วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 12 มิ.ย. 2568

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 12 มิถุนายน 2568 เปิดตลาดมาสายเทรดทองก็ยิ้มแฉ่ง ก็เมื่อวานนี้ราคาทองคำดีดตัวขึ้นกว่า 0.97% ทะยานไปแตะจุดสูงสุดระหว่างวันที่ 3,360 ดอลลาร์ บอกเลยว่าเป็นการเปิดฉากที่เดือดสุดๆ แล้วอะไรล่ะที่ทำให้ทองคำคึกเบอร์นี้? คำตอบก็คือตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ หรือว่า CPI (Consumer Price Index) ประจำเดือนพฤษภาคม ที่ออกมา “เย็น” กว่าที่ตลาดคาดการณ์กันไว้เยอะเลย
พูดง่ายๆ คือ อัตราเงินเฟ้อของอเมริกาไม่ได้พุ่งแรงอย่างที่กลัวกัน โดยตัวเลข CPI ทั่วไปเพิ่มขึ้นแค่ 0.1% เทียบกับเดือนเมษายนที่บวก 0.2% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์มองว่าจะบวก 0.2% ซะอีก
พอข่าวนี้ออกมาปุ๊บ นักลงทุนก็เหมือนได้เจอแสงสว่าง ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่สูงปรี๊ดจนทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ต้องคงดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงก็น้อยลงทันที ตลาดเลยกลับมาเดิมพันกันอีกครั้งว่า Fed อาจจะใจอ่อนยอมกลับมาลดดอกเบี้ยในช่วงเดือนกันยายนนี้ก็ได้ ซึ่งการลดดอกเบี้ยเนี่ยแหละที่เป็นของหวานชั้นดีสำหรับราคาทองคำ เพราะมันทำให้การถือครองทองคำน่าสนใจมากขึ้นเมื่อเทียบกับการถือสินทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยอื่นๆ นั่นเอง
ล้วงลึกตัวเลขเงินเฟ้อ เกมการเมือง และสิ่งที่นักวิเคราะห์กระซิบมา
ถ้าเรามาแกะดูไส้ในของตัวเลขเงินเฟ้อ จะเห็นภาพชัดขึ้นไปอีก เพราะไม่ใช่แค่เงินเฟ้อทั่วไปที่แผ่วลง แต่ “เงินเฟ้อพื้นฐาน” (Core CPI) ที่ไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวนหนักๆ ก็ออกมาต่ำกว่าคาดเหมือนกัน โดยเพิ่มขึ้นแค่ 0.1% ทั้งที่ตลาดเก็งกันว่าจะเพิ่มถึง 0.3% ข้อมูลนี้ยิ่งตอกย้ำว่าแรงกดดันด้านราคาสินค้าในอเมริกากำลังเริ่มคลายตัวจริงๆ แม้ว่าค่าเช่าบ้านจะยังคงเพิ่มขึ้น แต่ราคากลุ่มพลังงานกลับดิ่งลงมาช่วยฉุดภาพรวมไว้ได้
ประเด็นที่น่าสนใจจนนักวิเคราะห์ต้องหยิบมาพูดถึงคือ ราคารถยนต์มือหนึ่งและมือสองที่ดันปรับตัวลดลงในเดือนพฤษภาคม ซึ่งมันสวนทางกับที่หลายคนคิดว่าน่าจะแพงขึ้นเพราะสงครามกำแพงภาษี ทาง Jeffrey Roach หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ LPL Financial ถึงกับบอกว่าแปลกใจมาก และมองว่าบริษัทต่างๆ อาจจะกำลังแบกรับภาระต้นทุนภาษีเอาไว้เอง แต่ก็เตือนว่าอย่าหวังว่าพวกเขาจะยอมแบกไปตลอด!
ขณะที่ Eric Teal จาก Comerica Wealth Management ก็เสริมว่าผลกระทบจากกำแพงภาษียังไม่ถูกส่งผ่านมาถึงผู้บริโภคเต็มๆ แต่เชื่อว่าในที่สุดแล้วส่วนใหญ่ก็จะถูกผลักมาให้เราๆ ท่านๆ จ่ายอยู่ดี แต่ตอนนี้บริษัทต่างๆ ยังเล่นบทระมัดระวังตัวอยู่ ทั้งหมดนี้ทำให้นักลงทุนต้องจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจตัวต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ โดยเฉพาะดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และตัวเลขการจ้างงาน ที่จะเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นต่อไปในการคาดการณ์ท่าทีของ Fed
ไม่ใช่แค่เงินเฟ้อ! เมื่อ “รายใหญ่” ทั่วโลกกำลังไล่เก็บทองคำกันอย่างบ้าคลั่ง
อย่าเพิ่งคิดว่าราคาทองคำจะขึ้นลงเพราะเรื่องเงินเฟ้อกับดอกเบี้ยอย่างเดียว เพราะตอนนี้มีอีกเกมที่ใหญ่กว่านั้นกำลังดำเนินอยู่ นั่นก็คือ “เกมการเมืองและภูมิรัฐศาสตร์โลก” ที่กำลังระอุไม่แพ้กัน ความไม่แน่นอนในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่คอยพยุงราคาทองคำเอาไว้ แม้จะมีข่าวว่าทั้งสองฝ่ายได้ข้อสรุปในเบื้องต้นแล้ว แต่ก็ยังต้องรอการอนุมัติจากประธานาธิบดี Donald Trump และ Xi Jinping อยู่ดี ซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ
แต่ที่พีคยิ่งกว่านั้นคือรายงานล่าสุดจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลสุดช็อกว่าตอนนี้ทองคำได้แซงหน้าเงินยูโร ขึ้นแท่นเป็นสินทรัพย์สำรองอันดับ 2 ของโลกที่ธนาคารกลางทั่วโลกถือครองไปเรียบร้อยแล้ว เป็นรองก็แค่ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น
ปริมาณการซื้อทองคำของเหล่าธนาคารกลางพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในปี 2024 คิดเป็นสัดส่วนกว่า 20% ของความต้องการทองคำทั่วโลกเลยทีเดียว
มองไปข้างหน้า ราคาทองคำจะไปสุดที่ตรงไหน?
เมื่อเห็นภาพรวมทั้งหมดแล้ว คำถามสุดท้ายคือ “แล้วอนาคตราคาทองคำจะเป็นยังไงต่อ?” นักวิเคราะห์จาก Wells Fargo ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจมากๆ ในรายงานช่วงกลางปี 2025 โดยคาดการณ์ว่าความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์จะยังคงเป็นพระเอกที่ขับเคลื่อนราคาทองคำให้สูงขึ้นไปอีกอย่างน้อย 2 ปีข้างหน้า และคาดว่าราคาทองคำมีสิทธิ์พุ่งไปสร้างสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ได้ภายในปี 2026
อย่างไรก็ตาม Wells Fargo ก็เตือนสติเล็กน้อยว่าในระยะสั้นอาจจะมีการปรับฐานหรือ “ย่อตัว” ของราคาลงมาอยู่ในช่วง $3,000 - $3,200 ต่อออนซ์ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งพวกเขาแนะนำว่า “ให้รอซื้อตอนราคาย่อตัว” หรือที่สายเทรดเรียกกันว่า “Buy on Dips” นั่นเอง
และหลังจากผ่านช่วงปรับฐานไปแล้ว คาดว่าราคาทองคำจะกลับมาไต่ระดับขึ้นไปแตะที่ $3,600 ต่อออนซ์ได้ภายในสิ้นปี 2026 สรุปง่ายๆ คือ ภาพใหญ่ยังเป็นขาขึ้นแบบสวยๆ จากปัจจัยมหภาคที่แข็งแกร่ง ทั้งการที่ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเดินหน้าสะสมทองคำอย่างต่อเนื่อง และความไม่แน่นอนต่างๆ ที่ยังคงอยู่เต็มไปหมด ใครที่อยู่ในตลาดทองคำช่วงนี้บอกได้คำเดียวว่ามันส์และต้องจับตาทุกฝีก้าว เพราะทุกการเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจโลกมีผลต่อราคาทองคำในมือคุณอย่างแน่นอน
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
เมื่อวานเราคุยกันว่าตลาดกำลัง “รอเลือกข้าง” และกลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือการ “รอดูความชัดเจน” อยู่ในกรอบ $3,293 - $3,377 วันนี้ตลาดไม่ต้องให้เรารอนานอีกต่อไป เพราะฝั่งซื้อได้ออกมาเฉลยคำตอบ
จากภาพกราฟล่าสุด จะเห็นแท่งเทียนสีเขียวสดใสแท่งใหญ่เบิ้มที่ระเบิดพลังพุ่งทะยานขึ้นมาอย่างรุนแรง ทลายกรอบการแกว่งตัวที่อึดอัดมาหลายวัน เหมือนกระทิงที่ถูกขังไว้ในคอกได้พังประตูออกมาแล้ว ตอนนี้ราคากำลังยืนอยู่ที่ $3,374 ซึ่งก็คือแนวต้านสำคัญที่เราคุยกันไว้เป๊ะๆ ที่ $3,377 นั่นเอง ศึกครั้งนี้บอกเลยว่าเดือดสุดๆ
ถ้าเราซูมเข้าไปดูเหล่าอินดิเคเตอร์ จะเห็นเลยว่าเกมมันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากที่เมื่อวาน RSI ยังยืนงงๆ ทำหน้าเอ๋ออยู่แถวเส้น 50 วันนี้พี่แกดีดตัวขึ้นมาอย่างชัดเจน ทะลุแนว 60 ขึ้นไปแล้ว บ่งบอกว่าโมเมนตัมฝั่งซื้อได้กลับเข้ามาคุมเกมอย่างเต็มตัว
ส่วน Stoch RSI ที่เคยค้างอยู่โซน Overbought จนน่าเป็นห่วง ตอนนี้ได้ม้วนตัวกลับลงมาแล้วดีดขึ้นมารอบใหม่ด้วยท่าทีที่แข็งแกร่งกว่าเดิม นี่คือสัญญาณที่โคตรดีสำหรับฝั่งซื้อ เพราะมันหมายความว่าแรงซื้อรอบใหม่ได้ถูกเติมเข้ามาแล้ว ไม่ใช่แรงที่ใกล้จะหมดเหมือนเมื่อวาน เป็นการรีเซ็ตตัวเองเพื่อเตรียมพุ่งต่อ
สำหรับแนวโน้มในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า บอกได้เลยว่าภาพมันชัดกว่าเมื่อวานคนละเรื่อง ตอนนี้สายตาต้องจับจ้องไปที่แนวต้าน $3,377 ว่าฝั่งซื้อจะสามารถยืนระยะเหนือแนวนี้ได้อย่างมั่นคงหรือไม่
หากทำได้สำเร็จและปิดแท่งสวยๆ เหนือราคานี้ได้ ด่านต่อไปที่กระทิงต้องไปท้าชนก็คือแนวต้านถัดไปที่ $3,410 และถ้าผ่านไปได้อีกเป้าหมายต่อไปก็อยู่ไม่ไกลที่ $3,439
แต่...ในทางกลับกัน หากการทะลุครั้งนี้เป็นแค่การ “หลอกให้ดีใจ” (False Breakout) แล้วราคากลับอ่อนแรงมุดลงมาต่ำกว่า $3,377 อีกครั้ง นั่นจะเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่าแรงซื้อยังไม่แกร่งจริง และอาจโดนฝั่งหมี (ฝั่งขาย) ตบกลับลงไปเล่นในกรอบเดิมที่แนวรับ $3,322 ได้อีกครั้ง
สรุปสั้นๆ ตอนนี้คือเกมเปลี่ยนจากโหมด “รอดู” เมื่อวาน วันนี้กลายเป็นโหมด “กระทิงบุก” ที่ต้องลุ้นกันต่อว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน จุดชี้เป็นชี้ตายในระยะสั้นนี้อยู่ที่แนว $3,377 นี่แหละ ถ้ายืนได้มั่นคงก็เตรียมมองหาเป้าหมายถัดไปได้เลย แต่ถ้ายืนไม่อยู่ก็ต้องระวังการถูกเทขายทำกำไรอย่างรวดเร็ว ศึกครั้งนี้บอกเลยว่าห้ามกระพริบตาเด็ดขาด!
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,322
$3,293
$3,228
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,372
$3,410
$3,439
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน