ซื้อทองเก็งกำไรได้ยังไง? แนะนำ 3 วิธีซื้อทองเก็งกำไร 2568

ปี 2568 ถือเป็นปีที่ตลาดทองคำร้อนแรงเป็นพิเศษ ราคาทองคำทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง จนราคาทองคำแท่งในประเทศพุ่งทะยานผ่านหลัก 60,000 บาท จนหลายคนมีคำถามว่าเราจะมี วิธีซื้อทองเก็งกำไร ได้อย่างไรบ้างกับสถานการณ์แบบนี้ บทความนี้ จะพาคุณไปดูวิธีซื้อทองเก็งกำไรว่ามีรูปแบบไหนบ้าง

ราคาทองคำยังคงร้อนแรงต่อเนื่องในปีนี้ ซึ่งปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แต่เกิดจากปัจจัยมหภาคระดับโลกหลายอย่างที่ประจวบเหมาะกันพอดี จนนักวิเคราะห์เรียกว่าเป็น Perfect Storm สำหรับตลาดทองคำ

ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันราคาทองคำให้พุ่งสูงขึ้น มาจาก 3 ปัจจัยหลักได้แก่

• ทิศทางดอกเบี้ยขาลงและเงินดอลลาร์อ่อนค่า: ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้เริ่มส่งสัญญาณและปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปี 2568 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การลดดอกเบี้ยส่งผลโดยตรงให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง ซึ่งโดยปกติแล้วราคาทองคำมักจะเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามกับค่าเงินดอลลาร์

• ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์: สถานการณ์โลกที่ยังคงตึงเครียด ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น หรือความขัดแย้งในภูมิภาคอื่นๆ ทำให้นักลงทุนทั่วโลกต่างมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย เพื่อใช้เป็นหลุมหลบภัยทางการเงิน ทองคำจึงกลายเป็นตัวเลือกอันดับแรกๆ ที่เม็ดเงินจะไหลเข้า

• แรงซื้อจากธนาคารกลางทั่วโลก: การที่ธนาคารกลางของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะจีน ยังคงเดินหน้าซื้อทองคำเข้าเป็นทุนสำรองอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงแนวโน้มการลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์ (De-dollarization) เพื่อกระจายความเสี่ยงของประเทศ แรงซื้อจำนวนมหาศาลจากผู้เล่นรายใหญ่นี้เองที่เป็นแรงหนุนสำคัญที่ช่วยพยุงและผลักดันราคาทองคำในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม แม้ทองคำจะถูกเรียกว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ในปีนี้เรากลับเห็นความผันผวนของราคาที่สูงมาก บางวันราคาในประเทศมีการปรับเปลี่ยนเป็นสิบๆ ครั้ง

ด้านหนึ่งมันคือ “โอกาส” สำหรับนักเก็งกำไรในการสร้างผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาในระยะสั้น แต่อีกด้านหนึ่งมันก็คือ “ความเสี่ยง” สำหรับผู้ที่เข้าตลาดโดยขาดความรู้และแผนการลงทุนที่ชัดเจน

ดังนั้น การทำความเข้าใจ วิธีซื้อทองเก็งกำไร ที่ถูกต้องและเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับเป้าหมายและสไตล์ของตัวเอง จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะไขประตูสู่โอกาสในการสร้างผลตอบแทนในสนามการลงทุนที่ร้อนแรงแห่งนี้

เมื่อเข้าใจภาพรวมตลาดแล้ว คำถามต่อไปคือ เราจะเข้าเก็งกำไรในตลาดทองคำผ่านช่องทางไหนได้บ้าง? ปัจจุบันมี 3 วิธีหลักที่ได้รับความนิยม ซึ่งแต่ละวิธีก็มีจุดเด่น ข้อควรระวัง และเหมาะกับนักลงทุนคนละสไตล์กัน

ตารางเปรียบเทียบ 3 วิธีซื้อทองเก็งกำไร

1.การซื้อทองคำแท่งเพื่อเก็งกำไร

นี่คือวิธีคลาสสิกและเป็นที่เข้าใจง่ายที่สุด คือการซื้อ “ทองคำจริง” ในรูปแบบของทองคำแท่งมาถือครอง โดยหวังว่าราคาจะปรับตัวสูงขึ้นในอนาคตแล้วจึงขายออกไปเพื่อทำกำไร

วิธีนี้เหมาะใคร: สำหรับผู้ที่มี “เงินเย็น” ที่พร้อมจะลงทุนทิ้งไว้ได้อย่างน้อย 1-3 ปีขึ้นไป หรือต้องการสินทรัพย์เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อหรือวิกฤตเศรษฐกิจ โดยผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำให้มีสัดส่วนการลงทุนในทองคำไม่เกิน 5-15% ของพอร์ตทั้งหมด

กลยุทธ์ที่ใช้เป็นอย่างไร

• ซื้อและถือ (Buy and Hold): เป็นกลยุทธ์หลักของการลงทุนทองคำแท่ง คือการซื้อเพื่อสะสมมูลค่าในระยะยาว โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษามูลค่าของเงินเป็นหลัก นักลงทุนที่ใช้กลยุทธ์นี้ควรมีวินัยและไม่หวั่นไหวไปกับความผันผวนระยะสั้น การรีบขายทำกำไรเมื่อราคาปรับขึ้นเร็วเกินไปอาจทำให้พลาดโอกาสการเติบโตในระยะยาวได้

• ทยอยซื้อสะสม (Dollar-Cost Averaging - DCA): เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะอย่างยิ่งในช่วงที่ราคาผันผวนสูง โดยเป็นการแบ่งเงินลงทุนเข้าซื้อเป็นงวดๆ อย่างสม่ำเสมอ (เช่น ทุกเดือน) ด้วยจำนวนเงินที่เท่ากัน วิธีนี้จะช่วยเฉลี่ยต้นทุนในการซื้อ ทำให้ไม่ต้องกังวลกับการจับจังหวะตลาดและลดความเสี่ยงจากการเข้าซื้อทั้งหมดในช่วงที่ราคาสูงเกินไป (ติดดอย)

วิธีการซื้อ-ขาย:

• เลือกร้านทองที่น่าเชื่อถือ: ควรเลือกร้านที่เป็นสมาชิกของสมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทย เพื่อรับประกันมาตรฐานและความน่าเชื่อถือของทองคำที่ซื้อ เช่น แม่ทองสุก หรือฮั่วเซ่งเฮง เป็นต้น

• ทำความเข้าใจต้นทุนค่าบล็อก: การซื้อทองคำแท่งที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 5 บาท มักจะมีค่าบล็อก หรือค่าพรีเมียม ซึ่งเป็นต้นทุนในการผลิตและขึ้นรูปทองคำแท่ง หากต้องการประหยัดต้นทุนส่วนนี้ การซื้อทองคำแท่งที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 5 บาทขึ้นไปมักจะได้รับการยกเว้นค่าบล็อก

• ยึดหลัก “ซื้อร้านไหน ขายร้านนั้น”: เพื่อให้ได้ราคาขายคืนที่ดีที่สุดและหลีกเลี่ยงการถูกกดราคา ควรนำทองคำแท่งกลับไปขายที่ร้านเดิมที่ซื้อมา

จุดเด่น:

• เป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่จับต้องได้: การได้ครอบครองสินทรัพย์จริงที่มีมูลค่าในตัวเอง ให้ความรู้สึกมั่นคง และไม่ได้ผูกติดอยู่กับระบบการเงินของประเทศใดประเทศหนึ่ง

• สภาพคล่องสูงในประเทศ: สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายตามร้านทองมาตรฐานทั่วประเทศ

• ไม่มีวันหมดอายุ: เป็นสินทรัพย์ที่สามารถถือครองเพื่อส่งต่อมูลค่าจากรุ่นสู่รุ่นได้โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา

ข้อควรระวัง:

• ไม่เหมาะกับการเก็งกำไรระยะสั้น: เนื่องจากมีส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขาย  รวมถึงต้นทุนค่าบล็อก ทำให้การทำกำไรจากการแกว่งตัวของราคาในกรอบเวลาสั้นๆ เป็นไปได้ยากและไม่คุ้มค่า

• มีความเสี่ยงด้านการจัดเก็บ: การถือครองทองคำจริงมีความเสี่ยงทางกายภาพ เช่น การสูญหายหรือการถูกโจรกรรม ซึ่งจำเป็นต้องมีสถานที่จัดเก็บที่ปลอดภัยและอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น การเช่าตู้เซฟธนาคาร

• ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นสูง: ทองคำแท่ง 1 บาทมีมูลค่าหลายหมื่นบาท ซึ่งเป็นอุปสรรคสำหรับนักลงทุนที่มีเงินทุนจำกัดและต้องการเริ่มต้นด้วยเงินจำนวนไม่มาก

• ไม่สร้างกระแสเงินสด: ทองคำไม่สร้างผลตอบแทนในรูปแบบของเงินปันผลหรือดอกเบี้ย กำไรจะเกิดขึ้นจากส่วนต่างของราคาซื้อขาย (Capital Gain) เท่านั้น

2.การเทรดฟิวเจอร์สทองคำ (Gold Futures)

Gold Futures คือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ที่อ้างอิงราคาทองคำในตลาด TFEX (Thailand Futures Exchange) เป็นการทำสัญญาเพื่อซื้อหรือขายทองคำในอนาคตตามราคาที่ตกลงกันไว้ ณ ปัจจุบัน โดยไม่จำเป็นต้องมีการส่งมอบทองคำจริง แต่จะชำระส่วนต่างกำไรขาดทุนเป็นเงินสดเมื่อสัญญาครบกำหนด

วิธีนี้เหมาะใคร: นักลงทุนที่มีประสบการณ์ โดยเฉพาะเรื่อง Leverage, Margin และวันหมดอายุของสัญญา รวมถึงมีเวลาในการวิเคราะห์ข่าวสารและกราฟราคา และสามารถตัดสินใจซื้อขายได้อย่างรวดเร็ว

กลยุทธ์ที่ใช้เป็นอย่างไร:

• เก็งกำไรตามทิศทางแนวโน้ม: เป็นกลยุทธ์หลัก โดยหากวิเคราะห์แล้วคาดว่าราคาทองจะปรับตัวสูงขึ้น ก็จะเปิดสถานะซื้อล่วงหน้า (Long Open) ในทางกลับกัน หากคาดว่าราคาจะปรับตัวลดลง ก็จะเปิดสถานะขายล่วงหน้า (Short Open)

• การบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวด: เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มี Leverage สูง การบริหารความเสี่ยงจึงเป็นหัวใจสำคัญที่สุด นักเทรดต้องมีการกำหนดจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ที่ชัดเจน และบริหารขนาดของสัญญา (Position Sizing) ให้เหมาะสมกับเงินทุน เพื่อจำกัดความเสียหายไม่ให้บานปลาย

วิธีการซื้อ-ขาย:

• เปิดบัญชีซื้อขายอนุพันธ์: ต้องทำการเปิดบัญชีซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้ากับบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ที่เป็นสมาชิกของตลาด TFEX

• วางเงินหลักประกัน (Margin): การเทรด Futures ไม่ต้องใช้เงินลงทุนเต็มจำนวนมูลค่าสัญญา แต่จะใช้การวางเงินเพียงส่วนหนึ่งที่เรียกว่า “หลักประกัน” (Initial Margin) ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 10-20% ของมูลค่าสัญญาทั้งหมด

• ทำความเข้าใจประเภทสัญญา: ในตลาด TFEX มีสัญญาที่อ้างอิงกับทองคำ 2 ประเภทหลัก คือ Gold Futures (GF/GF10) ซึ่งอ้างอิงราคาทองคำแท่งความบริสุทธิ์ 96.5% และซื้อขายเป็นหน่วยเงินบาท และ Gold Online Futures (GO) ซึ่งอ้างอิงราคาทองคำความบริสุทธิ์ 99.5% ตามราคาตลาดโลก และซื้อขายเป็นหน่วยดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์

จุดเด่น:

• Leverage สูง: การใช้เงินลงทุนเพียงเล็กน้อย (Margin) เพื่อควบคุมสัญญาที่มีมูลค่าสูงกว่าหลายเท่าตัว ทำให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนในอัตราที่สูงมากเมื่อเทียบกับเงินลงทุนเริ่มต้น

• ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง: มีความยืดหยุ่นสูง สามารถสร้างโอกาสทำกำไรได้ไม่ว่าตลาดจะมีทิศทางเป็นอย่างไร ซึ่งแตกต่างจากการซื้อทองคำแท่งที่ทำกำไรได้เฉพาะขาขึ้น

• เป็นมาตรฐานและมีสภาพคล่องสูง: การซื้อขายผ่านระบบของตลาด TFEX ทำให้มีสภาพคล่องสูง สามารถเปิด-ปิดสถานะได้อย่างรวดเร็ว และมีกฎเกณฑ์ที่เป็นมาตรฐาน โปร่งใส

• ไม่มีภาระการจัดเก็บ: เนื่องจากเป็นการซื้อขายสัญญาทางการเงิน จึงไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยในการเก็บรักษาทองคำจริง

ข้อควรระวัง:

• ความเสี่ยงสูงมากจาก Leverage: ที่สามารถขยายผลขาดทุนได้อย่างรุนแรงและรวดเร็วเช่นกัน หากคาดการณ์ทิศทางราคาผิดพลาด อาจทำให้สูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดหรือมากกว่าเงินหลักประกันที่วางไว้ได้

• มีวันหมดอายุของสัญญา: สัญญาทุกฉบับมีวันหมดอายุที่กำหนดไว้ชัดเจน (โดยมากจะเป็นเดือนคู่) หากนักลงทุนต้องการถือสถานะต่อ จะต้องทำการต่ออายุสัญญา (Rollover) ซึ่งอาจมีต้นทุนเพิ่มเติมและมีความยุ่งยาก

• ต้องการการติดตามอย่างใกล้ชิด: ด้วยราคาที่มีความผันผวนสูงและผลกระทบจาก Leverage ทำให้นักลงทุนต้องติดตามสภาวะตลาดอย่างใกล้ชิดและมีวินัยในการบริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด

3.การเทรดทองคำผ่านแบบ CFD

CFD หรือสัญญาซื้อขายส่วนต่าง เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่นักเก็งกำไรยุคใหม่ หลักการคือการทำสัญญากับโบรกเกอร์เพื่อเก็งกำไรจากส่วนต่างของราคาทองคำ (XAU/USD) ณ เวลาที่เปิดและปิดสัญญา โดยไม่มีการซื้อขายหรือเป็นเจ้าของทองคำจริงเช่นกัน

วิธีนี้เหมาะใคร: ผู้ที่ต้องการทำกำไรจากความผันผวนของราคาในกรอบเวลาสั้นๆ ตั้งแต่ไม่กี่นาทีไปจนถึงหลายวัน เข้า-ออกตลาดได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีข้อจำกัดเรื่องวันหมดอายุของสัญญา และสามารถปรับขนาดการลงทุนได้อย่างละเอียด ด้วยความสามารถในการใช้ Leverage ที่สูง

กลยุทธ์ที่ใช้เป็นอย่างไร:

• เก็งกำไรจากความผันผวนของราคา: ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นหลัก เช่น การหาแนวรับ-แนวต้านเพื่อกำหนดจุดเข้าซื้อ (Buy) และขาย (Sell) หรือการใช้เครื่องมืออย่างเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) เพื่อยืนยันแนวโน้มของราคา

• เทรดตามข่าวเศรษฐกิจ (News Trading): ติดตามปฏิทินข่าวเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น การประกาศตัวเลขอัตราดอกเบี้ยของ Fed หรือตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ เพื่อเข้าเก็งกำไรจากความผันผวนของราคาที่มักจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงในช่วงเวลาดังกล่าว

วิธีการซื้อ-ขาย:

• เลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ: ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดคือการเลือกโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง มีใบอนุญาตกำกับดูแลจากหน่วยงานที่ได้มาตรฐานสากล เพื่อความปลอดภัยของเงินทุนและรับประกันความโปร่งใสในการซื้อขาย

• เทรดผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์: การซื้อขายทั้งหมดทำผ่านแพลตฟอร์มที่โบรกเกอร์ให้บริการ ซึ่งโบรกเกอร์ชั้นนำอย่าง Mitrade ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้ โดยรวบรวมเครื่องมือที่จำเป็นไว้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นกราฟราคาแบบเรียลไทม์ และเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค ที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

• ใช้ Leverage และ Margin: กลไกการทำงานคล้ายกับ Gold Futures คือใช้การวางหลักประกัน (Margin) และมี Leverage แต่โดยทั่วไปแล้ว CFD มักจะให้ Leverage ที่สูงกว่าและมีความยืดหยุ่นในการเลือกขนาดสัญญาที่หลากหลายกว่ามาก

จุดเด่น:

• ความยืดหยุ่นสูงสุด: ไม่มีวันหมดอายุของสัญญา ทำให้นักลงทุนสามารถถือสถานะได้นานเท่าที่ต้องการ (แต่อาจมีค่าธรรมเนียมการถือข้ามคืน) และสามารถเลือกขนาดสัญญาที่เล็กมากได้ ทำให้บริหารเงินทุนและควบคุมความเสี่ยงได้ง่าย

• เข้าถึงตลาดโลกได้โดยตรง: สามารถเก็งกำไรจากราคาทองคำ Spot Gold (XAU/USD) ซึ่งเป็นราคาอ้างอิงของตลาดโลกได้โดยตรง ทำให้มีความโปร่งใสและมีสภาพคล่องสูงมาก

• ใช้เงินทุนเริ่มต้นน้อย: ด้วยขนาดสัญญาที่ยืดหยุ่นและ Leverage ที่สูง ทำให้นักลงทุนสามารถเริ่มต้นเทรดได้ด้วยเงินทุนจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับวิธีอื่น

• ไม่มีต้นทุนการจัดเก็บ: เป็นการทำธุรกรรมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด จึงไม่มีค่าใช้จ่ายหรือความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรักษาทองคำจริง

💸 ห้ามพลาด!!! 💸

เทรดทองคำกับโบรกเกอร์ชั้นนำในโลก🎁🎁🎁

แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์

ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี 💰

เทรดเดี๋ยวนี้

การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน

ข้อควรระวัง:

• ความเสี่ยงสูงจาก Leverage: เช่นเดียวกับ Futures, Leverage ที่สูงสามารถขยายผลขาดทุนได้อย่างมหาศาลหากตลาดเคลื่อนไหวสวนทางกับที่คาดการณ์ไว้ การบริหารความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

• ค่าธรรมเนียมการถือครองข้ามคืน (Swap): หากนักลงทุนถือสถานะ CFD ข้ามคืน จะมีค่าใช้จ่ายที่เรียกว่า Swap ซึ่งเป็นต้นทุนที่ต้องพิจารณาหากต้องการถือสถานะเป็นระยะเวลานาน

ไม่ว่าจะเลือก วิธีซื้อทองเก็งกำไร แบบไหน การมี “ระบบ” ในการลงทุนและบริหารจัดการที่ดีคือหัวใจสำคัญที่จะทำให้คุณอยู่รอดและสร้างผลกำไรได้อย่างยั่งยืนในตลาดที่มีความผันผวนสูง

1.บริหารความเสี่ยงอย่างมีวินัย (Risk Management)

• กำหนดขนาดสถานะ (Position Sizing): อย่าลงทุนทั้งหมดในครั้งเดียว หลักการสำคัญคือจำกัดความเสี่ยงไว้ที่ไม่เกิน 1-2% ของเงินทุนทั้งหมดต่อการเทรดหนึ่งครั้ง

• ใช้ Stop-Loss เสมอ: Stop-Loss คือคำสั่งตัดขาดทุนอัตโนมัติ เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการจำกัดความเสียหายไม่ให้บานปลายเมื่อตลาดไม่เป็นไปตามที่คาด

• ใช้ Leverage อย่างระมัดระวัง: สำหรับการเทรด Futures และ CFD ควรใช้ Leverage อย่างชาญฉลาด อย่าใช้จนเต็มศักยภาพ เพราะมันสามารถขยายผลขาดทุนได้รุนแรงเท่ากับที่มันขยายผลกำไร

2.วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเพื่อดูภาพใหญ่ (Fundamental Analysis):

• ติดตามนโยบายการเงิน: การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) เป็นสิ่งที่ต้องจับตา เพราะมีผลโดยตรงต่อนโยบายดอกเบี้ยและทิศทางราคาทองคำ

• จับตาค่าเงินดอลลาร์: ราคาทองคำมักจะเคลื่อนไหวสวนทางกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ การติดตามดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) จะช่วยให้เห็นภาพทิศทางราคาได้ดีขึ้น

• เฝ้าระวังข่าวภูมิรัฐศาสตร์: ความขัดแย้งระหว่างประเทศมักส่งผลให้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

3.วิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อหาจังหวะเข้า-ออก (Technical Analysis):

• หาแนวโน้มให้เจอ: สิ่งแรกที่ต้องทำคือการระบุว่าตลาดกำลังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend), ขาลง (Downtrend) หรือเคลื่อนที่ในกรอบ (Sideway) เพื่อที่จะได้ไม่เทรดสวนแนวโน้มหลัก

• ใช้แนวรับ-แนวต้าน: คือระดับราคาสำคัญที่มักจะมีแรงซื้อ (แนวรับ) หรือแรงขาย (แนวต้าน) เข้ามาจำนวนมาก สามารถใช้เป็นจุดพิจารณาเข้าซื้อ หรือตั้งเป้าหมายทำกำไรได้

• ใช้เครื่องมือช่วยยืนยัน: อินดิเคเตอร์อย่างเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average) หรือ MACD สามารถช่วยยืนยันแนวโน้มและหาสัญญาณการกลับตัวของราคาได้

วิธีซื้อทองเก็งกำไร เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย การจะประสบความสำเร็จได้นั้นขึ้นอยู่กับการเลือกเครื่องมือและกลยุทธ์ที่ “ใช่” สำหรับตัวคุณ

1. หากคุณเป็น นักลงทุนระยะยาว ที่มีเงินเย็น ต้องการความมั่นคง และเน้นการรักษามูลค่าความมั่งคั่ง การซื้อทองคำแท่ง คือคำตอบที่เหมาะสมที่สุด

2. หากคุณเป็น นักเทรดที่มีประสบการณ์ รับความเสี่ยงได้สูง และต้องการเครื่องมือที่ทรงพลังในการ เก็งกำไรทองระยะสั้น ถึงกลาง ทั้งในตลาดขาขึ้นและขาลง การเทรด Gold Futures คือทางเลือกสำหรับมืออาชีพ

3. หากคุณเป็น นักเก็งกำไรยุคใหม่ ที่ต้องการความยืดหยุ่นสูงสุด เริ่มต้นด้วยเงินทุนไม่มาก และมุ่งเน้นทำกำไรจากความผันผวนรายวัน การเทรด CFD ทองคำ ผ่านโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือและมีแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายอย่าง Mitrade ถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักลงทุนยุคใหม่ได้ดีที่สุด

   
   

💸 ห้ามพลาด!!! 💸

เทรดทองคำกับโบรกเกอร์ชั้นนำในโลก🎁🎁🎁

แจกโบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์

ฝึกเทรดด้วยเงินเสมือนจริง $50, 000 ฟรี 💰

เทรดเดี๋ยวนี้

การลงทุนมีความเสี่ยง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน

ไม่ว่าจะเลือกทางใด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด วางแผนการลงทุนที่ชัดเจน และมีวินัยในการบริหารความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด สำหรับผู้ที่สนใจการเทรด Futures หรือ CFD ขอแนะนำให้เริ่มต้นด้วยการฝึกฝนในบัญชีทดลอง (Demo Account) ก่อน เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับตลาดและแพลตฟอร์มโดยไม่ต้องเสี่ยงกับเงินทุนจริง