วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 16 ก.ค. 2568

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 16 กรกฏาคม 2568 นักลงทุนหลายคนคงใจหายใจคว่ำกับราคาทองคำ XAUUSD ที่แกว่งตัวอย่างรุนแรงกันเป็นแถว โดยเมื่อวาน ราคาปรับตัวลงไปกว่า 0.40% หลังจากที่เคยพุ่งไปแตะ $3,366 แต่สุดท้ายก็ร่วงลงมาเคลื่อนไหวแถว $3,329 คำถามคือเกิดอะไรขึ้น? ทำไมทองที่ควรจะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยกลับโดนเทขาย?
สาเหตุหลักที่กดดันราคาทองคำในรอบนี้หนีไม่พ้นการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ (CPI) ที่ออกมาส่งสัญญาณว่าการตั้งกำแพงภาษีเริ่มส่งผลให้ราคาสินค้าแพงขึ้นจริง ๆ เรื่องนี้ส่งผลโดยตรงให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed อาจต้องคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงนานกว่าที่คิดเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ การคาดการณ์ดังกล่าวได้หนุนให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นทันที และเมื่อดอลลาร์แข็ง ก็ย่อมกดดันราคาทองคำซึ่งซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์โดยตรง
ขณะเดียวกัน สถานการณ์การเมืองก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน เมื่อประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศขึ้นภาษี 30% กับสหภาพยุโรป (EU) และเม็กซิโก แม้ช่วงแรกข่าวนี้จะทำให้ราคาทองดีดตัวขึ้นจากความไม่แน่นอน แต่ไม่นานนักลงทุนก็กลับมาเทขาย เพราะมองว่าอาจเป็นเพียงกลยุทธ์เจรจา และกลัวว่าหากมีการประกาศข้อตกลงกันได้กะทันหันราคาทองอาจดิ่งลงแรง
ไม่เพียงเท่านั้น Trump ยังคงเคลื่อนไหวผ่านโซเชียลมีเดียต่อเนื่อง ทั้งเรื่องข้อตกลงการค้าใหม่ๆ และการเรียกร้องให้ Fed ลดดอกเบี้ย ซึ่งทุกการเคลื่อนไหวของเขาสร้างความผันผวนให้ตลาดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เจาะลึกตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) และสัญญาณเศรษฐกิจที่ปนเป
เมื่อมาดูรายละเอียดของตัวเลขเงินเฟ้อเดือนมิถุนายน จะเห็นว่าดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) ขยับขึ้น 0.3% แต่ที่น่าสนใจคือเมื่อเทียบเป็นรายปี ตัวเลขกลับพุ่งขึ้นไปถึง 2.7% แซงหน้าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่ง Fed ให้ความสำคัญเพราะไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวน ขยับขึ้น 2.9% ต่อปี ซึ่งดีกว่าคาดเล็กน้อย ข้อมูลที่ออกมาผสมผสานกันนี้ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า Fed จะยังคงไม่รีบตัดสินใจเปลี่ยนแปลงนโยบาย และจะรอดูข้อมูลอื่นๆ ประกอบไปจนถึงการประชุมเดือนกันยายน
แต่เรื่องไม่ได้มีแค่นั้น เพราะยังมีข้อมูลเศรษฐกิจอีกด้านที่สร้างความซับซ้อนเข้ามาอีก คือดัชนีภาคการผลิตของรัฐนิวยอร์ก (Empire State manufacturing survey) ที่ฟื้นตัวแรงเกินคาด พลิกกลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบหลายเดือน ซึ่งชี้ว่าภาคการผลิตยังคงแข็งแกร่ง
สัญญาณเศรษฐกิจที่ดีเช่นนี้กลับเป็นผลลบต่อทองคำ เพราะมันลดทอนความจำเป็นที่ Fed จะต้องลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ในรายงานเดียวกันก็ชี้ว่าต้นทุนของผู้ผลิตสูงขึ้น ซึ่งเป็นแรงกดดันเงินเฟ้อ นี่คือภาพของสัญญาณเศรษฐกิจที่ปนเปกันไปมา ซึ่งอธิบายได้เป็นอย่างดีว่าทำไมราคาทองคำถึงแกว่งตัวอย่างรุนแรง
ส่องมุมมองยักษ์ใหญ่ Morgan Stanley, Goldman Sachs, UBS ว่าไงกับอนาคตราคาทองคำ?
แม้ระยะสั้นราคาทองคำจะดูผันผวน แต่ในมุมมองของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่หลายแห่ง ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุนอย่างยิ่ง โดยมองข้ามความผันผวนระยะสั้นและมุ่งไปที่ปัจจัยพื้นฐานระยะยาว
Morgan Stanley ยังคงมองว่าทองคำเป็นแหล่งลงทุนที่โดดเด่น โดยมีปัจจัยหนุนจากแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ที่อาจอ่อนค่าลงและภาวะเงินเฟ้อ พร้อมปรับเป้าหมายราคาทองคำในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2025 ขึ้นไปอยู่ที่ $3,800 ต่อออนซ์ โดยเชื่อว่าแรงซื้อจากธนาคารกลางทั่วโลกและการลงทุนผ่าน ETF จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ
Goldman Sachs ก็ออกมาตอกย้ำมุมมองเชิงบวก โดยคาดว่าราคาทองคำจะไปถึง $3,700 ต่อออนซ์ภายในสิ้นปีนี้ และอาจพุ่งไปถึง $4,000 ภายในกลางปี 2026 ปัจจัยที่พวกเขาให้ความสำคัญคือ “แรงซื้อนอกตลาด (off-balance sheet)” ซึ่งเป็นดีมานด์มหาศาลจากธนาคารกลางและสถาบันใหญ่ทั่วโลกที่ช่วยพยุงราคาไว้
UBS ให้มุมมองเชิงกลยุทธ์ว่า แม้จะเชื่อว่าการขึ้นภาษีเป็นเพียงกลยุทธ์เจรจา แต่ก็ยังคงแนะนำให้นักลงทุนซื้อทองคำเพื่อใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากนโยบาย (Policy Risk) ที่คาดเดาได้ยาก
โดยสรุป ตลาดทองคำในขณะนี้คือการต่อสู้กันระหว่างปัจจัยลบระยะสั้นจากข้อมูลเศรษฐกิจและความแข็งค่าของเงินดอลลาร์ กับปัจจัยบวกระยะยาวที่สถาบันการเงินใหญ่ๆ ของโลกยังคงเชื่อมั่น ทั้งในแง่ของการเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงและแนวโน้มความต้องการที่แข็งแกร่ง ดังนั้น สำหรับนักลงทุน การทำความเข้าใจเป้าหมายของตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อที่จะตัดสินใจได้ว่าจะโต้คลื่นไปกับความผันผวนรายวัน หรือจะอดทนรอคอยการเติบโตตามแนวโน้มใหญ่ในระยะยาว
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
และแล้วก็เป็นไปตามคาดการณ์จากบทวิเคราะห์เมื่อวาน จากที่เราคุยกันว่าราคาทองคำกำลังอยู่บนทางแยกสำคัญที่แนวรับ $3,345 และมีโอกาสเป็นไปได้สองทาง สุดท้ายตลาดก็ได้เลือกทางแล้ว โดยเป็นไปตามสถานการณ์ที่สอง หรือก็คือฝั่งกระทิงเริ่มถอยทัพอย่างชัดเจน
ภาพล่าสุดจากกราฟ 4 ชั่วโมงเฉลยทุกอย่าง เมื่อแรงขายสามารถทุบราคาทะลุแนวรับสำคัญที่ $3,345 ลงมาได้อย่างหมดจด ทำให้ภาพรวมในระยะสั้นตอนนี้กลับมาอยู่ในมือของฝั่งหมีอีกครั้ง โดยล่าสุดราคากำลังเคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ $3,334 ซึ่งเป็นการยืนยันว่าแนวรับที่เคยแข็งแกร่งได้แปรเปลี่ยนสถานะกลายเป็นแนวต้านสำคัญด่านแรกไปเรียบร้อยแล้ว
การที่ราคาหลุดแนวรับนี้ลงมา ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าภาพขาขึ้นที่เกิดจาก Golden Cross ในวันก่อนหน้าได้ถูกทำลายลง และโมเมนตัมได้พลิกกลับเป็นฝั่งขาลงในระยะสั้นอย่างชัดเจน
เมื่อมองลึกลงไปที่อินดิเคเตอร์ประกอบ จะเห็นว่า RSI ยังคงหักหัวดิ่งลง บ่งชี้ว่าแรงซื้อได้แผ่วลงไปมากและยังไม่มีสัญญาณการกลับตัวที่ชัดเจน แต่ที่น่าสนใจคือ Stoch RSI ที่ตอนนี้ได้ดำดิ่งลงไปอยู่ในเขต Oversold หรือเขตขายมากเกินไป ซึ่งตรงนี้ตีความได้สองแง่ หนึ่งคือมันยืนยันว่าแรงขายนั้นหนักหน่วงและรุนแรงจริง ๆ แต่อีกแง่หนึ่ง มันก็เป็นสัญญาณเตือนว่าราคาอาจจะลงมาลึกเกินไปในระยะเวลาอันสั้น และอาจจะเกิดการ “ดีดกลับทางเทคนิค” หรือ Technical Rebound ขึ้นมาได้ทุกเมื่อ เพื่อลดความร้อนแรงของฝั่งขาย
ดังนั้นจุดที่เราต้องโฟกัสใน 24 ชั่วโมงข้างหน้าจึงเปลี่ยนจากแนวรับเดิม มาเป็นแนวรับถัดไปที่ราคากำลังจะลงไปทดสอบ นั่นก็คือแนวรับจากเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว EMA 200 ที่ปรากฏบนกราฟ ซึ่งอยู่ที่บริเวณ $3,325 พอดิบพอดี
สำหรับแผนการเทรดใน 24 ชั่วโมงข้างหน้าจึงต้องปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ จุดวัดใจสำคัญที่สุดตอนนี้คือโซน $3,325 ซึ่งเป็นแนวรับของความหวังฝั่งกระทิง หากราคาทองคำสามารถลงมาทดสอบแนวรับนี้แล้วยืนอยู่ได้ อาจจะด้วยการเกิดแท่งเทียนกลับตัวสวยๆ หรือเกิดแรงซื้อสู้กลับขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับ Stoch RSI ที่อยู่ต่ำสุดๆ แล้วเริ่มมีสัญญาณวกกลับ นี่อาจเป็นการสร้างฐานเพื่อดีดกลับระยะสั้น โดยมีเป้าหมายแรกคือการกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน $3,345 ที่เพิ่งหลุดลงมา
แต่หากการดีดกลับนี้ไม่มีแรงพอที่จะทะลุ $3,345 กลับขึ้นไปได้ ก็จะเป็นสัญญาณว่าการดีดครั้งนี้เป็นเพียงการเด้งเพื่อลงต่อเท่านั้น ในทางกลับกัน หากแนวรับ $3,325 เอาไม่อยู่และโดนทุบหลุดลงไปอีก ภาพจะยิ่งดูไม่ดีมากขึ้น เป้าหมายถัดไปที่ราคาจะดิ่งลงไปหาก็คือแนวรับถัดไปที่ระดับ $3,293 ทันที
สรุปสั้นๆ ตอนนี้ภาพรวมระยะสั้นเป็นขาลงชัดเจน ให้จับตาการทดสอบแนวรับ $3,325 เป็นหลัก หากยืนได้ก็ยังมีลุ้นเด้งกลับ แต่ถ้าหลุดเมื่อไหร่ ฝั่งหมีจะคุมเกมโดยสมบูรณ์ สำหรับคนมือว่าง การยืนดูอยู่ข้างสนามเพื่อรอความชัดเจนยังคงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด รอให้ตลาดแสดงปฏิกิริยาที่แนวรับนี้ให้ชัดเจนก่อน แล้วค่อยวางแผนเข้าเทรดก็ยังไม่สาย
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,325
$3,310
$3,293
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,345
$3,372
$3,400
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน