วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 30 พ.ค. 2567
![coverImg](https://tw.mitrade.com/cms_uploads/img/20230815/6b4b1b7e39a4e071354bae48bd970774.jpeg)
ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 30 พฤษภาคม 2567 ราคาทองคำปรับตัวลดลงประมาณ 1% เมื่อวันพฤหัสบดี โดยได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ที่แข็งค่าขึ้น รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้น ความคาดหวังที่ลดลงเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนกันยายน ส่งผลให้เกิดแรงขายต่อทองคำ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ ตามเครื่องมือ FedWatch ของ CME ขณะนี้ตลาดเห็นโอกาสเพียง 46% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน สะท้อนมุมมองที่ระมัดระวังของนักลงทุน
ปัจจัยกดดันราคาทองคำ
ตลาดกำลังจับตาดูตัวเลขประมาณการครั้งที่สองของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) สหรัฐฯ ไตรมาสแรกของปี 2024 ในวันนี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตแข็งแกร่งเกินคาด อาจหนุนค่าเงินดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องและกดดันราคาทองคำเพิ่มเติม นอกจากนี้ ตลาดยังให้ความสำคัญกับรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนเมษายน ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ โดยเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสนใจเป็นพิเศษ หากตัวเลขออกมาสูงกว่าคาด อาจเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดจำเป็นต้องคงดอกเบี้ยในระดับสูงเป็นระยะเวลานานขึ้น ซึ่งจะสร้างแรงกดดันเพิ่มเติมต่อราคาทองคำ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ พุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี สะท้อนความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับแรงกดดันเงินเฟ้อที่ยังคงมีอยู่และแนวโน้มที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงยาวนานขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ดีดตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนที่ 4.620% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะ 2 ปี อยู่ที่ 4.983% การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ส่งผลให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนอย่างทองคำ และหันไปลงทุนในพันธบัตรแทน
ขณะที่คำพูดของ Neel Kashkari ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส ที่ไม่ปฏิเสธโอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม ส่งผลให้ความรู้สึกในตลาดย่ำแย่ลงและหนุนให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น โดยดัชนีดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น 0.51% สู่ระดับ 105.164 ในวันพฤหัสบดี โดยค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งแกร่งเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันราคาทองคำเช่นกัน
ปัจจัยหนุนราคาทองคำ
อย่างไรก็ตาม มีบางปัจจัยที่อาจช่วยหนุนราคาทองคำในระยะสั้นถึงระยะกลาง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงมีอยู่ในตะวันออกกลาง และความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน อาจกระตุ้นให้นักลงทุนซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ แม้ว่าในมุมมองของ James Hyerczyk นักวิเคราะห์จาก FX Empire เห็นว่าทองคำกำลังดิ้นรนเพื่อรักษาสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากท่าทีแข็งกร้าวของเฟดและการคาดการณ์ที่ลดลงเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และการที่ราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือระดับแนวต้านสำคัญที่ 2,387.80 ดอลลาร์ในวันพุธ บ่งชี้ถึงแรงขายที่เพิ่มขึ้น เขาระบุว่าเพิ่มโอกาสที่ทองคำจะร่วงไปทดสอบแนวรับสำคัญที่ 2,325.46 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของสัปดาห์ที่แล้ว หากราคาหลุดแนวรับนี้ลงมา ก็อาจเข้าใกล้เส้นเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันที่ระดับ 2,321.25 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นแนวรับที่สำคัญยิ่งในกราฟรายวัน
อย่างไรก็ตาม ความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นจากธนาคารกลางทั่วโลก อาจช่วยพยุงราคาทองคำไม่ให้ร่วงลงมากนัก Nitesh Shah หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ WisdomTree เชื่อว่าตลาดทองคำได้รับประโยชน์จากความต้องการสะสมทองคำอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลาง ซึ่งทำให้ราคามีพื้นฐานรองรับที่มั่นคง เขาคาดว่าธนาคารกลางจะซื้อทองคำในช่วงที่ราคาร่วงลงทุกครั้ง เพื่อเก็บสะสมไว้ให้ได้มากที่สุดก่อนสิ้นปี
Shah ยังเห็นว่าความต้องการทองคำจากนักลงทุนรายย่อยชาวจีนก็จะช่วยหนุนราคาที่ระดับปัจจุบัน เขาอธิบายว่าไม่น่าแปลกใจที่ชาวจีนซื้อทองคำรวดเร็วเกือบเท่ากับธนาคารกลาง เนื่องจากมีตัวเลือกในการลงทุนอื่นน้อยมาก เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดหุ้นในจีนที่ซบเซา ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าดึงดูดสำหรับนักลงทุน
แม้ Shah จะมองบวกต่อทองคำในช่วงที่เหลือของปีนี้ แต่เขาก็ระบุว่าราคาทองยังขาดตัวเร่งปฏิกิริยาที่จะผลักดันให้ทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ เนื่องจากการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดที่ทำให้นักลงทุนชะลอการซื้อทองคำในช่วงนี้ เขามองว่าราคาทองจะดีดตัวขึ้นต่อเมื่อเฟดส่งสัญญาณชัดเจนว่าพร้อมปรับลดอัตราดอกเบี้ยและกลับสู่วงจรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ซึ่งตามมุมมองของเขา สิ่งนี้น่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มชะลอตัวลง
ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามอง
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางราคาทองคำในระยะสั้น ตลาดรอคอยรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนเมษายนที่จะประกาศในวันศุกร์ หากตัวเลขออกมาสูงกว่าคาด ก็จะตอกย้ำมุมมองที่ว่าเฟดจำเป็นต้องคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงนานขึ้น และอาจสร้างแรงกดดันเพิ่มเติมต่อราคาทองคำ นอกจากนี้ การประชุมของ FOMC ในวันที่ 12 มิถุนายน ก็จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงการปรับคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยผ่าน dot plot ซึ่งตลาดจะจับตาดูอย่างใกล้ชิด
อีกปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคือสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความขัดแย้งในตะวันออกกลางและความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน หากมีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้น ก็อาจกระตุ้นการซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และผลักดันให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นได้ในระยะสั้น
โดยสรุป แม้ราคาทองคำจะเผชิญกับปัจจัยกดดันในระยะสั้น ทั้งจากการคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งกว่าคาด ท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ยังไม่พร้อมปรับลดอัตราดอกเบี้ย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับเพิ่มขึ้น และการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ แต่ในขณะเดียวกัน ความต้องการซื้อทองคำอย่างต่อเนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลก การสะสมทองคำของนักลงทุนรายย่อยในจีน รวมถึงความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ จะช่วยหนุนราคาทองคำไม่ให้ร่วงลงมากนัก นอกจากนี้ การคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณชะลอตัว จะเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาทองคำในระยะกลางถึงระยะยาว
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
วิเคราะห์กราฟทองคำประจำวัน ราคาทองคำ Gold Spot เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (XAU/USD) ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง ราคาทองคำกำลังปรับตัวลงมาทดสอบฐานอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม จากการที่ราคาปรับตัวลงต่อเนื่องมาหลายแท่งเทียง และราคายังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยทั้ง 3 เส้น ยังคงบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาลงชัดเจน
ระดับราคาที่ต้องจับตาเป็นแนวต้านสำคัญ ได้แก่ บริเวณ $2,340 ซึ่งเป็นช่วงของเส้นค่าเฉลี่ย EMA 200 ยาวไปถึงบริเวณ $2,360 ที่เป็นโซน EMA 12 และ 26 โดยเฉพาะบริเวณ EMA 200 หากราคาดีดตัวขึ้นไปไม่ผ่านแนวต้านนี้อาจมีแรงขายกดดันกลับลงมา
ในทางกลับกัน ระดับแนวรับสำคัญที่อาจเป็นจุดหนุนราคา ได้แก่ บริเวณ $2,325 หากราคาร่วงหลุดแนวรับนี้ลงมาจะเป็นสัญญาณเชิงลบที่ชี้ให้เห็นความต่อเนื่องของแนวโน้มขาลง และมีโอกาสสูงที่จะลงทดสอบสอบแนวรับ $2,300 โดยมีแนวรับถัดไปที่ $2,277
เมื่อวิเคราะห์จาก RSI พบว่าเคลื่อนตัวอยู่เหนือโซน Oversold แต่ยังไม่มีสัญญาณ Bullish Divergence เกิดขึ้น ดังนั้น แม้ราคาอาจมีการดีดตัวขึ้นมาบ้างเป็นระยะสั้นๆ แต่แนวโน้มหลักยังคงเป็นขาลงอยู่ ทางด้าน Stoch RSI กลับลงมาอยู่ในโซน Oversold เช่นกัน สอดคล้องกับสัญญาณจาก RSI
สรุปแนวโน้มโดยภาพรวมใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า คาดว่าราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวลงได้ต่อ โดยหากไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญที่ $2,340 - $2,360 ขึ้นไปได้ แนวโน้มขาลงก็จะยังคงอยู่
ทั้งนี้ แม้ราคาอาจเกิดการดีดตัวขึ้นในระยะสั้นเป็นระยะๆ แต่ถ้ายังไม่สามารถผ่านกลับขึ้นไปเหนือแนวต้านสำคัญได้ ก็ยังถือเป็นการดีดตัวขึ้นมาเพื่อขายตามแนวโน้มหลักที่เป็นขาลง โดยต้องระวังแนวรับสำคัญที่ $2,325 และ $2,300 หากหลุดลงไป จะยิ่งเป็นการยืนยันแนวโน้มขาลงต่อไป
แนวรับ ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ $2,325 - $2,300
แนวต้าน ในวันนี้จะอยู่ที่บริเวณ $2,340 - $2,360
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน