วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 2 ธันวาคม 2568

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำ XAUUSD ในช่วงเปิดตลาดเอเชียผ่อนลงจากความร้อนแรงเมื่อวานเล็กน้อย โดยเมื่อวานราคาได้ดีดตัวขึ้นไปทดสอบระดับ 4,263 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดในรอบเกือบ 6 สัปดาห์
ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนราคาในรอบนี้เกิดจากการตอบรับเชิงลบต่อข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาล่าสุด
โดยเฉพาะดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตที่จัดทำโดย Institute for Supply Management (ISM) ซึ่งตัวเลขเดือนพฤศจิกายนออกมาอยู่ที่ระดับ 48.2 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 48.6 และยังถือเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน
ตัวเลขที่ต่ำกว่าระดับ 50 นี้เป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่าภาคการผลิตของสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัวอย่างหนัก ทั้งในด้านคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงานที่ลดลง
Susan Spence ประธานคณะกรรมการสำรวจธุรกิจภาคการผลิตของ ISM ได้ชี้ให้เห็นว่าความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังคงกดดันภาพรวมอยู่
ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ทำให้นักลงทุนหันกลับมาถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำและโลหะเงินมากขึ้น ส่งผลให้ราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในทางเทคนิค และดูเหมือนว่าโมเมนตัมขาขึ้นนี้จะยังคงมีเสถียรภาพในระยะสั้น
เดิมพันดอกเบี้ยขาลงพุ่งแตะ 87% หลังตัวเลขเศรษฐกิจส่งสัญญาณอ่อนแรง
ผลพวงจากการเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่น่าผิดหวัง ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการคาดการณ์นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ
โดยเครื่องมือ CME FedWatch Tool บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักเทรดในตลาดให้ความน่าจะเป็นสูงถึง 87% ที่ Fed จะทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากสัปดาห์ก่อนหน้า
การที่ตลาดเทน้ำหนักไปที่การลดดอกเบี้ยนั้นเป็นปัจจัยบวกโดยตรงต่อราคาทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ย ดังนั้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง ต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำจึงลดลงตามไปด้วย ทำให้ทองคำมีความน่าสนใจมากกว่าการถือครองพันธบัตรหรือเงินดอลลาร์
David Meger ผู้อำนวยการฝ่ายการค้าโลหะของ High Ridge Futures ได้ให้ความเห็นที่น่าสนใจว่า สภาพแวดล้อมพื้นฐานที่ยังคงคาดหวังการลดดอกเบี้ย ประกอบกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่เหนือเป้าหมายของ Fed ยังคงเป็นแรงสนับสนุนหลักให้กับทั้งทองคำและโลหะเงิน
นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ที่ปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 4.1% รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับตลาดพันธบัตรของญี่ปุ่น ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเร่งที่ทำให้นักลงทุนทั่วโลกเกิดความกังวลและโยกเงินเข้าสู่ตลาดโลหะมีค่าเพื่อป้องกันความเสี่ยง
จับตาการเปลี่ยนผ่านขั้วอำนาจเฟด เมื่อนโยบายการเงินอาจถูกแทรกแซง
ประเด็นที่น่าจับตามองเป็นพิเศษและอาจส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในระยะยาว คือสถานการณ์ทางการเมืองและการเปลี่ยนผ่านตำแหน่งประธาน Fed
ล่าสุดมีรายงานว่าประธานาธิบดี Trump ได้ตัดสินใจเลือก Kevin Hassett ให้เป็นผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธาน Fed คนต่อไปต่อจาก Jerome Powell ซึ่งวาระจะสิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคมปีหน้า
การที่ Hassett ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของ Trump ได้รับการเสนอชื่อนั้น ตลาดตีความว่าอาจนำไปสู่นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นและเป็นมิตรต่อราคาสินทรัพย์ เนื่องจาก Trump มีความคาดหวังชัดเจนให้ผู้ดำรงตำแหน่งนี้สนับสนุนการลดอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นักลงทุนต้องระมัดระวังคือความขัดแย้งภายในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ที่เริ่มมีความเห็นแตกแยกกันมากขึ้น โดยเฉพาะในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ที่อาจมีการลงมติที่ไม่เป็นเอกฉันท์มากที่สุดในรอบหลายปี
งานวิจัยจาก Chicago Fed ชี้ให้เห็นว่า หากคณะกรรมการมีความเห็นที่แตกแยกกันมากเกินไป จะส่งผลให้การสื่อสารนโยบายการเงินขาดน้ำหนักและสร้างความสับสนให้กับตลาด
การที่ Fed ขาดความเป็นเอกภาพ อาจนำมาซึ่งความผันผวนของตลาดการเงิน และยิ่งเพิ่มความน่าดึงดูดให้กับทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่อิงกับความเสี่ยงของระบบการเงินเพียงอย่างเดียว
สัญญาณเตือนจากฝั่งเอเชียและภาวะตึงตัวในตลาดโลหะเงิน
แม้ภาพรวมจะเป็นขาขึ้น แต่ยังมีปัจจัยกดดันที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม นั่นคืออุปสงค์ทองคำที่ชะลอตัวลงในจีน
รายงานจาก Financial Times ระบุว่าร้านค้าปลีกทองคำรายใหญ่ได้ลดขนาดธุรกิจลง ขณะที่ผู้ขายรายย่อยประสบปัญหายอดขายตกต่ำเนื่องจากราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้นและภาระภาษีที่เพิ่มขึ้น
ซึ่งการลดลงของกำลังซื้อในตลาด Physical Gold ของจีนอาจเป็นปัจจัยฉุดรั้งไม่ให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้แรงเท่าที่ควร
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในตลาดโลหะเงินกลับดูแตกต่างออกไป โดยนักวิเคราะห์จาก Heraeus ระบุว่ากำลังเกิดภาวะ Short Squeeze ในตลาดเงินที่เซี่ยงไฮ้ สต็อกโลหะเงินใน Shanghai Futures Exchange (SHFE) ลดลงต่ำสุดในรอบ 10 ปี ซึ่งสะท้อนถึงภาวะอุปทานตึงตัวอย่างรุนแรง
สำหรับสัปดาห์นี้ นักลงทุนควรติดตามข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญอื่นๆ ที่กำลังจะทยอยประกาศออกมา โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (ISM Services PMI) ในวันพุธ รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ที่จะเป็นกุญแจสำคัญในการยืนยันทิศทางของราคาทองคำ
หากข้อมูลเหล่านี้ออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คาด อาจทำให้เงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าและกดดันราคาทองคำได้ในระยะสั้น แต่หากตัวเลขยังคงย้ำภาพการชะลอตัว ทางสะดวกสู่ระดับราคาที่สูงขึ้นของทองคำก็จะยังคงเปิดกว้างต่อไป
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ล่าสุดกราฟในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง (Timeframe 4H) แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่ผลักดันราคาให้พุ่งทะยานผ่านแนวต้านจิตวิทยาและแนวต้านทางเทคนิคขึ้นมาได้อย่างต่อเนื่อง
โดยปัจจุบันราคาทองคำเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับประมาณ 4,215 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการทำ Breakout ทะลุผ่านระดับ Fibonacci 61.8% ที่บริเวณ 4,212 ดอลลาร์ขึ้นมาได้สำเร็จ
การเคลื่อนไหวของราคาในขณะนี้กำลังวิ่งอยู่ภายในกรอบ Parallel Channel ขาขึ้นอย่างชัดเจน โดยแท่งเทียนล่าสุดยังคงมีลักษณะเป็น Bullish แม้ว่าจะเริ่มมีไส้เทียนด้านบนปรากฏให้เห็นบ้าง ซึ่งสะท้อนถึงแรงขายทำกำไรระยะสั้นที่กดลงมาเมื่อราคาเข้าใกล้กรอบบนของช่องคู่ขนาน
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ราคายังสามารถประคองตัวยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (EMA) และแนวรับ Fibonacci บริเวณ 4,212 ดอลลาร์ได้จนจบแท่งเทียน โครงสร้างขาขึ้นก็จะยังคงมีความแข็งแกร่งและได้เปรียบตลาดในระยะสั้น
ด้านอินดิเคเตอร์ เพื่อประเมินสถานการณ์ในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า เราเริ่มเห็นสัญญาณเตือนของการพักตัว หรือการย่อตัวระยะสั้น แม้ว่าภาพรวมจะเป็นขาขึ้นก็ตาม
โดยสังเกตจากเครื่องมือ Stochastic RSI ด้านล่างที่พุ่งขึ้นเข้าสู่เขต Overbought เหนือระดับ 80 ก่อนที่จะหักหัวลง
สอดคล้องกับดัชนี RSI ที่ไต่ระดับขึ้นสูงและลดตัวลงจากโซน Overbought เช่นกัน ทำให้พื้นที่ในการปรับตัวขึ้นต่อ (Upside) ในระยะสั้นเริ่มจำกัดลง นักลงทุนจึงควรระมัดระวังความผันผวนจากการเทขายทำกำไรของผู้เล่นระยะสั้นที่อาจเกิดขึ้นเมื่อราคาพยายามทดสอบแนวต้านถัดไป
สำหรับกลยุทธ์และแนวโน้มใน 24 ชั่วโมงถัดจากนี้ คาดการณ์ว่าราคาทองคำมีโอกาสที่จะแกว่งตัวออกด้านข้างหรือย่อตัวลงมาทดสอบแนวรับเพื่อสะสมกำลังใหม่ โดยมีด่านแนวรับสำคัญแรกที่ต้องจับตาคือบริเวณ 4,212 - 4,210 ดอลลาร์ ซึ่งเปลี่ยนสถานะจากแนวต้านเดิมมาเป็นแนวรับ
หากราคาย่อตัวลงมาแล้วยืนเหนือโซนนี้ได้ จะถือเป็นการยืนยันสัญญาณซื้อรอบใหม่เพื่อลุ้นดีดตัวกลับขึ้นไปทดสอบกรอบบนของ Channel บริเวณ 4,230 - 4,240 ดอลลาร์ แต่หากหลุดโซนนี้ลงมา แนวรับถัดไปจะรออยู่ที่บริเวณ 4,195 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นฐานราคาเดิม
ในทางตรงกันข้าม หากแรงซื้อยังคงมีและสามารถดันราคาปิดแท่ง 4 ชั่วโมงยืนเหนือ 4,216 ดอลลาร์ได้อย่างมั่นคง เราอาจได้เห็นราคาพุ่งขึ้นไปทดสอบแนวต้าน Fibonacci ถัดไปที่ 4,250 ดอลลาร์ได้ทันทีโดยไม่มีการพักตัว
ดังนั้น หัวใจสำคัญของการเทรดในวันนี้คือการรอจังหวะย่อซื้อ (Buy on Dip) ตามแนวโน้มหลัก โดยใช้แนว 4,212 เป็นเกณฑ์วัดใจสำคัญ

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$4,212
$4,195
$4,174
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$4,250
$4,276
$4,300
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน


