โลหะเงิน (XAG/USD) กำลังปรับตัวลดลงจากการปรับตัวขึ้นล่าสุดที่เห็นในเซสชันก่อนหน้า โดยอยู่ที่ประมาณ $32.50 ในช่วงเวลาซื้อขายในเอเชียของวันศุกร์ โลหะนี้อยู่ภายใต้แรงกดดัน อาจเป็นผลมาจากรายงานของ Financial Times ที่ระบุว่ารัฐบาลทรัมป์มีแผนที่จะเพิ่มบริษัทเซมิคอนดักเตอร์จีนหลายแห่งลงในบัญชีดำการส่งออกที่เรียกว่า "รายการเอนทิตี" การเชื่อมโยงที่เพิ่มขึ้นของโลหะเงินกับอุตสาหกรรมการผลิตชิป ซึ่งมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ กำลังเพิ่มความไวของตลาดต่อการพัฒนาดังกล่าว
ในขณะเดียวกัน ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยสำหรับโลหะมีค่า รวมถึงโลหะเงิน ได้อ่อนตัวลงท่ามกลางสัญญาณการลดความตึงเครียดทางการค้าโลก สหรัฐฯ และจีนได้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นเพื่อปรับลดภาษีอย่างมีนัยสำคัญ ตามข้อตกลงที่เสนอ สหรัฐฯ จะลดภาษีสำหรับการนำเข้าจากจีนจาก 145% เป็น 30% ขณะที่จีนจะลดภาษีสินค้าของสหรัฐฯ จาก 125% เป็น 10% การพัฒนานี้ถูกมองว่าเป็นก้าวที่ดีในการลดความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจ
แม้จะมีการปรับตัวลดลงล่าสุด แต่การปรับตัวลงของโลหะเงินอาจถูกจำกัดเมื่อดอลลาร์สหรัฐ (USD) อ่อนค่าลงหลังจากข้อมูลเศรษฐกิจที่เพิ่มความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในระยะใกล้ อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงในสหรัฐฯ โดยทั่วไปสนับสนุนราคาของโลหะเงิน เนื่องจากลดต้นทุนโอกาสในการถือสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนเช่นโลหะมีค่า
อย่างไรก็ตาม ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ เตือนว่าเงินเฟ้ออาจกลายเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากมากขึ้นเนื่องจากการช็อกด้านอุปทานที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งอาจทำให้ความพยายามของเฟดในการรักษาเสถียรภาพด้านราคาในอนาคตซับซ้อนขึ้น
แร่เงินเป็นโลหะมีค่าที่มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนอย่างมากในหมู่นักลงทุน ในอดีต โลหะเงินถูกใช้เป็นสินทรัพย์สะสมมูลค่าและเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน แม้ว่าจะได้รับความนิยมน้อยกว่าทองคํา แต่นักลงทุนอาจหันไปใช้โลหะเงินเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุนของตนเพื่อสะสมมูลค่า หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง นักลงทุนสามารถซื้อโลหะเงินจริงในรูปแบบของเหรียญ ในรูปแบบของแท่งหรือซื้อขายผ่านตัวกลางเช่น Exchange Traded Funds ซึ่งอ้างอิงราคาโลหะเงินในตลาดต่างประเทศ
ราคาโลหะเงินสามารถเคลื่อนไหวได้จากปัจจัยหลายประการ ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์หรือความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรงอาจทําให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นจากสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย แม้ว่าจะได้รับความสนใจน้อยกว่าทองคําก็ตาม ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง การเคลื่อนไหวของโลหะเงินยังขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของดอลลาร์สหรัฐ (USD) เพราะสินทรัพย์โลหะเงินซื้อขายด้วยราคาเป็นดอลลาร์ (XAGUSD) ดอลลาร์ที่แข็งค่ามีแนวโน้มที่จะรักษาราคาโลหะเงินไว้ แต่หากดอลลาร์อ่อนค่าลง มีแนวโน้มที่จะผลักดันราคาโลหะเงินให้สูงขึ้น ปัจจัยอื่นๆ เช่น อุปสงค์การลงทุน อุปทานการขุด (โลหะเงินมีมากกว่าทองคํามาก) และอัตราการนำกลับมาใช้ก็อาจส่งผลต่อราคาโลหะเงินได้เช่นกัน
โลหะเงินมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ เนื่องจากโลหะเงินสามารถนําไฟฟ้าได้สูงที่สุดชนิดหนึ่งเมื่อเทียบกับโลหะทั้งหมด มากกว่าทองแดงและทองคํา ความต้องการโลหะที่เพิ่มขึ้นสามารถทำให้ราคาโลหะเงินเพิ่มขึ้นได้ การเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จีน และอินเดียยังสามารถส่งผลต่อการแกว่งตัวของราคาโลหะเงิน ในสหรัฐฯ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน ภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของพวกเขาใช้โลหะเงินในกระบวนการต่างๆ ในอินเดีย ความต้องการโลหะมีค่าของผู้บริโภคเพื่อเอาไปสร้างเครื่องประดับก็มีบทบาทสําคัญในการกําหนดราคาโลหะเงินเช่นกัน
ราคาโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามราคาทองคํา เมื่อราคาทองคําสูงขึ้น โลหะเงินมักจะเคลื่อนไหวามความเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สถานะของสินทรัพย์ทั้งสองไม่ได้อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีความคล้ายคลึงกัน อัตราส่วนเปรียบเทียบทองคําและโลหะเงินจะให้ข้อมูลของจํานวนออนซ์ของโลหะเงินที่จําเป็นเพื่อให้เท่ากับมูลค่าของทองคําหนึ่งออนซ์ อัตราส่วนเปรียบทียบนี้อาจช่วยในการกําหนดการประเมินมูลค่าสัมพัทธ์ระหว่างโลหะทั้งสอง นักลงทุนบางคนอาจพิจารณาว่าหากอัตราส่วนนี้สูง จะหมายความว่าโลหะเงินมีมูลค่าต่ำเกินไป หรือทองคํามีมูลค่าสูงเกินไป ในทางตรงกันข้าม อัตราส่วนที่ต่ำอาจบ่งบอกว่าทองคํามีมูลค่าต่ำกินไปเมื่อเทียบกับโลหะเงิน