วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 29 ก.ค. 2568

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 29 กรกฏาคม 2568 ใครที่จับตาราคาทองคำอยู่คงใจหายใจคว่ำกันน่าดู เพราะราคาทองคำปรับตัวลงแรงอย่างเห็นได้ชัด ทำจุดต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ลงไปแตะระดับต่ำสุดที่บริเวณ $3,300 ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นได้เล็กน้อยมาอยู่ที่ $3,313 ในช่วงเช้าวันนี้
ดอลลาร์แข็งโป๊ก ดีลการค้า และการประชุมที่ต้องจับตา
อย่างแรกที่ต้องพูดถึงเลยคือตัวการหลักที่กดดันราคาทองคำตอนนี้ นั่นคือการแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วของดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ต้องเข้าใจก่อนว่าทองคำกับดอลลาร์มักจะเดินสวนทางกันเหมือนไม้เบื่อไม้เมา เมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น การซื้อทองคำด้วยสกุลเงินอื่นก็จะแพงขึ้นโดยอัตโนมัติ ทำให้ความน่าสนใจของทองลดลง แล้วทำไมดอลลาร์ถึงกลับมาแข็งแกร่งได้ขนาดนี้?
คำตอบอยู่ที่ดีลการค้าล่าสุดระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) ที่ตกลงกันได้ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย EU จะต้องเจอกับกำแพงภาษี 15% สำหรับสินค้าส่งออกส่วนใหญ่ไปยังสหรัฐฯ ซึ่งตลาดมองว่าดีลนี้สหรัฐฯ ได้เปรียบเต็มๆ ค่าเงินยูโรเลยอ่อนยวบลงสวนทางกับดอลลาร์ที่พุ่งทะยานขึ้นมา
นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ U.S. Treasury yields ก็ขยับสูงขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 4.412% ซึ่งเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้ราคาทองคำอีกทางหนึ่ง เพราะการถือพันธบัตรให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ย ในขณะที่การถือทองคำไม่มีผลตอบแทนในส่วนนี้ สถานการณ์เหมือนนักลงทุนเริ่มเทขายสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ แล้วหันไปหาความเสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าแทน
ขณะเดียวกัน ข่าวที่สหรัฐฯ กับจีนมีแนวโน้มจะขยายเวลาพักรบสงครามการค้าออกไปอีก 3 เดือน ก็ยิ่งทำให้บรรยากาศการลงทุนดูผ่อนคลายมากขึ้นไปอีก แต่เรื่องยังไม่จบแค่นี้ เพราะกลางสัปดาห์นี้จะมีการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่นำโดยประธานอย่าง Jerome Powell แม้ตลาดจะคาดการณ์กันว่า Fed จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม แต่แรงกดดันมหาศาลจากประธานาธิบดี Trump ที่ต้องการให้ลดดอกเบี้ย ก็อาจทำให้ท่าทีของ Fed ในการแถลงข่าวเป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อทิศทางราคาทองคำในระยะต่อไปแน่นอน
เบื้องลึกความจริง ทำไม Wall Street สบายดี แต่ชาวบ้านหนี้ท่วม?
ในขณะที่ตลาดหุ้นดูสดใสและเศรษฐกิจในภาพรวมเหมือนจะฟื้นตัว แต่ถ้าเรามองลึกลงไปในระดับครัวเรือนของชาวอเมริกันจริงๆ จะพบสัญญาณอันตรายที่น่าเป็นห่วงซ่อนอยู่
ข้อมูลล่าสุดจากบริษัทที่ปรึกษาด้านกฎหมายอย่าง LegalShield ชี้ให้เห็นว่า ดัชนีความเครียดทางการเงินของผู้บริโภค หรือ Consumer Stress Legal Index (CSLI) พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 5 ปี โดยเพิ่มขึ้นถึง 4.4% ในไตรมาสที่สองของปี 2025 นี้ ปัญหานี้มีรากฐานมาจากหนี้สินที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะปัญหาการยึดบ้านจากการผิดนัดชำระหนี้จำนองที่พุ่งขึ้นถึง 13.3% และเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าก็สูงขึ้นถึง 28.9% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นรายปีที่ชันที่สุดในรอบสามปี
Matt Layton ผู้บริหารของ LegalShield บอกว่าข้อมูลของพวกเขานั้นเป็นเหมือนสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้า เพราะมันมาจากเสียงของประชาชนจริงๆ ที่กำลังเดือดร้อนและโทรเข้ามาขอความช่วยเหลือในแต่ละวัน ไม่ใช่ข้อมูลสรุปรายไตรมาสของรัฐบาลที่มักจะออกมาทีหลังสถานการณ์เสมอ เขายังคาดการณ์อีกว่าข้อมูลจากภาครัฐที่จะออกมาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า จะแสดงให้เห็นถึงระดับหนี้สินภาคครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ ซึ่งสอดคล้องกับรายงานของธนาคารกลางนิวยอร์กที่บอกว่าหนี้ครัวเรือนรวมได้เพิ่มขึ้นไปแล้วกว่า 167 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2025
สิ่งที่น่ากังวลกว่านั้นคือ Layton มองว่าสถานการณ์ในปัจจุบันแตกต่างจากช่วงการระบาดของโควิดในปี 2020 ที่แม้ความเครียดจะพุ่งสูง แต่ก็ลดลงอย่างรวดเร็วหลังรัฐบาลอัดฉีดเงินช่วยเหลือและ Fed ลดดอกเบี้ยอย่างดุดันแต่ในครั้งนี้ แนวโน้มความเครียดกลับไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลย แม้ตลาดจะคาดหวังว่า Fed จะลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายน แต่ Layton ก็เตือนว่าการลดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวอาจไม่ใช่กระสุนที่จะแก้ไขทุกปัญหาได้ในทันที
สถานการณ์แบบนี้เองที่นักวิเคราะห์บางคนเรียกว่า Stagflation หรือภาวะที่เศรษฐกิจชะงักงันแต่เงินเฟ้อกลับสูงขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นผลบวกต่อราคาทองคำ เพราะเมื่อเงินเฟ้อสูง ค่าของเงินสดก็จะลดลง คนจึงหันมาถือทองคำเพื่อรักษามูลค่าของทรัพย์สิน
แล้วเราจะทำยังไง? ฟังมุมมองมหาเศรษฐี Ray Dalio
ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายนี้ หนึ่งในนักลงทุนระดับตำนานอย่าง Ray Dalio ผู้ก่อตั้ง Bridgewater Associates ได้ออกมาส่งเสียงเตือนถึงสุขภาพของเศรษฐกิจโลก โดยชี้ไปที่ปัญหาการใช้จ่ายเกินตัวของรัฐบาลที่ไม่อาจยั่งยืนได้ เขาเจาะจงไปที่สหรัฐฯ ซึ่งมีรายรับประมาณ 5 ล้านล้านดอลลาร์ แต่กลับมีรายจ่ายสูงถึง 7 ล้านล้านดอลลาร์ หรือใช้เงินมากกว่าที่หาได้ถึง 40% และหนี้สินที่สะสมก็พุ่งเกิน 37 ล้านล้านดอลลาร์ไปแล้ว
Ray Dalio แนะนำว่าในพอร์ตการลงทุนที่สมดุล ควรมีการจัดสรรสินทรัพย์ประมาณ 15% ไปยังสินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำหรือแม้แต่ Bitcoin เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเสื่อมค่าของเงิน เขาชี้ว่าทองคำได้กลายเป็นสินทรัพย์สำรองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก แซงหน้าเงินยูโรไปแล้วในปีนี้ แม้เขาจะมองว่า Bitcoin ยังไม่สามารถเทียบชั้นกับทองคำได้ เพราะธนาคารกลางทั่วโลกยังไม่ยอมรับมันเป็นสินทรัพย์สำรองอย่างเป็นทางการ แต่หัวใจสำคัญที่เขาต้องการจะสื่อก็คือ การถือครองสินทรัพย์ที่สามารถป้องกันการอ่อนค่าของเงินได้เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในสภาวะเช่นนี้ เพราะไม่ว่าจะเป็นดอลลาร์ ยูโร หรือเงินสกุลหลักอื่นๆ ก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในแนวโน้มที่จะเสื่อมค่าลงเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ที่จับต้องได้และมีอยู่อย่างจำกัดอย่างทองคำนั่นเอง
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
หลังจากที่ราคาได้หลุดแนวรับสำคัญอย่างเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว EMA 200 (เส้นสีส้ม) ลงมา แรงขายก็ถาโถมต่อเนื่องจนพาราคาดิ่งลงไปทดสอบเป้าหมายที่เราให้ไว้ที่ $3,310 จนเกือบไปแตะแนวรับ Fibo สำคัญที่ $3,293 ก่อนที่จะเกิดแรงซื้อเข้ามาพยุงราคาและเกิดการดีดตัวกลับขึ้นมาอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน
การที่ราคาเด้งขึ้นจากแนวรับ $3,300 อย่างชัดเจนนั้นเป็นการยืนยันว่าระดับราคานี้มีความสำคัญทางเทคนิคสูงมาก และกลายเป็นฐานแนวรับที่แข็งแกร่งที่สุดในระยะสั้นไปโดยปริยาย
เมื่อมองลงไปในอินดิเคเตอร์ทางเทคนิค เราจะเริ่มเห็นสัญญาณของการพักรบหรือการรีบาวด์ทางเทคนิคที่ชัดเจนขึ้น จากที่วันก่อน Stoch RSI ได้แช่อยู่ในโซน Oversold หรือเขตขายมากเกินไปเป็นเวลานาน ตอนนี้เราจะเห็นว่าเส้นสัญญาณได้ตัดกันและดีดตัวพุ่งขึ้นมาจากโซนต่ำสุดแล้ว ซึ่งนี่คือสัญญาณที่บ่งบอกว่าโมเมนตัมของแรงขายได้ชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ และกำลังมีแรงซื้อระยะสั้นเข้ามาในตลาด
สอดคล้องกับ RSI ที่เริ่มหักหัวขึ้นจากโซน Oversold เช่นกัน เป็นการยืนยันว่าตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงของการรีบาวด์เพื่อลดความร้อนแรงของขาลงในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การดีดตัวครั้งนี้ยังคงเป็นเพียงการรีบาวด์ทางเทคนิคในแนวโน้มขาลงที่ชัดเจนเท่านั้น ตราบใดที่ราคายังคงเคลื่อนไหวอยู่ใต้กลุ่มเส้นค่าเฉลี่ยทั้งหมด โดยเฉพาะเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว (สีส้ม) ที่ตอนนี้ทำหน้าที่เป็นแนวต้านหลัก ภาพใหญ่ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
สำหรับมุมมองและแนวโน้มใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า คาดว่าการรีบาวด์ครั้งนี้จะมีเป้าหมายเพื่อขึ้นไปทดสอบแนวต้านย่อยด่านแรกที่บริเวณ $3,325 ซึ่งเป็นแนวรับเก่าที่เพิ่งหลุดลงมา และหากแรงซื้อยังคงแข็งแกร่งพอ ก็มีโอกาสที่ราคาจะพยายามขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญของแนวโน้ม นั่นคือโซน $3,338-$3,350 บริเวณเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว (สีส้ม)
การเคลื่อนไหวของราคาในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้าจึงเปรียบเสมือนการต่อสู้กันระหว่างแรงซื้อที่ต้องการรีบาวด์กับแรงขายตามแนวโน้มหลักที่รออยู่บริเวณแนวต้าน หากราคาไม่สามารถกลับไปยืนเหนือ $3,350 ได้ ก็มีโอกาสสูงมากที่จะถูกแรงขายกดดันให้ย่อตัวกลับลงมาหาฐานแนวรับ $3,300 - $3,293 อีกครั้ง แต่หากสามารถทะลุผ่านแนวต้านสำคัญนี้ไปได้ ก็จะเป็นการส่งสัญญาณว่าโมเมนตัมอาจกำลังจะเปลี่ยนไป แต่ในขณะนี้ น้ำหนักยังคงเอนเอียงไปทางขาลงในภาพรวมมากกว่า การดีดตัวขึ้นจึงยังมองเป็นเพียงโอกาสในการหาจังหวะขายตามแนวโน้มหลัก มากกว่าที่จะเป็นการกลับตัวเป็นขาขึ้นรอบใหม่
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,310
$3,300
$3,293
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,325
$3,338
$3,350
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน