หุ้นปันผลคืออะไรและวิธีซื้อหุ้นปันผลเป็นยังไง
![coverImg](https://tw.mitrade.com/cms_uploads/img/20230823/8063298736407f6f3b1900447abd1d79.jpg)
การซื้อหุ้นปันผลเป็นวิธีลงทุนที่น่าสนใจเหมาะกับสภาพตลาดที่ค่อนข้างนิ่งเพราะเป็นวิธีที่ให้ผลตอบแทนเป็นกระแสเงินสดสม่ำเสมอคล้ายการฝากประจำ และยังให้โอกาสที่เงินทุนจะได้เติบโตจากราคาหุ้นที่มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ยังทำให้นักลงทุนได้เป็นเจ้าของหุ้นหรือมีส่วนร่วมในกิจการที่ได้ลงทุนไปอีกด้วย คราวนี้เราจึงจะมาทำความรู้จักว่าหุ้นปันผลคืออะไรและจะมีวิธีซื้อหุ้นปันผลได้อย่างไรบ้าง ตามมาดูกัน
หุ้นปันผลคืออะไร
หุ้นปันผล คือ หุ้นของบริษัทที่มีนโยบายจ่ายปันผลจากกำไรในแต่ละปีและมีการจ่ายออกมาอย่างสม่ำเสมอภายใต้กรอบนโยบายปันผลที่กำหนด ซึ่งการจะจ่ายได้มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับผลกำไรที่บริษัททำได้และการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น
ตัวอย่างเช่น หุ้น ABC ประกาศ XD วันที่ 1 กรกฎา ที่ 1.75 บาทต่อหุ้น หากนักลงทุนมีหุ้นอยู่ในพอร์ตจำนวน 10,000 หุ้นถือข้ามไปถึงวันที่ 1 กรกฎา ก็จะมีสิทธิได้เงินปันผลจ่ายเข้าบัญชีจำนวน 17,500 บาท (ก่อนหักภาษี) ดังนั้นไม่ว่าจะถือหุ้นมาก่อนอยู่แล้วหรือเพิ่งซื้อหุ้นในวันที่ 30 มิถุนา นักลงทุนก็จะมีสิทธิที่จะได้เงินปันผลก้อนนี้เหมือนกัน แต่จะมีต้นทุนในการถือหุ้นที่แตกต่างกัน
เงินปันผลที่บริษัทนำมาจ่ายไม่ได้มาจากเงินทุนของบริษัทแต่มาจากผลกำไรของบริษัท ซึ่งแต่ละปีบริษัทจะมีการแบ่งส่วนผลกำไรเก็บไว้ลงทุนต่อและนำส่วนที่เหลือมาคืนให้กับผู้ถือหุ้น โดยกำไรที่นำมาจ่ายเป็นเงินปันผลนั้นอาจเป็นผลกำไรสุทธิในปีนั้น ๆ หรือมาจากกำไรพิเศษ หรือมาจากกำไรสะสมที่ยกมาจากปีก่อน ๆ ก็ได้ ดังนั้นหากบริษัทไม่สามารถทำกำไรได้หรือไม่เคยมีกำไรมาก่อนก็จะไม่สามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้
การจ่ายผลตอบแทนของหุ้นปันผลมีอะไรบ้าง
นักลงทุนอาจคุ้นเคยกับบริษัทที่ประกาศจ่ายปันผลตามช่วงเทศกาลปิดงบมากที่สุด แต่ทราบหรือไม่ว่าการจ่ายปันผลของหุ้นนั้นไม่จำเป็นต้องจ่ายเป็นเงินสดตามช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้นเพราะการจ่ายปันผลยังมีอีกหลายแบบมาก ได้แก่
การจ่ายปันผลหุ้นแบ่งตามประเภทการจ่าย
1) จ่ายเป็นเงินสด เป็นวิธีที่จ่ายผลตอบแทนเป็นเงินแบบตรงไปตรงมา ซึ่งเป็นวิธีที่พบได้บ่อยและเป็นที่นิยมที่สุด ทำให้นักลงทุนได้ผลตอบแทนเป็นกระแสเงินสดคล้ายกับการได้ดอกเบี้ยจากการฝากเงิน และผลตอบแทนส่วนนี้จะมีการหักภาษี 10%
2) จ่ายเป็นหุ้น คือการให้ผลตอบแทนเป็นหุ้นสามัญที่ตราขึ้นใหม่ เป็นวิธีที่พบได้ไม่บ่อยแต่ช่วยให้บริษัทสามารถเก็บกระแสเงินสดไว้กับบริษัทได้และให้ทางเลือกกับนักลงทุนว่าต้องการจะเก็บเป็นหุ้นปันผลหรือขายหุ้นออกไปและรับเป็นเงินสดแทน การจ่ายปันผลเป็นหุ้นมักทำให้ราคาหุ้นลดค่า (Dilute) ลงเนื่องจากมีปริมาณหุ้นในตลาดเพิ่มขึ้น แต่แตกต่างจากการนำหุ้นเพิ่มทุนออกกระจายตรงที่นักลงทุนไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเพิ่มทุนเพื่อให้ได้หุ้นไป
การจ่ายปันผลหุ้นแบ่งตามระยะเวลาที่จ่าย
1) ปันผลประจำปี เป็นการจ่ายปันผลจากผลกำไรของบริษัทในรอบปีที่จะรู้ในช่วงปิดงบไม่เกินเดือนมีนาคมของแต่ละปี และจะมีการอนุมัติในที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้วจ่ายจริงในอีก 1 เดือนให้หลัง
2) ปันผลระหว่างกาล เป็นการจ่ายปันผลนอกช่วงการจ่ายปันผลประจำปี ซึ่งอาจจ่ายเพิ่มในช่วงเดือนสิงหา-กันยาสำหรับบริษัทที่มีการจ่ายปันผลปีละสองครั้ง โดยมีการอนุมัติการจ่ายจากมติคณะกรรมการบริษัทแล้วจ่ายจริงในอีก 1 เดือนให้หลัง และรายงานในที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งต่อไป
สัดส่วนการจ่ายเงินปันผลที่ควรทราบ
การเลือกหุ้นปันผลมีศัพท์ที่ควรรู้เพื่อให้นักลงทุนสามารถวิเคราะห์และเห็นภาพรวมของกิจการและการจ่ายปันผลของแต่ละบริษัทได้ชัดเจนขึ้น ได้แก่
4.1 นโยบายจ่ายเงินปันผล (Dividend Policy)
แต่ละบริษัทจะมีนโยบายจ่ายเงินปันผลของตัวเอง เช่น บมจ. อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) มีนโยบายจ่ายปันผลในอันตรา 100% ของปันผลที่ได้จากบริษัทย่อย, บมจ. ปตท. จำกัด (PTT) มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 25% ของกำไรสุทธิที่เหลือหลังหักเงินสำรองต่างๆ นั่นหมายความว่าหาก INTUCH มีกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 3.3 บาท บริษัทมีแนวโน้มจะจ่ายปันผลที่ 3.3 บาทต่อหุ้น หรือ 100% ของ EPS, ขณะที่หาก PTT มีกำไรต่อหุ้นที่ 2.64 บาท บริษัทมีแนวโน้มที่จะจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 0.66 บาทต่อหุ้น ซึ่งนโยบายจ่ายเงินปันผลจะเป็นกรอบการจ่ายปันผลแบบกว้าง ๆ แต่อัตราการจ่ายปันผลที่แท้จริงจะถูกอนุมัติโดยมติผู้ถือหุ้น
4.2 อัตราการจ่ายปันผล (Dividend Payout Ratio)
คือ สัดส่วนของการจ่ายปันผลจริงต่อผลกำไรสุทธิต่อหุ้น เป็นตัวเลขที่ทำให้นักลงทุนได้เห็นจริง ๆ ว่าแต่ละปีที่บริษัททำกำไรได้ถูกนำมาเป็นสัดส่วนที่จ่ายคืนให้กับผู้ถือหุ้นมากน้อยแค่ไหน คำนวณได้จาก
อัตราการจ่ายเงินปันผล (%) = (เงินปันผลต่อหุ้น / กำไรสุทธิต่อหุ้น) x 100
ตัวอย่างเช่น ปี 2565 บริษัท INTUCH มีการจ่ายปันผลต่อหุ้นที่ 4.72 บาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 3.28 บาท จะมีอัตราการจ่ายปันผล 1.44% แสดงว่าบริษัทมีการนำกำไรสะสมออกมาจ่ายเป็นเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น หรือปี 2565 บริษัท PTT มีการจ่ายปันผลต่อหุ้นที่ 2 บาท มีกำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 2.64 บาท จะมีอัตราการจ่ายปันผลที่ 75%
4.3 ผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield)
คืออัตราส่วนที่ทำให้นักลงทุนเห็นว่าผลตอบแทนจากเงินปันผลได้กลับมาเป็นสัดส่วนเท่าไหร่เมื่อเทียบกับเงินลงทุน คำนวณได้จาก
อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล = (เงินปันผลต่อหุ้น X 100)/ ราคาหุ้นที่ส่วนใหญ่มักใช้เป็นราคาตลาด
ตัวอย่างเช่น ปี 2565 บริษัท INTUCH มีการจ่ายปันผลต่อหุ้นที่ 4.72 บาท และมีราคาปิดที่ 72.75 บาท อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลหากนักลงทุนซื้อที่ราคาปิดนี้จะเท่ากับ 6.5% แต่หากนักลงทุนสามารถซื้อหุ้น INTUCH ได้ที่ราคาต่ำกว่านี้ เช่น มีต้นทุนที่ 50 บาท อัตราการจ่ายปันผลต่อเงินลงทุนของนักลงทุนจะกลายเป็น 9.44% แต่หากนักลงทุนมีต้นทุนการถือหุ้นที่สูงกว่านี้ก็จะคำนวณได้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ต่ำลง
วิธีซื้อหุ้นปันผล เลือกหุ้นปันผลยังไงไม่ให้โดนหลอก
แม้การซื้อหุ้นปันผลจะเป็นวิธีลงทุนที่ดีและได้รับความนิยมสูง แต่การลงทุนรูปแบบนี้ก็เป็นกับดักที่ทำให้นักลงทุนติดหุ้นได้ง่าย และเหล่านี้คือข้อควรคำนึงถึงเพื่อหลีกเลี่ยงการได้ผลตอบแทนจากปันผลที่สูงไม่กี่ครั้งแต่ต้องทนถือหุ้นขาดทุนต่อไปอีกเป็นเวลานาน
1. เลือกหุ้นปันผลที่มีพื้นฐานดีมีความสามารถในการทำกำไร
การปันผลของแต่ละบริษัทมีที่มาจากผลกำไร ดังนั้นการเลือกหุ้นบริษัทที่มีพื้นฐานดีมีความสามารถในการทำกำไรในระยะยาวจึงเป็นหลักประกันเบื้องต้นว่าหุ้นที่เราเลือกมีแนวโน้มที่จะทำกำไรต่อได้และสามารถจ่ายปันผลต่อไปได้อย่างสม่ำเสมอโดยไม่ทำให้มูลค่าหุ้นหรือกิจการลดลง
2. เลือกหุ้นปันผลที่มีอัตราจ่ายปันผลที่สมเหตุสมผลไม่น้อยเกินไป
การเลือกหุ้นปันผลอย่างน้อยที่สุดควรมีการจ่ายปันผลมากกว่าเงินเฟ้อ เช่น หากค่าเฉลี่ยเงินเฟ้อแต่ละปีอยู่ที่ราว 2% หมายความว่าเมื่อเวลาผ่านไปมูลค่าเงินจะเสื่อมลงไปแล้วปีละ 2% การจ่ายปันผลของหุ้นที่เลือกก็ไม่ควรต่ำกว่า 2% เพื่อให้นักลงทุนยังรักษาความมั่งคั่งของตัวเองไว้ได้
3. เลือกหุ้นปันผลที่มีอัตราจ่ายปันผลที่สมเหตุสมผลไม่มากเกินไป
หุ้นปันผลที่มีอัตราการจ่ายปันผลสูงอย่างน่ามหัศจรรย์และจ่ายแบบสม่ำเสมอนั้นไม่มีอยู่จริง การสกรีนหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลสูงอย่างผิดหูผิดตาจึงจำเป็นต้องตรวจสอบเพิ่มเติม เช่น เป็นการจ่ายครั้งเดียวหรือไม่ หรือเป็นการจ่ายที่นำผลกำไรสะสมมาจ่ายแล้วทำให้กำไรสะสมหมดไปหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการจ่ายปันผลที่ทำได้ไม่นาน และมักทำให้นักลงทุนที่ซื้อหุ้นปันผลสูงแนวนี้ได้ปันผลสูงเพียงไม่กี่ครั้งแต่ต้องทนถือหุ้นที่มูลค่าลดลงเรื่อย ๆ ต่อไปเป็นเวลานาน
4. เลือกหุ้นปันผลที่มีการจ่ายสม่ำเสมอ
การเลือกหุ้นปันผลจากอัตราการจ่ายปันผลไม่สามารถมองเพียงปีเดียวแล้วตัดสินได้ แต่ต้องดูย้อนหลังว่าบริษัทมีการจ่ายสม่ำเสมอหรือไม่ ซึ่งหากเป็นบริษัทที่สามารถจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สมเหตุสมผลและจ่ายได้แบบสม่ำเสมอก็แสดงถึงความมั่นคงของฐานะการเงินของบริษัทได้ในอีกทางหนึ่งด้วย
5. เลือกจังหวะการซื้อเพื่อให้ได้ต้นทุนที่เหมาะสม
แม้จะมีอัตราการจ่ายปันผลอัตราหนึ่งที่เท่ากัน แต่ผลตอบแทนที่นักลงทุนแต่ละคนได้จากเงินปันผลก็สามารถแตกต่างกันไปได้ขึ้นอยู่กับต้นทุนการถือหุ้นของแต่ละคน ยิ่งนักลงทุนสามารถบริหารต้นทุนการถือหุ้นได้ต่ำเท่าไหร่ก็จะสามารถคำนวณผลตอบแทนจากเงินปันผลได้สูงเท่านั้น เช่น A ถือหุ้นด้วยต้นทุน 5 บาท มีการจ่ายปันผล 1 บาท ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ A ได้รับจะเท่ากับ 20% ขณะที่หุ้นตัวเดียวกัน B ถือด้วยต้นทุน 6 บาท ด้วยการจ่ายปันผล 1 บาทเท่ากัน B จะได้ผลตอบแทนจากเงินปันผลน้อยกว่าที่ 16.6% การเลือกจังหวะเพื่อบริหารต้นทุนในการถือหุ้นปันผลจึงเป็นอีกปัจจัยที่ควรคำนึงถึง
วิธีซื้อหุ้นปันผลเป็นยังไง ขั้นตอนการซื้อหุ้นปันผล step-by-step
การซื้อหุ้นปันผลมีวิธีการและขั้นตอนไม่ต่างจากการซื้อหุ้นทั่วไป ได้แก่
1. เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกับโบรกเกอร์ที่ให้บริการ
ขั้นตอนนี้ใช้เอกสารสำเนาบัตรประชาชน สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารและเอกสารยื่นขอเปิดบัญชีจากทางโบรกเกอร์ อาจมีการเรียกเอกสารแสดงรายการเดินบัญชีย้อนหลังเพื่อประกอบการขอวงเงินซื้อขาย เพื่อให้สะดวกสำหรับการรับเงินปันผลนักลงทุนควรสมัครบริการ E-Dividend ไปพร้อมกันเพื่อให้มีการโอนเงินปันผล (เมื่อมีการจ่าย) เข้าบัญชีที่สมัครบริการไว้แบบอัตโนมัติ ขั้นตอนนี้ใช้เวลา 1 – 5 วันทำการในการอนุมัติเปิดบัญชี
2. โอนเงินลงทุนหรือเงินหลักประกันในการซื้อขายเข้าบัญชีหุ้น
เมื่อบัญชีได้รับการอนุมัติแล้วนักลงทุนสามารถเริ่มโอนเงินเข้าบัญชีหุ้นเพื่อเป็นหลักประกันหรือเป็นวงเงินสำหรับการซื้อขาย และเริ่มการซื้อขายได้ทันทีหากมีหุ้นปันผลที่สนใจในราคาเหมาะสม
3. เลือกหุ้นปันผลและติดตามการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นปันผลที่สนใจ
การเลือกหุ้นปันผลควรมีการทำการบ้านและเลือกมาก่อนหน้า นักลงทุนสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นปันผลที่สนใจได้ด้วยการติด Watch List, ใช้กราฟเทคนิคเพื่อติดตามประเมินและคาดการณ์ราคาที่อาจเป็นไปได้ หรือใช้การประเมินราคาพื้นฐานเพื่อกำหนดราคาน่าสนใจเพื่อเป็นจุดเข้าซื้อ และเมื่อได้ราคาที่พอใจก็สามารถเลือกซื้อหุ้นเข้ามาเก็บไว้ในพอร์ตได้ทันที
4. ติดตามผลการดำเนินงานของบริษัท
ข่าวการปันผลและวันขึ้นเครื่องหมาย XD นักลงทุนสามารถประเมินการจ่ายปันผลได้คร่าว ๆ จากผลกำไรที่บริษัททำได้ในแต่ละปี ซึ่งปัจจัยตัวนี้จะทำให้นักลงทุนพอทราบได้ว่าในปีนั้น ๆ บริษัทจะมีการจ่ายปันผลหรือไม่และจ่ายเป็นตัวเงินคร่าว ๆ ที่เท่าไหร่ และรอวันประชุมผู้ถือหุ้นที่จะมีการอนุมัติการจ่ายปันผลจริง ๆ หลังจากนั้นนักลงทุนจำเป็นต้องถือหุ้นไปจนถึงวัน XD เพื่อให้ได้สิทธิในการรับเงินปันผล
5. รอรับเงินปันผลหักภาษี 10%
โอนเข้าบัญชีธนาคารที่เปิดบริการ E-Dividend ไว้ การจ่ายเงินปันผลเข้าบัญชีจะเกิดขึ้นภายใน 1 เดือนหลังจากที่มีมติจ่ายปันผล ซึ่งเงินปันผลที่ได้จะมีการหักภาษีแล้ว 10% และการหักภาษีส่วนนี้สามารถนำไปรวมเพื่อลดหย่อนจากการเสียภาษีปลายปีได้
FAQ
1. ต้องซื้อหุ้นก่อนขึ้น XD กี่วันถึงได้ปันผล
การซื้อหุ้นให้ได้ปันผลจะซื้อก่อนวันขึ้น XD กี่วันก็ได้ แต่การซื้อในวันขึ้น XD จะไม่ได้สิทธิในการได้รับปันผล เนื่องจากเครื่องหมาย XD แปลว่า Exclude Dividend (ไม่รวมปันผล) เมื่อแสดงในวันไหนจะเป็นการบอกว่าการซื้อในวันนั้น ๆ ไม่ได้ปันผลแล้ว
2. หุ้นที่มีปันผล ดูยังไง
การดูหุ้นปันผลสังเกตได้ง่าย ๆ จากอัตราการจ่ายปันผล (Dividend Payout Ratio) หรือ ผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividen Yield) ที่แสดงเป็นข้อมูลเบื้องต้นในเว็บ set.or.th นอกจากนี้ยังสามารถสังเกตได้จากดัชนี SETHD ที่รวบรวมเอารายชื่อหุ้นปันผลสูงของตลาดจำนวน 30 ตัวมาลิสต์ไว้ หรือหากต้องการดูให้ลึกลงก็สามารถเช็กได้จากความสามารถในการทำกำไรของบริษัทที่หากบริษัทมีกำไรสูงและมีโนยบายปันผลสูงก็มีแนวโน้มที่จะจ่ายปันผลได้สูงตามไปด้วย
3. หุ้นปันผลซื้อตอนไหน ได้ผลตอบแทนดีสุด
จากสมมติฐานประสิทธิภาพของตลาด (Efficient Market Hypothesis) ราคาหุ้นมักซึมซับข่าวสารที่เกิดขึ้นไปแล้ว ดังนั้นหากนักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้นปันผลเมื่อมีการประกาศจ่ายปันผลไปแล้วก็มีแนวโน้มว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นรับมูลค่าของเงินปันผลที่จะจ่ายไปแล้ว ดังนั้นการซื้อหุ้นปันผลเพื่อลงทุนในระยะยาวจึงควรจับจังหวะซื้อเมื่อราคาหุ้นปรับฐานก่อนที่จะมีการประกาศผลการดำเนินงาน (ที่สามารถสะท้อนถึงการจ่ายปันผล) เพื่อหลีกเลี่ยงการซื้อหุ้นปันผลในราคาที่สูงเกินไปจนทำให้มีโอกาสติดหุ้นในท้ายที่สุด
![mitrade](https://resource.mistorebox.com/operation/seo-admin-pubilc/templates/assets/ad-th/mitrade.png)
![dago](https://resource.mistorebox.com/operation/seo-admin-pubilc/templates/assets/ad-th/dago.png)
![dago](https://resource.mistorebox.com/operation/seo-admin-pubilc/templates/assets/ad-th/dago.png)
![dago](https://resource.mistorebox.com/operation/seo-admin-pubilc/templates/assets/ad-th/dago.png)
![dago](https://resource.mistorebox.com/operation/seo-admin-pubilc/templates/assets/ad-th/dago.png)
สรุป
การซื้อหุ้นปันผลเป็นวิธีลงทุนที่น่าสนใจในวันที่ตลาดซบเซาและราคาหุ้นไม่ได้เคลื่อนที่ไปไหนมาก และช่วยให้นักลงทุนสามารถสร้างกระแสเงินสดจากการถือหุ้นได้โดยไม่ทิ้งโอกาสในการลงทุนหุ้นที่เติบโตได้ในระยะยาวไป คราวนี้เราก็ได้มาทำความรู้จักกแล้วว่าหุ้นปันผลคืออะไร รวมถึงวิธีซื้อหุ้นปันผลอย่างไรเพื่อไม่ให้ติดกับดักหุ้นปันผลที่มีการจ่ายปันผลสูง แต่ทำให้นักลงทุนต้องติดหุ้นไปในระยะยาวซึ่งถือว่าไม่คุ้มกันอย่างยิ่ง บทความนี้น่าจะทำให้ทุกท่านเห็นภาพของหุ้นปันผลรวมถึงวิธีจับจังหวะในการซื้อและข้อผิดพลาดที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อให้สามารถลงทุนในหุ้นปันผลได้อย่างประสบความสำเร็จได้ในที่สุด
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน