วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 16 ก.ย. 2568

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
ราคาทองคำ XAUUSD ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงเช้าของวันที่ 16 กันยายน 2568 หลังเปิดตลาดเอเชียมา ราคาทองคำก็พุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลอีกครั้ง แตะระดับ 3,689 ดอลลาร์สหรัฐ และมีแนวโน้มที่จะทะลุระดับ 3,700 ดอลลาร์สหรัฐ ในเร็วๆ นี้
ขณะที่บรรยากาศของนักลงทุนทั่วโลกต่างจับจ้องไปที่ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในวันนี้ ก่อนที่จะมีการประกาสอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้
ซึ่งตลาดคาดการณ์กันเป็นเสียงเดียวว่าเฟดจะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยการตัดสินใจครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ และส่งผลโดยตรงต่อทิศทางของราคาทองคำในระยะต่อไป
ปัจจัยบวกจากทั่วโลกหนุนราคาทองคำไม่หยุด
แม้ว่าการประชุมเฟดจะเป็นตัวแปรหลักที่ทุกคนให้ความสนใจ แต่ในภาพรวมตลาดยังมีปัจจัยบวกอื่นๆ เข้ามาสนับสนุนราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง
เริ่มตั้งแต่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเล็กน้อย ซึ่งโดยปกติแล้วเมื่อดอลลาร์อ่อนค่า จะทำให้ราคาทองคำในสกุลเงินอื่นถูกลง และจูงใจให้นักลงทุนเข้าซื้อมากขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นทะลุ 63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก็เป็นอีกแรงหนุนที่ส่งผลดีต่อสินทรัพย์โภคภัณฑ์อย่างทองคำเช่นกัน
นอกเหนือจากนี้ ยังมีสัญญาณบวกจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่กำลังดำเนินไปได้ด้วยดีในกรุงมาดริด ประเทศสเปน โดยรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ Bessent และประธานาธิบดี Trump ต่างออกมาแสดงความเชื่อมั่นถึงความคืบหน้าในเชิงบวก
ซึ่งหากทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้จริง จะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ และส่งผลให้ความต้องการทองคำ โดยเฉพาะจากฝั่งผู้บริโภคชาวจีนที่นิยมซื้อทองคำในรูปแบบเครื่องประดับ เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
อีกหนึ่งปัจจัยที่ไม่คาดคิดคือการที่ Fitch Ratings สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ได้ปรับลดอันดับเครดิตของประเทศฝรั่งเศสลงจาก AA- มาอยู่ที่ A+ โดยให้เหตุผลเรื่องหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้นและความไร้เสถียรภาพทางการเมือง ข่าวนี้ทำให้นักลงทุนบางส่วนหันกลับมาถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
เศรษฐกิจสหรัฐฯ สัญญาณอ่อนแอ กดดันเฟดต้องลดดอกเบี้ย
ในขณะที่ปัจจัยภายนอกค่อนข้างสดใส ตัวเลขเศรษฐกิจภายในของสหรัฐฯ กลับส่งสัญญาณที่น่ากังวล
โดยล่าสุดดัชนีภาคการผลิตของรัฐนิวยอร์ก (Empire State Manufacturing Survey) ซึ่งจัดทำโดยเฟดสาขานิวยอร์ก ได้ดิ่งลงอย่างรุนแรงสู่ระดับ -8.7 ในเดือนกันยายน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 5.0
ตัวเลขที่ออกมาแย่กว่าคาดการณ์นี้ สะท้อนให้เห็นว่ากิจกรรมทางธุรกิจในภูมิภาคกำลังหดตัวลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะคำสั่งซื้อใหม่และการจัดส่งสินค้าที่ลดลงอย่างน่าใจหาย
ข้อมูลนี้ยิ่งตอกย้ำแรงกดดันให้เฟดต้องตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ เพื่อประคองเศรษฐกิจที่เริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว
Robert Minter ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ ETF ของ abrdn ให้ความเห็นที่น่าสนใจ ว่าตลาดอาจได้เห็นเฟดตัดสินใจลดดอกเบี้ยแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 0.25% ก็เป็นได้
เขาชี้ว่าประธานเฟด Jerome Powell กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก เพราะต้องตัดสินใจโดยอิงจากข้อมูลเศรษฐกิจที่มักจะประกาศออกมาล่าช้า เหมือนกับการขับรถโดยมองแต่กระจกหลัง
ซึ่งล่าสุดมีการปรับปรุงตัวเลขการจ้างงานย้อนหลังครั้งใหญ่ที่พบว่าตัวเลขเดิมสูงเกินจริงไปเกือบหนึ่งล้านตำแหน่ง ด้วยเหตุนี้จึงมีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจจะสร้างความประหลาดใจให้ตลาดด้วยการลดดอกเบี้ยถึง 0.50% เพื่อแสดงความจริงจังในการรับมือกับความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้น
มุมมองนักลงทุน ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์น่าลงทุน
ท่ามกลางความผันผวนและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ Russ Koesterich ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของ BlackRock ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยังคงแนะนำให้นักลงทุนมีทองคำติดพอร์ตไว้
เขาให้เหตุผลว่าทองคำเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดหุ้นได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงกันยายน - พฤศจิกายน ที่โดยสถิติแล้วตลาดมักจะมีความผันผวนสูงกว่าปกติ เขามองว่าการถือครองทองคำในสัดส่วน 2% ถึง 4% ของพอร์ตการลงทุนเป็นระดับที่เหมาะสม และในช่วงสั้นนี้อาจพิจารณาเพิ่มสัดส่วนไปที่กรอบบนได้
โดยสรุปแล้ว ทิศทางราคาทองคำในวันนี้ยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี มีปัจจัยบวกหลายด้านเข้ามาสนับสนุน และที่สำคัญที่สุดคือแนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งจะเป็นแรงส่งสำคัญที่อาจผลักดันให้ราคาทองคำทะยานขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
จากสถานการณ์ล่าสุดในกราฟราย 4 ชั่วโมง จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอย่างยิ่ง จากเดิมที่ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบแบบ Sideway เพื่อรอดูสถานการณ์ ตอนนี้ราคาทองคำได้แสดงทิศทางที่ชัดเจนแล้ว โดยเกิดแท่งเทียนสีเขียวยาวทะลุผ่านกรอบแนวต้านสำคัญที่บริเวณ 3,655 ดอลลาร์ขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง การทะลุครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณกระทิงที่ชัดเจน บ่งชี้ว่าแรงซื้อได้กลับเข้ามาควบคุมตลาดอย่างเต็มตัวอีกครั้ง
เมื่อพิจารณาอินดิเคเตอร์ทางเทคนิค จะเห็นการยืนยันสัญญาณขาขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ราคาได้กลับขึ้นมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (EMA) ทั้งสองเส้นอย่างชัดเจน สะท้อนถึงโมเมนตัมเชิงบวกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในส่วนของดัชนี RSI ก็ได้พุ่งขึ้นมายืนในโซนบนเหนือระดับ 60 ซึ่งแสดงถึงกำลังซื้อที่แข็งแกร่ง ขณะที่ Stochastic RSI ได้ดีดตัวขึ้นสู่เขต Overbought (ซื้อมากเกินไป) อย่างรวดเร็ว ซึ่งแม้จะบ่งชี้ถึงความร้อนแรงของตลาด แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการยืนยันถึงความแข็งแกร่งของแนวโน้มขาขึ้นในรอบนี้ได้เป็นอย่างดี
สำหรับแนวโน้มในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาพรวมได้เปลี่ยนเป็นเชิงบวกอย่างชัดเจน กลยุทธ์การลงทุนจึงต้องปรับเปลี่ยนจากการ “รอดูสถานการณ์” มาเป็นการหาจังหวะเข้าซื้อตามแนวโน้ม หรือ “Buy on Dip”
โดยแนวต้านเดิมที่บริเวณ 3,680 และ 3,655 ดอลลาร์ ได้เปลี่ยนบทบาทมาเป็นแนวรับที่สำคัญหากราคามีการย่อตัวลงมาทดสอบบริเวณนี้และยังสามารถยืนอยู่ได้ จะถือเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ โดยมีเป้าหมายการขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 3,700 และ 3,725 ดอลลาร์ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรใช้ความระมัดระวังเนื่องจากอินดิเคเตอร์บางตัวเริ่มเข้าสู่ภาวะร้อนแรง ซึ่งอาจทำให้เกิดการย่อตัวหรือแกว่งตัวเพื่อพักฐานได้ แต่ตราบใดที่ราคายังไม่หลุดแนวรับสำคัญที่ 3,655 ดอลลาร์ลงไป ภาพรวมของแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้นนี้จะยังคงอยู่
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,655
$3,625
$3,600
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,680
$3,700
$3,725
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน