วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 12 ส.ค. 2568

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
เปิดตลาดวันอังคารที่ 12 สิงหาคม 2568 ราคาทองคำยังคงอยู่ในภาวะผันผวนสูง หลังจากเผชิญแรงเทขายอย่างหนักเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สาเหตุสำคัญมาจากความสับสนและตื่นตระหนกเกี่ยวกับนโยบายภาษีนำเข้าทองคำของสหรัฐฯ แม้ประธานาธิบดี Donald Trump จะออกมาสยบข่าวลือดังกล่าวแล้ว แต่ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นก็ได้สร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วตลาดการเงินโลก อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความผันผวนระยะสั้นนี้ นักวิเคราะห์หลายสำนักยังคงมองว่าปัจจัยพื้นฐานที่สนับสนุนทิศทางขาขึ้นของราคาทองคำยังคงแข็งแกร่ง
“ภาษีทองคำ” จุดชนวนแรงเทขายทั่วกระดาน
ความโกลาหลในตลาดเริ่มต้นขึ้นเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน ภายหลังจากมีรายงานข่าวอ้างอิงจากหน่วยงานศุลกากรของสหรัฐฯ (U.S. Customs and Border Protection) ที่ระบุว่าทองคำแท่งขนาด 1 กิโลกรัม และ 100 ออนซ์ ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานที่ซื้อขายกันในตลาดโลก จะถูกจัดอยู่ในหมวดสินค้าที่ต้องเสียภาษีนำเข้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการตีความว่าจะต้องเผชิญกับอัตราภาษีที่สูงถึง 39% สำหรับทองคำที่นำเข้าจากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการค้าทองคำที่สำคัญที่สุดของโลก
ข่าวดังกล่าวได้จุดชนวนความตื่นตระหนกในหมู่นักลงทุนทันที เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าทองคำสู่ตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดฟิวเจอร์สที่ใหญ่ที่สุด อาจพุ่งสูงขึ้นอย่างมหาศาล ส่งผลให้ราคาทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) ในตลาด COMEX ของสหรัฐฯ ดีดตัวพุ่งขึ้นทำสถิติใหม่ และมีราคาสูงกว่าราคาทองคำจริงในตลาดลอนดอน (Spot Gold) ถึงกว่า 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ก่อนที่แรงเทขายทำกำไรอย่างหนักจะกดดันให้ราคาทองคำดิ่งลงรุนแรงในวันจันทร์
นักวิเคราะห์เสียงแตก ตื่นตูมเกินเหตุ หรือสัญญาณเตือน?
ท่ามกลางความอลหม่านที่เกิดขึ้น มุมมองของนักวิเคราะห์ได้แตกออกเป็นสองทาง โดย Rhona O’Connell หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ตลาดของ StoneX ให้ความเห็นว่า ความผันผวนที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพียงการตื่นตระหนกเกินกว่าเหตุ แม้ส่วนต่างของราคาระหว่างตลาดสหรัฐฯ และลอนดอนจะถ่างออกไปกว่า 100 ดอลลาร์ จนกลายเป็นพาดหัวข่าวใหญ่ แต่เมื่อพิจารณาเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว ส่วนต่างดังกล่าวยังไม่ได้ทำลายสถิติใหม่แต่อย่างใด และสอดคล้องกับภาวะที่เคยเกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
สอดคล้องกับความเห็นของ Joseph Cavatoni นักยุทธศาสตร์การตลาดอาวุโสจากสภาทองคำโลก (World Gold Council) ที่มองว่าตลาดยังคงเคลื่อนไหวอย่างมีระเบียบเพื่อรอความชัดเจนจากทางการ อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์อีกฝั่งหนึ่งเตือน ว่าแม้ Donald Trump จะออกมายืนยันผ่านโซเชียลมีเดียว่าจะไม่มีการเก็บภาษีทองคำ แต่ความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นได้สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของตลาดและความไม่แน่นอนเชิงนโยบาย ซึ่งจะยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างความผันผวนต่อไปในสัปดาห์นี้
มองข้ามความผันผวน ปัจจัยพื้นฐานยังแกร่ง ส่องเป้า $4,000
หากมองข้ามความผันผวนระยะสั้นที่เกิดจากประเด็นภาษี นักวิเคราะห์หลายคนยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มราคาทองคำในระยะยาว โดย Mike McGlone นักยุทธศาสตร์อาวุโสฝ่ายสินค้าโภคภัณฑ์ของ Bloomberg Intelligence ยังคงมองเห็นเส้นทางที่ชัดเจนที่ราคาทองคำจะพุ่งทะยานสู่ระดับ $4,000 ต่อออนซ์ภายในสิ้นปีนี้
เขาชี้ว่าราคาทองคำได้สร้างฐานที่แข็งแกร่งบริเวณแนวรับสำคัญที่ $3,300 ต่อออนซ์นับตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา และปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันให้ราคาทะยานขึ้นต่อไปอาจมาจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยดัชนี S&P 500 ซึ่งซื้อขายอยู่ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่กว่า 6,400 จุด เริ่มแสดงสัญญาณอ่อนตัว การปรับฐานของตลาดหุ้นอาจเป็นตัวเร่งให้นักลงทุนโยกย้ายเงินทุนมายังทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
นอกจากนี้ รายงานจาก Heraeus บริษัทวิเคราะห์โลหะมีค่าชั้นนำ ยังตอกย้ำถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยระบุว่าอุปสงค์ทองคำทั่วโลกในไตรมาสที่ 2 ของปี 2025 ยังคงเติบโตกว่า 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนหลักจากความต้องการลงทุนผ่านกองทุน ETF ทองคำ ซึ่งมีเม็ดเงินไหลเข้าอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สี่ติดต่อกัน โดยเฉพาะในอเมริกาเหนือและเอเชีย สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนสถาบันยังคงกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้า
ปัจจัยเสริมที่สำคัญอีกประการคือความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในสหรัฐฯ เอง ไม่ว่าจะเป็นการที่ประธานาธิบดี Trump ออกมาแสดงความไม่พอใจและกดดันธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ให้ลดอัตราดอกเบี้ย หรือการตั้งคำถามต่อความน่าเชื่อถือของข้อมูลเศรษฐกิจที่ภาครัฐประกาศ ซึ่งการกระทำเหล่านี้ล้วนบั่นทอนความเชื่อมั่นในค่าเงินดอลลาร์และนโยบายของรัฐบาล และยิ่งทำให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์หลบภัยขั้นสูงสุดมีความน่าดึงดูดยิ่งขึ้นในสายตานักลงทุนทั่วโลก
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
ฝั่งหมีสามารถแสดงพลังกดดันราคาทองคำให้หลุดแนวรับสำคัญที่โซน $3,372-$3,373 ดอลลาร์ลงมาได้สำเร็จ ซึ่งการหลุดแนวรับนี้เปรียบเสมือนการยืนยันว่าโมเมนตัมได้เปลี่ยนข้างมาเป็นของฝั่งขายอย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้เกิดแรงเทขายตามมาอย่างต่อเนื่อง กดดันให้ราคาดิ่งลงไปสู่เป้าหมายถัดไปที่บริเวณ $3,350 ดอลลาร์ และลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบหลายวันใกล้แนวรับ $3,338 ดอลลาร์ ก่อนที่จะเริ่มเห็นแรงซื้อกลับเข้ามาพยุงราคาและเกิดการดีดตัวทางเทคนิคขึ้นมาเล็กน้อย
โดยปัจจุบันราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ $3,351 ดอลลาร์ ซึ่งภาพรวมตอนนี้ได้เปลี่ยนมาเป็นแนวโน้มขาลงที่ชัดเจนขึ้น โดยมีโซนแนวรับเดิมที่ $3,360 - $3,373 ดอลลาร์ กลายมาเป็นแนวต้านสำคัญในระยะสั้น
ด้าน Indicators ก็จะเห็นสัญญาณที่น่าสนใจและมีความขัดแย้งกันซึ่งต้องตีความอย่างระมัดระวัง เริ่มจาก Stochastic RSI ที่ได้ดิ่งลงสู่เขตขายมากเกินไป (Oversold) อย่างรวดเร็วตามที่คาดการณ์ และล่าสุดได้เริ่มส่งสัญญาณเชิงบวกครั้งแรกในรอบหลายแท่งเทียน โดยเส้นได้ตัดกันขึ้นมาและเริ่มหักหัวชี้ขึ้นจากโซน Oversold ซึ่งโดยทั่วไปแล้วนี่คือ “สัญญาณซื้อ” ในระยะสั้น บ่งชี้ว่าแรงขายที่ถาโถมเข้ามาอย่างหนักได้เริ่มชะลอตัวลงแล้ว และตลาดอาจเข้าสู่ช่วงของการรีบาวด์หรือการพักตัวเพื่อลดความร้อนแรงของขาลง
อย่างไรก็ตาม สัญญาณนี้จำเป็นต้องได้รับการยืนยันจากเครื่องมืออื่นประกอบกัน เพราะบ่อยครั้งที่การดีดตัวจากเขต Oversold อาจเป็นเพียงการรีบาวด์ทางเทคนิคเพื่อลงต่อ (Bearish Rebound) เท่านั้น
เมื่อหันมามองที่ RSI จะเห็นว่ายังคงเคลื่อนไหวอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นการยืนยันว่าโมเมนตัมโดยรวมของตลาดยังคงอยู่ในแดนของฝั่งหมี การที่ RSI ยังไม่สามารถกลับไปยืนเหนือระดับ 50 ได้นั้น เป็นการส่งสัญญาณเตือนว่าการดีดตัวที่เห็นอยู่นี้อาจยังไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะเปลี่ยนแนวโน้มหลักกลับไปเป็นขาขึ้นได้
ดังนั้น สำหรับกลยุทธ์ใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาพรวมยังคงให้น้ำหนักไปที่ฝั่งขาย การรีบาวด์ของราคาขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่โซน $3,360-$3,373 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นทั้งแนวรับเก่าและเป็นกลุ่มเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่จะเป็นจุดวัดใจที่สำคัญ หากราคาไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้ จะเป็นโอกาสในการเข้าขายโดยมีเป้าหมายคือการลงไปทดสอบจุดต่ำสุดเดิมที่ $3,338 ดอลลาร์ และหากหลุดระดับนี้ไปได้ เป้าหมายถัดไปจะอยู่ที่แนวรับ Fibonacci 38.2% บริเวณ $3,293 ดอลลาร์ ในทางกลับกัน การที่ราคาทองคำจะกลับมาเป็นบวกได้อย่างมีนัยสำคัญ จำเป็นต้องมีแรงซื้อมหาศาลผลักดันให้ราคากลับไปยืนเหนือแนวต้าน $3,373 ดอลลาร์ให้ได้เท่านั้น ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันยังคงมองว่าเป็นไปได้ยาก
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,350
$3,338
$3,325
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$3,372
$3,400
$3,415
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน