เทรดทองแอพไหนดี？แนะนำ 6 แอพเทรดทองที่นิยมใช้กันในปี 2566

ทองคำเป็นตัวเลือกที่นักลงทุนให้ความสำคัญเสมอมา ไม่ว่าคุณจะเน้นการลงทุนแบบสะสมมูลค่าหรือนักเทรดระยะสั้น และเทคโนโลยีปัจจุบันก็มีตัวช่วยให้การเทรดทองคำในปัจจุบันเป็นไปอย่างสะดวกยิ่งขึ้นด้วยการเทรดทองผ่านแอพเทรดทองที่แต่ละโบรกเกอร์เสนอให้ได้เลือกใช้ แต่เราจะเลือกเทรดทองแอพไหนดี คราวนี้เราจะแนะนำ 6 แอพเทรดทองที่นิยมใช้กันในปี 2566!

สำหรับปี 2566 ทองคำเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนมากที่สุดในตลาด โดยบวกมาแล้วกว่า 7.54% นับจากต้นปี เทียบกับดัชนีดาวโจนส์ที่บวกเพียง 1.86% และราคาน้ำมันดิบที่ติดลบไปแล้วกว่า 10.64% ท่ามกลางคลื่นลมความผันผวนทั้งจากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ ตัวเลขเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง การปรับเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ และความกังวลถึงภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเทรดทองคำที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีสำหรับปี 2566 

การปรับขึ้นของทองคำในปี 2566 สนับสนุนด้วยปัจจัยความผันผวนของตลาดทุน การคาดการณ์เศรษฐกิจถดถอยที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ จะกลับมาเร่งเก็บสะสมโลหะมีค่านี้อีกครั้ง ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำให้นักวิเคราะห์มองว่าราคาทองคำจะสามารถขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่เหนือ $2100 ได้ภายในปีนี้ หรือคิดเป็นการปรับตัวขึ้นกว่า 15% นับตั้งแต่ต้นปี จึงเป็นโอกาสสำหรับการเทรดทองของนักลงทุนในปีนี้

เช็คบทวิเคราะห์ราคาทองคำของเรา >> วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ 

ปัจจุบันการเทรดทองสามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านแอพเทรดทองที่ทางโบรกเกอร์เสนอให้ลูกค้าสามารถใช้ได้เพื่ออำนวยความสะดวกด้วยการสามารถส่งคำสั่งซื้อขายทองคำได้แบบเรียลไทม์ในช่วงเวลาให้บริการ และยืนยันคำสั่งซื้อขายได้ในทันที 

ทั้งนี้การเทรดทองก็มีหลากหลายแบบ การเลือกแอพที่สนับสนุนการเทรดทองตามที่นักลงทุนต้องการจะช่วยให้การเทรดทองตอบสนองเป้าหมายการลงทุนได้ดียิ่งขึ้น และเหล่านี้คือเช็กลิสต์สำหรับเลือกแอพเทรดทองในปี 2566 นี้

• ตัดสินใจจะเทรดทองแบบไหน:

การเทรดทองคำผ่านแอพมีทั้งแบบที่เป็นการเทรดทองคำแท่งจริง ๆ (Spot) หรือ การเทรดผ่านตราสารทางการเงินอื่น ๆ เช่น สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD – Contract for Difference) ซึ่งทั้งสองประเภทนี้ใช้แอพลิเคชั่นเทรดที่ต่างกันออกไป

• การใช้งานของแอพ:

แอพเทรดทองบางแอพสามารถใช้ได้เฉพาะแท็ปเล็ต บางแอพสามารถใช้ได้ทั้งบนแท็ปเล็ตและเว็บไซต์ ด้านฟีเจอร์พื้นฐานของแอพเทรดทองคือการส่งคำสั่งซื้อขายและดูพอร์ตการลงทุน นอกจากนี้บางแอพยังสามารถดูกราฟราคา และอัปเดทข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของราคาทองคำได้ด้วย ซึ่งหากนักลงทุนต้องการอัปเดทข้อมูลก็ควรพิจารณาแอพเทรดทองที่สนับสนุนฟีเจอร์ที่ตัวเองต้องการ

• ใช้เงินทุนขั้นต่ำเท่าไร

เงินทุนตั้งต้นเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้แอพเทรดทองแต่ละเจ้าใช้ได้ไม่เหมือนกัน บางแอพจำเป็นต้องฝากเงินลงทุนเริ่มแรกมากกว่า $50 แต่ใช้เงินลงทุนไม่มาก ขณะที่บางแอพเรียกร้องเงินลงทุนตั้งต้นต่ำเพียง 100 บาท ก็สามารถเข้าถึงการใช้แอพลิเคชั่นได้แล้ว

• ค่าธรรมเนียม

ค่าธรรมเนียมการซื้อขายทองคำของแต่ละแอพลิเคชันก็มีความแตกต่างกัน บางแอพลิเคชั่นอาจมีค่าคอมมิชชั่น หรือบางแอพอาจเลือกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้งานรวมเข้าไปในราคาซื้อขาย (Spread) ซึ่งนักลงทุนควรทราบก่อนเลือกใช้แอพเทรดทองเพื่อให้ทราบถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมาในการเทรดทองคำที่ลงทุน

สำหรับแอพเทรดทองที่นิยมใช้ในปี 2023 ที่เราแนะนำสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ แอพที่ใช้เทรดทองแท่ง (Spot) และ แอพที่ใช้เทรดทอง CFD

1. แนะนำ 3 แอพเทรดทองคำแท่งที่นิยมใช้กัน 2566

1) MTS - แม่ทองสุก

ร้านทองเจ้าใหญ่ของไทยที่ให้บริการซื้อขายทองคำแท่ง/รูปพรรณและฟิวเจอร์ส ให้บริการซื้อขายทองคำผ่านหน้าร้าน ออนไลน์แอพลิเคชั่น และบล็อกเชน ซึ่งสำหรับการเทรดทองด้วยแอพกับ MTS เรียกร้องการซื้อขายขั้นต่ำครั้งละ 0.1 กรัม และสามารถถอนเป็นทองจริงได้เมื่อออมครบ 1 กรัม โดยมีค่าธรรมเนียมการถอน 50 - 200 บาท/ แท่ง ใช้เวลา 3 วันทำการ

2) Gold Now - ไทยพาณิชย์ x ฮั่วเซ่งเฮง

Gold Now เป็นแอพเทรดทองที่เป็นการร่วมมือกันระหว่างธนาคารชั้นนำอย่างไทยพาณิชย์และร้านทองที่มีประวัติยาวนานอย่างฮั่วเซ่งเฮง ให้นักลงทุนได้ซื้อขายทองคำแท่งแบบออนไลน์ได้ทุกที่โดยไม่ต้องติดต่อร้าน โดยการใช้งานแอพเทรดทองนี้มีขั้นต่ำที่การซื้อขายครั้งละ 1,000 บาท และสามารถถอนเป็นทองคำแท่งได้จริง ๆ เมื่อออมทองได้ครบ 1 สลึงขึ้นไป และมีค่าธรรมเนียมการถอน 150 บาท/แท่ง ใช้เวลา 3 วันทำการ

3) AUSIRIS

ออสซิริสเป็นโบรกเกอร์ทองคำที่เป็นร้านขายทองรูปพรรณมาก่อน จึงมีความเชี่ยวชาญเรื่องนี้เป็นอย่างดี สำหรับการเทรดทองคำผ่านแอพกับเจ้านี้มีโปรแกรมออมทองแบบรายเดือนโดยตัดเงินเพื่อออมทองทุกต้นเดือน หรือนักลงทุนสามารถเลือกทำรายการเองด้วยขั้นต่ำครั้งละ 1,000 บาท โดยสามารถถอนออกมาเป็นทองคำแท่งได้เมื่อออมครบ 1 กรัม ด้วยค่าธรรมเนียมการถอนที่ 100-250 บาท/แท่งเมื่อถอนต่ำกว่า 5 บาท และใช้เวลา 2 วันในการดำเนินการ

2. แนะนำ 3 แอพเทรดทอง CFD ที่นิยมใช้กัน 2566

1) Mitrade

เป็นโบรกเกอร์ผู้ให้บริการเทรด CFD จากออสเตรเลียภายใต้การกำกับดูแลของ ASIC, CIMA และ FSC มาพร้อมกับแอพเทรดทองที่พัฒนาขึ้นเองโดยเฉพาะ รองรับการใช้งานทั้งบนแท็ปเล็ตและเบราเซอร์ ตัวแอพประกอบด้วยข้อมูลกราฟราคา การส่งคำสั่งซื้อขาย ข่าวและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพอร์ตและประวัติการลงทุน ช่วยอัปเดทข้อมูลการลงทุนและสนับสนุนการเทรดได้แบบเรียลไทม์ตลอด 24/5 

💰ห้ามพลาด!!! 💰

รับโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 

หรือ ทดลองเทรดทองด้วยเงินเสมือนจริงฟรี $50, 000 ดอลลาร์ก่อน

เปิดบัญชีเดี๋ยวนี้

ลงทุนมีความเสี่ยง อาจจะทำให้คุณเสียเงินทุนทั้งหมด

2) Pepperstone

อีกหนึ่งโบรกเกอร์ CFD ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในออสเตรเลีย อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ASIC, FCA และ CySEC ให้บริการเทรดทองผ่านแอพเทรดที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น MT4, MT5, cTrader และ TradingView ที่แม้จะมีความซับซ้อนขึ้นสำหรับการใช้งาน แต่ก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการเทรดได้อย่างเป็นมืออาชีพ เช่น สามารถปรับแต่ง EA หรืออินดิเคเตอร์อื่น ๆ ได้ด้วยตนเอง ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญอยู่บ้าง

3) IC Markets

เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการเทรด CFD รายใหญ่ของโลก อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ASIC, CySec และ FSA ให้บริการเทรดทองด้วยแอพเทรดเฉพาะทางอย่าง cTrader, MT4 และ MT5 ที่นักเทรดคุ้นเคยกันดี ช่วยให้สามารถปรับแต่อินดิเคเตอร์และระบบเทรดขึ้นได้เป็นของตัวเอง หรือจะใช้เพียงฟีเจอร์พื้นฐานอย่างการดูกราฟและส่งคำสั่งซื้อขาย รวมถึงติดตามพอร์ตการลงทุนอย่างเดียวก็สามารถทำได้

ซึ่งทั้งหมดนี้นักลงทุนสามารถเข้าไปลองใช้แอพเทรดทองของแต่ละโบรกเกอร์ผู้ให้บริการผ่านการเปิดบัญชีทดลองใช้ (Demo Account) ก่อนได้

◆ เทรดทองคำแท่ง spot กับ เทรดทองตราสารอนุพันธ์ CFD แตกต่างกันยังไง

1. แอพเทรดทองคำแท่ง spot

แอพเทรดทอง Spot เป็นแอพที่ส่วนใหญ่แล้วนักลงทุนขอเปิดใช้งานได้จากผู้ค้าทองคำรายใหญ่ในประเทศที่เดิมให้บริการซื้อขายทองคำแท่งหรือทองคำรูปพรรณอยู่แล้ว และเปิดให้มีการซื้อขายออนไลน์ผ่านแอพลิเคชั่นเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความสะดวกในการซื้อขายให้กับนักลงทุน ดังนั้น การใช้แอพเทรดทอง spot นี้จึงทำให้นักลงทุนสามารถเป็นเจ้าของทองคำแท่งและถอนออกมาเป็นทองคำได้จริง ๆ เพียงแค่ค่อนข้างเรียกร้องเงินลงทุนที่สูงกว่า

ข้อดี: การใช้แอพเทรดทองคำแบบ spot มักมาพร้อมกับฟีเจอร์สำหรับการเทรดทองคำแบบ DCA (Dollar Cost Average) ที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถทะยอยสะสมเงินในทองคำด้วยเงินทุนเริ่มต้น 100 – 500 บาทได้แบบอัตโนมัติ เพียงแค่เลือกจำนวนเงินและผู้ให้บริการบางรายอาจให้เลือกวันที่ทำรายการได้ด้วย ซึ่งถือว่าช่วยอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุน ช่วยให้นักลงทุนได้สะสมเงินน้อย ๆ จนกลายเป็นทองคำแท่งได้ในที่สุด และยังสามารถถอนทองคำที่สะสมไว้ออกมาเป็นทองคำแท่งได้จริง ๆ เมื่อครบเงื่อนไขที่ผู้ให้บริการระบุไว้

ข้อเสีย: การซื้อขายทองคำผ่านแอพเทรดทองแบบ Spot มักมีอินเตอร์เฟซการใช้งานที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละรายทำให้ต้องเรียนรู้ฟังก์ชั่นการใช้งานของแอพเป็นตัว ๆ ไป นอกจากนี้ยังมีสเปรดราคาซื้อขายที่ค่อนข้างสูง ทำให้การซื้อขายให้ได้กำไรต้องอาศัยเวลานานเพื่อให้มีกำไร นอกจากนี้ผู้ให้บริการแต่ละเจ้ายังมีเงื่อนไขการถอนหรือส่งคำสั่งขายทองคำที่อาจทำให้นักลงทุนที่มีเงินทุนน้อยไม่สามารถถอนทองคำออกมาได้จริง

เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน: ด้วยเงื่อนไขในการเทรดทำให้แอพเทรดทอง spot เหมาะกับนักลงทุนที่มีเงินทุนพอสมควร มีกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอพอที่จะนำมาลงทุนแบบ DCA และสามารถลงทุนในระยะกลางถึงยาวได้

2. แอพเทรดทองตราสารอนุพันธ์ CFD

แอพเทรดทองตราสารอนุพันธ์เป็นแอพที่ให้บริการโดยโบรกเกอร์ CFD ที่ไม่ได้เป็นการซื้อขายทองคำจริง ๆ แต่สามารถทำกำไรจากส่วนต่างราคาได้ด้วยการเทรดสัญญาซื้อขายส่วนต่างที่โบรกเกอร์ให้บริการ ซึ่งผลิตภัณฑ์ CFD นั้นแม้จะไม่ได้ทำให้นักลงทุนสามารถถอนออกมาเป็นทองคำได้จริง ๆ แต่มีความคล่องตัวในการเทรดได้มากกว่า ค่าธรรมเนียมต่ำ สามารถใช้ความได้เปรียบจากอัตราทดเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร และยังสามารถทำกำไรได้ทั้งในทิศทางขาขึ้นและขาลงได้ด้วย จึงนับเป็นแอพที่ตอบโจทย์ทั้งนักลงทุนและนักเทรดระยะสั้นได้เป็นอย่างดี

ข้อดี: แอพเทรดทอง CFD ส่วนใหญ่ออกแบบมาเพื่อการเทรดโดยเฉพาะ มักใช้ได้กับทั้งแท็ปเล็ตและเบราเซอร์โดยเชื่อมโยงข้อมูลที่จำเป็นไว้ในแอพอย่างครบถ้วน เช่น กราฟราคา ราคาเสนอซื้อขายปัจจุบัน ประวัติการเทรด รวมถึงสถานะพอร์ตการลงทุน ทำให้นักลงทุนมีข้อมูลสำหรับตัดสินใจซื้อขายได้อย่างเพียบพร้อม บวกกับการเชื่อมต่อข้อมูลที่รวดเร็วตอบสนองการเทรดในระดับวินาที ทำให้นักลงทุนไม่พลาดโอกาสการเทรดที่อยู่ตรงหน้า นอกจากนี้การเปิดบัญชีใช้แอพยังมีความสะดวกและรวดเร็ว เพียงลงทะเบียนกับโบรกเกอร์และยืนยันตัวตนไม่นานก็สามารถเริ่มโอนเงินสำหรับเทรดได้

ข้อเสีย: การเทรดต้องอาศัยความชำนาญเพราะมีอัตราทดเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้การใช้แอพเทรดทอง CFD มีความเสี่ยงสูงในแบบที่นักลงทุนอาจได้กำไรแบบไม่จำกัดหรือขาดทุนทั้งหมดได้ และไม่ได้ทำให้นักลงทุนได้เป็นเจ้าของทองคำจริง ๆ ไม่สามารถถอนออกมาเป็นทองคำแท่งได้ นอกจากนี้ยังต้องระมัดระวังในการเลือกผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอด้วย

เหมาะกับนักลงทุนแบบไหน: การเทรดด้วยแอพเทรดทอง CFD รองรับการเทรดระยะสั้นมากในระดับนาทีขึ้นไปและมีความคล่องตัวสูง ดังนั้นจึงเหมาะกับทั้งนักลงทุนที่ต้องการเทรดระยะสั้นเป็นพิเศษ

และทั้งหมดนี้ก็คือความรู้คร่าว ๆ เกี่ยวกับการซื้อขายทองคำและข้อมูลแอพเทรดทองคำที่จะมาเป็นตัวช่วยในการซื้อขายของนักลงทุนเป็นไปได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งหากนักลงทุนสามารถกำหนดกรอบการลงทุนของตนเองได้แล้วว่าจะทำการซื้อขายทองคำประเภทไหน-แบบออมเป็นทองคำแท่งหรือเทรดทองคำด้วย CFD ก็จะช่วยให้สโคปการเลือกใช้งานแอพเทรดทองทำได้ง่ายดายยิ่งขึ้น ถึงตรงนี้หากนักลงทุนท่านใดยังมีข้อสงสัยหรือกังวลใจเกี่ยวกับฟีเจอร์การใช้งานแอพก็สามารถเริ่มต้นได้ง่าย ๆ แบบไม่เสียเงินด้วยการเปิดบัญชีทดลองใช้ที่จะช่วยให้เข้าไปใช้งานแอพเหล่านี้ได้ฟรี จากนั้นจึงค่อยตัดสินใจเลือกใช้แอพที่เหมาะกับความต้องการและความถนัดของตัวเองได้ในท้ายที่สุด

1.ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาทองมีอะไรบ้าง？

ราคาทองคำถูกกำหนดด้วยความต้องการซื้อขาย (Demand & Supply) ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น

1. การสะสมทองคำของธนาคารกลางต่าง ๆ ในโลก ซึ่งเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดทองคำที่การซื้อขายแต่ละครั้งมีจำนวนมหาศาลจนทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงได้

2. ค่าเงินดอลาร์ การเปลี่ยนแปลงมูลค่าของเงินดอลลาร์ส่งผลกระทบในทางตรงกันข้ามกับราคาทองคำ ซึ่งปัจจัยนี้ยังขึ้นอยู่กับตัวแปรอื่นด้วย เช่น การดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อัตราเงินเฟ้อ การเติบโตและถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐ

3. ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองโลก เนื่องจากทองคำในด้านหนึ่งมีฐานะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) เมื่อตลาดเงินตลาดทุนเกิดความไม่แน่นอน เช่น เกิดความเสี่ยงของวิกฤตเศรษฐกิจ ทองคำมักเป็นที่ต้องการมากขึ้น