วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 30 มิ.ย. 2568

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เปิดตลาดสัปดาห์ใหม่ ราคาทองคำ XAUUSD ก็ดิ่งลงมาถึงระดับ $3,247 ก่อนจะดีดตัวกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวแถวๆ $3,272 ในขณะนี้สาเหตุหลักๆ ที่กดดันราคาทองในรอบนี้มาจากบรรยากาศการลงทุนทั่วโลกที่กลับมาสดใสอีกครั้ง นักลงทุนรู้สึกเสี่ยงน้อยลง เลยพากันเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยออกมา แล้วหันไปหาการลงทุนที่เสี่ยงกว่าแต่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าแทน
เรื่องแรกเลยคือข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนเกี่ยวกับเรื่องการขนส่งแร่หายากที่ดูจะราบรื่นขึ้น ทำให้นักลงทุนใจชื้นขึ้นมาเปราะหนึ่ง ประกอบกับข่าวดีที่อิหร่านและอิสราเอลประกาศหยุดยิงกัน ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เคยเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำมาตลอด เริ่มคลี่คลายลงอย่างเห็นได้ชัด
Daniel Pavilonis นักกลยุทธ์การตลาดอาวุโสจาก RJO Futures บอกว่า การที่สถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์เริ่มเบาลง ถือเป็นโอกาสทองให้นักลงทุนที่เคยซื้อทองเก็บไว้เพราะกังวลสงคราม ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งกับจีน หรือสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ได้เริ่มเทขายทำกำไรกันออกมาบ้างแล้ว เพราะความเสี่ยงที่เคยมองไว้มันลดน้อยลงไป
แต่แน่นอนว่าตลาดการลงทุนไม่มีอะไรแน่นอน หากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความไม่แน่นอนทางการค้ากลับมาอีกครั้ง ไม่ว่าจะมาจากฝั่งไหนก็ตาม อาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางทั่วโลกกลับเข้ามาซื้อทองคำเพื่อเป็นทุนสำรองปลอดภัยอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้ความต้องการทองคำพุ่งสูงขึ้นได้เสมอ
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งสัญญาณแปลกๆ ตัวเลขขัดกันเอง ทองจะไปทางไหน?
แม้ราคาทองคำจะดูเป็นขาลง แต่ถ้ามองลึกลงไปในข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะเจอกับสัญญาณที่ขัดแย้งกันเองอยู่ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำผันผวนได้ในอนาคต อย่างแรกคือตัวเลขเงินเฟ้อที่ยังคงสูงอยู่ ล่าสุด ดัชนีราคาการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ให้ความสำคัญ ปรับตัวสูงขึ้น 2.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ปกติแล้วเงินเฟ้อสูงมักจะดีกับทองคำ แต่ครั้งนี้ตลาดกลับไม่ได้ตอบสนองในแง่บวกเท่าไหร่นัก เพราะนักลงทุนยังคงให้น้ำหนักกับปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ลดลงมากกว่า
แต่ในขณะเดียวกัน ข้อมูลอีกด้านกลับชี้ว่าการบริโภคของคนอเมริกันเริ่มแผ่วลงอย่างน่าเป็นห่วง รายได้ส่วนบุคคลลดลง 0.4% สวนทางกับที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ส่วนการใช้จ่ายส่วนบุคคลก็ลดลง 0.1% เช่นกัน สวนทางกับที่คาดว่าจะขยับขึ้น 0.1% นักเศรษฐศาสตร์บางคนมองว่านี่คือสัญญาณของภาวะ Stagflation หรือภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว แต่เงินเฟ้อกลับสูงขึ้น พูดง่ายๆ คือ “ของก็แพง แต่คนก็ไม่มีเงินจะซื้อ”
ซึ่งหากสถานการณ์นี้เกิดขึ้นจริง หลายคนมองว่ามันอาจเป็นสภาพแวดล้อมที่ “สมบูรณ์แบบ” สำหรับทองคำในระยะยาว เพราะคนจะหันมาถือทองเพื่อหนีจากความเสื่อมค่าของเงินและภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ นักเศรษฐศาสตร์จาก Wells Fargo ให้ความเห็นว่าข้อมูลนี้ชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มรู้สึกถึงผลกระทบจากกำแพงภาษีของประธานาธิบดี Donald Trump แล้ว
กูรูมองต่างมุม สรุปแนวรับสำคัญ และปัจจัยหนุนระยะยาว
เมื่อมองไปข้างหน้า นักวิเคราะห์หลายคนมีความเห็นที่แตกต่างกันออกไปในรายละเอียด แต่ภาพรวมค่อนข้างไปในทิศทางเดียวกันคือ ระยะสั้นอาจยังดูไม่สดใส แต่ระยะยาวยังมีปัจจัยบวกซ่อนอยู่
Jesse Colombo นักวิเคราะห์อิสระ มองว่าช่วงอีกสองสามเดือนนี้อาจเป็นช่วงที่ตลาดซบเซา และคาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบกว้างๆ ระหว่าง $3,200 ถึง $3,500 แต่เขาก็ไม่ได้กังวลกับการปรับฐานรอบนี้มากนัก เพราะปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริงยังคงแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นหนี้สาธารณะของรัฐบาลทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหนี้ของสหรัฐฯ ที่แตะระดับ 37 ล้านล้านดอลลาร์แล้ว รวมถึงการที่ปริมาณเงินในระบบ (M2 Money Supply) ทั่วโลกยังคงเติบโตอย่างมหาศาล ปัจจัยเหล่านี้จะยังคงเป็นแรงหนุนชั้นดีให้ราคาทองคำไปต่อได้ในระยะยาว
ทางด้าน Lukman Otunuga จาก FXTM มองว่าภาพรวมทางเทคนิคของทองคำเริ่มเป็นขาลง และหากราคายืนเหนือ $3,300 ไม่ได้ ก็อาจมีโอกาสลงไปทดสอบแนวรับที่ $3,250 หรือลึกกว่านั้นที่ระดับจิตวิทยา $3,200 ได้
ขณะที่ Robert Minter ผู้อำนวยการจาก abrdn คาดว่าราคาทองคำน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ไปอีกสักพัก ตราบใดที่เฟดยังคงนโยบายการเงินแบบเป็นกลาง ซึ่งล่าสุด Jerome Powell ประธานเฟด ก็ได้ย้ำต่อสภาคองเกรสว่า เฟดยังไม่รีบร้อนที่จะลดอัตราดอกเบี้ย แต่ Minter เชื่อว่าในที่สุดแล้วเฟดจะต้องลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.50% ก่อนสิ้นปีนี้ และนั่นจะเป็นจุดเริ่มต้นของการขึ้นรอบใหม่ของราคาทองคำ
โดยเขาเชื่อว่าทองคำมีแนวรับที่แข็งแกร่งมากเหนือระดับ $3,000 ซึ่งเป็นระดับราคาที่สมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับปริมาณหนี้ที่ถูกสร้างขึ้นมา นอกจากนี้ การที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องจนใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ทางเลือกมีความน่าสนใจมากขึ้น
สำหรับสัปดาห์นี้ แม้จะเป็นสัปดาห์ที่วันทำการซื้อขายสั้นลงเนื่องจากมีวันหยุดของฝั่งสหรัฐฯ แต่ก็มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการ, ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน (JOLTS), การจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP และที่สำคัญที่สุดคือตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm Payrolls) ซึ่งจะประกาศในวันพฤหัสบดีนี้ ตัวเลขเหล่านี้จะบ่งชี้ทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และอาจส่งผลให้ราคาทองคำมีความผันผวนสูงได้
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ราคาทองคำล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่แถวๆ $3,273 ซึ่งกำลังส่งสัญญาณขาลงชัดเจน หลังมีแรงเทขายหนักจนราคาทะลุแนวรับสำคัญลงมา เมื่อดูจากเครื่องมือทางเทคนิคต่างๆ แล้ว ชี้ว่าในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า ทิศทางขาลงยังคงดูได้เปรียบอยู่
เมื่อดูที่เส้นค่าเฉลี่ย EMA จะเห็นภาพชัดขึ้น ราคาได้หลุดเส้น EMA 200 (สีส้ม) ซึ่งเป็นเส้นแบ่งแนวโน้มสำคัญลงมาแล้ว ถือเป็นการยืนยันการเข้าสู่แนวโน้มขาลงเต็มตัว นอกจากนี้ เส้น EMA 12 (สีแดง) ก็ตัดต่ำกว่าเส้น EMA 26 (สีฟ้า) และเคลื่อนตัวอยู่ใต้เส้น EMA 200 ทั้งหมด ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าแรงขายตอนนี้กำลังคุมตลาดอยู่
แท่งเทียนก็ยืนยันถึงแรงขายที่หนักหน่วง ทำให้ราคาหลุดแนวรับสำคัญที่ $3,293 (Fibonacci 38.2%) ลงมาอย่างเด็ดขาด ซึ่งระดับนี้ก็ได้กลายเป็นแนวต้านสำคัญด่านแรกไปแล้ว หากราคาดีดตัวกลับขึ้นไป ก็อาจเจอแรงขายซ้ำที่บริเวณนี้ได้
ส่วนอินดิเคเตอร์อย่าง RSI ก็เคลื่อนตัวต่ำกว่าระดับ 50 มุ่งหน้าลงโซน Oversold (เขตขายมากเกินไป) ซึ่งสะท้อนโมเมนตัมฝั่งขายที่ยังแรงและยังไม่มีสัญญาณกลับตัวชัดๆ ในขณะที่ Stochastic RSI ลงไปในเขต Oversold เรียบร้อยแล้ว ซึ่งอาจทำให้การลงชะลอตัวหรือมีการดีดตัวสั้นๆ ได้ แต่ในแนวโน้มขาลงแบบนี้ การดีดตัวมักจะไปได้ไม่ไกล
โดยสรุป ในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาพรวมของทองคำยังเป็นขาลงอย่างชัดเจน ราคามีแนวโน้มจะเคลื่อนที่ลงไปทดสอบเป้าหมายแรกที่แนวรับ $3,228 และหากแรงขายยังคงต่อเนื่อง ก็อาจลงไปถึง $3,164 ได้ ส่วนการดีดตัวกลับจะเจอกับด่านสำคัญที่แนวต้าน $3,293 และแนวต้านใหญ่ที่ $3,325 ซึ่งคาดว่ายังผ่านไปได้ยากในระยะสั้นนี้ สัญญาณลบจะถูกทำลายก็ต่อเมื่อราคาสามารถกลับไปยืนเหนือ $3,325 ได้อย่างแข็งแรงเท่านั้น
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,256
$3,227
$3,163
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,293
$3,325
$3,344
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน