​วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 23 ก.ค. 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 23 กรกฏาคม 2568 เปิดตลาดมาวันนี้ ราคาทองคำ XAUUSD พุ่งขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สอง ทะยานไปกว่า 0.9% แตะระดับ 3,438 ดอลลาร์ หลังจากร่วงไปแตะ 3,383 ดอลลาร์ในช่วงสั้นๆ สาเหตุหลักๆ ที่เห็นกันชัดๆ เลยก็คือการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเมื่อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐให้ผลตอบแทนน้อยลงติดต่อกันเป็นวันที่ห้า นักลงทุนก็เทขายดอลลาร์ ทำให้ค่าเงินอ่อนลง พอค่าเงินดอลลาร์อ่อน ทองคำในสายตาของนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่นก็ถูกลงทันที เลยแห่กันเข้ามาซื้อเก็บไว้

ประกอบกับข่าวลือหนาหูว่าดีลการค้าระหว่างสหรัฐกับสหภาพยุโรปอาจจะไม่จบลงง่ายๆ ก่อนเดดไลน์วันที่ 1 สิงหาคมนี้ ยิ่งทำให้นักลงทุนใจคอไม่ดี ต้องวิ่งหาหลุมหลบภัยที่มั่นคงที่สุด ซึ่งก็หนีไม่แพ้ทองคำ สินทรัพย์ปลอดภัยตลอดกาล จนราคาทะยานไปทำจุดสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์เลยทีเดียว

เบื้องลึก Fed อุ้มแบงก์ใหญ่ เสียงเรียกหา “ทองคำ” เริ่มดังขึ้น

เรื่องที่ต้องจับตาแบบห้ามกระพริบเลยคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นภายในธนาคารกลางสหรัฐ หรือ Fed เพราะมันคือต้นตอของความเปลี่ยนแปลงทั้งหมด Judy Shelton อดีตผู้ที่เคยถูกเสนอชื่อให้เป็นคณะกรรมการ Fed และเป็นนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดัง ได้ออกมาวิจารณ์นโยบายของ Fed อย่างเผ็ดร้อนว่า Fed กำลังทำในสิ่งที่เรียกว่า “เงินอุดหนุนแบบเงียบๆ” ให้กับธนาคารยักษ์ใหญ่บนวอลล์สตรีทและธนาคารต่างชาติ

เรื่องของเรื่องคือ Fed จ่ายดอกเบี้ยสูงถึง 4.4% ให้กับเงินสดสำรองจำนวนมหาศาลกว่า 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ ที่ธนาคารพาณิชย์เอามาฝากไว้กับ Fed ลองคิดดูสิครับว่ามันมหาศาลแค่ไหน เฉพาะปีที่แล้ว Fed จ่ายดอกเบี้ยส่วนนี้ไปถึง 226.8 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่ารายได้ทั้งหมดของ Fed เอง จนทำให้สถาบันขาดทุนจากการดำเนินงานไปถึง 77.5 พันล้านดอลลาร์ เป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว

Shelton บอกว่าเงินเหล่านี้คือเงินภาษีของคนอเมริกันแท้ๆ แต่กลับถูกนำไปจ่ายให้กับแบงก์ใหญ่ แถมเกือบ 40% ของเงินก้อนนี้ยังไหลไปเข้ากระเป๋าของสถาบันการเงินต่างชาติ ที่แห่เอาเงินมาฝากที่ Fed เพื่อกินดอกเบี้ยสูงๆ เพราะดอกเบี้ยในประเทศตัวเองต่ำเตี้ยเรี่ยดิน นี่คือจุดที่ทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามถึงบทบาทของ Fed และเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ที่มั่นคงกว่า ซึ่งก็คือการกลับไปผูกค่าเงินดอลลาร์กับทองคำอีกครั้ง

พันธบัตรทองคำ 2026 และระเบิดเวลา 1 ล้านล้านดอลลาร์ในมือ Fed

เมื่อระบบปัจจุบันเริ่มสั่นคลอน Judy Shelton ก็ไม่ได้แค่วิจารณ์ แต่ยังเสนอทางออกที่น่าสนใจมากๆ นั่นคือการให้กระทรวงการคลังสหรัฐออกพันธบัตรอายุ 50 ปี ที่สามารถแลกเป็นทองคำได้ในอนาคต โดยเสนอให้เปิดตัวในวันที่ 4 กรกฎาคม 2026 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 250 ปีของอเมริกาพอดี

แผนนี้ฉลาดตรงที่มันไม่ใช่การเอาทองคำมาค้ำประกันค่าเงินดอลลาร์ในทันที ซึ่งอาจจะทำให้คนแห่มาถอนทองจนคลังล่ม แต่มันคือ “คำสัญญา” ที่จะจ่ายเป็นทองคำในอีก 50 ปีข้างหน้า ซึ่งจะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและเสถียรภาพให้กับค่าเงินดอลลาร์ในระยะยาว และยังทำให้รัฐบาลกู้เงินได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงด้วย เพราะนักลงทุนยอมจ่ายแพงขึ้นเพื่อแลกกับการค้ำประกันด้วยทองคำ

แต่ในขณะเดียวกัน Fed ก็กำลังนั่งทับ “ระเบิดเวลา” ลูกใหญ่อยู่ นั่นคือพอร์ตการลงทุนของ Fed เองมีผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (Unrealized Loss) สูงกว่า 900 พันล้านดอลลาร์ หรือถ้าดูตัวเลขล่าสุดในเดือนมิถุนายนก็คือ 1.06 ล้านล้านดอลลาร์!

พูดง่ายๆ คือ Fed ถือสินทรัพย์ที่ซื้อมาตอนราคาแพง แต่ตอนนี้ราคาตกฮวบ ถ้าขายตอนนี้คือขาดทุนยับทันที ซึ่งหมายความว่า Fed จะไม่สามารถส่งกำไรคืนคลังของสหรัฐได้ไปอีกหลายปี หรืออาจจะนานเป็นสิบปีเลยก็ได้ นี่คือความเปราะบางของระบบการเงินปัจจุบันที่ทำให้ทองคำยิ่งทวีความสำคัญขึ้นไปอีก

คลื่นใต้น้ำในอเมริกากำลังหันหาทองคำ

ความไม่เชื่อมั่นในค่าเงินดอลลาร์ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในเวทีโลก แต่กำลังก่อตัวเป็น “คลื่นใต้น้ำ” อยู่ในอเมริกาเอง Jp Cortez ผู้อำนวยการของ Sound Money Defense League บอกว่าตอนนี้มีถึง 10 รัฐที่ออกกฎหมายเกี่ยวกับ “เงินที่มั่นคง” (Sound Money) และอีก 20 รัฐกำลังพิจารณาตามมา

นโยบายเหล่านี้คือการยอมรับให้ทองคำและเงินเป็นโลหะมีค่าที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย และส่วนใหญ่เริ่มจากการยกเลิกภาษีการขายเมื่อซื้อ-ขายทองคำแท่ง เพราะคนอเมริกันเริ่มตระหนักว่าค่าเงินดอลลาร์ที่เขาถืออยู่มีกำลังซื้อลดลงไปเกือบ 27% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หลายรัฐเริ่มแสดงความต้องการที่จะลดการพึ่งพิงเงินดอลลาร์และปกป้องความมั่งคั่งของรัฐจากนโยบายของรัฐบาลกลาง

อย่างรัฐ Utah เป็นหนึ่งในรัฐแรกๆ ที่อนุญาตให้กองทุนของรัฐลงทุนในทองคำได้ถึง 10% และตอนนี้มีมูลค่ากว่า 180 ล้านดอลลาร์แล้ว การเคลื่อนไหวนี้กำลังลามไปถึงระดับประเทศ โดยมีการเสนอร่างกฎหมาย Gold Reserve Transparency Act เพื่อตรวจสอบทองคำสำรองของชาติเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี เพราะในขณะที่ชาติตะวันตกกำลังวุ่นอยู่กับการพิมพ์เงิน ประเทศฝั่งตะวันออกอย่างจีนและรัสเซียกลับเร่งสะสมทองคำอย่างบ้าคลั่ง

นี่คือภาพใหญ่ที่ขับเคลื่อนราคาทองคำอยู่เบื้องหลัง มันไม่ใช่แค่เรื่องของกราฟรายวันอีกต่อไป แต่มันคือการต่อสู้เชิงโครงสร้างของระบบการเงินโลกที่นักลงทุนทองคำทุกคนต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด

อัปเดตสถานการณ์ราคาทองคำกันต่อครับ จากที่เราคุยกันว่าเกมวัดใจอยู่ที่แนวต้าน $3,400 วันนี้ต้องบอกว่าพลังกระทิงรอบนี้เหนือความคาดหมายจริงๆ ตลาดไม่เพียงแต่ไม่ย่อตัวลงไปทดสอบแนวรับ $3,372 แต่กลับใช้แรงส่งมหาศาลทะลวงกำแพงแนวต้าน $3,400 และเป้าหมายถัดไปที่ $3,417 ไปได้อย่างง่ายดาย จนขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดใหม่ที่บริเวณใกล้เคียง $3,440 ก่อนที่จะมีแรงเทขายทำกำไรกดราคาลงมาอยู่ที่ $3,424

แต่เมื่อเราพิจารณาจากกราฟล่าสุด จะเห็นว่าแม้ภาพใหญ่จะดูดี แต่ภาพระยะสั้นในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้าเริ่มมีความเสี่ยงสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อินดิเคเตอร์อย่าง RSI ยังคงลอยตัวอยู่ในโซน Overbought หรือ โซนซื้อมากเกินไปอย่างต่อเนื่อง แต่ที่น่าจับตามากที่สุดคือ Stoch RSI ที่อินดิเคเตอร์ทั้งสองเส้นได้พุ่งขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในโซน Overbought ก่อนที่จะเกิดสัญญาณตัดกันลง (Bearish Crossover) ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนภัยระยะสั้นที่ค่อนข้างแม่นยำ มันกำลังบอกเราว่าพลังในการซื้อเริ่มอ่อนล้าเต็มทีแล้ว และตลาดพร้อมที่จะเข้าสู่ช่วง “พักตัว” หรือ “ปรับฐาน” ได้ทุกเมื่อ สอดคล้องกับแท่งเทียน 4 ชั่วโมงล่าสุดที่เป็นแท่งสีแดง แสดงถึงแรงขายที่เริ่มกลับเข้ามาคุมตลาดหลังจากที่ราคาทำจุดสูงสุดใหม่

ดังนั้น แผนการเทรดใน 24 ชั่วโมงข้างหน้าจึงเปลี่ยนไปจากเดิม ตอนนี้ด่านสำคัญไม่ได้อยู่ที่ $3,400 อีกต่อไป แต่เป็นการจับตาดู “แนวรับใหม่” ที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นมา แนวต้านเก่าที่บริเวณ $3,415 ได้แปรสภาพกลายเป็นแนวรับแรกที่สำคัญที่สุด หากราคาสามารถย่อตัวลงมาแล้วยืนเหนือระดับนี้ได้ ก็ยังมีโอกาสที่จะสะสมกำลังเพื่อกลับขึ้นไปทดสอบยอดเดิมที่ $3,440 อีกครั้ง

แต่หากหลุดแนวรับ $3,415 ลงมา เป้าหมายต่อไปที่ราคาจะลงไปทดสอบก็คือด่าน $3,400 ซึ่งตอนนี้กลายเป็นแนวรับทางจิตวิทยาที่แข็งแกร่งมาก หากราคายังคงสามารถประคองตัวเหนือ $3,400 ไว้ได้ ภาพรวมขาขึ้นก็ยังไม่เสียไป แต่หากหลุดแนวรับสุดท้ายที่ $3,372 ลงมา นั่นจะเป็นการยืนยันการพักตัวที่ชัดเจนและอาจจะลึกกว่าที่คาดการณ์ไว้

สรุปสถานการณ์ตอนนี้คือ แม้เทรนด์หลักยังเป็นขาขึ้น แต่แรงซื้อระยะสั้นเริ่มหมดแล้ว และตลาดมีแนวโน้มสูงที่จะย่อตัวลงมาสร้างฐานราคาใหม่ ให้จับตาดูแนวรับ $3,415 และ $3,400 อย่างใกล้ชิด เพราะนี่คือสองจุดวัดใจสำคัญที่จะบอกเราว่าการพักตัวรอบนี้จะจบลงแค่นี้แล้วไปต่อ หรือจะย่อตัวลงลึกกว่าเดิม

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,415

• $3,400

• $3,372

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $3,439

• $3,451

• $3,500