วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 4 ก.ค. 2568

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 4 กรกฏาคม 2568 ราคาทองคำ XAUUSD ปรับตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด สาเหตุหลักมาจากรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) ของสหรัฐอเมริกาที่ออกมาแข็งแกร่งเกินกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้มาก ตัวเลขที่แข็งแกร่งนี้ส่งผลโดยตรงให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นทันที และทำให้นักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่เชื่อว่า โอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกรกฎาคมนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย จากที่ราคาทองคำเคยขึ้นไปแตะระดับสูงสุดของวันที่ $3,365 ก็ร่วงลงมาเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับประมาณ $3,330 ในเช้านี้
โดยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายนไม่เพียงแค่ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ แต่ยังสูงกว่าตัวเลขของเดือนพฤษภาคมอีกด้วย สิ่งที่น่าสนใจคือ อัตราการว่างงานลดลงมาเข้าใกล้ระดับ 4% ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงร้อนแรงและแข็งแกร่งมาก
ข้อมูลนี้สวนทางกับรายงานการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP ที่ออกมาก่อนหน้า ซึ่งระบุว่าบริษัทเอกชนมีการจ้างงานลดลง ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นตามแรงหนุนของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ดีดตัวสูงขึ้น ตลาดซื้อขายล่วงหน้าสะท้อนให้เห็นว่าตอนนี้นักลงทุนมองว่าเฟดอาจจะลดดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งภายในสิ้นปี 2025 ซึ่งแตกต่างจากช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่เคยมองว่าจะมีการลดดอกเบี้ยถึง 65 bps
ข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นการตอกย้ำท่าทีของเฟดที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงต่อไป จนกว่าจะเห็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าตลาดแรงงานอ่อนตัวลงหรือเงินเฟ้อกลับมาลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีประเด็นจาก Scott Bessent รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ที่ประกาศว่าคาดว่าจะมีการทำข้อตกลงทางการค้าใหม่ๆ เกิดขึ้นตามมาอีก หลังจากที่เพิ่งประกาศข้อตกลงกับเวียดนามไป
ส่องตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำไมถึงฉุดราคาทองคำดิ่ง?
เมื่อเจาะลึกลงไปในรายละเอียด จะพบว่าตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำอย่างหนัก เริ่มจากตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ที่ประกาศออกมาอยู่ที่ 233,000 ราย ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 240,000 ราย ตัวเลขที่ต่ำกว่าคาดหมายถึงคนตกงานน้อยลง สะท้อนภาพตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งอีกครั้ง ทำให้ราคาทองคำปรับตัวลงทันทีหลังการประกาศข่าว
นอกจากนี้ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls) ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่สุด ก็แสดงให้เห็นว่ามีการจ้างงานเพิ่มขึ้นถึง 147,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 111,000 ตำแหน่งอย่างมาก
ไม่เพียงเท่านั้น อัตราการว่างงานยังลดลงเหลือ 4.1% จาก 4.2% ในเดือนก่อนหน้า สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.3% ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานของเดือนเมษายนและพฤษภาคมให้สูงขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย สะท้อนว่าภาพรวมตลาดแรงงานนั้นดีกว่าที่เคยประเมินไว้ในตอนแรก
ข้อมูลที่แข็งแกร่งทั้งหมดนี้ ส่งผลให้นักวิเคราะห์อย่าง Chris Zaccarelli ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ Northlight Asset Management มองว่า เฟดน่าจะยังไม่รีบลดดอกเบี้ย และอาจจะต้องรอไปจนถึงช่วงปลายไตรมาสที่สามหรือไตรมาสที่สี่เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางข่าวดีก็ยังมีมุมที่น่ากังวลซ่อนอยู่ โดยนักวิเคราะห์บางส่วนชี้ว่าการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมากนั้น มาจากการจ้างงานของภาครัฐเป็นส่วนใหญ่
กูรูมองต่างมุม ระยะสั้นอาจต้องเจ็บ แต่ระยะยาวยังน่าสะสม?
แม้ว่าในระยะสั้น ราคาทองคำจะถูกกดดันอย่างหนักจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ในมุมมองระยะยาว ผู้เชี่ยวชาญหลายคนยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อทองคำ Robert Minter ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ ETF ของบริษัทจัดการลงทุน abrdn ให้ความเห็นที่น่าสนใจว่า แม้ราคาทองคำจะกำลังพยายามหาฐานที่มั่นคงแถวๆ $3,300 แต่ก็ยากที่จะเห็นการอ่อนตัวลงอย่างรุนแรง เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญอย่างหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนแทบจะควบคุมไม่ได้
เขาชี้ให้เห็นว่า หนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ได้พุ่งทะลุ 37 ล้านล้านดอลลาร์ไปแล้ว และไม่ใช่แค่สหรัฐฯ เท่านั้น ประเทศในยุโรปก็มีการใช้จ่ายขาดดุลงบประมาณในอัตราที่ใกล้เคียงกัน Robert Minter ย้อนข้อมูลกลับไปตั้งแต่ปี 1993 และพบว่าปริมาณหนี้ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 900% ซึ่งเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในช่วงเวลาเดียวกัน
เขาให้เหตุผลว่า ทองคำคือสกุลเงินเดียวที่ไม่ได้เป็นหนี้ของใคร และการที่ราคาทองคำยืนอยู่เหนือระดับ $3,000 ได้นั้นสมเหตุสมผลอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับระดับหนี้สินทั่วโลก ดังนั้น เขาจึงเชื่อว่าโอกาสที่ราคาทองคำจะร่วงลงต่ำกว่า $3,000 อย่างมีนัยสำคัญนั้นเป็นไปได้ยากมาก และคาดว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะยังคงเข้าซื้อทองคำสะสมอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอัตราการซื้ออาจจะชะลอตัวลงบ้างก็ตาม
หนี้ท่วมโลก! ปัจจัยสำคัญที่อาจดันราคาทองคำพุ่งทะยานในอนาคต
สำหรับแนวโน้มในอนาคต Robert Minter มองว่า แม้ระยะสั้นจะมีความเสี่ยง แต่ทุกครั้งที่ราคาย่อตัวลงควรถูกมองว่าเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ เขาเชื่อว่าเฟดจะถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องลดอัตราดอกเบี้ยในที่สุด ตลาดพันธบัตรเองก็กำลังส่งสัญญาณว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันนั้นตึงตัวเกินไป และมีความเป็นไปได้สูงที่เฟดอาจจะต้องลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.50% ภายในปีนี้ และเมื่อการลดดอกเบี้ยเริ่มต้นขึ้น นั่นจะเป็นเหมือนการจุดชนวนให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นในรอบใหม่ โดยมีแรงหนุนจากการกลับเข้ามาของนักลงทุนในกองทุน ETF
หากใช้ภาพของปีที่แล้วเป็นแนวทาง เขาคาดการณ์ว่าราคาทองคำอาจพุ่งขึ้นได้ถึง $300 ต่อออนซ์เมื่อเฟดเริ่มวงจรการลดดอกเบี้ยอีกครั้ง ซึ่งอาจทำให้เราได้เห็นราคาทองคำเข้าใกล้ระดับ $3,700 ต่อออนซ์เลยทีเดียว
ดังนั้น สำหรับนักลงทุนแล้ว การจับตาสัญญาณจากเฟดอย่างใกล้ชิดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะนั่นคือตัวแปรที่จะกำหนดทิศทางของราคาทองคำในช่วงครึ่งหลังของปีนี้และในอนาคตต่อไป
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ต่อเนื่องจากบทวิเคราะห์ของวันก่อน ที่ได้มีการส่งสัญญาณเตือนถึงการพักตัวของราคาทองคำ วันนี้ภาพที่ปรากฏบนกราฟได้ยืนยันสัญญาณดังกล่าวอย่างชัดเจน โดยราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือแนวรับสำคัญบริเวณ $3,344-$3,335 ได้ ส่งผลให้มีแรงเทขายกดดันราคาให้ร่วงลงมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดราคาได้ลงมาทดสอบบริเวณ $3,330 ซึ่งเป็นที่ตั้งของแนวรับที่สำคัญที่สุดในรอบนี้ นั่นก็คือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว EMA 200 (เส้นสีส้ม)
เมื่อพิจารณาจากอินดิเคเตอร์ทางเทคนิค จะเห็นว่าภาพรวมได้เปลี่ยนเป็นฝั่งที่หมี (Bearish) เริ่มมีความได้เปรียบมากขึ้นอย่างชัดเจน โดยดัชนี RSI ได้ปรับตัวลดลงมาเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 เล็กน้อย ขณะที่ Stochastic RSI ก็ยังคงชี้หัวลงอย่างต่อเนื่องและเริ่มเข้าสู่เขตขายมากเกินไป (Oversold) บ่งชี้ว่ายังมีโอกาสที่แรงขายจะดำเนินต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง นอกจากนี้ การที่ราคาเคลื่อนไหวอยู่ใต้กลุ่มเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น (เส้นสีฟ้าและเขียว) ทำให้เส้นค่าเฉลี่ยเหล่านี้ได้เปลี่ยนบทบาทจากแนวรับกลายเป็นแนวต้านที่กดดันราคาอยู่ด้านบน ทำให้การฟื้นตัวกลับขึ้นไปในระยะสั้นนั้นทำได้ยากขึ้น
สำหรับแนวโน้มในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า จุดชี้ขาดที่สำคัญที่สุดอยู่ที่แนวรับ EMA 200 บริเวณ $3,329-$3,325 นี้ หากราคาทองคำไม่สามารถยืนอยู่เหนือแนวรับนี้ได้ และมีแท่งเทียนปิดต่ำกว่าระดับดังกล่าวอย่างสมบูรณ์ จะถือเป็นการทำลายโครงสร้างขาขึ้นในภาพระยะสั้นลงทันที และจะเป็นการเปิดทางให้ราคาปรับตัวลงไปหาเป้าหมายถัดไปที่แนวรับบริเวณ $3,293 ซึ่งเป็นระดับ Fibonacci 38.2% ที่มีความสำคัญ
หากแรงขายยังคงรุนแรง แนวรับถัดไปที่ต้องจับตาคือ $3,256 ในทางกลับกัน หากแนวรับ EMA 200 นี้ยังคงทำงานได้อย่างแข็งแกร่งและราคาสามารถดีดตัวกลับขึ้นไปได้ ก็อาจเห็นการพยายามกลับไปทดสอบแนวต้านที่เพิ่งหลุดลงมาบริเวณ $3,344 อีกครั้ง แต่ภาพรวมยังคงเสียเปรียบ
โดยสรุป ภาพรวมทางเทคนิคของราคาทองคำในขณะนี้ได้เปลี่ยนจากแนวโน้มขาขึ้นที่ชะลอตัว มาเป็นการทดสอบแนวรับสำคัญที่จะตัดสินทิศทางของแนวโน้มใหม่ทั้งหมด ปัจจัยที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดที่สุดคือการยืนของราคาที่เส้น EMA 200 บริเวณ $3,329 ซึ่งผลลัพธ์ของการทดสอบแนวรับนี้จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของราคาทองคำในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้าได้อย่างชัดเจนที่สุด
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,325
$3,293
$3,256
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,344
$3,372
$3,400
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน