วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 20 ส.ค. 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

ราคาทองคำ XAUUSD ในตลาดโลกวันนี้กำลังเผชิญกับแรงกดดันระลอกใหม่ ส่งผลให้ราคาทรุดตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ โดยตอนนี้กำลังเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ $3,314 ท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนที่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง นักลงทุนต่างจับจ้องไปยังการประชุมครั้งสำคัญที่กำลังจะมาถึง ซึ่งอาจเป็นตัวแปรสำคัญที่ชี้ชะตาทิศทางของราคาทองคำในระยะต่อไป

ทองคำย่อตัว เฝ้ารอถ้อยแถลงชี้ชะตาดอกเบี้ย

ในช่วงเช้าวันนี้ ราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยมีแรงเทขายทางเทคนิคจากนักลงทุนระยะสั้นเป็นปัจจัยกดดันหลัก ประกอบกับการที่นักลงทุนบางส่วนเลือกที่จะปรับสถานะของตนเอง เพื่อลดความเสี่ยงก่อนการประชุมนโยบายเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่เมือง Jackson Hole รัฐไวโอมิง ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในเย็นวันพฤหัสบดีนี้

ไฮไลท์สำคัญที่ทุกคนจับตามองคือการกล่าวสุนทรพจน์ของ Jerome Powell ประธานเฟดในวันศุกร์ ซึ่งคาดกันว่าเขาอาจเปิดเผยกรอบนโยบายใหม่ของเฟด และส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ โดยปัจจุบันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 4.3% สถานการณ์เช่นนี้ทำให้นักลงทุนในตลาดทองคำต้องชะลอการตัดสินใจเพื่อรอความชัดเจนครั้งสำคัญ

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดีเกินคาด แต่ทองคำกลับนิ่ง

แม้ว่าราคาทองคำจะเผชิญแรงกดดัน แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการที่ตลาดทองคำกลับไม่ตอบสนองต่อข้อมูลภาคที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่งเกินคาด โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านในเดือนกรกฎาคมพุ่งสูงขึ้น 2.5% สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะลดลง

ซึ่งโดยปกติแล้วข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีมักจะกดดันราคาทองคำ แต่ครั้งนี้ทองคำกลับเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ อย่างไรก็ตาม หากมองลึกลงไปในรายละเอียด จะพบสัญญาณที่ซ่อนอยู่ เพราะถึงแม้ตัวเลขการก่อสร้างจะดี แต่ตัวเลขใบอนุญาตก่อสร้างซึ่งเป็นดัชนีชี้นำกิจกรรมในอนาคตกลับร่วงลง 2.8% ซึ่งมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ สัญญาณที่ขัดแย้งกันนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของเศรษฐกิจที่ยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่สูง และทำให้ตลาดทองคำยังคงอยู่ในภาวะรอดูท่าทีต่อไป

Goldman Sachs เผย ใครคือผู้กุมชะตาราคาตัวจริง

ท่ามกลางความผันผวนในระยะสั้น บทวิเคราะห์ล่าสุดจาก Goldman Sachs ได้เปิดมุมมองที่น่าสนใจซึ่งช่วยให้นักลงทุนเข้าใจกลไกที่แท้จริงของราคาทองคำได้ดียิ่งขึ้น พวกเขาชี้ว่าทองคำไม่ใช่สินค้าโภคภัณฑ์ที่ถูกใช้แล้วหมดไปเหมือนน้ำมัน แต่มีลักษณะคล้ายกับอสังหาริมทรัพย์ชั้นดีใจกลางแมนฮัตตันที่ราคาไม่ได้ขึ้นอยู่กับอุปทานใหม่ๆ แต่ขึ้นอยู่กับว่า “ใคร” ที่ต้องการจะครอบครองมันในแต่ละช่วงเวลา

Goldman Sachs ได้แบ่งผู้ซื้อทองคำออกเป็นสองกลุ่มหลัก คือผู้ซื้อกลุ่มยึดมั่น (Conviction Buyers) ซึ่งได้แก่ ธนาคารกลาง, กองทุน ETF และนักเก็งกำไรรายใหญ่ กลุ่มนี้จะเข้าซื้อโดยไม่เกี่ยงราคาและเป็นผู้กำหนดทิศทางของตลาด และผู้ซื้อกลุ่มฉวยโอกาส (Opportunistic Buyers) ซึ่งส่วนใหญ่คือภาคครัวเรือนในตลาดเกิดใหม่เช่น จีนและอินเดีย ที่จะเข้าซื้อเมื่อราคาน่าดึงดูด และเป็นผู้สร้างแนวรับที่สำคัญให้กับราคาทองคำ

ข้อมูลระบุว่าพฤติกรรมของผู้ซื้อกลุ่มยึดมั่นนี้สามารถอธิบายความเคลื่อนไหวของราคาทองคำรายเดือนได้ถึง 70% โดยทุกๆ 100 ตันของการซื้อสุทธิจากผู้ซื้อกลุ่มนี้ จะสามารถผลักดันราคาทองคำให้สูงขึ้นได้ประมาณ 1.7% ซึ่งมุมมองนี้ได้เปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับการวิเคราะห์ราคาทองคำไปอย่างสิ้นเชิง โดยชี้ให้เห็นว่าปัจจัยขับเคลื่อนที่แท้จริงนั้นลึกซึ้งกว่าอุปทานและอุปสงค์แบบดั้งเดิม

เป้าหมาย 3,700 ดอลลาร์ยังคงอยู่

ด้วยความเข้าใจในกลไกนี้ Goldman Sachs ยังคงยืนยันคาดการณ์เดิมว่าราคาทองคำมีโอกาสพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 3,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ภายในสิ้นปี 2025 และอาจไต่ระดับไปถึง 4,000 ดอลลาร์ภายในกลางปี 2026 โดยมีแรงหนุนสำคัญมาจากการเข้าซื้ออย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางทั่วโลกและกองทุน ETF ซึ่งก็คือ “ผู้ซื้อกลุ่มยึดมั่น” ที่ยังคงเดินหน้าสะสมทองคำอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้น แม้ในระยะสั้นราคาทองคำอาจเผชิญกับความผันผวนจากประเด็นนโยบายการเงินของเฟด แต่นักลงทุนควรจับตาดูการเคลื่อนไหวของผู้เล่นรายใหญ่เหล่านี้อย่างใกล้ชิด เพราะพวกเขาคือผู้กุมชะตาที่แท้จริง และเป็นกุญแจสำคัญที่จะกำหนดทิศทางของราคาทองคำในระยะยาวต่อไป

หลังจากความพยายามในการ Technical Rebound สิ้นสุดลงที่แนวต้าน $3,350 แรงขายก็ได้ถาโถมเข้าใส่ตลาดทองคำอย่างหนักหน่วง และผลักดันให้ราคาทองคำหลุดแนวรับสำคัญที่ $3,325 ลงมาได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเป็นการยืนยันว่าโมเมนตัมของฝั่งหมีนั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่ง และการปรับฐานยังไม่จบสิ้น ปัจจุบันราคากำลังเคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ $3,314 ซึ่งเป็นการลงมาทดสอบแนวรับถัดไปที่โซน $3,310 ตามเป้าหมายที่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

เมื่อพิจารณาจากกราฟราย 4 ชั่วโมง จะเห็นแท่งเทียนสีแดงยาวที่ทิ้งตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงแรงขายที่ไร้ซึ่งแรงต้านทาน ราคาเคลื่อนตัวอยู่ใต้กลุ่มเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (EMA) ทุกเส้น ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวต้านกดดันราคาเอาไว้

สัญญาณจากอินดิเคเตอร์ยิ่งตอกย้ำภาพความอ่อนแอ ดัชนี RSI ได้ดิ่งหัวลงลึกเข้าใกล้เขต Oversold (ต่ำกว่า 30) บ่งชี้ว่าโมเมนตัมการขายกำลังเร่งตัวขึ้นอย่างรุนแรง ขณะที่ Stochastic RSI ก็ได้ร่วงลงมาแช่อยู่ในเขต Oversold เช่นกัน ซึ่งแม้ว่าภาวะ Oversold อาจนำมาซึ่งการดีดตัวทางเทคนิคได้ทุกเมื่อ แต่ในสภาวะที่แนวโน้มหลักเป็นขาลงที่แข็งแกร่งเช่นนี้ การอยู่ในเขต Oversold อาจเป็นเพียงการบ่งชี้ถึงความอ่อนแอสุดขีด และราคาอาจเคลื่อนไหวในเขตนี้ต่อไปอีกระยะหนึ่ง

สำหรับแนวโน้มใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า สถานการณ์ของฝั่งกระทิงอยู่ในภาวะที่ยากลำบาก แนวรับที่บริเวณ $3,310 คือปราการด่านสุดท้ายที่ต้องปกป้องไว้ให้ได้ หากแนวรับนี้ถูกทำลายลง จะเป็นการเปิดประตูสู่เป้าหมายถัดไปของฝั่งหมีที่แนวรับ $3,293 ทันที

ในทางกลับกัน แม้จะเกิดการดีดตัวทางเทคนิคขึ้นจากโซน Oversold แต่คาดว่าจะเป็นเพียงการรีบาวด์ระยะสั้นเท่านั้น โดยจะมีแนวต้านสำคัญดักรออยู่ที่ $3,325 (แนวรับเดิมที่เพิ่งหลุดลงมา) ซึ่งการจะกลับขึ้นไปยืนเหนือระดับนี้ได้อีกครั้งจำเป็นต้องใช้แรงซื้อที่มหาศาล

ดังนั้น ตราบใดที่ราคายังไม่สามารถกลับไปยืนเหนือ $3,325 ได้อย่างมั่นคง กลยุทธ์ที่ยังคงได้เปรียบคือการมองว่าการดีดตัวขึ้นใดๆ เป็นเพียงโอกาสในการหาจังหวะขายตามแนวโน้มหลักที่ยังคงเป็นขาลงอย่างชัดเจน

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,310

• $3,293

• $3,268

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,325

• $3,338

• $3,350