วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 9 ก.ค. 2568

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 9 กรกฏาคม 2568เปิดตลาดมาวันนี้หลายคนอาจจะใจหายใจคว่ำ เมื่อเห็นราคาทองคำ XAUUSD ดิ่งลงแรงกว่า 1% สาเหตุหลักที่กดดันราคาทองคำมาจากหลายปัจจัยที่เข้ามาพร้อมกัน อย่างแรกเลยคือค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่กลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง
นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หรือที่เรียกกันว่า Bond Yield ก็ดีดตัวสูงขึ้นเช่นกัน ยิ่งทำให้นักลงทุนรู้สึกว่าการถือทองคำซึ่งไม่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยนั้นน่าสนใจน้อยลงไปอีก สู้เอาเงินไปลงทุนในพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้นยังจะดีกว่า สถานการณ์นี้ทำให้ราคาทองคำล่าสุดขยับลงมาอยู่ที่ประมาณ $3,304 หลังจากเมื่อวานลงไปแตะระดับ $3,287 มาแล้ว
ที่น่าสนใจคือ แม้ว่าประธานาธิบดี Donald Trump จะประกาศเรื่องการเก็บภาษีนำเข้ากับประเทศคู่ค้าหลายประเทศ ซึ่งโดยปกติข่าวแบบนี้ควรจะทำให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยน่าสนใจขึ้น แต่ตลาดกลับมองต่างออกไป
นักลงทุนมองว่าแม้จะมีการประกาศเก็บภาษี แต่ Trump ก็ได้เลื่อนกำหนดเวลาออกไปเป็นวันที่ 1 สิงหาคม ทำให้ตลาดคลายความกังวลในระยะสั้นและหันไปเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นแทน เห็นได้จากดัชนีหุ้นหลักๆ ของสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้า ตอนนี้นักลงทุนทั่วโลกต่างจับตารอการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่กำลังจะออกมา ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดทิศทางนโยบายการเงินและส่งผลต่อราคาทองคำโดยตรง
เจาะลึกพฤติกรรมนักลงทุน ทำไมคนยังแห่เก็บทองคำไว้กับตัว?
แม้ราคาทองคำในตลาดโลกจะมีความผันผวนในระยะสั้น แต่หากมองในภาพใหญ่จะเห็นว่าความต้องการทองคำในฐานะ “ที่หลบภัย” และ “เครื่องมือรักษามูลค่า” ยังคงแข็งแกร่ง ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือสถานการณ์ในประเทศตุรกี Mustafa Atayık ประธานหอการค้าอัญมณีแห่งอิสตันบูล (İKO) ประเมินว่า มีทองคำที่คนตุรกีเก็บไว้ตามบ้านหรือที่เรียกกันติดปากว่า “ทองใต้หมอน” มากถึง 5,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าสูงกว่า 5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว
เหตุผลสำคัญที่ทำให้คนยังเชื่อมั่นในการเก็บทองคำไว้กับตัวมากกว่าในระบบธนาคาร ก็เพราะความไม่ไว้วางใจในค่าเงินและสถาบันการเงินของประเทศ หลังจากที่ตุรกีต้องเผชิญกับวิกฤตค่าเงินลีราที่อ่อนค่าลงอย่างหนักและภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงจนน่าตกใจมานานหลายปี
ความต้องการทองคำที่ร้อนแรงเกินกว่าที่รัฐบาลจะควบคุมได้นี้ ทำให้เกิดปัญหาการลักลอบนำเข้าทองคำตามมาอย่างมหาศาล มีรายงานว่าแค่ช่วงต้นปี 2024 เจ้าหน้าที่สามารถยึดทองคำเถื่อนได้มากถึง 350 กิโลกรัม ซึ่งมากกว่า 60% ของปริมาณที่ยึดได้ตลอดทั้งปี 2023 เสียอีก สถานการณ์นี้ทำให้ราคาทองคำในตุรกีสูงกว่าราคาตลาดโลกถึง 7% หรือประมาณ $5,000 ต่อกิโลกรัม แม้ว่าโรงกษาปณ์ของตุรกีจะทำงานหนักตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ เพื่อผลิตทองคำให้เพียงพอต่อความต้องการ แต่ก็ยังไม่สามารถตามทันความต้องการซื้อที่ทะลักเข้ามาได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าในยามที่เศรษฐกิจไร้เสถียรภาพ ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ผู้คนไว้วางใจมากที่สุดเสมอ
เม็ดเงินมหาศาลไหลเข้ากองทุน ETF ทองคำ สะท้อนความเชื่อมั่น
ไม่ใช่แค่ความต้องการจากนักลงทุนรายย่อยเท่านั้นที่แข็งแกร่ง ในฝั่งของนักลงทุนสถาบันและรายใหญ่เองก็มีความต้องการทองคำสูงไม่แพ้กัน
ข้อมูลจากสภาทองคำโลก (World Gold Council) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 กองทุน ETF ทองคำทั่วโลกมีเม็ดเงินไหลเข้าสุทธิมากที่สุดในรอบ 5 ปี นับตั้งแต่ช่วงครึ่งแรกของปี 2020 โดยมีเงินทุนไหลเข้ามากถึง 3.8 หมื่นล้านดอลลาร์ ทำให้กองทุนเหล่านี้ต้องเข้าซื้อทองคำจริงมาเก็บไว้ในคลังเพิ่มขึ้นถึง 397.1 ตัน
ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนให้เม็ดเงินมหาศาลนี้ไหลเข้าสู่ตลาดทองคำก็คือสงครามการค้าที่เริ่มโดยนโยบายภาษีของ Donald Trump ซึ่งสร้างความผันผวนทางการเมืองและเศรษฐกิจไปทั่วโลก นักลงทุนจึงต้องโยกเงินเข้ามาพักในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำเพื่อลดความเสี่ยง
ที่น่าจับตาเป็นพิเศษคือนักลงทุนในฝั่งเอเชีย ที่แม้จะมีสัดส่วนสินทรัพย์ในกองทุน ETF ทั่วโลกเพียง 9% แต่กลับมีส่วนในการซื้อสุทธิถึง 28% ของยอดซื้อทั่วโลกในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งถือเป็นการซื้อในปริมาณที่เป็นสถิติใหม่
ปรากฏการณ์นี้ตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลกที่มีต่อทองคำ ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน และเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำโดยรวมยังคงเป็นเทรนด์ขาขึ้น แม้จะมีการปรับฐานในระยะสั้นบ้างก็ตาม
ส่องแนวโน้ม ทองจะพักฐานหรือไปต่อ?
คำถามสำคัญที่นักลงทุนอยากรู้ที่สุดในตอนนี้คือแล้วยังไงต่อ? การที่ราคาทองคำซื้อขายในกรอบแคบๆ มาพักหนึ่งแล้ว ทำให้หลายคนเริ่มไม่แน่ใจว่ารอบนี้จะไปต่อไหวหรือไม่ แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงมองว่านี่เป็นเพียง “การพักฐานเพื่อไปต่อ” ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของขาขึ้น
ปัจจัยสนับสนุนหลักๆ ยังคงอยู่ครบ ไม่ว่าจะเป็นการที่ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเดินหน้าซื้อทองคำเข้าเป็นทุนสำรองเพื่อลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์, ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงคุกรุ่น, และความกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ
ตราบใดที่ปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแกร่ง การย่อตัวของราคาในตอนนี้ถือเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนในการพิจารณาเข้าสะสมเพื่อเป้าหมายในระยะยาวมากกว่าจะเป็นสัญญาณอันตราย ตลาดกำลังรอปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระตุ้น ซึ่งหากมีความชัดเจนเรื่องการลดดอกเบี้ยของเฟดในอนาคต ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งตัวเร่งสำคัญที่พาราคาทองคำทะยานขึ้นไปอีกครั้งก็เป็นได้
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ภาพจากกราฟราคาทองคำล่าสุดแสดงให้เห็นถึงแรงเทขายที่กลับเข้ามาอย่างหนักหน่วง หลังจากที่ราคาพยายามไต่ระดับขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ $3,345 แต่ไม่สามารถผ่านไปได้ ทำให้เกิดแรงขายกดดันให้ราคาร่วงลงมาอย่างรุนแรง
และที่สำคัญคือราคได้หลุดแนวรับสำคัญที่เกิดจากกลุ่มเส้นค่าเฉลี่ย EMA บริเวณ $3,325-$3,329 ซึ่งเคยเป็นฐานที่แข็งแกร่งในรอบก่อนหน้าลงมาเรียบร้อยแล้ว การหลุดแนวรับสำคัญนี้ถือเป็นสัญญาณลบที่ชัดเจน บ่งบอกว่าโมเมนตัมของตลาดได้เปลี่ยนข้างกลับไปอยู่ในมือของฝั่งหมี (Bearish) อีกครั้ง
ดัชนี RSI ได้หักหัวดิ่งลงมาเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 อย่างชัดเจน สะท้อนว่าแรงขายได้เข้าอย่างเต็มที่ ขณะที่ Stochastic RSI ก็ได้ทิ้งตัวลงมาจากโซนซื้อมากเกินไป (Overbought) อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสัญญาณยืนยันถึงแรงเทขายที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ สิ่งที่น่ากังวลสำหรับฝั่งซื้อคือการที่เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น (EMA 12 และ 26) ได้ตัดเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว EMA 200 (เส้นสีส้ม) ลงมาแล้ว ทำให้ตอนนี้กลุ่มเส้นค่าเฉลี่ยทั้งหมดได้เปลี่ยนบทบาทจากแนวรับ กลายมาเป็นแนวต้านสำคัญที่กดดันราคาเอาไว้ ทำให้การฟื้นตัวกลับขึ้นไปทำได้ยากยิ่งขึ้น
สำหรับแนวโน้มในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า ด้วยแรงกดดันจากฝั่งขายที่ยังคงหนาแน่น ทำให้ทิศทางหลักยังคงเป็นการปรับตัวลง โดยมีเป้าหมายแรกอยู่ที่การลงไปทดสอบแนวรับสำคัญซึ่งเป็นระดับ Fibonacci 38.2% ที่บริเวณ $3,293 ซึ่งเป็นจุดที่เคยทำหน้าที่เป็นแนวรับที่แข็งแกร่งในอดีต หากราคายังคงมีแรงขายต่อเนื่องจนหลุดแนวรับนี้ไปได้ จะเป็นการเปิดทางให้ราคามุ่งหน้าลงสู่เป้าหมายถัดไปที่แนวรับบริเวณ $3,258-$3,260 ได้ไม่ยาก
อย่างไรก็ตาม หากราคาต้องการจะกลับมาดูดีอีกครั้ง จำเป็นต้องมีแรงซื้อกลับเข้ามาเพื่อผลักดันให้ราคากลับไปยืนเหนือโซนแนวต้านที่บริเวณ $3,325 ให้ได้เสียก่อน ซึ่งในตอนนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก ดังนั้น โดยสรุปภาพรวมในระยะสั้นนี้ ฝั่งหมีได้กลับมาคุมเกมอย่างชัดเจน และทิศทางที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือการย่อตัวลงเพื่อทดสอบแนวรับสำคัญที่ $3,293
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,293
$3,256
$3,227
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,325
$3,344
$3,372
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน