วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 15 ตุลาคม 2568

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
ราคาทองคำในตลาดโลกยังคงสร้างสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเช้าของวันนี้ ราคาทองคำ XAUUSD พุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดตลอดกาลอีกครั้งที่ $4,186 โดยแรงซื้อหลั่งไหลเข้ามาในทองคำ ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศและแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนในตลาดทองคำทั่วโลกกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด
สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ปัจจัยหนุนชั้นดีของสินทรัพย์ปลอดภัย
ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หลังจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนทวีความรุนแรงขึ้น
โดยล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Jamieson Greer ผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ ออกมาส่งสัญญาณว่าประธานาธิบดี Donald Trump อาจตัดสินใจเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากจีนในอัตราสูงถึง 100% ภายในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ หรืออาจเร็วกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของรัฐบาลปักกิ่งในประเด็นข้อพิพาทเรื่องแร่หายาก (Rare Earths)
นอกจากนี้ ทั้งสองประเทศยังได้เริ่มเรียกเก็บค่าธรรมเนียมท่าเรือเพิ่มเติมกับบริษัทขนส่งทางทะเล ซึ่งส่งผลกระทบต่อสินค้าหลากหลายประเภทตั้งแต่ของเล่นไปจนถึงน้ำมันดิบ ทำให้สมรภูมิการค้าขยายวงกว้างออกไปสู่ทะเลหลวง สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนเหล่านี้ผลักดันให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดสินทรัพย์อื่น
Fed ส่งสัญญาณสิ้นสุด QT และทิศทางดอกเบี้ย
นอกเหนือจากประเด็นสงครามการค้า ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนสำคัญจากความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก โดยประธาน Fed อย่าง Jerome Powell ได้กล่าวว่า Fed กำลังอยู่ในเส้นทางที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินช่วงปลายเดือนตุลาคมนี้
ข้อมูลจาก CME FedWatch Tool ชี้ว่าตลาดได้คาดการณ์โอกาสการลดดอกเบี้ยในเดือนตุลาคมไว้เกือบ 100% แล้ว และยังมีแนวโน้มที่จะลดลงอีกครั้งในเดือนธันวาคม
ยิ่งไปกว่านั้น Jerome Powell ยังได้กล่าวถึงประเด็นสำคัญที่ตลาดจับตามอง นั่นคือการสิ้นสุดมาตรการลดขนาดงบดุล หรือที่รู้จักกันในชื่อ Quantitative Tightening (QT) ซึ่งดำเนินมาตั้งแต่ปี 2022 โดย Powell ส่งสัญญาณว่าจุดสิ้นสุดของมาตรการ QT อาจมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากสภาพคล่องในระบบเริ่มตึงตัวขึ้น
การยุติมาตรการ QT ถือเป็นการส่งสัญญาณเชิงผ่อนคลายนโยบายการเงิน ซึ่งเป็นผลบวกโดยตรงต่อราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงต้องติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ Fed คนอื่นๆ ที่จะมีขึ้นในวันนี้ ได้แก่ Stephen Miran, Christopher Waller และ Jeff Schmid ซึ่งหากมีท่าทีที่แข็งกร้าว (Hawkish) สวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ ก็อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและกดดันราคาทองคำในระยะสั้นได้
ยักษ์ใหญ่มอง หุ้นเหมืองทองคำยังคงราคาถูก
แม้ว่าราคาทองคำจะพุ่งขึ้นใกล้ระดับที่ไม่เคยมีใครคาดคิดที่ $4,200 แต่ Evy Hambro หัวหน้าฝ่ายการลงทุนของ BlackRock สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของโลก กลับมองว่าราคาทองคำยังมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นได้อีกมาก และที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ “หุ้นของบริษัทเหมืองทองคำ” ซึ่งเขามองว่ายังมีมูลค่าซ่อนอยู่มหาศาล
เขาให้ความเห็นว่าอัตรากำไรของบริษัทเหมืองทองคำในขณะนี้ยอดเยี่ยมอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และแม้ว่าราคาหุ้นของบริษัทเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในปีนี้ แต่เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐานแล้ว หุ้นเหล่านี้ “ไม่เคยถูกเท่านี้มาก่อน”
Hambro ชี้ว่าตลาดยังคงใช้แบบจำลองการประเมินมูลค่าหุ้นเหมืองโดยอิงจากราคาทองคำระยะยาวที่ระดับเพียง $2,200 - $2,400 ต่อออนซ์เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าราคาปัจจุบันอย่างมาก ส่วนต่างตรงนี้เองที่เปิดโอกาสให้นักลงทุน
เขายังมองว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันอาจเป็นสิ่งที่ใหญ่กว่าวงจรปกติ เพราะมันคือการปรับเปลี่ยนมุมมองต่อค่าของเงินกระดาษ (Paper Currency) เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ที่จับต้องได้ (Real Assets) ท่ามกลางการพิมพ์เงินที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งอาจนำไปสู่ “Tipping Point” หรือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ผลักดันให้ราคาสินทรัพย์จริงอย่างทองคำปรับตัวสูงขึ้นไปอีกไกล
Bank of America มอง เป้าหมาย $5,000 อยู่ไม่ไกล
ด้านทีมวิเคราะห์จาก Bank of America (BofA) ซึ่งนำโดย Michael Widmer ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาทองคำในปีหน้าขึ้นไปอยู่ที่ระดับ $5,000 และมองว่ามีโอกาสที่จะไปถึง $6,000 ได้เช่นกัน โดยคาดการณ์ว่าอุปสงค์ด้านการลงทุนจะเพิ่มขึ้น 14% ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ
BofA ให้เหตุผลว่ากรอบนโยบายเศรษฐกิจที่แตกต่างไปจากเดิมของทำเนียบขาว ไม่ว่าจะเป็นการขาดดุลงบประมาณ หนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้น และความพยายามที่จะลดอัตราดอกเบี้ยทั้งที่เงินเฟ้อยังอยู่ระดับสูง จะยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทองคำต่อไป
อย่างไรก็ตาม BofA ได้เตือนถึงความเสี่ยงของการปรับฐานหรือพักตัวในระยะสั้น เนื่องจากตลาดอาจร้อนแรงเกินไป หลังจากยอดซื้อของกองทุน ETF ในเดือนกันยายนพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
ดังนั้น แม้ว่าแนวโน้มหลักของราคาทองคำจะยังคงเป็นขาขึ้นที่แข็งแกร่ง แต่นักลงทุนควรเตรียมพร้อมสำหรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างทาง ก่อนที่ราคาจะมุ่งหน้าสู่เป้าหมายที่สูงขึ้นในระยะยาว
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
สถานการณ์ของราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวตามที่ได้ประเมินไว้ โดยล่าสุดจากกราฟราย 4 ชั่วโมง ราคาสามารถทะยานผ่านแนวต้านสำคัญที่ $4,150 ขึ้นมาได้สำเร็จ และพุ่งขึ้นมาทดสอบเป้าหมายถัดไปที่บริเวณ $4,180 ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของแนวโน้มตลาดกระทิง
ในปัจจุบัน ภาพรวมยังคงเป็นบวกอย่างชัดเจน ตราบใดที่ราคายังคงยืนอยู่เหนือกลุ่มเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (EMA) อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษในตอนนี้คือสัญญาณเตือนการกลับตัวที่ปรากฏชัดเจนขึ้นมาก
สัญญาณ Bearish Divergence บนดัชนี RSI ที่เคยเตือนไว้ในบทวิเคราะห์ก่อนหน้า ได้รับการยืนยันและมีความเด่นชัดมากขึ้น กล่าวคือในขณะที่ราคาทองคำสามารถทำจุดสูงสุดใหม่ (Higher High) ได้ แต่ดัชนี RSI กลับทำจุดสูงสุดที่ต่ำลง (Lower High) ซึ่งบ่งชี้ว่าโมเมนตัมหรือพละกำลังของแรงซื้อนั้นเริ่มแผ่วลงและอ่อนแรงลงอย่างมีนัยสำคัญ สอดคล้องกับดัชนี Stochastic RSI ที่ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในเขต Overbought หรือภาวะซื้อมากเกินไปในระดับสูง ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดแรงเทขายทำกำไรออกมาได้ทุกเมื่อ
สำหรับแนวโน้มราคาทองคำในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า ด้วยสัญญาณ Bearish Divergence ที่ชัดเจนเช่นนี้ ทำให้ความเสี่ยงของการพักตัวหรือย่อตัวในระยะสั้นมีเพิ่มมากขึ้นอย่างยิ่ง หากตลาดเริ่มมีแรงเทขายทำกำไรออกมา แนวรับสำคัญแรกที่ต้องจับตาคือโซน $4,150 ซึ่งเป็นแนวต้านเดิมที่เพิ่งทะลุผ่านมา หากราคาสามารถย่อตัวลงมาแล้วยืนเหนือระดับนี้ได้ ภาพรวมของแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่งจะยังไม่เสียหาย และอาจเป็นจังหวะย่อซื้อ (Buy on Dip) ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ตามเทรนด์
แต่หากราคาหลุดแนวรับ $4,150 ลงมา จะเป็นสัญญาณลบในระยะสั้น และมีโอกาสที่ราคาจะถอยลงไปหาแนวรับถัดไปที่บริเวณ $4,100 และ $4,060 ตามลำดับ ในทางกลับกัน หากแรงซื้อยังคงแข็งแกร่งและไม่สนใจสัญญาณเตือนดังกล่าว แนวต้านถัดไปที่ราคาจะมุ่งหน้าไปทดสอบคือแนวต้านเชิงจิตวิทยาที่ $4,200 และเป้าหมายถัดไปที่ระดับ $4,230
ดังนั้น กลยุทธ์ในช่วงนี้จึงควรเพิ่มความระมัดระวังในการไล่ราคา และอาจต้องรอประเมินการตอบสนองของราคาที่บริเวณแนวรับสำคัญเพื่อหาจังหวะเข้าลงทุนที่ปลอดภัยกว่า
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$4,150
$4,100
$4,060
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$4,180
$4,200
$4,230
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน