มูลค่าตลาด(Market Value) คืออะไร? และเหตุใดจึงมีความสำคัญต่อนักลงทุน

อัพเดทครั้งล่าสุด
coverImg
แหล่งที่มา: DepositPhotos

การวิเคราะห์การลงทุนมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะทางพื้นฐานและทางเทคนิค สำหรับทางพื้นฐานแล้ว มูลค่าตลาดหรือ Market Value มีความสำคัญอย่างมากสำหรับนักลงทุน เพราะได้รู้จักมูลค่ากิจการหรือธุรกิจมากขึ้น และมูลค่าตลาด ยังสามารถวัดความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่จะเข้าไปลงทุน โดยประเมินให้เห็นถึงข้อได้เปรียบเสียเปรียบนั่นเอง บทความนี้จะมารู้จักมูลค่าตลาดให้มากขึ้น

มูลค่าตลาด ( Market Value) คืออะไร

มูลค่าตลาด (Market Value) หมายถึง มูลค่ารวมของสินทรัพย์หรือสิ่งที่มีค่าของบริษัทหรือสิ่งที่เทียบเท่าทั้งหมดในตลาดในขณะนั้น มูลค่าตลาดจะถูกคำนวณโดยการนำราคาหุ้นหรือสินทรัพย์ทุกหนึ่งหน่วยคูณด้วยจำนวนหุ้นที่มีอยู่ นั่นคือ


 มูลค่าตลาด = ราคาหุ้นปัจจุบัน X จำนวนหุ้นทั้งหมด


มูลค่าตลาดมักถูกนำมาใช้เพื่อวัดขนาดของบริษัทหรือสินทรัพย์ในตลาดทางการเงิน มูลค่าตลาดยังสามารถแสดงถึงความสำคัญของบริษัทหรือสินทรัพย์ในตลาดที่กำลังซื้อขาย โดยมูลค่าตลาดที่มากขึ้นมักแสดงถึงขนาดทางการเงินที่ใหญ่ขึ้นหรือมีความสำคัญมากขึ้น. และความท้าทายอีกอย่างในการใช้มูลค่าตลาดสำหรับนักลงทุนก็คือการประเมินสินทรัพย์สภาพคล่อง เช่น ธุรกิจ หรืออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาจต้องการความช่วยเหลืออย่างมืออาชีพจากผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินมูลค่าบริษัทโดยตรง เพื่อให้มูลค่าใกล้เคียงกับสภาพกิจการ อุตสาหกรรมและสถานการณ์เศรษฐกิจมากที่สุด


ปัจจัยใดที่ส่งผลต่อ Market Value

มีหลายปัจจัยที่สามารถส่งผลต่อ Market Value หรือมูลค่าตลาดของบริษัทหรือทรัพย์สิน ซึ่งอาจแบ่งได้เป็นหลายประการ ดังนี้:


  • ประสิทธิภาพทางการเงินและการดำเนินธุรกิจของบริษัทมีผลต่อ Market Value ของบริษัทนั้น ๆ โดยตรง การทำกำไร, การเติบโตของยอดขาย, และการบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสามารถเพิ่มมูลค่าตลาดได้


  • สภาวะเศรษฐกิจทั่วไปมีผลต่อ Market Value ของบริษัทหลาย ๆ องค์กร ภาวะเศรษฐกิจที่เจริญรุ่งเรืองสามารถส่งผลให้ Market Value เพิ่มขึ้น ในขณะที่การกระทำทางเศรษฐกิจที่ไม่เช่นนั้นอาจทำให้ Market Value ลดลง


  • วิสัยทัศน์และการบริหารจัดการที่ดีสามารถมีผลต่อ Market Value ของบริษัท เพราะมีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนและตลาด


  • สินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพและการบริการที่ดีสามารถสร้างความน่าเชื่อถือในตลาด ซึ่งส่งผลต่อ Market Value ของบริษัท


  • ลูกค้าที่มีความพึงพอใจสูงสามารถทำให้บริษัทมีความเชื่อถือจากตลาด และส่งผลต่อค่า Market Value ของบริษัท


  • สภาพคล่องทางการเงิน ความสามารถในการจ่ายหนี้, การมีเงินสด, และโครงสร้างทางการเงินสามารถมีผลต่อ Market Value ของบริษัท


Market Value แสดงออกมาอย่างไร

โดยทั่วไปสามารถแสดงออกมาได้ 2 รูปแบบคือ 


  1. มูลค่าตลาดของบริษัท (Market Value): นิยามนี้ใช้กับบริษัทที่มีหุ้นในการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (stock market). มูลค่าตลาดของบริษัทคำนวณจากการคูณจำนวนหุ้นที่ออกและมีการซื้อขายบนตลาด (Outstanding Shares) ด้วยราคาหุ้นปิดตลาด (Closing Stock Price) 


  2. มูลค่าตลาดของทรัพย์สิน (Property Market Value): ในที่นี้, มูลค่าตลาดมีการใช้กับทรัพย์สิน เช่น อสังหาริมทรัพย์, สินทรัพย์ทางธุรกิจ, หรือทรัพย์สินที่ไม่ได้รับการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์. การคำนวณมูลค่าตลาดของทรัพย์สินสามารถทำได้โดยการใช้วิธีประเมินราคาทรัพย์สิน เช่น การให้คะแนนคุณภาพ, การประเมินตลาด, และปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อราคา


Market Value คำนวณอย่างไร

จากสูตรคำนวณ มูลค่าตลาด = ราคาหุ้นปัจจุบัน X จำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด. มาฝึกวิธีคำนวณจริง ตัวอย่างเช่น


บริษัท AAA  มีหุ้นสามัญทั้งหมด 300 ล้านหุ้น ราคาหุ้นของบริษัทมีการซื้อขาย ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 1.50 บาทต่อหุ้น ดังนั้น 


มูลค่าตลาดอยู่ที่ 300 ล้านบาท X 1.50 บาท = บริษัท AAA มีมูลค่าตลาดที่ 450 ล้านบาท 


market value

Market Value vs. Market Price

Market Price (ราคาตลาด) คือ ระดับราคาต่างๆที่ผู้ซื้อหรือผู้ขายพอใจในการซื้อขาย ถ้าฝั่งซื้อมีความต้องการซื้อมากกว่า จะทำให้ราคาตลาดขึ้นสูง ในกรณีกลับกัน ถ้าฝั่งขายมีความต้องการขาย มากกว่า จะทำให้ราคาตลาดนั้นมีแนวโน้มที่ราคาจะถูกลง ระดับราคาเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับอารมณ์ของผู้ซื้อ และผู้ขาย


ดังนั้น Market Value และ Market Price เป็นคำที่ใช้ในทางการเงินและการลงทุน แม้ว่าความหมายของทั้งสองคำนี้จะมีความคล้ายคลึงกัน แต่มีความแตกต่างที่สำคัญ 


ด้านระยะเวลา

Market Value: มูลค่าตลาดมักถูกนำมาใช้ในทางการวิเคราะห์และการตัดสินใจการลงทุนในระยะยาว, โดยมองไปที่มูลค่าที่เป็นไปตามความประสงค์ของตลาด

Market Price: ราคาตลาดเปลี่ยนไปตลอดเวลาตามการซื้อขายในตลาด และสามารถมีการเปลี่ยนแปลงในทุกๆ วัน


ด้านการคำนวณ

Market Value: มักถูกคำนวณโดยใช้วิธีทางการเงินหรือการประเมินราคาทรัพย์สิน

Market Price: คือราคาที่เกิดขึ้นในตลาดขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างซื้อขายจริง


ด้านผู้ลงทุน

Market Value: ใช้เพื่อวิเคราะห์ความคาดหวังในระยะยาวและการลงทุนในทรัพย์สินหรือหุ้น

Market Price: มีผลต่อผู้ลงทุนที่สนใจในการทำกำไรจากการซื้อขายในระยะสั้น.


Market Value vs. Book Value

มูลค่าตามบัญชี ( Book Value) หมายถึง มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของบริษัท (Net Asset Value : NAV) ตามงบดุลล่าสุดของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ ดังนั้น มูลค่าทางบัญชีจะเท่ากับจำนวนเงินที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับหากบริษัทตัดสินใจที่จะเลิกกิจการ โดยคำนวณได้จาก มูลค่าตามบัญชี = สินทรัพย์รวม – หนี้สินรวม ตัวอย่างเช่น


บริษัท BBB  มีสินทรัพย์รวมทั้งหมด 500 ล้านบาท และมีหนี้สินรวม 250 ล้านบาท มูลค่าทางบัญชีของบริษัทจะเท่ากับ 250 ล้าน (500 – 250) ดังนั้น ถ้าหากบริษัทมีการยกเลิกกิจการและทำการขายสินทรัพย์เพื่อชำระหนี้ มูลค่าสุทธิของบริษัทจะอยู่ที่ 250 ล้านบาท


Market Value (มูลค่าตลาด) และ Book Value (มูลค่าตามบัญชี) เป็นสองแนวทางสำคัญในการวิเคราะห์การลงทุนและประเมินมูลค่าของบริษัทหรือทรัพย์สิน. ดังนั้น, ข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญในการทำกำไรหรือขาดทุน, การตัดสินใจการลงทุน, และการประเมินความเสี่ยงของการลงทุน. นี่คือความแตกต่างระหว่าง Market Value และ Book Value 


  • การคำนวณมูลค่า

          Market Value: คำนวณค่าทางตลาด และมีโอกาสที่จะแปลงเป็นเงินจริง

          Book Value: คำนวณค่าทางบัญชี, ซึ่งอาจไม่สามารถแสดงถึงค่าตลาดจริง


  • การเปลี่ยนแปลง

          Market Value: มีความผันผวนตลอดเวลาตามการเปลี่ยนแปลงในตลาด

          Book Value: มักเปลี่ยนแปลงน้อยเมื่อเทียบกับ Market Value


  • การใช้งาน

          Market Value: ใช้ในการตัดสินใจการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับราคาที่กำลังเกิดขึ้นในตลาด

          Book Value: ใช้ในการประมาณค่าบัญชีและการประเมินความเสี่ยงของการลงทุน


Market Value vs. Market Cap

Market Capitalization (มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด) หรือ บางครั้งเรียกสั้นๆ ว่า Market Cap คือ มูลค่าตลาดรวมของหุ้นที่โดดเด่นของบริษัท ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ขนาดของบริษัทโดยรวม ซึ่งตัวเลข Market Cap คือ ตัวบ่งชี้ที่สามารถบอกนักลงทุนถึงศักยภาพ และโอกาสในการลงทุนในบริษัทนั้นๆ ได้ EX. มาร์เก็ตแค๊ปของบริษัท Apple Inc. สิ้นปี 2023 มีมูลค่าสูงถึง 3.00 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ 


แม้ทั้งสองคำจะมีความหมายที่ใกล้เคียงกัน แต่ลึกๆมีลักษณะที่แตกต่างกันดังนี้


ขอบเขตของการคำนวณ

Market Value: เป็นคำศัพท์ที่กว้างและสามารถใช้ในการบ่งบอกถึงมูลค่าทั้งหมดของสินทรัพย์หรือบริษัทที่เกี่ยวข้อง

Market Capitalization: เป็นทางเลือกที่ให้คำนวณมูลค่าตลาดของบริษัทในลักษณะที่เฉพาะเจาะจง


ลักษณะการนำไปใช้ที่แตกต่าง

Market Value: ใช้ในทางทั่วไปเพื่อบ่งบอกถึงมูลค่าทางตลาดของสินทรัพย์หรือบริษัท

Market Capitalization: ใช้เป็นที่นิยมในการวิเคราะห์หุ้น และในประเมินขนาดของบริษัท


ข้อจำกัดของ Market Value

การใช้ Market Value เพื่อวิเคราะห์หรือตัดสินใจการลงทุนมีข้อจำกัดบางประการเช่น 


  1. Market Value มีความผันผวนตลอดเวลาตามการซื้อขายในตลาด ราคาหุ้นหรือราคาทรัพย์สินอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยรวดเร็วและมีการกระทำจากผู้ลงทุนหรือปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อตลาด


  2. การคำนวณ Market Value ของบริษัทอาจไม่ครอบคลุมทุกด้านของความเศรษฐกิจของบริษัท ไม่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างภายในของบริษัท, กำไรสุทธิ, หรือภาพรวมของทรัพย์สิน


  3. Market Value ไม่ได้แสดงค่าบริษัททั้งหมด มักจะมีต่อการซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์, ซึ่งหลายบริษัทที่มีการซื้อขายบนตลาดทรัพย์สินไม่ได้ถูกประมาณค่า


  4. ตลาดทุนอาจมีความผันผวนที่ไม่สม่ำเสมอ ทำให้ Market Value สามารถเปลี่ยนแปลงได้จากผลกระทบของตลาดที่ไม่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพของบริษัท

สรุป Market Value

มีประโยชน์และเข้าใจกันมากขึ้นสำหรับรูปแบบการคำนวณและความหมายที่แท้จริงของมูลค่าตลาด (Market Value) ซึ่งสามารถนำไปวิเคราะห์ลักษณะของความคุ้มค่าเพื่อเปรียบเทียบกับตัวชี้วัดทางการเงินต่างๆ ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในกิจการหรือธุรกิจใดๆ นอกเหนือจากการวิเคราะห์เชิงเทคนิคเพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะสำหรับการลงทุนที่อาศัยระยะเวลาเกี่ยวข้องด้วย

คำถามที่พบบ่อย

ทำไมต้องรู้จักหามูลค่าตลาด

-Market Value นำมาใช้เพื่อวัดมูลค่าปัจจุบันของสินทรัพย์หรือบริษัทในตลาด. มูลค่าทางตลาดที่สูงสุดสามารถแสดงถึงความเชื่อมโยงทางการเงินที่มีอยู่ในตลาด. -สำหรับนักลงทุนหุ้น, มูลค่าตลาดมีความสำคัญในการวิเคราะห์หุ้น. มูลค่าตลาดสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับขนาดของบริษัทและความเครียดทางตลาด. -มูลค่าตลาดสามารถใช้ในการประเมินความเสี่ยงของการลงทุน. การที่มูลค่าตลาดของหลักทรัพย์หรือบริษัทเปลี่ยนแปลงได้มีผลต่อความเสี่ยงที่มีต่อการลงทุน.

การเปรียบเทียบมูลค่าทางบัญชีและมูลค่าตลาด บ่งบอกอะไรสำหรับนักลงทุน

การตัดสินใจการลงทุน ซึ่งนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นหรือทรัพย์สินมักใช้มูลค่าตลาดเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดในการตัดสินใจ. มูลค่าตลาดสูงหรือต่ำสามารถช่วยให้นักลงทุนทราบถึงความน่าสนใจของการลงทุนนั้น มูลค่าตลาดของบริษัทมักสูงกว่ามูลค่าทางบัญชี โดยตลาดมองว่าบริษัทส่วนใหญ่มีโอกาสในการสร้างรายได้มากกว่าสินทรัพย์ที่ตัวเองมี สะท้อนถึงนักลงทุนเชื่อว่าบริษัทมีโอกาสขยายตัวและสร้างผลกำไรที่ดีในอนาคต จึงประเมินว่ามูลค่าตลาดของบริษัทสูงกว่ามูลค่าทางบัญชีที่แสดงไว้ในปัจจุบัน

ข้อควรรระวังสำหรับการคำนวณหามูลค่าตลาด

มีข้อควรระวังบางประการที่ควรพิจารณาคือ ข้อมูลราคาหุ้นหรือทรัพย์สินที่ใช้ในการคำนวณควรมีความน่าเชื่อถือและถูกสะท้อนจากตลาดที่มีความสากล การใช้ข้อมูลที่ไม่เป็นทางการหรือไม่แน่นอนอาจทำให้คำนวณผลลัพธ์ที่ไม่แม่นยำ. และการคำนวณมูลค่าตลาดอาจถูกผลกระทบจากความไม่สมบูรณ์ของข้อมูลทางการเงิน, ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลการเงินที่ไม่ครบถ้วนหรือที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ

*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา


การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน

goTop
quote
บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่?
บทความที่เกี่ยวข้อง
placeholder
หาเงินออนไลน์ ถูกกฎหมาย! แนะนำ 9 วิธีหาเงินออนไลน์การหาเงินหลักล้านไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปในยุคที่ไร้พรมแดนและทุกคนสามารถเข้าถึงสื่อโซเชียลมีเดียได้อย่างเท่าเทียมกัน ห้ามพลาดกับวิธีหาเงินออนไลน์ทั้ง 9 แบบที่เรานำมาฝาก
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 28 พ.ย. 2023
การหาเงินหลักล้านไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปในยุคที่ไร้พรมแดนและทุกคนสามารถเข้าถึงสื่อโซเชียลมีเดียได้อย่างเท่าเทียมกัน ห้ามพลาดกับวิธีหาเงินออนไลน์ทั้ง 9 แบบที่เรานำมาฝาก
placeholder
วิธีดูกราฟราคาทองที่นักลงทุนทองคำต้องรู้ ฉบับมือใหม่ต้องอ่านบทความนี้จะแนะนำวิธีดูกราฟราคาทองสำหรับมือใหม่ ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจแนวโน้มตลาด และระบุจังหวะการซื้อขายที่เหมาะสม
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 01 มิ.ย. 2023
บทความนี้จะแนะนำวิธีดูกราฟราคาทองสำหรับมือใหม่ ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจแนวโน้มตลาด และระบุจังหวะการซื้อขายที่เหมาะสม
placeholder
10 อันดับแอพหาเงินสร้างรายได้เสริมปี 2024ยังจำเป็นอยู่ไหมกับการทำงานกินเงินเดือนที่ต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน ปัจจุบันที่ใคร ๆ ต่างก็นั่งทำงานหารายได้จากหลายช่องทางต้องบอกว่าหมดยุคแล้วกับตอกบัตรเข้าออฟฟิศ และนี่คือทั้งหมดของแอพหาเงินที่เรารวบรวมมาเป็นตัวเลือกสำหรับการสร้างรายได้แบบง่าย ๆ ที่บ้านสำหรับปีนี้ที่เรานำมาฝากกัน
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 30 ส.ค. 2023
ยังจำเป็นอยู่ไหมกับการทำงานกินเงินเดือนที่ต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน ปัจจุบันที่ใคร ๆ ต่างก็นั่งทำงานหารายได้จากหลายช่องทางต้องบอกว่าหมดยุคแล้วกับตอกบัตรเข้าออฟฟิศ และนี่คือทั้งหมดของแอพหาเงินที่เรารวบรวมมาเป็นตัวเลือกสำหรับการสร้างรายได้แบบง่าย ๆ ที่บ้านสำหรับปีนี้ที่เรานำมาฝากกัน
placeholder
ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) และ ต้นทุนผันแปร (Variable Cost) คืออะไร และ มีอะไรบ้างต้นทุนในธุรกิจ ทั้งต้นทุนคงที่และต้นทุนผันแปร เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจและความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ บทความนี้ เรามาทำความรู้จักกันว่า ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) และ ต้นทุนผันแปร (Variable Cost) คืออะไร และมีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย
ผู้เขียน  MitradeInsights
3 เดือน 01 วัน ศุกร์
ต้นทุนในธุรกิจ ทั้งต้นทุนคงที่และต้นทุนผันแปร เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจและความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ บทความนี้ เรามาทำความรู้จักกันว่า ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) และ ต้นทุนผันแปร (Variable Cost) คืออะไร และมีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย
placeholder
คำสั่ง Long , Short คืออะไร? ​คำสั่ง Long (Buy), Short (Sell) คืออะไร คราวนี้เราก็จะมาพาเทรดเดอร์ทั้งมือเก่าและมือใหม่ไปทำความรู้จักคำสั่งนี้กัน เพื่อคล้าโอกาสการเทรดและทำกำไรจากความผันผวนของตลาดเงินให้มากขึ้น ตามมาดูกันเลย
ผู้เขียน  MitradeInsights
วันที่ 08 มิ.ย. 2023
​คำสั่ง Long (Buy), Short (Sell) คืออะไร คราวนี้เราก็จะมาพาเทรดเดอร์ทั้งมือเก่าและมือใหม่ไปทำความรู้จักคำสั่งนี้กัน เพื่อคล้าโอกาสการเทรดและทำกำไรจากความผันผวนของตลาดเงินให้มากขึ้น ตามมาดูกันเลย
ราคาเสนอแบบเรียลไทม์