เล่นทองอย่างไรให้รวยในปี 2568 ที่คุณควรอ่าน!
.png)
ทองคำเป็นสินทรัพย์ลงทุนที่มั่นคงและเป็นที่ยอมรับมายาวนาน แม้จะผันผวน แต่ราคามักสูงขึ้นในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว บทความนี้จะนำเสนอกลยุทธ์ เล่นทองอย่างไรให้รวยในปี 2568 ซึ่งเป็นปีที่คาดว่าราคาทองจะยังคงเป็นขาขึ้นและมีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่ จากปัจจัยความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกและนโยบายการเงินสหรัฐฯ
เข้าใจปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำ
การลงทุนในตลาดทองคำอย่างมีประสิทธิภาพนั้น จำเป็นต้องเข้าใจปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองคำอย่างถ่องแท้ ราคาทองคำมีความผันผวนและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงสภาวะเศรษฐกิจโลกเท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยสำคัญอื่นๆ ที่ส่งผลโดยตรงเช่น
1. อัตราดอกเบี้ย และนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก
ทิศทางนโยบายการเงินโดยเฉพาะของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีผลอย่างมากต่อราคาทองคำ โดยที่เมื่อนโยบายดอกเบี้ยถูกปรับขึ้น มักสะท้อนถึงสภาวะเศรษฐกิจที่ดี โดยส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าและความเชื่อมั่นในตลาดเพิ่มขึ้น ซึ่งนั่นจะทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนหันไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า แต่ในทางกลับกัน หากอัตราดอกเบี้ยลดลง ก็มักส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน
2. สภาวะเงินเฟ้อ
อัตราเงินเฟ้อและราคาทองคำมักเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน เมื่ออัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น ราคาทองคำมักจะปรับตัวสูงขึ้นตาม เนื่องจากทองคำถูกมองว่าเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่ดี
3. ค่าเงินดอลลาร์
เป็นที่ทราบกันดีว่า สกุลเงินดอลลาร์ เป็นสกุลเงินหลักของโลกที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย อีกทั้งค่าเงินดอลลาร์ยังเป็นสื่อกลางที่ใช้ในการซื้อ-ขายในตลาดการลงทุนอีกด้วย จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์มีความผันผวนกับราคาทองคำอย่างมีนัยยะสำคัญ ดังนั้น การที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวลง มักจะส่งผลดีกับราคาทองที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่สามารถเก็บมูลค่า และส่งผลให้กระแสเงินของแต่ละประเทศไหลเข้าสู่ทองคำ ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น แต่ในทางกลับกัน หากค่าเงินดอลลาร์แข็งตัวขึ้น จะส่งผลราคาทองคำปรับตัวลง และนักลงทุนทองคำจะหันมาลงทุนในสกุลเงินดอลลาร์แทนนั่นเอง
4. Demand และ Supply หรือความต้องการทองคำ
ส่งผลให้ราคาทองคำปรับสูงขึ้น และในทางกลับกัน หากมีความต้องการซื้อทองคำต่ำหรือน้อยลง ราคาทองคำก็มักจะปรับตัวลงนั่นเอง
กำหนดระยะเวลาลงทุนให้ชัดเจน
ก่อนเริ่มลงทุนในทองคำ นักลงทุนควรกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนว่าต้องการลงทุนในระยะสั้นหรือระยะยาว เนื่องจากกลยุทธ์และความเสี่ยงแตกต่างกันอย่างมาก ตัวอย่างเช่น
การลงทุนระยะสั้น (Short-term Investment)
เป้าหมาย: ทำกำไรจากความผันผวนของราคาในช่วงเวลาสั้นๆ (วัน สัปดาห์ หรือเดือน)
กลยุทธ์: เน้นการวิเคราะห์ทางเทคนิค การติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
ความเสี่ยง: สูงกว่า เนื่องจากความผันผวนระยะสั้น
เหมาะสำหรับ: นักลงทุนที่มีเวลาติดตามตลาดอย่างใกล้ชิดและรับความเสี่ยงสูงได้
การลงทุนระยะยาว (Long-term Investment)
เป้าหมาย: สะสมมูลค่าและป้องกันความเสี่ยงในระยะยาว (หลายปีขึ้นไป)
กลยุทธ์: เน้นการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน แนวโน้มเศรษฐกิจมหภาค และการถือครองอย่างสม่ำเสมอ
ความเสี่ยง: ต่ำกว่า เนื่องจากความผันผวนระยะสั้นถูกปรับสมดุลในระยะยาว
เหมาะสำหรับ: นักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงและกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน
ปัจจัยที่ควรพิจารณา สำหรับการตัดสินใจเลือกระยะเวลาลงทุน คือ
สถานการณ์ตลาดปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต
เป้าหมายทางการเงินส่วนบุคคล
ความสามารถในการรับความเสี่ยง
เวลาและทรัพยากรที่มีในการติดตามและบริหารการลงทุน
ตัวอย่างล่าสุด ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และ ทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์อีกครั้ง แตะระดับเหนือ 2,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ก่อนที่จะเผชิญกับความผันผวนและมีการย่อตัวลงมาบ้าง ในช่วงต่อมา ตอนต้นเดือนพฤษภาคม 2568 ราคาเคลื่อนไหวอยู่ในระดับสูง การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนอิทธิพลจากหลายปัจจัย ทั้งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ความกังวลด้านเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ และแรงหนุนจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
การที่ราคาทองคำมีความผันผวนสูงและสามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้เป็นระยะๆ ตอกย้ำว่า การกำหนดเป้าหมายและระยะเวลาลงทุนที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การมีแผนการลงทุนที่รัดกุมจะช่วยให้นักลงทุนรับมือกับความผันผวนได้ดีขึ้น อย่าลืมว่ามูลค่าทองคำเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ และบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม คือหัวใจสำคัญของการสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนในระยะยาว
เลือกรูปแบบการลงทุนให้เหมาะสม
ปัจจุบันนี้การลงทุนในทองคำนั้นมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ได้มีเพียงแค่การเก็งกำไรทองคำรูปพรรณหรือทองคำแท่ง เราสามารถเลือกลงทุนได้ตามเหมาะสมของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นกองลงทุนผ่านกองทุนรวม หรือ การเทรด ซึ่งการลงทุนในทองคำแต่ละประเภทก็จะมีความเสี่ยงและอัตราผลตอบที่ได้รับแตกต่างกันไป โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1) ทองคำรูปพรรณ
ทองคำรูปพรรณคือ ทองที่ถูกนำมาแปรรูปเป็นลวดลายต่างๆอย่างสวยงาม นอกจากจะสามารถใส่เป็นเครื่องประดับได้แล้วนั้น ยังสามารถลงทุนเพื่อเก็งกำไรได้อีกด้วยเช่นกัน สำหรับ “ทองคำรูปพรรณ” ราคาแรกที่ซื้อจะมีการรวมค่ากำเหน็ดเพิ่มขึ้น โดยค่ากำเหน็ดนั้นจะขึ้นอยู่กับความยากง่าย และอยู่ที่ลวดลายที่เราเลือกซื้อด้วยนั่นเอง โดยราคาที่เราซื้ออาจจะมีมูลค่าแพงกว่าราคาตลาดหรือราคาหน้าร้านเล็กน้อย
ตัวอย่างเช่น สร้อยข้อมือน้ำหนัก 1 บาท ทองคำแท้ 96.5% ราคาอยู่ที่ 51,750 บาท (แหล่งอ้างอิง: https://www.goldtraders.or.th ข้อมูล ณ วันที่ 5 พฤษภาคม 2568)
▲ ข้อดีของการซื้อทองคำรูปพรรณ
ซื้อง่าย - ขายคล่อง สามารถนำทองคำรูปพรรณเข้าไปขายได้ที่ร้านทองทั่วประเทศ
เป็นสินทรัพย์ที่สามารถจับต้องได้ สามารถเก็บไว้กับตัวเองได้
เป็นสินทรัพย์ที่สามารถนำมาใส่เป็นเครื่องประดับได้
▲ ข้อเสียของการซื้อทองคำรูปพรรณ
หากทองคำรูปพรรณนั้นมีการสวมใส่มาก่อนหน้า ทำให้สภาพทองมีความสึกกร่อน เวลาขายคือจะการหักค่าเสื่อมราคาประมาณ 5%
มีความเสี่ยงในเรื่องของสูญหาย ตัวอย่างเช่น การโดนปล้น หรือ โดนขโมยเป็นต้น
ใช้เวลานานในทำกำไร เพราะจะต้องรอช่วงเวลาทองคำเป็นตลาดขาขึ้นเท่านั้น อาจจะใช้เวลามากกว่า 1 ปี เนื่องจากว่าเวลาร้านทองรับซื้อคืน มักจะซื้อราคาที่ต่ำกว่าราคาขายในตลาด
▲ การซื้อทองคำรูปพรรณเหมาะกับนักลงทุนแบบไหน
เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีแผนการลงทุนในระยะยาว
มีความพอใจกับอัตราผลที่ตอบแทนที่ต่ำ
ไม่มีประสบการ์ณทางด้านการวิเคราะห์ตลาด
2) ทองคำแท่ง
ผู้คนจะให้ความนิยมในการลงทุนในทองคำแท่งมากกว่าทองคำรูปพรรณ เนื่องว่าเวลาทำการซื้อ ทองคำแท่งจะไม่มีการคำนวณค่ากำเหน็ด แต่มีจะมีเพียงแค่ค่าบล็อคเท่านั้น ในกรณีที่ผู้ซื้อ ทำการซื้อทองคำแท่งที่มีน้ำหนักต่ำกว่า 5 บาท และเวลาทำการขายคืนจะไม่มีคำนวณเสื่อมราคาเหมือนกับทองคำรูปพรรณ ทั้งนี้ยังเป็นสินทรัพย์ที่สามารถป้องกันเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดี
ตัวอย่างเช่น ณ วันที่ 5 พฤษภาคม 2568 ราคาขายออกทองคำแท่ง 1 บาท อยู่ที่ 50,950 บาทขณะที่ราคาขายออกทองคำรูปพรรณ (รวมค่ากำเหน็ด) อาจอยู่ที่ประมาณ 51,750 บาท ทำให้เห็นส่วนต่างของราคาขายประมาณ 800 บาท (แหล่งอ้างอิง: https://www.goldtraders.or.th)
▲ ข้อดีของการซื้อทองคำแท่ง
เป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีความสึกกร่อน สามารถจับต้องได้จริง
เป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่อง สามารถทำการซื้อ-ขายได้ตลอด
เป็นสินทรัพย์ที่มีความสามารถในการป้องกันเงินเฟ้อ
▲ ข้อเสียของการซื้อทองคำแท่ง
มีความเสี่ยงในการถือครองสินทรัพย์ เนื่องจากจะมีโจรกรรมเกิดขึ้น
มีค่าใช้จ่ายในเรื่องของความปลอดภัย เมื่อต้องนำสินทรัพย์ไปฝากไว้กับธนาคาร
สามารถทำกำไรได้เฉพาะช่วงเวลาราคาตลาดทองคำเป็นช่วงขาขึ้นเท่านั้น
▲ การซื้อทองคำแท่งเหมาะกับนักลงทุนแบบไหน
เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ตั้งใจจะลงทุนในระยะยาว
นักลงทุนที่มีเงินสำรองเป็นจำนวนมาก
มีความพอใจในผลตอบแทนในระดับปานกลาง
3) กองทุนรวมทองคำ
กองทุนรวมทอง (Gold Fund) เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลงทุนในทองคำที่มีความปลอดภัยสูง สำหรับใครที่ไม่อยากถือครองสินทรัพย์ในรูปแบบของทองคำแท่งหรือทองคำรูปพรรณ การซื้อกองทุนรวมถือว่าตอบโจทย์ท่านเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่ารูปแบบของกองทุนรวมนั้นจะมีการอ้างอิงนโยบายลงทุนในทองคำ โดยการแปรเปลี่ยนของมูลค่านั้นจะอิงกับราคาทองคำในตลาดโลก ไม่ใช่ราคาทองคำในประเทศ อาจจะมีในเรื่องของความเสี่ยงที่มาจากความผันผวนของราคาค่าทองคำและอัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินด้วย ทำให้นักลงทุนอาจจะต้องพิจารณาปัจจัยในการซื้อขายมากยิ่งขึ้น
▲ ข้อดีของการลงทุนในกองทุนรวมทองคำ
ใช้เงินลงทุนน้อยลงกว่าการลงทุนในทองคำแท่ง
มีค่าธรรมเนียมในการซื้อ-ขายที่ต่ำ
สามารถทยอยขายได้ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องขายหมดทั้งก้อน
มีความปลอดภัย เนื่องจากว่ามีผู้เชี่ยวชาญดูแลบริหารจัดการกองทุนให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สามารถเช็คข้อมูลหรือติดตามพอร์ตการลงทุนของตนเองได้ตามช่องทางออนไลน์
มีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของเงินปันผลหรือจากส่วนต่างมูลค่าหน่วยลงทุน
▲ ข้อเสียของการลงทุนในกองทุนรวมทองคำ
สามารถทำกำไรได้แค่ช่วงทองคำเป็นตลาดขาขึ้นเท่านั้น
มีความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนและความผันผวนของราคาทองคำ
มีค่าธรรมเนียมในการเข้าซื้อ-ขาย
▲ การลงทุนในกองทุนรวมทองคำเหมาะกับนักลงทุนแบบไหน
เหมาะสำหรับผู้ที่มีเป้าหมายการลงทุนในระยะยาว และมีความต้องการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนของตนเองเพื่อลดความผันผวน
นักลงทุนที่มีความเข้าใจในตลาดกองทุนรวมแต่ไม่มีเวลาในการติดตามตลาด
สามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลาง
เหมาะสำหรับนักลงทุนผู้มีเงินลงทุนน้อย สามารถลงทุนได้แบบถัวเฉลี่ย
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> กองทุนรวมทองคำคืออะไรและเลือกยังไง
4) Gold Futures
สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า คือ รูปแบบการลงทุนที่เราสามารถทำการ "ซื้อก่อนขายหรือทำการขายก่อนซื้อ" ด้วยเงินลงทุนจำนวนน้อย เพียงแค่วางเงินประกันขั้นต้น (Initial Margin) ประมาณ 10% ของมูลค่าสัญญา (อัตรานี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามประกาศของตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและโบรกเกอร์) และสามารถทำกำไรได้มากกว่าการลงทุนทองคำในรูปแบบอื่นๆ เนื่องจากว่าสามารถทำกำไรได้ทั้งสภาวะตลาดขาขึ้นและขาลงนั่นเอง
▲ ข้อดีของการเทรด Gold Futures
เป็นการลงทุนที่ใช้เงินจำนวนน้อย แต่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนให้นักลงทุนได้เป็นอย่างดี
มีโอกาสทำกำไรได้สูงกว่าการลงทุนในการซื้อทองและลงทุนในกองทุนรวมในระยะเวลาสั้น
ทำการเทรดได้ทั้งช่วงตลาดขาขึ้นและตลาดขาลง
▲ ข้อเสียของการเทรด Gold Futures
ขั้นตอนในการเปิดบัญชีมีความซับซ้อน ผู้ลงทุนจะต้องมีการเตรียมเอกสารให้กับโบรกเกอร์หรือธนาคารอย่างละเอียด เช่น สำเนาประชาชน, สำเนาเอกสารทางบัญชี Statement ย้อนหลัง 3 เดือน
จะต้องมีเงินในบัญชี Book Bank ขั้นต่ำ 10,000 บาท
ความเสี่ยงจากการเทรดค่า Leverage ที่สูง เมื่อเราทำการคาดการ์ณราคาผิด ทำให้เราขาดทุนในมูลค่าที่สูงขึ้นเท่าตัว
▲ การเทรด Gold Futures เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน
สำหรับนักลงทุนที่มีเป้าหมายการลงทุนในระยะสั้น
นักลงทุนที่มีความสามารถรับความเสี่ยงในระดับที่สูงได้
นักลงทุนที่มีความชำนาญในการอ่านกราฟ การวิเคราะห์ตลาด และมีความสามารถในการเข้าคาดการ์ณราคาได้อย่างแม่นยำ
5) ทองคำ Forex
เรามักจะได้ยินอยู่บ่อยครั้งกับคำว่า เทรดทอง หรือ เทรดทองคำ Forex ซึ่งการลงทุนในรูปแบบนี้อธิบายให้เข้าใจง่ายๆคือ การซื้อขายราคาทองคำที่มีอยู่ในตลาด ที่มีการใช้ราคาทองมาเป็นตัวพิจารณาในการซื้อขาย ซึ่งหากเราซื้อทองมาในราคาถูกและขายออกในราคาแพง เราก็จะได้กำไรจากการค้าทอง เป็นต้น ทั้งนี้รูปแบบการเทรดทอง Forex ที่นิยมเทรดกันนั้นจะเป็นรูปแบบการเทรดแบบ การใช้สัญญาแบบ CFD หรือใช้การทำนายส่วนต่าง กล่าวคือ หากเราคาดการ์ณว่าราคาทองเปิดขาขึ้นในกรอบเวลาดังกล่าวให้ทำการเปิดสถานะ Long เมื่อราคาปรับตัวขึ้นไปถึงเป้าหมายที่เราตั้งไว้ก็ทำการปิดสถานะเพื่อรับกำไรได้ทันที ในทางตรงกันข้ามหากเรามองว่าทองคำนั้นเป็นช่วงขาลงก็ทำการเปิดสถานะ Short มื่อราคาปรับตัวขึ้นไปถึงเป้าหมายที่เราตั้งไว้ก็ทำการปิดสถานะเพื่อรับกำไรได้เช่นกัน
▲ ข้อดีของการเทรดทองคำ Forex
สามารถทำการเทรดได้ทั้งขาขึ้นและขาลง (เช่นเดียวกันกับการลงทุนในรูปแบบ Gold Future)
มีค่าคอมมิชชั่นที่ต่ำ รวมถึงค่าคอมฯ การซื้อขาย ค่าคอมฯ การฝากถอนเงินและค่าคอมฯ อื่นๆ
มีค่า Leverage ที่สูงกว่า ทำให้เงินลงทุนที่ใช้จะต่ำ (ต่ำกว่าการลงทุนในรูปแบบ Gold Future)
มีโอกาสเข้าทำกำไรได้อย่างสูงและรวดเร็วภายในหนึ่งวัน
มีความยืดหยุ่นในการเข้าซื้อ-ขาย เนื่องจากว่าตลาด Forex เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ภายใน 5 วัน นักลงทุนสามารถเลือกช่วงเวลาในการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเองได้ และมีโอกาสสร้างกำไรได้ถี่กว่าการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ
▲ ข้อเสียของการเทรดทองคำ Forex
มีความเสี่ยงสูงในเรื่องของค่า Leverage เนื่องจากว่าค่าดังกล่าว เป็นเครื่องมือที่ถูกออกแบบมาเพื่อใหห้เราสามารถทำกำไรได้สูงขึ้น แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราที่มีการคาดการ์ณราคาผิด โอกาสที่เราจะขาดทุนก็สูงเช่นกัน
ไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ไม่มีประสบการ์ณเกี่ยวกับการอ่านกราฟ เนื่องจากว่าจะทำให้นักลงทุนสูญเสียสินทรัพย์ได้ง่าย
▲ การเทรดทองคำ Forex เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน
เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านเทคนิค และมีเป้าหมายการเก็งกำไรในระยะสั้น
นักลงทุนที่มีความรู้ในเรื่องของการอ่านกราฟ สามารถวิเคราะห์ตลาดและวางแผนการลงทุนได้อย่างแม่นยำ
มีความสามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับสูง

จัดกลยุทธ์การลงทุนให้สอดคล้องกับระยะเวลาลงทุน
แม้ว่าทองคำจะเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงและเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงในเรื่องของความผันผวนทางด้านราคาแบบรายวัน เปรียบเสมือนเป็นนดาบสองคมที่ดูเหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถเข้าทำกำไรได้หลากหลาย และโอกาสขาดทุนจากการลงทุนก็สูงด้วยเช่นกัน ดังนั้นหากเรามีความสนใจในการลงทุนในตลาดทองคำ จะต้องทำการวางแผน หาเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมต่อตัวเอง นั่นก็คือรูปแบบการลงทุนในระยะสั้นและในระยาว ซึ่งสองรูปแบบนี้จะมีกลวิธีการลงทุนที่แตกต่างกัน โดยมีรายละเอียดังต่อไปนี้
รูปแบบการลงทุนในระยะสั้น
จะเป็นวิธีการลงทุนที่เน้นการเก็งกำไรในระยะสั้นเป็นหลัก ผู้ลงทุนจะต้องมีประสบการ์ณในตลาดมาอย่างยาวนาน หรือ มีความเชี่ยวชาญในด้านการวิเคราะห์ตลาดและวิเคราะห์กราฟได้อย่างแม่นยำ ทั้งนี้จะต้องมีความเคร่งครัดในการหมั่นติดตามข่าวสารอยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้งมีการกำหนดจุดซื้อและจุดขายทองคำที่ชัดเจนในการเข้าลงทุนด้วยครั้ง สิ่งสำคัญที่สุดเลย คือ จะต้องเป็นบุคคลที่สามารถทนรับความเสี่ยงสูงได้ หากคาดหวังที่จะทำกำไรในระดับดี ควรศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางด้านเทคนิคเพื่อที่จะทำให้รู้จุดเข้าซื้อ-ขายในตลาดได้อย่างแม่นยำ
รูปแบบการลงทุนในระยะยาว
จะเป็นการลงทุนที่เหมาะสำหรับบุคคลที่มีความสนใจในการลงทุน อยากเริ่มที่จะลงทุนครั้งแรก สามารถเลือกวิธีการลงทุนด้วยกาลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA) ซึ่งเป็นการซื้อทองคำหรือซื้อกองทุนรวมแบบสม่ำเสมอทุกเดือนหรือราย 3 เดือน หรือตามระยะเวลาที่เหมาะสม ด้วยจำนวนเงินที่เท่าๆ กัน ซึ่งจะเป็นการสร้างวินัยในการลงทุนและช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุนทองคำได้เป็นอย่างดี
การวิเคราะห์ตลาดทองคำปัจจุบัน (ปี 2568)
ตลาดทองคำในปี 2568 ยังคงเคลื่อนไหวท่ามกลางปัจจัยที่ซับซ้อน ทั้งปัจจัยหนุนและความท้าทาย โดยมีประเด็นสำคัญที่นักลงทุนต้องจับตา ดังนี้
ทิศทางนโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ย นโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังคงเป็นหัวใจสำคัญ ตลาดยังคงคาดการณ์และประเมินท่าทีของเฟดเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะขึ้นอยู่กับตัวเลขเงินเฟ้อและการจ้างงานในระยะต่อไป ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับจังหวะเวลาและขนาดของการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย (ไม่ว่าจะเป็นการคงที่ ลด หรืออาจปรับขึ้น) ส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำและทิศทางค่าเงินดอลลาร์
สถานการณ์เงินเฟ้อ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศจะชะลอตัวลงจากปีก่อนหน้า แต่ก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางหลายแห่ง ความกังวลเกี่ยวกับ เงินเฟ้อที่ฝังแน่น (Sticky Inflation) หรือความเสี่ยงที่เงินเฟ้ออาจกลับมาเร่งตัว ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนความน่าสนใจของทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ (Inflation Hedge)
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก แนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังคงเปราะบาง มีความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตที่ชะลอตัวในบางเศรษฐกิจหลัก และความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession Risk) แม้จะลดลงแต่ยังไม่หมดไป สภาวะเช่นนี้มักกระตุ้นให้นักลงทุนหันเข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ
ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ ความขัดแย้งและความตึงเครียดในภูมิภาคต่างๆ ของโลกยังคงมีอยู่เป็นระยะ และอาจปะทุขึ้นได้เสมอ เหตุการณ์เหล่านี้สามารถสร้างความผันผวนในตลาดการเงิน และเพิ่มความต้องการทองคำในฐานะแหล่งพักเงินที่ปลอดภัย
ความต้องการทองคำจากภาคส่วนต่างๆ
ธนาคารกลา ยังมีแนวโน้มเข้าซื้อทองคำสุทธิอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองระหว่างประเทศและกระจายความเสี่ยงจากสกุลเงินหลัก
การลงทุน ความต้องการลงทุนผ่านกองทุน ETF ทองคำ ยังคงมีความอ่อนไหวต่อแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยและสภาวะตลาดโดยรวม ขณะที่การลงทุนในทองคำกายภาพ (ทองคำแท่ง/เหรียญ) อาจยังได้รับความสนใจเพื่อการถือครองระยะยาว
อุตสาหกรรมและเครื่องประดับ ความต้องการในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจของผู้บริโภคในตลาดสำคัญ เช่น จีนและอินเดีย รวมถึงระดับราคาทองคำ
การเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ โดยทั่วไปแล้ว การอ่อนค่าของดอลลาร์มักจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำ (เนื่องจากทองคำมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น) และในทางกลับกัน
แนวโน้มราคาทองคำปี 2568 คาดว่าจะยังคงผันผวนและมีโอกาสทรงตัวในระดับสูง โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ แต่ก็มีความอ่อนไหวสูงต่อนโยบายดอกเบี้ยและทิศทางเศรษฐกิจ นักลงทุนจึงควรติดตามข้อมูลและสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
เริ่มต้นลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยๆ
ขึ้นชื่อการเทรดทอง การเล่นทอง หลายคนคงคาดหวังว่าตนเองจะได้กำไรกลับคืนมาอย่างมหาศาล จะเลือกวิธีการลงทุนแบบเทหน้าตักไปโดยที่ไม่ได้สนใจอะไร ซึ่งการกระในรูปแบบนี้ไม่ใช่ผลดี ขั้นตอนแรกในการเริ่มลงทุน เราควรเริ่มลงทุนจากจำนวนเงินน้อยๆ เสียก่อน หากต้องการเก็งกำไรในระยะสั้น ก็สามารถเลือกวิธีการเทรดแบบ CFDs ด้วยเงินต้นทุนที่ต่ำ เนื่องจากว่าลงทุนในรูปแบบนี้สามารถสร้างผลตอบได้สูงกว่าเงินลงทุนนั่นเอง หรือมีความสนใจที่อยากจะลงทุนในระยะยาว ก็สามารถทำการลงได้ในรูปแบบการซื้อกองทุนรวมแบบ DCA ลงทุนด้วยจำนวนเงินน้อยๆแต่ทำตลอด ก็ให้ผลดีต่อเราได้เช่นกัน

บริหารความเสี่ยงในการเทรด
ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยงอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงที่มาจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ดังนั้นเพื่อการลงทุนให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด คือ เราจะต้องรู้จักบริหารความเสี่ยงในการลงทุน ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
1) ต้องมีความเข้าใจในหลักการทำงานของตลาด
แก่นหลักสำคัญของการลงทุนในตลาดทองคำ เราจะต้องมีความเข้าใจในกลไกในการทำงานของตลาดทองว่าเป็นไปในทิศทางใด สภาวะตลาดแบบนี้เราควรเข้าซื้อเวลาไหน และควรใช้เครื่องมืออะไรเข้ามาช่วยให้เทรดได้ง่ายขึ้นและได้กำไรตามเป้าหมาย
2) จะต้องมีการคำนึงถึงเลเวอเรจเสมอ
เนื่องจากว่า การเทรด ก็ถือเป็นการคำนวณประเภทหนึ่ง ที่เราต้องจับตาความเคลื่อนไหวของราคา รวมรูปแบบการลงทุนแบบ CFDs และค่าสเปรด หรือวิธีการรับมือกับความเสี่ยงอีกทางหนึ่งก็คือ การวางแผนเตรียมตัวสำหรับการเทรดด้วยเลเวอเรจ เพราะมันอาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดในการทำกำไรในตลาดที่มีความเสี่ยง
3) การวางแผนที่ดี
สิ่งสำคัญในการลงทุนทุกสินมรัพย์ นักลงทุนจำเป็นที่จะต้องมีการวางแผนการลงทุนอย่างรอบครอบ ไม่ว่าจะเป็นการดำหนดเงินลงทุน ตลอดถึงจนการกำหนดกำไรที่จะรับในทุกๆครั้ง เมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้ตามเป้าหมายตามที่เราตั้งไว้แล้วก็ควรหยุดลงทันที เพื่อรอลงทุนในรอบใหม่
4) ควบคุมอารมณ์ตัวเอง
ปฏิเสธไม่ได้เเลยว่า “อารมณ์” ก็คือตัวแปรสำคัญในการลงทุนที่จะกำหนดได้ว่าพอร์ตของคุณจะถูกล้างหรือจะได้กำไร ดังนั้นไม่ว่าสภาวะของตลาดจะเป็นไปในทิศทางใดนักลงทุนจำเป็นที่จะต้องมีสติและทำตามตามเป้าหมายของตนอย่างเคร่งครัด อย่าโลภ อย่าโกรธ และอย่าใจอ่อนแอ
เทรดกับคนที่น่าเชื่อถือ
ปัจจุบันนี้มีโบรกเกอร์ที่เปิดบริการจำนวนมากมาย เราสามารถเลือกลงทุนได้กับโบรกเกอร์ที่ให้บริการอย่าง Full options ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการการเทรดของเรา ทั้งนี้นักลงทุนควรเลือกโบรกเกอร์ที่มีการจดทะเบียนมีหน่วยงานควบคุมถูกต้องตามกฎหมาย
สรุป
การลงทุนในตลอดทองคำนั้น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่น่าสนใจในช่วงสภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวเป็นอย่างมาก บทความนี้ทางผู้เขียนได้สรุปหลักการและเทคนิคการเล่นทองอย่างไรให้รวยในปี 2568 ที่คุณควรอ่านอย่างไรก็ดีนักลงทุนทุกท่านจะต้องประเมินคว ามเสี่ยงของตัวเองก่อนทุกครั้ง เลือกกลยุทธ์วิธีการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเอง และหมั่นศนในตลาดทอง เพื่อที่จะสร้างกำไรได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน