วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 30 ก.ค. 2568

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 30 กรกฏาคม 2568 บรรยากาศการลงทุนในตลาดทองคำกลับมาคึกคักเบาๆ หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา ราคาทองคำในตลาดโลกขยับบวกขึ้นมายืนแถวๆ 3,330 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้สำเร็จ คำถามคือ...อะไรเป็นแรงหนุนราคาทองคำอยู่ตอนนี้?
หลักๆ เลยมาจากราคาน้ำมันดิบที่ขยับตัวสูงขึ้น บวกกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ U.S. Treasury yields ที่แผ่วลงเล็กน้อย ซึ่งสองปัจจัยนี้มักจะเป็นเพื่อนรักกับราคาทองคำเสมอ แต่ในขณะเดียวกัน ค่าเงินดอลลาร์ก็ดันแข็งค่าขึ้นไปทำจุดสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ คอยเป็นแรงกดดันอยู่ห่างๆ เหมือนกัน เรียกได้ว่าเป็นการสู้กันของปัจจัยบวกและลบที่ค่อนข้างสูสี
แต่ไฮไลท์ที่แท้จริงที่ทุกคนทั่วโลกกำลังจับตาไม่กระพริบ คือการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FOMC ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ และจะรู้ผลในคำคืนนี้ตามเวลาในไทย พร้อมกับการแถลงข่าวของประธาน Fed อย่าง Jerome Powell ที่จะชี้ชะตาทิศทางตลาด ทุกคนคาดการณ์กันว่า Fed น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม แต่สิ่งที่ตลาดอยากได้ยินคือ สัญญาณอะไรบางอย่างจากปากของ Powell ว่า Fed อาจจะเริ่มใจอ่อนและมีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินลงในช่วงปลายปีนี้ หลังจากโดนประธานาธิบดี Trump ส่งซิกกดดันมาเป็นระยะๆ ซึ่งแค่คำพูดบางคำของ Powell ก็อาจจะทำให้ราคาทองคำพุ่งหรือดิ่งได้ในพริบตาเลยทีเดียวครับ
เศรษฐกิจอเมริกาแกร่งจริงหรือแค่เปลือก
ทีนี้มาดูที่ภาพรวมเศรษฐกิจอเมริกากันบ้าง ซึ่งตอนนี้เหมือนกำลังส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกันเองจนน่าปวดหัว เริ่มจากตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน หรือ JOLTS ที่เพิ่งประกาศออกมา ปรากฏว่าต่ำกว่าที่คาดการณ์กันไว้พอสมควร โดยลดลงเหลือ 7.44 ล้านตำแหน่ง จากที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะลดลงมาที่ 7.51 ล้านตำแหน่ง
ว่ากันง่ายๆ คือตลาดแรงงานเริ่มมีสัญญาณชะลอตัว ซึ่งตามทฤษฎีแล้ว ข่าวร้ายของเศรษฐกิจมักจะเป็นข่าวดีของทองคำ เพราะมันจะไปเพิ่มแรงกดดันให้ Fed ต้องรีบลดดอกเบี้ย แต่ที่น่าแปลกคือ ตลาดทองคำกลับนิ่งเฉยต่อข่าวดังกล่าว
ตัดภาพมาที่อีกหนึ่งตัวเลขสำคัญอย่างดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index) ที่กลับออกมาดีเกินคาด พุ่งขึ้นไปที่ 97.2 สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแค่ 95.9 เท่านั้น เรื่องนี้ Stephanie Guichard นักเศรษฐศาสตร์จาก The Conference Board บอกว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคเริ่มกลับมาทรงตัวได้แล้ว แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับสูงๆ ของปีที่แล้วอยู่ดี ความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นนี้เองที่มาลดเสน่ห์ของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลงไปชั่วคราว เพราะเมื่อคนรู้สึกมั่นคง ก็ไม่จำเป็นต้องวิ่งหาที่หลบภัย นี่คือความซับซ้อนของตลาดในตอนนี้ ที่มีทั้งข้อมูลที่ชี้ว่าเศรษฐกิจอาจจะแผ่วลง แต่ในขณะเดียวกันผู้คนก็ยังรู้สึกดีกับสภาพเศรษฐกิจอยู่ ทำให้ทิศทางของทองคำยังคงอึมครึมและแกว่งตัวในกรอบแคบๆ เพื่อรอดูความชัดเจนต่อไป
ส่องเป้าหมายใหญ่ กูรูชี้ชัด...ทองคำ 4,000 เหรียญ ไม่ใช่แค่ฝัน?
ท่ามกลางความไม่แน่นอนในระยะสั้น บรรดากูรูและนักวิเคราะห์ระดับโลกหลายคนกลับมองไปข้างหน้าด้วยมุมมองที่เป็นบวกอย่างมากกับทองคำ Fidelity International ออกมาให้ความเห็นผ่าน Ian Samson ว่าราคาทองคำมีโอกาสพุ่งไปแตะระดับ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ภายในสิ้นปี 2026 โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการที่ Fed จะต้องกลับเข้าสู่วัฏจักรการลดดอกเบี้ยในที่สุด รวมถึงการที่ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเดินหน้าสะสมทองคำเข้าเป็นทุนสำรองอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ความน่าดึงดูดของทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่จับต้องได้ จะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางปัญหาหนี้สาธารณะที่พอกพูนขึ้นทุกวัน แต่คนที่มองบวกยิ่งกว่านั้นคือ Aakash Doshi หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ทองคำของ State Street Investment Management ที่มองว่าทองคำมีศักยภาพที่จะกลับไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมและอาจพุ่งเข้าใกล้ 4,000 ดอลลาร์ได้ภายในสิ้นปีนี้เลยด้วยซ้ำ
ทีเด็ดของ Doshi อยู่ที่การเปลี่ยนมุมคิด เขาบอกว่าแทนที่เราจะถามว่าทำไมทองคำยังไม่ไปถึง 4,000 เหรียญเสียที ทั้งๆ ที่ขึ้นมาแล้ว 26% เราอาจจะต้องถามตัวเองว่า ทำไมราคาทองคำถึงไม่ร่วงลงไปต่ำกว่า 3,000 เหรียญ ทั้งๆ ที่ตลาดหุ้นทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลและความผันผวนของตลาดอยู่ในระดับต่ำสุดของปี นี่คือจุดที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่ซ่อนอยู่ของตลาดทองคำอย่างแท้จริง
บทสรุปและเกมต่อไปของนักลงทุนทองคำ
โดยสรุปแล้ว สถานการณ์ราคาทองคำในตอนนี้เปรียบเสมือนนักมวยที่กำลังยืนคุมเชิงอยู่กลางเวที ราคาป้วนเปี้ยนอยู่แถวแนวรับสำคัญที่ 3,300 ดอลลาร์ ซึ่ง Aakash Doshi มองว่าระดับ 3,000 ดอลลาร์ได้กลายเป็นฐานแนวรับใหม่ที่แข็งแกร่งไปแล้ว บรรยากาศในตลาดการเงินตอนนี้อาจดูเหมือนสดใส แต่ Doshi เรียกมันว่าเป็นเพียงการมองโลกในแง่ดีแค่ผิวเผิน นักลงทุนทองคำส่วนใหญ่กำลังรอตัวกระตุ้นสำคัญตัวต่อไป ซึ่งก็คือผลการประชุม Fed ในครั้งนี้นั่นเอง
Doshi คาดว่า Jerome Powell อาจจะใช้เวทีนี้เพื่อปูทางไปสู่การลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน และต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี ปัจจัยโครงสร้างระยะยาวที่สนับสนุนทองคำอย่างแท้จริงคือภาวะหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นมหาศาล และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่กำลังจะสูงขึ้นจากการทำข้อตกลงทางการค้าต่างๆ ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะที่เรียกว่า Stagflation คือเศรษฐกิจเติบโตช้าแต่เงินเฟ้อสูง
สภาพแวดล้อมแบบนี้เองที่จะทำให้ทองคำกลายเป็นเครื่องมือกระจายความเสี่ยงที่ทรงคุณค่า เพราะมันจะทำให้สินทรัพย์อย่างพันธบัตรมีความน่าสนใจลดลง ดังนั้น สำหรับนักลงทุนทองคำแล้ว กลยุทธ์การซื้อเมื่อราคาย่อตัว หรือ Buy on Dips ยังคงเป็นแนวทางที่น่าสนใจ และสิ่งที่ต้องจับตามากที่สุดในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า คือทุกถ้อยคำของ Jerome Powell เพราะนั่นจะเป็นตัวกำหนดเกมของราคาทองคำในระยะสั้นได้อย่างแท้จริง
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
จากที่เราได้วิเคราะห์กันไว้ว่าราคาทองคำมีโอกาสรีบาวด์หลังจากลงไปทดสอบฐานแนวรับสำคัญที่ $3,300 และอินดิเคเตอร์อย่าง RSI และ Stoch RSI เริ่มส่งสัญญาณกลับตัวจากเขต Oversold (ขายมากเกินไป) วันนี้ภาพที่เกิดขึ้นก็เป็นไปตามนั้นทุกประการ โดยแรงซื้อได้ผลักดันราคาให้ดีดตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการยืนยันว่าการวิเคราะห์ทางเทคนิคของเรามาถูกทาง และฐานแนวรับที่ $3,300 นั้นทำงานได้อย่างแข็งแกร่งจริงๆ
ณ ขณะนี้ ราคาได้เคลื่อนตัวขึ้นมาเผชิญหน้ากับด่านทดสอบที่สำคัญที่สุดในรอบนี้ นั่นก็คือโซนแนวต้านที่บริเวณ $3,338-$3,350 ซึ่งเป็นโซนที่มีนัยสำคัญทางเทคนิคสูงมาก เพราะเป็นจุดที่แนวรับเก่าซึ่งเพิ่งหลุดลงมา มาบรรจบกับเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว EMA 200 (เส้นสีส้ม) พอดิบพอดี การมาถึงของราคา ณ จุดนี้จึงเปรียบเสมือนการเข้าสู่สมรภูมิตัดสิน ว่าแรงซื้อที่ส่งขึ้นมาในการรีบาวด์รอบนี้ จะมีกำลังมากพอที่จะเอาชนะแรงขายที่ควบคุมแนวโน้มหลักอยู่หรือไม่
สำหรับแนวโน้มในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้าจากมุมมองเทคนิคล้วนๆ เราสามารถคาดการได้ 2 รูปแบบ คือหนึ่ง หากแรงซื้อไม่สามารถผลักดันราคาให้ทะลุและยืนเหนือแนวต้าน $3,350 ไปได้ หรือเกิดรูปแบบแท่งเทียนกลับตัวเป็นขาลง (Bearish Reversal Pattern) ในบริเวณนี้ ก็จะเป็นสัญญาณว่าแรงรีบาวด์ได้หมดลงแล้ว และราคามีโอกาสสูงที่จะถูกแรงขายตามแนวโน้มหลักกดดันให้ย่อตัวกลับลงไปทดสอบฐานแนวรับที่ $3,300 อีกครั้ง
แต่ในทางกลับกัน หากแรงซื้อแข็งแกร่งมากพอจนสามารถดันราคาให้ทะลุผ่านและปิดแท่ง 4 ชั่วโมงเหนือโซน $3,350 ได้อย่างเด็ดขาด ก็จะเป็นการทำลายโครงสร้างขาลงในระยะสั้น และเป็นสัญญาณบวกทางเทคนิคครั้งสำคัญ ที่จะเปิดทางให้ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นไปหาแนวต้านถัดไปที่บริเวณ $3,400-$3,415 ได้ ดังนั้น การเคลื่อนไหวของราคาที่บริเวณแนวต้าน $3,338-$3,350 นี้ คือจุดที่นักลงทุนทางเทคนิคต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดที่สุด เพราะจะเป็นตัวชี้วัดทิศทางของรอบต่อไปได้อย่างชัดเจน
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,325
$3,310
$3,300
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,338
$3,350
$3,372
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน