วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 29 พ.ย. 2567
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ตลาดทองคำโลกยังคงค่อนข้างทรงตัว โดยราคาทองคำ XAU/USD เคลื่อนไหวในกรอบแคบบริเวณ 2,645 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในเช้าวันนี้ ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากตลาดการเงินสหรัฐปิดทำการในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving) ขณะที่ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนราคาของโลหะมีค่าที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย แม้ว่าจะมีการปรับตัวลดลงในช่วงสามวันทำการที่ผ่านมา
บรรยากาศการลงทุนในตลาดโลกปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นในวันพฤหัสบดี โดยได้แรงหนุนส่วนหนึ่งจากข่าวการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและเลบานอนเป็นระยะเวลา 60 วัน ซึ่งช่วยบรรเทาความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตาม การยกระดับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทวีความรุนแรงขึ้น อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยพยุงให้ราคาทองคำยังคงยืนเหนือระดับจิตวิทยาสำคัญที่ 2,600 ดอลลาร์สหรัฐ
ประเด็นที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนทั่วโลกคือการประกาศนโยบายของประธานาธิบดีผู้ได้รับเลือกของสหรัฐ Donald Trump ที่ส่งสัญญาณคุกคามด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าต่อประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างจีน แคนาดา และเม็กซิโก การเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำถูกจำกัด เนื่องจากนักลงทุนเลือกที่จะถือครองดอลลาร์สหรัฐในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แหล่งข่าวที่อ้างอิงโดยสำนักข่าว Reuters รายงานว่า สถานการณ์ดังกล่าวได้ยกระดับความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากประเทศเหล่านี้ ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญต่อราคาทองคำในระยะกลางถึงระยะยาว
ภายหลังจากการแถลงนโยบายของ Trump ราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนต่อความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการคุกคามทางการค้าดังกล่าว อย่างไรก็ตาม พัฒนาการล่าสุดบ่งชี้ว่าประธานาธิบดีผู้ได้รับเลือกได้เริ่มผ่อนคลายท่าทีต่อแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญในภูมิภาคอเมริกาเหนือ
แม้ราคาทองคำฟื้นตัวกลับขึ้นมาอีกครั้งหลังจากรายงานการผ่อนคลายท่าทีทางการค้า และนักลงทุนทั่วโลกต่างจับตามองการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ โดยคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ข้อมูลจากตลาดแสดงให้เห็นถึงความน่าจะเป็นที่สูงถึง 70% สำหรับการตัดสินใจดังกล่าว ซึ่งปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากประมาณ 55% ในช่วงต้นสัปดาห์
การคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งอาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ และเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำในระยะถัดไป นักวิเคราะห์การตลาดหลายรายมองว่า การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการลงทุนทองคำ เนื่องจากทองคำมักถูกใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากการอ่อนค่าของสกุลเงินหลัก
สถาบันวิจัยชั้นนำเผย แนวโน้มราคาทองคำยังสดใสต่อเนื่องในปี 2025
ด้าน BCA Research สถาบันวิจัยชั้นนำระดับโลก ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อราคาทองคำในระยะกลางถึงระยะยาว โดย Roukaya Ibrahim นักวิเคราะห์กลยุทธ์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์ได้เสนอบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจในรายงานล่าสุด ระบุว่านโยบาย America-First ของว่าที่ประธานาธิบดีอย่าง Donald Trump แม้จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นและกดดันราคาทองคำในระยะสั้น แต่อาจส่งผลย้อนกลับในระยะยาวที่จะเป็นประโยชน์ต่อราคาทองคำ
Ibrahim อธิบายว่า การใช้มาตรการกดดันสูงสุด (Maximum Pressure) และกลยุทธ์ “Fire and Fury” ของรัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ จะเป็นแรงผลักดันสำคัญที่กระตุ้นให้ธนาคารกลางในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) พิจารณาเพิ่มสัดส่วนการถือครองทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ ปัจจัยนี้จะเป็นแรงสนับสนุนที่สำคัญต่อราคาทองคำในระยะยาว
BCA Research แนะนำให้นักลงทุนพิจารณาเข้าซื้อทองคำในจังหวะที่ราคาอ่อนตัว พร้อมคงคำแนะนำการลงทุนระยะยาว เนื่องจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายของ Trump จะเป็นปัจจัยสนับสนุนความต้องการทองคำอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การขาดดุลงบประมาณของสหรัฐที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุน เนื่องจากทองคำเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่มีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม Ibrahim ได้ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่สำคัญในตลาดทองคำสำหรับปี 2025 แม้ว่าราคาทองคำจะสามารถรักษาระดับแนวรับสำคัญไว้ได้ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐเริ่มวงจรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน แต่นโยบายของรัฐบาลใหม่ที่อาจกระตุ้นเงินเฟ้อ อาจส่งผลต่อการตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐและสร้างแรงกดดันต่อราคาทองคำได้
JPMorgan แนะกลยุทธ์การลงทุนปี 2025 เน้นทองคำและหุ้นโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระจายความเสี่ยง
Grace Peters หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนระดับโลกของ JPMorgan กล่าวว่า แม้อัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวสูงขึ้นและมีนโยบายใหม่ๆ เข้ามา แต่แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐในปีหน้ายังคงแข็งแกร่ง การลงทุนในทองคำและหุ้นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยลดความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนได้
Peters ระบุว่าความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อกำลังกลับมาอยู่ในความสนใจ แต่ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ โดยสังเกตได้จากแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของดัชนี PCE (Personal Consumption Expenditures) ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา รวมถึงการคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น
JPMorgan เพิ่งเผยแพร่มุมมองการลงทุนปี 2025 ภายใต้หัวข้อ “Building on Strength” โดยเน้นย้ำว่าเป้าหมายสำหรับปีหน้าควรเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งการลงทุนที่มีอยู่ พร้อมกับบริหารความเสี่ยงทั้งที่มีอยู่เดิมและที่อาจเกิดขึ้นใหม่
นักวิเคราะห์เตือนทองคำเสี่ยงหยุดสถิติปรับตัวขึ้น 9 เดือนติดต่อกัน
James Stanley นักกลยุทธ์ตลาดอาวุโสจาก Forex.com รายงานว่า ทองคำมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมานับตั้งแต่วิกฤตธนาคารระดับภูมิภาคในปี 2023 อย่างไรก็ตาม สถิติการปรับตัวขึ้น 9 เดือนติดต่อกันของโลหะมีค่าอาจเสี่ยงที่จะสิ้นสุดลงในช่วงสิ้นเดือนนี้
ราคาทองคำในตลาด Spot เพิ่มขึ้น 5.98% ในสัปดาห์ที่แล้ว แสดงให้เห็นถึงการตอบสนองอย่างชัดเจนจากฝ่ายซื้อหลังจากการอ่อนตัวลงในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน อย่างไรก็ตาม Stanley กล่าวว่าแรงหนุนส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะการยกระดับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ดึงดูดผู้ซื้อกลับเข้าสู่ตลาด
ราคาทองคำในตลาด Spot พุ่งขึ้นจาก 2,620 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในช่วงค่ำของวันพุธ ไปแตะระดับสูงสุดที่เกือบ 2,650 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดี ก่อนที่จะปรับตัวลดลงเมื่อวันดำเนินไป หากไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นในช่วงวันหยุด Thanksgiving ของสหรัฐและวันทำการสุดท้ายของเดือน สถิติการปรับตัวขึ้น 9 เดือนติดต่อกันซึ่งยาวนานที่สุดในรอบกว่า 24 ปีอาจจะสิ้นสุดลง
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
การวิเคราะห์ทางเทคนิคราคาทองคำในกรอบ 4 ชั่วโมงล่าสุด พบว่าราคามีการเคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัวออกด้านข้าง (Sideway) ในกรอบแคบระหว่าง 2,630-2,654 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
เมื่อดูจากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA แม้ราคาจะพยายามยืนเหนือ EMA 12, 26 แต่ยังคงไม่สามารถกลับไปยืนเหนือ EMA 200 ได้ แสดงถึงแนวโน้มในระยะกลางที่ยังคงอยู่ในขาลง
ดัชนี RSI ในกรอบ 4 ชั่วโมงเคลื่อนไหวในโซนกลางระหว่าง 40-60 แสดงให้เห็นว่าราคายังไม่อยู่ในภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือขายมากเกินไป (Oversold) ซึ่งสอดคล้องกับการแกว่งตัวในกรอบแคบของราคา
ในส่วนของระดับแนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง พบว่าแนวต้านแรกอยู่ที่ 2,654 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับเส้นค่าเฉลี่ย EMA 200 แนวต้านถัดไปที่ 2,673 และ $2,706 ดอลลาร์สหรัฐ ตามลำดับ
สำหรับแนวรับสำคัญนั้น แนวรับแรกอยู่ที่ 2,623 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของการย่อตัวครั้งล่าสุด และแนวรับถัดไปที่ 2,605 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่เคยมีแรงซื้อเข้ามาหนุนอย่างมีนัยสำคัญ
แนวโน้มการเคลื่อนไหวใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า คาดว่าราคาทองคำจะยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบระหว่าง 2,623-2,654 ดอลลาร์สหรัฐ โดยมีโอกาสที่จะทดสอบแนวรับที่ 2,623 ดอลลาร์สหรัฐก่อน หากราคาสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ อาจเห็นการฟื้นตัวกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 2,654 - 2,673 ดอลลาร์สหรัฐได้ แต่หากหลุดแนวรับดังกล่าว อาจเห็นการอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับถัดไปที่ 2,605 ดอลลาร์สหรัฐ
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,623
$2,605
$2,576
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,640
$2,654
$2,673
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน