วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 10 ธันวาคม 2568

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
สถานการณ์ราคาทองคำ XAUUSD เช้าวันนี้ยังค่อนข้างทรงตัว โดยราคาได้ปรับตัวลดลงมาซื้อขายใกล้ระดับ 4,210 ดอลลาร์ ปัจจัยหลักที่ทำให้นักลงทุนเทขายทำกำไรและชะลอการเข้าซื้อคือความกังวลต่อผลการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FOMC ที่จะเกิดขึ้นในวันนี้
แม้ว่าเครื่องมือ CME FedWatch Tool จะบ่งชี้ว่าตลาดให้ความน่าจะเป็นสูงถึง 90% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน โดยจะกดดันให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาอยู่ที่กรอบ 3.50% - 3.75% เพิ่มขึ้นจากความน่าจะเป็นที่ 71% ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา แต่สิ่งที่ตลาดกำลังระมัดระวังอย่างยิ่งคือสิ่งที่เรียกว่า Hawkish Cut
นักวิเคราะห์ประเมินว่าการลดดอกเบี้ยในครั้งนี้อาจไม่ได้เป็นข่าวดีสำหรับราคาทองคำในระยะสั้นอย่างที่คิด เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูงที่ Jerome Powell ประธานเฟด จะใช้เวทีการแถลงข่าวส่งสัญญาณที่เข้มงวด หรือ Hawkish ต่อทิศทางนโยบายในอนาคต
โดยอาจมีการระบุถึงความเป็นไปได้ที่จะ “หยุดพัก” การลดดอกเบี้ยชั่วคราวหลังจากรอบนี้
ซึ่ง Bill English อดีตผู้อำนวยการฝ่ายกิจการการเงินของเฟด และศาสตราจารย์จาก Yale ให้ความเห็นว่า ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้มากที่สุดคือการลดดอกเบี้ยที่มาพร้อมกับถ้อยแถลงว่าเฟดอาจจะพอแค่นี้สำหรับตอนนี้
ตัวเลขตลาดแรงงานแข็งแกร่งเกินคาด สกัดแรงซื้อทองคำ
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำยังคงติดอยู่ที่ระดับ 4,200 ดอลลาร์ และไม่สามารถดึงดูดแรงซื้อรอบใหม่ได้ คือตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงสะท้อนความแข็งแกร่ง
โดยเฉพาะข้อมูลจากรายงาน JOLTS (Job Openings and Labor Turnover Survey) ประจำเดือนตุลาคม ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายอดเปิดรับสมัครงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 7.66 ล้านตำแหน่ง สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงเหลือ 7.15 ล้านตำแหน่ง และสูงกว่าตัวเลขเดือนสิงหาคมที่ระดับ 7.23 ล้านตำแหน่ง
ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของตลาดแรงงานสหรัฐฯ แม้ว่าข้อมูลนี้จะเป็นตัวเลขย้อนหลังและล่าช้าเนื่องจากการปิดทำการของหน่วยงานรัฐบาลเป็นเวลา 43 วันก็ตาม แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้นักลงทุนเกิดความลังเลใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจไม่ได้ชะลอตัวลงเร็วอย่างที่คาดหวัง
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ราคาทองคำแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญตอบรับข่าว ในขณะที่พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี มีอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 4.15% และดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ในฝั่งของโลหะเงิน (Silver) กลับมีทิศทางที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยราคาพุ่งขึ้นทำสถิติใหม่ที่ 61.055 ดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ายังมีแรงซื้อทางเทคนิคที่แข็งแกร่งในกลุ่มโลหะมีค่า แต่นักลงทุนทองคำยังคงเลือกที่จะ wait and see เพื่อรอดูความชัดเจนจากถ้อยแถลงของเฟดเรื่องเงินเฟ้อที่ยังคงมีอยู่เสียก่อน
มุมมองระยะยาวและแรงหนุนจากธนาคารกลาง ท่ามกลางวิกฤตความเชื่อมั่น
แม้จะมีแรงกดดันในระยะสั้น แต่โครงสร้างพื้นฐานของราคาทองคำในระยะยาวยังคงดูแข็งแกร่ง โดย Richard Laterman ผู้จัดการพอร์ตการลงทุนจาก ReSolve Asset Management มองว่าการที่ราคาทองคำย่อตัวลงมาทดสอบแนวรับจิตวิทยาแถว 4,200 ดอลลาร์ ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย
หลังจากที่ราคาพุ่งขึ้นมามากกว่า 50% ในปีนี้ การพักตัวบ้างถือเป็นเรื่องปกติ แต่ปัจจัยขับเคลื่อนหลักยังคงทำงานอยู่ นั่นคือความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่แม้จะผ่อนคลายลงบ้างแต่ยังคงมีความเสี่ยงสูง
รวมถึงประเด็นเรื่องการด้อยค่าของเงินตราจากการใช้จ่ายภาครัฐที่เกินดุล ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้งสองพรรคการเมืองในวอชิงตันดูเหมือนจะเห็นพ้องต้องกัน
นอกจากนี้ แรงซื้อจากธนาคารกลางยังคงเป็นฐานรับที่สำคัญ ข้อมูลล่าสุดระบุว่าธนาคารกลางจีน (PBoC) ได้เข้าซื้อทองคำสะสมเพิ่มเป็นเดือนที่ 13 ติดต่อกัน โดยในเดือนที่ผ่านมามีการซื้อเพิ่มอีก 30,000 ทรอยออนซ์ ส่งผลให้ยอดถือครองรวมอยู่ที่ประมาณ 74.12 ล้านทรอยออนซ์ ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มทั่วโลกที่ธนาคารกลางต่างพยายามลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐฯ
Laterman ยังเสริมว่าในปี 2026 ตลาดกำลังมองไปถึงการลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้ง และเฟดอาจจำเป็นต้องใช้มาตรการ QE รอบใหม่เพื่อเติมสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ ซึ่งจะยิ่งทำให้เงินสดด้อยค่าลงและผลักดันให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำและสินทรัพย์ทางเลือกมากขึ้นเพื่อรักษามูลค่า
สัญญาณเตือนฟองสบู่ ปรากฏการณ์ Dual Rally ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในรอบ 50 ปี
สิ่งที่นักลงทุนต้องจับตามองเป็นพิเศษในขณะนี้ คือรายงานเตือนจาก Bank for International Settlements (BIS) ที่ชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติของตลาด เมื่อราคาทองคำและดัชนีหุ้น S&P 500 ปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดพร้อมกัน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบ 50 ปี
โดย Giulio Cornelli, Marco Jacopo Lombardi และ Andreas Schrimpf ผู้เขียนรายงานระบุว่า ทั้งสองสินทรัพย์กำลังเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่า “ภาวะฟองสบู่”
โดยในปีนี้ S&P 500 ปรับตัวขึ้นกว่า 16% แตะระดับ 6,850 จุด ขณะที่ทองคำพุ่งขึ้นกว่า 50% ทะลุ 4,200 ดอลลาร์
ประเด็นที่น่ากังวลคือ แรงขับเคลื่อนหลักของการพุ่งขึ้นครั้งนี้มาจากนักลงทุนรายย่อยที่มีพฤติกรรมแห่ตามกัน และกลัวการตกรถ (FOMO) ซึ่งต่างจากในอดีตที่ทองคำมักจะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนสถาบันเข้าซื้อเมื่อหุ้นตก
แต่ในครั้งนี้ ข้อมูลกระแสเงินทุนชี้ว่านักลงทุนรายย่อยกำลังซื้อทั้งหุ้นและทองคำสวนทางกับนักลงทุนสถาบันที่เริ่มชะลอการลงทุนหรือถอนเงินออก ซึ่ง BIS เตือนว่าหากเกิดการเทขาย ความผันผวนจะรุนแรงกว่าปกติมาก
ดังนั้น แม้พื้นฐานทองคำจะดีจากการลดดอกเบี้ยและการซื้อของธนาคารกลาง แต่นักลงทุนควรระมัดระวังความผันผวนที่เกิดจากภาวะ Overbought และแรงเก็งกำไรของรายย่อยที่อาจทำให้ราคาแกว่งตัวรุนแรงได้ทุกเมื่อ
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
กราฟราคาทองคำ ณ ปัจจุบันที่ระดับ 4,213 ดอลลาร์ ได้เริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยสิ่งที่น่าจับตามองที่สุดในขณะนี้คือพฤติกรรมของราคาที่ลงมาทดสอบแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาและทางเทคนิคบริเวณเส้น Fibonacci 61.8% ที่ระดับราคาประมาณ 4,195 ดอลลาร์ แล้วเกิดแรงซื้อกลับทันทีจนเกิดไส้เทียนด้านล่างยาว (Long Lower Shadow)
การที่ราคาสามารถดีดตัวกลับขึ้นมายืนเหนือโซน 4,200 ดอลลาร์ได้อย่างแข็งแกร่งเช่นนี้ เป็นเครื่องยืนยันว่าแนวรับดังกล่าวมีนัยสำคัญและตลาดยังคงมีความต้องการซื้อสะสมเมื่อราคาย่อตัว (Buy on Dip)
สัญญาณบวกที่สำคัญที่สุดในรอบ 24 ชั่วโมงข้างหน้านี้ มาจากสัญญาณของอินดิเคเตอร์ Stochastic RSI ซึ่งกำลังชี้หัวขึ้นด้วยความชันที่ค่อนข้างสูง
รูปแบบนี้ในทางเทคนิคถือเป็นสัญญาณ Buy Signal รอบใหม่ที่บ่งบอกว่าโมเมนตัมของแรงขายได้สิ้นสุดลงแล้ว และตลาดกำลังเข้าสู่รอบของการสะสมพลังเพื่อผลักดันราคาให้ปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง
โดยมีเป้าหมายระยะสั้นคือการขึ้นไปทดสอบบริเวณ 4,215-4,220 ดอลลาร์ หากสามารถเจาะผ่านด่านนี้ไปได้ จะเป็นการเปิดประตูสู่การทดสอบแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 4,230 ดอลลาร์
ดังนั้น ทิศทางแนวโน้มของราคาทองคำในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า จึงมีโอกาสสูงที่จะเห็นการแกว่งตัวในลักษณะ Sideway Up หรือค่อยๆ ไต่ระดับขึ้น โดยมีกรอบแนวรับสำคัญที่ห้ามหลุดคือบริเวณ 4,195 - 4,200 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม หากราคายังคงประคองตัวเหนือเส้น Trend Line สีดำและโซน Fibonacci นี้ได้ โอกาสที่กราฟจะดีดตัวกลับยังคงมีความเป็นไปได้สูงมาก
นักลงทุนที่ถือสถานะซื้อไว้จากโซนล่างควรถือครองสถานะต่อไป โดยใช้จุด Low ล่าสุดเป็นจุดตัดขาดทุนเพื่อจำกัดความเสี่ยง
ส่วนนักลงทุนระยะสั้น การย่อตัวลงมาใกล้ 4,210 ดอลลาร์ยังคงเป็นจังหวะที่น่าสนใจในการเข้าเก็งกำไรเพื่อลุ้นการดีดตัวตามสัญญาณของ Stochastic RSI ที่เพิ่งเริ่มรอบใหม่นี้

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$4,195
$4,175
$4,135
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$4,212
$4,230
$4,275
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน


