการเทรดทองคำสำหรับมือใหม่ ซื้อทองร้านไหนดีสำหรับปี 2567?10 อันดับร้านทองที่เหมาะกับการลงทุน |
สรุปทั้งหมด
จากที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเพียงข้อควรรู้เริ่มต้นก่อนการเริ่มดูกราฟทองจากสัญญาณแท่งเทียน ที่จะบ่งบอกให้เรารู้ความเคลื่อนไหวของตลาดซึ่งจะต้องอาศัยความเข้าใจในบริบทอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลก, ทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยการเพิ่มขึ้นลดลงของทองคำร่วมด้วย หรือการอ่านบทความตามเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่น่าเชื่อถือได้ ก็จะมีเทคนิคกลยุทธ์ของการดูกราฟทองคำให้เราได้อ่านและศึกษาขั้นตอนกัน
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน