วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 5 ก.ย. 2568

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
ราคาทองคำ XAUUSD วันที่ผ่านมาเจอกับแรงเทขายทำกำไรเล็กน้อย หลังจากพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่เป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม การย่อตัวนี้อาจเป็นเพียงการพักฐานระยะสั้น เพื่อรอปัจจัยสำคัญที่จะเข้ามาชี้นำทิศทางตลาดในคืนนี้ ซึ่งอาจเป็นตัวกำหนดแนวโน้มของราคาทองคำไปตลอดทั้งเดือนกันยายนนี้เลยทีเดียว
ทองพักหายใจ นักลงทุนจับตารายงานจ้างงานสหรัฐฯ คืนนี้
บรรยากาศการลงทุนในตลาดทองคำวันนี้ดูเหมือนจะผ่อนคลายลงเล็กน้อย หลังจากที่ราคาทองคำพุ่งทะยานอย่างร้อนแรง โดยราคาทองคำได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ ขณะที่ราคาแร่เงินก็ทำสถิติสูงสุดในรอบ 14 ปี
แต่หัวใจสำคัญที่นักลงทุนทั่วโลกต่างจับจ้องในขณะนี้ คือการประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm Payrolls) ของสหรัฐ ซึ่งถือเป็นข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดประจำเดือน
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่ารายงานการจ้างงานในเดือนสิงหาคมจะสะท้อนภาพการเติบโตของตลาดแรงงานที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ช่วงการระบาดของโควิด-19 โดยคาดว่าจะมีตำแหน่งงานใหม่เพิ่มขึ้นเพียง 75,000 ตำแหน่ง ซึ่งนับเป็นเดือนที่สี่ติดต่อกันที่ตัวเลขต่ำกว่า 100,000 ตำแหน่ง
ขณะที่อัตราการว่างงานมีแนวโน้มจะขยับขึ้นไปอยู่ที่ 4.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2021 หากตัวเลขออกมาเป็นไปตามคาดการณ์ ก็จะเป็นการตอกย้ำและส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มสูงที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกโดยตรงต่อราคาทองคำ
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดี แต่ไม่สะเทือนตลาดทองคำ
แม้ว่าในช่วงคืนที่ผ่านมา จะมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ บางส่วนที่ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใด
ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ 227,000 ราย ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 232,000 ราย สะท้อนว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่บ้าง
นอกจากนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (Services PMI) จากสถาบัน ISM ก็ขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 52 ในเดือนสิงหาคม สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 50.5 ซึ่งในทางทฤษฎีแล้ว ข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีควรจะเป็นปัจจัยลบต่อทองคำ แต่ปฏิกิริยาของตลาดกลับมีเพียงการย่อตัวลงเล็กน้อยและสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้
สิ่งที่น่าสนใจคือเมื่อพิจารณาในรายละเอียดของรายงานดัชนีภาคบริการ จะพบว่ายังมีสัญญาณความอ่อนแอซ่อนอยู่ โดยดัชนีการจ้างงานยังคงหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม และดัชนีคำสั่งซื้อที่ยังไม่ส่งมอบ (Backlog of Orders) ก็ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 16 ปี
สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าตลาดไม่ได้มองเพียงแค่ตัวเลขพาดหัวข่าว แต่กำลังประเมินภาพรวมเศรษฐกิจที่แท้จริง ซึ่งยังคงเต็มไปด้วยความเปราะบาง และนั่นคือเหตุผลที่ตลาดให้น้ำหนักกับการรายงานตัวเลขการจ้างงานในคืนนี้มากกว่าข้อมูลอื่นๆ
มุมมองผู้เชี่ยวชาญ ปัจจัยสำคัญกำลังหนุนราคาทองคำให้ไปต่อ
ท่ามกลางความผันผวนของข้อมูลเศรษฐกิจ บรรดานักวิเคราะห์ระดับโลกยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มราคาทองคำในระยะยาว
Aakash Doshi หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ทองคำของ State Street Investment Management มองว่าการพุ่งขึ้นของทองคำในรอบนี้ยังมีโอกาสไปต่อได้อีกไกล โดยประเมินว่ามีความเป็นไปได้ 50% ที่ราคาทองคำจะไปถึง 3,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ภายในสิ้นเดือนนี้ และมองเป้าหมายที่ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2026
เขายังชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในตลาด โดยความต้องการลงทุนผ่านกองทุน ETF ทองคำกำลังเข้ามามีบทบาทแทนที่การซื้อของธนาคารกลางต่างๆ ซึ่งเป็นสัญญาณว่านักลงทุนรายย่อยและสถาบันกำลังหันมาหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว เงินเฟ้อสูง และหนี้สาธารณะที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สอดคล้องกับความเห็นของ Suki Cooper หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์ของธนาคาร Standard Chartered ที่คาดการณ์ว่าราคาทองคำโดยเฉลี่ยในไตรมาสที่ 4 จะอยู่ที่ประมาณ 3,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
เธอชี้ว่าปัจจัยขับเคลื่อนราคาทองคำในปัจจุบันมาจากหลายมิติ ทั้งความไม่แน่นอนของนโยบายภาษี การคาดการณ์การผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟด และความกังวลต่อปัญหาหนี้สินของสหรัฐฯ
จุดเด่นที่สำคัญ คือการที่ราคาทองคำไม่เพียงแต่ทำสถิติสูงสุดเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ แต่ยังแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ทั่วโลก แสดงให้เห็นถึงความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่เกิดขึ้นพร้อมกันทั่วโลก ซึ่งเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งอย่างยิ่งสำหรับแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาว
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
เมื่อวานนี้ ที่เราได้ชี้ให้เห็นถึงสัญญาณเตือนระยะสั้นจากดัชนี Stochastic RSI ที่เกิดภาวะ Bearish Crossover นั้น ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ตลาดได้ตอบสนองต่อสัญญาณดังกล่าวอย่างชัดเจน
โดยหลังจากที่ราคาทองคำได้พยายามไต่ระดับขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์อีกครั้งที่บริเวณประมาณ 3,580 ดอลลาร์ เราจะเห็นได้ว่าแรงซื้อเริ่มแผ่วลงอย่างมีนัยสำคัญและไม่สามารถยืนระยะอยู่ได้ จนเกิดแรงเทขายทำกำไรกดดันให้ราคาย่อตัวกลับลงมา
ภาพที่เกิดขึ้นนี้เป็นการยืนยันว่าการทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงก่อนหน้ากำลังเข้าสู่โหมดของการพักฐานเพื่อสะสมกำลัง ซึ่งเป็นพฤติกรรมปกติของตลาดที่แข็งแกร่งและจำเป็นต่อการขึ้นอย่างยั่งยืนในระยะต่อไป
เมื่อเจาะลึกลงไปในกราฟทางเทคนิคกรอบเวลา 4 ชั่วโมงล่าสุด จะพบสัญญาณที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจากเมื่อวานนี้
แม้ว่าราคาทองคำจะย่อตัวลงมาทดสอบแนวรับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (EMA) ระยะสั้นตามที่คาดการณ์ไว้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นฝั่งของอินดิเคเตอร์นั้นคือการส่งสัญญาณเชิงบวกที่ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะดัชนี Stochastic RSI ที่ได้ดิ่งตัวลงสู่เขตขายมากเกินไป (Oversold) และล่าสุดได้เกิดสัญญาณ Bullish Crossover หรือสัญญาณกลับตัวเป็นขาขึ้นในระยะสั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
บ่งชี้ว่าแรงขายได้เริ่มอ่อนกำลังลงจนหมด และโมเมนตัมกำลังจะเหวี่ยงกลับมาอยู่ฝั่งแรงซื้ออีกครั้ง สอดคล้องกับลักษณะของแท่งเทียนในช่วงล่าสุดที่มีขนาดเล็กลง ซึ่งสะท้อนถึงการต่อสู้ที่สมดุลระหว่างแรงซื้อและแรงขาย และเป็นสัญญาณว่าการปรับฐานอาจใกล้สิ้นสุดลงแล้ว
สำหรับแนวโน้มในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า สัญญาณ Bullish Crossover ที่เกิดขึ้นนี้ได้เพิ่มน้ำหนักให้กับโอกาสที่ราคาทองคำจะยุติการพักฐานและพยายามดีดตัวกลับขึ้นไป โดยมีแนวต้านแรกที่ต้องจับตาคือโซน 3,560 - 3,580 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นบริเวณจุดสูงสุดเดิม หากมีแรงซื้อหนุนส่งให้ราคาทะลุผ่านและยืนเหนือระดับนี้ไปได้ ก็จะเป็นการเปิดทางให้ราคากลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งอีกครั้ง
ในทางกลับกัน แนวรับสำคัญยังคงอยู่ที่บริเวณเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (EMA) ที่ระดับประมาณ 3,520 ดอลลาร์ และแนวรับทางจิตวิทยาโซน 3,500 ดอลลาร์ ตราบใดที่ราคายังไม่หลุดต่ำกว่าแนวรับเหล่านี้ ภาพรวมของแนวโน้มขาขึ้นก็ยังคงไม่เสียหาย
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้จึงยังคงเน้นการหาจังหวะ “เข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัว” (Buy on Dip) โดยอาจพิจารณาจากสัญญาณกลับตัวที่ชัดเจนบริเวณแนวรับสำคัญเป็นหลัก เนื่องจากภาพรวมตลาดยังคงอยู่ในสภาวะกระทิงอย่างเต็มตัว
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,520
$3,500
$3,480
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,550
$3,560
$3,580
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน