วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 26 ก.ย. 2568

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
ราคาทองคำ XAUUSD ในช่วงเช้าของตลาดเอเชียวันนี้ ยังคงเคลื่อนไหวในระดับสูงใกล้ระดับ 3,750 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ท่ามกลางสภาวะตลาดที่กำลังถูกฉุดรั้งจากสองปัจจัยที่สวนทางกันอย่างสิ้นเชิง
ด้านหนึ่งคือความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะเดินหน้าลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป ซึ่งเป็นแรงหนุนชั้นดีให้กับสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ แต่อีกด้านหนึ่ง ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาในช่วงคืนที่ผ่านมากลับแข็งแกร่งเกินคาด กลายเป็นแรงกดดันที่คอยสกัดไม่ให้ราคาทะยานไปไกลกว่านี้
สถานการณ์การชักเย่อระหว่างสองขั้วนี้ ทำให้นักลงทุนต้องจับตาดูข้อมูลสำคัญอย่างดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่จะประกาศในคืนนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจเป็นตัวชี้ขาดทิศทางของตลาดในระยะสั้น
Fed ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย ปัจจัยหลักที่ยังหนุนราคาทองคำ
ปัจจัยบวกที่สำคัญที่สุดที่หนุนราคาทองคำในขณะนี้ คือแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินของ Fed
โดยในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา Fed ได้ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% (25 basis points) สู่กรอบ 4.00% - 4.25% และตลาดการเงินยังคงคาดการณ์ว่า Fed อาจจะลดดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 2 ครั้งในการประชุมที่เหลือของปีนี้
ตรรกะเบื้องหลังเรื่องนี้เรียบง่าย การลดลงของอัตราดอกเบี้ยจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่จ่ายผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย และยังสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่าลง ซึ่งทั้งสองประเด็นนี้เป็นผลบวกโดยตรงต่อราคาทองคำ
อย่างไรก็ตาม ท่าทีของเจ้าหน้าที่ Fed ยังคงมีความระมัดระวัง โดยประธาน Fed อย่าง Jerome Powell ย้ำว่าการตัดสินใจในอนาคตจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่จะประกาศออกมาเป็นสำคัญ
ในขณะที่ Stephen Miran หนึ่งในผู้ว่าการ Fed กลับมองว่าควรมีการลดดอกเบี้ยที่แรงกว่านี้ถึง 0.50% โดยให้เหตุผลว่าหากไม่นับผลกระทบชั่วคราวจากกำแพงภาษี อัตราเงินเฟ้อก็เข้าใกล้เป้าหมายที่ 2% แล้ว
ความเห็นที่แตกต่างกันนี้สะท้อนให้เห็นว่าทิศทางนโยบายของ Fed ยังมีความไม่แน่นอน ซึ่งอาจจำกัดการปรับตัวขึ้นของทองคำในระยะสั้นได้เช่นกัน
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่งเกินคาด สวนทางแรงหนุนทองคำ
แม้ว่าความหวังเรื่องการลดดอกเบี้ยจะเป็นใจ แต่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชุดล่าสุดที่ประกาศออกมากลับกลายเป็นพายุที่พัดสวนทางอย่างจัง
เริ่มตั้งแต่ตัวเลขการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาสที่ 2 ซึ่งถูกปรับทบทวนครั้งสุดท้ายขึ้นมาอยู่ที่ 3.8% สูงกว่าการประมาณการครั้งก่อนที่ 3.3% และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ ตัวเลขนี้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยได้แรงหนุนสำคัญจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นถึง 2.5%
ตามมาด้วยข้อมูลตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งไม่แพ้กัน โดยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 กันยายน อยู่ที่ 218,000 ราย ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 235,000 รายอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders) ในเดือนสิงหาคมยังเพิ่มขึ้นถึง 2.9% สวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะลดลง -0.5% อย่างสิ้นเชิง
ข้อมูลเหล่านี้ล้วนเป็นหลักฐานที่ชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่เข้าสู่ภาวะชะลอตัวรุนแรง ซึ่งอาจทำให้ Fed ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนลดอัตราดอกเบี้ยอย่างที่ตลาดคาดหวัง และทันทีที่ตัวเลขเหล่านี้ถูกประกาศออกมาราคาทองคำก็เผชิญกับแรงเทขายทำกำไรในทันที
สัญญาณเทคนิคเตือน เมื่อราคาทองคำร้อนแรงที่สุดในรอบ 45 ปี
นอกเหนือจากปัจจัยพื้นฐานที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด อีกหนึ่งประเด็นที่นักลงทุนไม่สามารถมองข้ามได้คือสัญญาณเตือนจากฝั่งเทคนิค
Wajeeh Khan นักวิเคราะห์จาก Barchart.com ได้ชี้ให้เห็นถึงข้อมูลที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ว่าดัชนี RSI ในกราฟรายเดือนของทองคำ ได้พุ่งขึ้นไปแตะระดับ 89.72 ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดนับตั้งแต่ปี 1980 หรือในรอบกว่า 45 ปีแล้ว
โดยปกติแล้ว ค่า RSI ที่สูงกว่า 70 มักจะบ่งชี้ว่าสินทรัพย์นั้นอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) ซึ่งหมายความว่าราคาได้ปรับตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วและร้อนแรงเกินไป จนอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดการปรับฐานหรือการพักตัวในระยะสั้นได้
การที่ RSI ในภาพใหญ่ระดับเดือนพุ่งขึ้นไปเกือบถึงระดับ 90 ถือเป็นสัญญาณเตือนที่รุนแรงอย่างยิ่ง แม้ว่าราคาทองคำจะพุ่งขึ้นกว่า 42% ในปีนี้จากปัจจัยหนุนมากมาย แต่สัญญาณทางเทคนิคนี้กำลังบอกนักลงทุนว่า “ความระมัดระวังอาจเป็นสิ่งที่จำเป็น” ในระยะเวลาอันใกล้นี้
จับตาตัวเลขเงินเฟ้อ PCE คืนนี้ ชี้ชะตาทิศทางราคาทองคำ
ภาพรวมของราคาทองคำในขณะนี้จึงเป็นการต่อสู้กันระหว่างปัจจัยพื้นฐานระยะยาว (การลดดอกเบี้ยของ Fed ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ แรงซื้อจากธนาคารกลางทั่วโลก) ที่ยังคงเป็นบวก กับปัจจัยลบในระยะสั้น (ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินคาด) และสัญญาณเตือนทางเทคนิค (RSI ที่ Overbought อย่างรุนแรง) โดยทองคำพยายามทดสอบแนวต้านสำคัญที่ $3,760 หลายครั้งแต่ยังไม่ผ่าน ขณะที่แนวรับระยะสั้นอยู่ที่บริเวณ $3,722
ดังนั้น ทุกสายตาของนักลงทุนจึงมุ่งไปที่การประกาศตัวเลขดัชนีราคา PCE ของสหรัฐฯ ในคืนนี้ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ Fed ให้ความสำคัญมากที่สุด
Kaynat Chainwala นักวิเคราะห์จาก Kotak Securities Ltd. กล่าวว่าหากตัวเลขเงินเฟ้อออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ ก็จะเป็นการเพิ่มน้ำหนักให้กับเหตุผลที่ Fed ควรจะลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะกลับมาเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ
ในทางกลับกัน หากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง ก็อาจทำให้ตลาดลดความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยลง และสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำเพิ่มเติมได้ ข้อมูล PCE คืนนี้จึงเปรียบเสมือนตัวแปรสำคัญที่จะมาตัดสินว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะในสงครามชักเย่อครั้งนี้
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
จากกราฟล่าสุดราคาทองคำ เราจะเห็นกรอบการซื้อขายที่ชัดเจนขึ้น โดยมีแนวรับสำคัญอยู่ที่โซน $3,725 และมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่โซน $3,760 เราจะเห็นว่าราคาได้พยายามทดสอบแนวรับดังกล่าวแล้วดีดตัวกลับขึ้นไป และในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถผ่านแนวต้านขึ้นไปได้เช่นกัน การเคลื่อนไหวในลักษณะนี้เป็นการยืนยันว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงพักตัวและรอความชัดเจน
เมื่อมองไปยังอินดิเคเตอร์ทางเทคนิค ภาพนี้ยิ่งชัดเจนขึ้นไปอีก ดัชนี RSI ที่แกว่งตัวอยู่บริเวณกึ่งกลางที่ระดับ 50 พอดี เป็นสัญญาณคลาสสิกของตลาด Sideway ที่บ่งชี้ถึงการขาดแรงส่งหรือโมเมนตัมที่ชัดเจน
ส่วน Stochastic RSI แม้ว่าจะเริ่มส่งสัญญาณตัดขึ้นมาจากเขต Oversold ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี แต่ในบริบทของตลาด Sideway สัญญาณนี้มักจะหมายถึงการดีดตัวขึ้นจากกรอบล่างไปหากรอบบน มากกว่าจะเป็นการเริ่มต้นแนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่ในทันที
ดังนั้น สำหรับกลยุทธ์ในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า จะเป็นการเทรดในกรอบราคา (Range Trading) ที่มีความชัดเจนขึ้น นักลงทุนฝั่งซื้อ (Long) อาจรอจังหวะเข้าเมื่อราคาอ่อนตัวลงมาใกล้แนวรับ $3,725 โดยมีสัญญาณยืนยันจากแท่งเทียนหรือ Stochastic RSI และตั้งเป้าหมายทำกำไรระยะสั้นที่แนวต้านของกรอบบริเวณ $3,760
ในทางกลับกัน นักลงทุนฝั่งขาย (Short) อาจพิจารณาเมื่อราคาดีดตัวขึ้นไปใกล้แนวต้าน $3,760 แล้วไม่สามารถผ่านไปได้
อย่างไรก็ตาม กรอบ Sideway นี้จะไม่คงอยู่ตลอดไป จุดที่สำคัญที่สุดคือการ “เบรคกรอบ” (Breakout) หากราคาสามารถทะลุและยืนเหนือแนวต้าน $3,760 ได้อย่างแข็งแกร่ง จะเป็นสัญญาณว่าแรงซื้อได้กลับมาชนะ และจะเปิดทางให้ราคากลับขึ้นไปสู่เป้าหมายถัดไปที่ $3,780
แต่หากราคาทะลุแนวรับสำคัญที่ $3,725 ลงไป จะเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งชี้ว่าแรงขายเป็นฝ่ายชนะ และจะส่งผลให้ราคาปรับตัวลงไปหาแนวรับถัดไปที่โซน $3,700 ได้อย่างรวดเร็ว
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,725
$3,700
$3,680
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,760
$3,780
$3,800
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน