วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 13 ส.ค. 2568

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
ราคาทองคำในตลาดโลกพยายามฟื้นตัวกลับขึ้นมาในช่วงเช้าของวันพุธที่ 13 สิงหาคม 2568 โดยขยับเข้าใกล้ระดับ 3,350 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง หลังจากที่ร่วงลงไปทดสอบแนวรับสำคัญบริเวณ 3,330 ดอลลาร์เมื่อวันที่ผ่านมา
การดีดตัวกลับขึ้นมานี้สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่กลับคืนมา ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่หนาหูขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด (Fed) อาจตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ซึ่งตลาดยังคงเฝ้ารอแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดอย่าง Austan Goolsbee และ Raphael Bostic ที่จะมีขึ้นในคืนวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางนโยบายการเงินที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
เงินเฟ้อร้อน จับสัญญาณลดดอกเบี้ยจากเฟด
แม้ว่าตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ประจำเดือนกรกฎาคมที่ประกาศออกมาล่าสุด จะดูเหมือนเป็นอุปสรรคต่อการปรับลดดอกเบี้ย แต่ตลาดกลับมีมุมมองที่แตกต่างออกไป
โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ ชี้ว่า ดัชนี CPI ทั่วไปเพิ่มขึ้น 2.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ แต่ในขณะเดียวกัน ดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงานซึ่งมีความผันผวนสูง กลับพุ่งขึ้นถึง 3.1% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.0% ตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานที่ยังคงอยู่ในระดับสูงเช่นนี้ โดยปกติแล้วอาจเป็นสัญญาณให้เฟดคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในปัจจุบันกลับซับซ้อนกว่านั้น นักลงทุนส่วนใหญ่ให้น้ำหนักกับข้อมูลภาคแรงงานที่เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลงมากกว่าตัวเลขเงินเฟ้อ ปรากฏการณ์นี้ทำให้นักลงทุนมองข้ามเงินเฟ้อที่ร้อนแรง และเพิ่มความคาดหวังว่าเฟดจำเป็นต้องเข้าพยุงเศรษฐกิจผ่านการลดดอกเบี้ย
เครื่องมือ CME FedWatch Tool สะท้อนมุมมองดังกล่าวอย่างชัดเจน โดยบ่งชี้ว่าเทรดเดอร์ได้เพิ่มโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนขึ้นเป็นประมาณ 67% แล้ว ซึ่งแนวโน้มการลดดอกเบี้ยนี้เองที่เป็นปัจจัยสำคัญในการกดดันค่าเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่าลง และส่งผลบวกโดยตรงต่อราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ อีกทั้งการลดดอกเบี้ยยังช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย ทำให้ทองคำมีความน่าดึงดูดใจมากยิ่งขึ้น
นักวิเคราะห์เสียงแตก เฟดจะเลือกอุ้มตลาดแรงงาน หรือ สู้เงินเฟ้อ
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างมุมมองที่แตกต่างกันในหมู่นักวิเคราะห์ชั้นนำ Jeffrey Roach หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก LPL Financial ให้ความเห็น ว่าแม้เงินเฟ้อพื้นฐานจะเร่งตัวขึ้น แต่ก็ไม่น่าจะหยุดยั้งการตัดสินใจลดดอกเบี้ยของเฟดได้ เขาเชื่อว่าเฟดกำลังให้ความสำคัญกับตลาดแรงงานที่อ่อนแอลงมากกว่า และคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะเข้าสู่ภาวะ “Stagflation-lite” หรือภาวะที่เศรษฐกิจเติบโตช้าแต่เงินเฟ้อยังสูง ซึ่งการลดดอกเบี้ยจะเป็นเครื่องมือที่เฟดเลือกใช้ในสถานการณ์เช่นนี้
ในทางกลับกัน Larry Tentarelli หัวหน้านักยุทธศาสตร์ทางเทคนิคของ Blue Chip Daily Trend Report มองว่าการที่เงินเฟ้อรายปีปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันสองเดือน ทำให้เป็นเรื่องยากที่เฟดจะหาเหตุผลมาสนับสนุนการลดดอกเบี้ยในเดือนกันยายนได้ เว้นเสียแต่ว่าตัวเลขตลาดแรงงานจะทรุดตัวลงอย่างหนักหน่วงในอีก 45 วันข้างหน้า
เขาเชื่อว่าหากเฟดต้องเลือกระหว่างการพยุงตลาดแรงงานกับการต่อสู้กับเงินเฟ้อ เฟดจะเลือกให้ความสำคัญกับตลาดแรงงานเป็นอันดับแรก ความเห็นที่แตกต่างกันนี้สะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนของนโยบายการเงินสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำยังคงมีความผันผวนต่อไป
ปัจจัยหนุนรอบด้าน คาดการณ์ราคาพุ่งทะลุ $3,500
นอกเหนือจากประเด็นเรื่องอัตราดอกเบี้ยแล้ว ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งในด้านอื่นๆ อีกด้วย
Ewa Manthey นักยุทธศาสตร์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์จาก ING ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำไว้อย่างน่าสนใจ โดยมองว่าราคาเฉลี่ยในไตรมาสที่สามของปี 2025 จะอยู่ที่ 3,400 ดอลลาร์ และไตรมาสที่สี่ที่ 3,450 ดอลลาร์ ยิ่งไปกว่านั้น ยังคาดว่าราคาอาจพุ่งทะยานผ่านระดับ 3,500 ดอลลาร์ได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2026
มุมมองเชิงบวกนี้มีพื้นฐานมาจากการคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยอย่างจริงจังกว่าที่ตลาดคาดไว้ ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของเฟดที่อาจถูกแทรกแซงจากการแต่งตั้งบุคคลโดยประธานาธิบดี Donald Trump ซึ่งอาจเป็นผลดีต่อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ขณะเดียวกัน แม้ว่าการที่ประธานาธิบดี Trump ตกลงชะลอการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนออกไปอีก 90 วัน จะช่วยลดความร้อนแรงของสงครามการค้าและอาจเป็นตัวจำกัดการปรับขึ้นของราคาทองคำอยู่บ้าง แต่ภาพรวมของปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ทั้งจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายและอุปสงค์ที่แท้จริง ยังคงเป็นรากฐานที่มั่นคงและเป็นแรงส่งสำคัญที่อาจผลักดันให้ราคาทองคำกลับไปสร้างสถิติสูงสุดใหม่ได้อีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ปัจจุบันราคาทองคำได้เคลื่อนตัวในกรอบแคบๆ หรือ Sideways โดยแกว่งตัวอยู่ระหว่างแนวรับจิตวิทยาที่บริเวณ 3,338 ดอลลาร์ และแนวต้านระยะสั้นที่ 3,350 ดอลลาร์ ลักษณะของแท่งเทียนในช่วงนี้มีขนาดเล็ก แสดงถึงความลังเลของตลาดอย่างชัดเจน เป็นภาวะที่แรงขายเริ่มชะลอตัวลงหลังจากกดราคาลงมาอย่างหนัก แต่ในขณะเดียวกันฝั่งซื้อก็ยังไม่มีพลังมากพอที่จะผลักดันให้ราคากลับขึ้นไปได้อย่างมีนัยสำคัญ
ในด้านของ Indicators สัญญาณ Stochastic RSI ที่เคยให้ความหวังกับการดีดตัว ได้เริ่มเคลื่อนที่ออกจากเขต Oversold แต่กลับสูญเสียโมเมนตัมและเคลื่อนตัวออกด้านข้างในโซนด้านล่าง บ่งชี้ว่าแรงซื้อที่เข้ามาเป็นเพียงแรงซื้อระยะสั้นเท่านั้นและได้แผ่วลงแล้ว
ขณะที่ดัชนีชี้วัดอย่าง RSI ยังคงเป็นเครื่องยืนยันว่าภาพรวมตลาดยังคงเป็นของฝั่งหมี โดยเส้น RSI ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 อย่างชัดเจน ซึ่งตอกย้ำว่าการแกว่งตัวขึ้นลงในกรอบแคบๆ นี้ เป็นเพียงการพักตัวของแนวโน้มขาลงเท่านั้น นอกจากนี้ กลุ่มเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (EMA) ที่ตัดกันลงมาและลาดชันลงเรื่อยๆ ก็ยังทำหน้าที่เป็นแนวต้านสำคัญที่คอยกดดันราคาอยู่ด้านบน ทำให้การฟื้นตัวเป็นไปได้ยาก
สำหรับแนวโน้มใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาพรวมทางเทคนิคยังคงให้น้ำหนักไปที่โอกาสในการปรับตัวลงต่อ การพักตัวในกรอบแคบนี้เปรียบเสมือนการสะสมพลังเพื่อรอการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ครั้งต่อไป จุดวัดใจที่สำคัญที่สุดคือแนวรับบริเวณ 3,338 ดอลลาร์ หากราคาทองคำไม่สามารถยืนอยู่เหนือระดับนี้ได้และมีแรงขายกดดันให้หลุดลงไป จะถือเป็นสัญญาณยืนยันการกลับเข้าสู่แนวโน้มขาลงอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่แนวรับถัดไปบริเวณ 3,325 ดอลลาร์
ในทางตรงกันข้าม หากฝั่งซื้อจะกลับมาคุมตลาดได้อีกครั้ง ต้องมีแรงซื้อมหาศาลเข้ามาผลักดันให้ราคาทะลุผ่านแนวต้าน 3,350 ดอลลาร์ และต่อเนื่องไปจนถึงแนวต้านสำคัญที่โซน 3,360-3,373 ดอลลาร์ให้ได้ ซึ่งตราบใดที่ราคายังไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านเหล่านี้ไปได้ ทุกการดีดตัวขึ้นจะยังคงถูกมองว่าเป็นโอกาสในการเข้าขายมากกว่า
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,338
$3,325
$3,310
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,350
$3,372
$3,400
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน