วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 20 พฤศจิกายน 2568

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
สถานการณ์ราคาทองคำ XAUUSD ในเช้าวันนี้ เริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามาดันราคาให้ยืนเหนือระดับ 4,090 ดอลลาร์ ในช่วงเปิดตลาดเอเชีย หลังจากที่ตลาดเผชิญความผันผวนมาตลอดสัปดาห์
ปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนตลาดในขณะนี้คือบรรยากาศของความระมัดระวังจากนักลงทุนทั่วโลกที่กำลังจับตามองตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payrolls - NFP) ประจำเดือนกันยายนของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด
ซึ่งการประกาศตัวเลขครั้งนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นตัวเลขแรกที่ออกมา หลังการปิดทำการของหน่วยงานรัฐบาล (Government Shutdown) ในช่วงก่อนหน้า ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจเกิดสุญญากาศและสร้างความสับสนในการประเมินทิศทางเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯ
ความไม่แน่นอนดังกล่าวส่งผลบวกทางจิตวิทยาต่อราคาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย โดยตลาดคาดการณ์ว่าหากตัวเลขการจ้างงานที่กำลังจะประกาศออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ อาจจะเป็นแรงหนุนสำคัญที่เพิ่มโอกาสในการลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม
ในทางกลับกัน หากตัวเลขออกมาแข็งแกร่งเกินคาด ก็อาจเป็นแรงกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลงได้เช่นกัน
ความแตกแยกในเฟดและสัญญาณดอกเบี้ยที่เริ่มไม่ชัดเจน
ประเด็นที่น่ากังวลและกดดันราคาทองคำในช่วงนี้คือรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) รอบวันที่ 28-29 ตุลาคม ที่เพิ่งเปิดเผยออกมาเมื่อคืน
โดยรายงานบ่งชี้ถึงความเห็นที่แตกแยกอย่างชัดเจนในกลุ่มผู้กำหนดนโยบาย แม้ว่าที่ประชุมจะมีมติลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในรอบที่ผ่านมา
แต่คณะกรรมการหลายคนเริ่มส่งสัญญาณไม่เห็นด้วยกับการลดดอกเบี้ยต่อเนื่องในการประชุมเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ โดยให้เหตุผลว่าเงินเฟ้อเริ่มกลับมาขยับสูงขึ้นและยังคงอยู่ในระดับที่น่ากังวล
ในขณะที่เศรษฐกิจภาพรวมยังขยายตัวได้ในระดับปานกลาง ซึ่งข้อมูลนี้ทำให้ตลาดเริ่มปรับลดความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยในเดือนหน้าลงอย่างมีนัยสำคัญ
จากข้อมูลล่าสุดของ CME FedWatch Tool พบว่าโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมลดลงเหลือเพียงประมาณ 30% เท่านั้น จากที่เคยสูงถึง 60% เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้า
ความไม่แน่นอนนี้สะท้อนผ่านดัชนีดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ที่ยืนอยู่ที่ระดับ 4.13% ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วการที่ดอกเบี้ยมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงหรือลดลงช้ากว่าที่คาด จะเป็นปัจจัยลบที่คอยจำกัดการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ
อย่างไรก็ตาม ผู้เข้าร่วมประชุม FOMC ทุกคนยังคงยืนยันว่าจะพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจที่กำลังจะทยอยออกมาใหม่ โดยเฉพาะข้อมูลที่ถูกเลื่อนการประกาศจากการชัตดาวน์ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจครั้งสุดท้าย
ความกลัวในตลาดหุ้นเทคโนโลยีกับบทบาท Safe Haven ที่กลับมาโดดเด่น
อีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยพยุงราคาทองคำไว้ไม่ให้ร่วงลงแรงตามแรงกดดันของดอลลาร์ คือความผันผวนอย่างหนักในตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี
ดัชนีความผันผวน Cboe Volatility Index (VIX) ซึ่งเปรียบเสมือนมาตรวัดความกลัวของวอลล์สตรีท ได้พุ่งทะลุระดับ 24 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเดือน สะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อมูลค่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่สูงเกินจริง
ด้าน John Waldron ประธาน Goldman Sachs ที่ออกมาเตือนผ่าน Bloomberg Television ว่าตลาดหุ้นมีโอกาสปรับฐานลงต่อ เนื่องจากความไม่แน่ใจว่าการลงทุนมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐาน AI จะสามารถสร้างผลกำไรได้คุ้มค่าหรือไม่
เมื่อตลาดหุ้นเริ่มส่งสัญญาณอันตรายและมีความเสี่ยงขาลงชัดเจน เงินทุนจึงเริ่มไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงและหมุนเวียนกลับเข้ามาสู่ทองคำและพันธบัตรเพื่อพักเงิน
สภาวะที่นักลงทุนเรียกว่า Risk-Off นี้ ทำให้ทองคำยังคงมีแรงซื้อสะสมในฐานะหลุมหลบภัย แม้จะต้องเผชิญกับแรงต้านจากนโยบายดอกเบี้ยก็ตาม
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงมาเทรดแถวระดับ 59.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก็อาจเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ถึงความกังวลเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งในระยะยาวมักเป็นผลดีต่อราคาทองคำ
การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง ทองคำคือพันธบัตรยุคใหม่
นอกเหนือจากการเก็งกำไรระยะสั้นแล้ว ยังมีมุมมองที่น่าสนใจในเชิงโครงสร้างระยะยาวจาก WisdomTree ที่วิเคราะห์ว่าทองคำกำลังเปลี่ยนสถานะจากเพียงแค่สินทรัพย์ทางเลือก มาเป็นสินทรัพย์หลักในพอร์ตการลงทุนระดับโลก
Christopher Gannatti และ Nitesh Shah นักวิจัยจาก WisdomTree ชี้ให้เห็นว่าสูตรการจัดพอร์ตแบบดั้งเดิม 60/40 (หุ้น 60% พันธบัตร 40%) อาจใช้ไม่ได้ผลดีเท่าเดิมในยุคที่เงินเฟ้อผันผวนและหนี้สาธารณะพุ่งสูง
พันธบัตรเริ่มสูญเสียคุณสมบัติในการป้องกันความเสี่ยงจากหุ้น ทำให้ทองคำก้าวขึ้นมาทำหน้าที่แทนในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่อิงกับภาระหนี้สินของรัฐบาลใดๆ
รายงานระบุว่าพอร์ตการลงทุนยุคใหม่กำลังปรับไปสู่สัดส่วน 60/20/20 โดยเพิ่มสัดส่วนของสินทรัพย์จริง และทองคำเข้ามาถึง 20% เพื่อสร้างเสถียรภาพ
ซึ่งแนวโน้มนี้เห็นได้ชัดเจนในฝั่งยุโรปที่พอร์ตลงทุนเฉลี่ยมีการถือครองทองคำสูงถึง 5.7% ซึ่งเทียบเท่ากับการถือครองพันธบัตรรัฐบาล
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของราคาทองคำที่เริ่มมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตร จากเดิมที่มักจะวิ่งสวนทางกัน แสดงให้เห็นว่านักลงทุนมองทองคำเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากนโยบายการคลังที่หละหลวม ไม่ใช่แค่เรื่องของดอกเบี้ยอีกต่อไป
ดังนั้น สำหรับนักลงทุนระยะยาว การย่อตัวของราคาในระยะสั้นอาจเป็นเพียงความผันผวนชั่วคราว ในขณะที่ภาพใหญ่กำลังบ่งชี้ว่าทองคำกำลังกลายเป็นเสาหลักใหม่ของการจัดพอร์ตระดับโลก
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ล่าสุดสถานการณ์กราฟราคาทองคำ แรงซื้อที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่องกำลังผลักดันให้ราคายืนเหนือบริเวณ 4,087 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดบรรจบของเส้นแนวต้าน Fibonacci 38.2% และเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ EMA 26
ซึ่งถ้าแท่งเทียนราย 4 ชั่วโมงสามารถปิดตัวโดยยืนเหนือเส้น EMA สีฟ้าได้ ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่บ่งชี้ว่าโมเมนตัมขาขึ้นเริ่มกลับมามีความได้เปรียบ และโครงสร้างราคาได้เปลี่ยนสถานะจากแนวต้านกลายเป็นแนวรับ ซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่การฟื้นตัวในกรอบราคาที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาสัญญาณจากอินดิเคเตอร์ Stochastic RSI ที่พุ่งขึ้นไปอยู่ในโซน Overbought และเริ่มมีการหักหัวลงเล็กน้อยในลักษณะของการพักตัว สะท้อนให้เห็นว่าในระยะสั้นกราฟอาจมีความผันผวนหรือย่อตัวลงมาเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของฐานราคาใหม่ที่เพิ่งเบรกเอาท์ขึ้นมาได้
ดังนั้นนักลงทุนจึงไม่ควรไล่ราคาในจังหวะที่กราฟพุ่งชัน แต่ควรรอจังหวะย่อตัวเพื่อความได้เปรียบ
สำหรับทิศทางราคาทองคำในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า จึงอยู่ที่พฤติกรรมราคาในช่วงปิดแท่งเทียน 4 ชั่วโมง
หากราคาสามารถปิดยืนเหนือ 4,090 ดอลลาร์ ได้อย่างมั่นคง จะเป็นการยืนยันสัญญาณบวกและทำลายโครงสร้างขาลงระยะสั้น เปิดโอกาสให้ราคาพุ่งขึ้นไปทดสอบด่านถัดไปที่บริเวณ 4,135 ดอลลาร์ (Fibonacci 50.0%) ได้ทันที
แต่ในทางกลับกัน หากราคาไม่สามารถยืนระยะและถูกตบกลับลงมาปิดต่ำกว่า 4,087 ดอลลาร์ จะถือว่าการขึ้นครั้งนี้เป็นเพียง False Breakout ซึ่งจะส่งผลให้ราคามีแนวโน้มย่อตัวลงมาพักฐานเพื่อสะสมกำลังใหม่ที่บริเวณแนวรับ 4,057 ดอลลาร์อีกครั้ง
ดังนั้นกลยุทธ์ที่รัดกุมที่สุดในเวลานี้คือการรอยืนยันว่าแนวต้านดังกล่าวได้เปลี่ยนสภาพเป็นแนวรับที่แข็งแรงแล้วจริงๆ ก่อนที่จะพิจารณาเข้าเก็งกำไรตามน้ำ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการไล่ราคาในขณะที่ตลาดยังมีความผันผวนสูง

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$4,057
$4,000
$3,950
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$4,087
$4,100
$4,135
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน


