วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 25 ธันวาคม 2568

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
เปิดประเด็นกันที่สถานการณ์ตลาดการลงทุนประจำวันที่ 25 ธันวาคม 2025 ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกต่างจับตามองอย่างใกล้ชิด แม้ว่าจะเป็นวันหยุดของใครหลายคน แต่ตลาดโลหะมีค่านั้นไม่ได้หยุดความเคลื่อนไหวที่น่าตื่นเต้น
โดยล่าสุดราคาทองคำและโลหะเงินมีการปรับตัวลดลงเล็กน้อย หรือเรียกง่ายๆ ว่าอยู่ในสภาวะทรงตัวถึงอ่อนแอเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลมาจากแรงขายทำกำไรหลังจากที่ราคาได้พุ่งทะยานทำสถิติสูงสุดตลอดกาลไปเมื่อวานนี้
หากดูตัวเลขล่าสุด ราคาทองคำ XAUUSD ปรับตัวลดลงจากระดับสูงสุดมา 50 ดอลลาร์ โดยมาอยู่ที่ระดับ 4,479.00 ดอลลาร์ ขณะที่โลหะเงินขยับขึ้นเล็กน้อย มาอยู่ที่ 71.175 ดอลลาร์ ซึ่งสิ่งที่น่ากังวลสำหรับนักลงทุนรายย่อยในขณะนี้คืออาการ FOMO หรือความกลัวที่จะตกรถ จนทำให้หลายคนกระโจนเข้าใส่ตลาดในจังหวะที่ราคากำลังพีคสุดขีด ซึ่งเปรียบเสมือนการเล่นกับไฟและอาจทำให้เจ็บตัวได้ง่ายๆ
เมื่อข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีเกินคาด เจอกับแรงขายทำกำไร
สาเหตุสำคัญที่ฉุดรั้งราคาทองคำในวันนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของการขายทำกำไรทางเทคนิคเท่านั้น แต่ยังมาจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีเกินคาด โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 ธันวาคม อยู่ที่ 214,000 ราย ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 223,000 ราย
ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ยังคงมีความแข็งแกร่งอย่างมาก ซึ่งตามกลไกตลาดแล้ว เมื่อเศรษฐกิจดี ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำก็จะลดลงชั่วคราว ทำให้ราคาทองคำร่วงลงมาซื้อขายใกล้ระดับต่ำสุดของวัน
แพลตตินัม ม้ามืดนอกสายตานอกจากทองคำ และโลหะเงิน
ในขณะที่ทุกคนกำลังโฟกัสที่ราคาทองคำ แต่พระเอกตัวจริงที่สร้างผลตอบแทนได้สวยงามในปีนี้กลับเป็น “แพลตตินัม” ที่พุ่งทะยานทำสถิติสูงสุดตลอดกาลเหนือระดับ 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เป็นครั้งแรก
โดยในปี 2025 นี้ แพลตตินัมทำผลงานได้ร้อนแรงที่สุดด้วยการปรับตัวขึ้นกว่า 150% ซึ่งถือเป็นการปรับตัวขึ้นรายปีที่มากที่สุดนับตั้งแต่ Bloomberg เริ่มเก็บข้อมูลในปี 1987 ปัจจัยหลักมาจากการขาดดุลอุปทานติดต่อกันเป็นปีที่ 3 เนื่องจากปัญหาการหยุดชะงักของการผลิตในแอฟริกาใต้
ตัดกลับมาที่โลหะเงิน Charlie Morris ผู้ก่อตั้ง ByteTree ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจมาก โดยเขาเปรียบเทียบว่า ทองคำและ Bitcoin คือตัวพ่อ ในสินทรัพย์ประเภทของตัวเอง
แต่ “โลหะเงิน” คือ นักท่องเที่ยว ประโยคนี้มีความหมายลึกซึ้งว่า คุณควรมีทองคำและ Bitcoin ไว้ในพอร์ตเพื่อถือครองระยะยาว แต่สำหรับโลหะเงินนั้น คุณแค่มีมันเพื่อเก็งกำไรในระยะสั้นก็พอ เพราะโลหะเงินมักจะมาทีหลังและไปไวกว่า
อย่างไรก็ตาม หากทฤษฎีขาขึ้นของทองคำยังดำเนินต่อไป เป้าหมายของโลหะเงินอาจจะไปไกลถึง 175 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยคำนวณจากอัตราส่วนทองคำต่อเงิน (Gold-Silver Ratio) ที่ระดับ 40 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ดูสมเหตุสมผลหากราคาทองคำไปถึงเป้าหมายใหญ่ที่เขาวางไว้
ทฤษฎีการผลัดกันวิ่ง เมื่อทองคำคือสินทรัพย์โลกจริง และ Bitcoin คือสินทรัพย์โลกอินเทอร์เน็ต
ประเด็นที่น่าสนใจในวันนี้คือมุมมองของ Charlie Morris เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างทองคำ Bitcoin และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
เขาชี้ให้เห็นว่าในขณะที่ Bitcoin, AI และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงในปี 2026 ขาขึ้นของทองคำกลับยังมีแรงส่งต่อ ทฤษฎีของเขาคือ ทองคำและ Bitcoin ไม่ใช่คู่แข่งกัน แต่เป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่ไม่มีความสัมพันธ์กัน
โดยทองคำทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์สำรองของโลกแห่งความเป็นจริง ที่จะเคลื่อนไหวสอดคล้องกับพันธบัตรและเงินเฟ้อ ในขณะที่ Bitcoin ทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์สำรองของโลกอินเทอร์เน็ต ที่จะวิ่งไปพร้อมกับหุ้นเทคโนโลยี
สถานการณ์ปัจจุบันชี้ให้เห็นว่า หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและ AI กำลังอยู่ในภาวะฟองสบู่ที่ร้อนแรงเกินไปและอาจถึงเวลาต้องพักฐาน ซึ่งเงินทุนที่ไหลออกจากโลกอินเทอร์เน็ตนี้เองมีโอกาสที่จะไหลกลับเข้ามาสู่โลกแห่งความจริงอย่างทองคำ
Morris มองว่านักลงทุนสถาบันและ Wealth Management ทั่วโลกยังถือครองทองคำและ Bitcoin ในสัดส่วนที่น้อยมาก หรือที่เรียกว่า Underweight โดยเฉพาะ Bitcoin ที่แทบไม่มีอยู่ในพอร์ตของคนทั่วไปหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญเลย ส่วนใหญ่ยังอยู่ในมือของกองทุน Hedge Fund หรือนักเก็งกำไรรายใหญ่
นั่นหมายความว่า พื้นที่ในการเติบโตของราคายังมีอีกมหาศาลหากเงินทุนกระแสหลักเริ่มไหลเข้ามาจริงๆ
บทสรุปสู่เป้าหมาย 7,000 เหรียญ ทำไมขาขึ้นครั้งนี้ถึงยังไม่จบ
หากย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน Charlie Morris เคยทำนายว่าราคาทองคำจะแตะ 7,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในปี 2030 ซึ่งในตอนนั้นหลายคนมองว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่เมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาร่วม 2,500 ดอลลาร์ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา คำทำนายนี้เริ่มดูมีความเป็นไปได้มากขึ้นทุกที
เหตุผลหลักที่เขายังคงเชื่อมั่นในขาขึ้นครั้งนี้คือ ปัญหาหนี้สาธารณะและการพิมพ์เงินของธนาคารกลางทั่วโลก ที่สุดท้ายแล้วจะนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อที่ยั่งยืน
แม้ว่าตอนนี้เราจะยังไม่เห็นเงินเฟ้อพุ่งสูงในระดับผู้บริโภค แต่เงินปริมาณมหาศาลที่ถูกอัดฉีดเข้าสู่ระบบ ย่อมต้องหาทางระบายออกสู่เศรษฐกิจจริงในที่สุด
สัญญาณที่บ่งบอกว่าราคาทองคำยังไม่ถึงจุดสูงสุด หรือ Top ก็คือความรู้สึกของมวลชน หากลองสังเกตดูจะพบว่าแม้ทองคำจะทำ New High แต่กระแสสังคมยังคงเงียบเหงา หรือยังมีการค่อนขอดว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ล้าหลัง
นี่คือสัญญาณกระทิงชั้นดี เพราะตลาดกระทิงที่แท้จริงจะจบลงก็ต่อเมื่อทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า มันคือสิ่งที่ต้องมี และเกิดภาวะแห่ซื้ออย่างบ้าคลั่ง ซึ่งตอนนี้เรายังไม่เห็นภาพนั้นในโลกตะวันตก
ดังนั้น การย่อตัวของราคาทองคำ จึงอาจเป็นเพียงการพักตัวเพื่อสะสมพลัง ก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่าตามวัฏจักรเศรษฐกิจโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
สถานการณ์ล่าสุดของราคาทองคำในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง แสดงให้เห็นถึงการพักตัวตามที่ได้มีการเตือนเอาไว้ โดยหลังจากที่ราคาขึ้นไปทดสอบบริเวณจุดสูงสุดแถว 4,528 ดอลลาร์ ก็เริ่มมีแรงเทขายทำกำไรออกมา ส่งผลให้ราคาปัจจุบันย่อตัวลงมาเคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ 4,479 ดอลลาร์
ซึ่งจุดสำคัญทางเทคนิคที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือ การที่ราคาได้หลุดกลับลงมาอยู่ใต้แนวรับแรกที่บริเวณ 4,497.967 ดอลลาร์ อีกครั้ง การหลุดระดับนี้บ่งชี้ว่าโมเมนตัมขาขึ้นสุดขีดในระยะสั้นได้เริ่มชะลอตัวลงแล้ว
ซึ่งสอดคล้องกับสัญญาณจากอินดิเคเตอร์ ทั้ง RSI และ Stoch RSI ที่หักหัวลงจากโซน Overbought อย่างชัดเจน เป็นการยืนยันถึงการเข้าสู่รอบการพักฐานเพื่อลดความร้อนแรงของตลาด
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุดคริสต์มาส ปริมาณการซื้อขายในตลาดน่าจะเบาบางกว่าปกติมาก ซึ่งอาจทำให้การเคลื่อนไหวของราคาในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้ามีลักษณะของการแกว่งตัวในกรอบแคบๆ (Sideway) หรือซึมลงช้าๆ มากกว่าที่จะเกิดการเคลื่อนไหวรุนแรง
สำหรับแนวโน้มในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้านี้ หากราคายังคงรักษาระดับการพักตัวและไม่สามารถดีดกลับขึ้นไปยืนเหนือโซน 4,497 ดอลลาร์ได้ มีโอกาสสูงที่ราคาจะค่อยๆ ย่อตัวลงมาทดสอบแนวรับสำคัญถัดไปตามภาพกราฟที่บริเวณเส้นสีเขียวแถว 4,443 ดอลลาร์
ซึ่งบริเวณนี้ถือเป็นแนวรับที่มีนัยสำคัญและอาจเป็นจุดที่เหมาะสมในการพิจารณาการเข้าสะสมรอบใหม่หากมีสัญญาณการกลับตัว เนื่องจากภาพรวมระยะยาวยังคงเป็นขาขึ้นที่แข็งแกร่งตราบใดที่ราคายังยืนเหนือ Regression Trend Channel ได้
แต่ในทางกลับกัน หากมีแรงซื้อกลับเข้ามาในช่วงตลาดเบาบางจนสามารถดันราคาให้กลับขึ้นไปยืนเหนือ 4,497 ดอลลาร์ได้สำเร็จ ก็จะเป็นสัญญาณบวกระยะสั้นที่จะเปิดโอกาสให้ราคากลับไปทดสอบแนวต้านเดิมแถว 4,520 ดอลลาร์ และเป้าหมายหลักถัดไปที่ 4,547 ดอลลาร์ และ 4,568 ดอลลาร์ตามลำดับ
โดยสรุปแล้ว ในภาวะตลาดวันหยุดเช่นนี้ นักลงทุนควรเน้นการจับตากรอบการแกว่งตัวระหว่างแนวรับ 4,443 ดอลลาร์ และแนวต้าน 4,497 ดอลลาร์เป็นหลัก และระมัดระวังความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นจากสภาพคล่องที่ต่ำ

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$4,443
$4,394
$4,350
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$4,497
$4,540
$4,566
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน


