วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 1 ส.ค. 2567

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้ ประจำวันที่ 31 สิงหาคม 2567 การตัดสินใจครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิมได้ส่งแรงกระเพื่อมไปทั่วตลาดการเงินโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดทองคำ หลังจากการประกาศของเฟดราคาทองคำ XAU/USD ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง มาอยู่ที่ระดับ $2,450 ในเช้าวันนี้ สะท้อนให้เห็นถึงปฏิกิริยาของนักลงทุนต่อนโยบายการเงินที่ยังคงผ่อนคลาย
โดย Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการตัดสินใจนี้และแนวโน้มในอนาคต ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการวางแผนทางการเงินและการลงทุนทั่วโลก การเคลื่อนไหวนี้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะการโจมตีของกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ต่ออิสราเอลและการตอบโต้ของอิสราเอล ยังเพิ่มความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย Kyle Rodda นักวิเคราะห์ตลาดของ Capital.com กล่าวว่าสถานการณ์นี้ได้กระตุ้นความต้องการทองคำอย่างมีนัยสำคัญ
ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ส่งสัญญาณชะลอตัว
ในช่วงเวลาก่อนหน้าที่จะมีการประกาศผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็ได้มีข้อมูลการจ้างงานล่าสุดออกมา โดยแสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เฟดใช้ในการตัดสินใจนโยบายการเงิน
รายงานการเปลี่ยนแปลงการจ้างงานของ Automatic Data Processing (ADP) เผยว่ามีการสร้างงานใหม่เพียง 122,000 ตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 147,000 ตำแหน่ง
การเติบโตของค่าจ้างก็ชะลอตัวลงเช่นกัน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการควบคุมเงินเฟ้อ โดยคนงานที่ยังคงอยู่ในงานเดิมมีค่าจ้างเพิ่มขึ้น 4.8% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่ช้าที่สุดในรอบสามปี ขณะที่คนงานที่เปลี่ยนงานมีค่าจ้างเพิ่มขึ้น 7.2% ลดลงจาก 7.8% ในเดือนมิถุนายน
Nela Richardson หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ADP กล่าวว่า “ด้วยการเติบโตของค่าจ้างที่ชะลอตัวลง ตลาดแรงงานกำลังเคลื่อนไหวสอดคล้องกับความพยายามของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการชะลอเงินเฟ้อ หากเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ก็น่าจะไม่ใช่เพราะตลาดแรงงาน”
อย่างไรก็ตาม Paul Ashworth หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์อเมริกาเหนือที่ Capital Economics แสดงความกังวลว่าการปรับสมดุลในตลาดแรงงานอาจจะไปช้าเกินไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว
ตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว
ในขณะที่ตลาดแรงงานชะลอตัว ข้อมูลอีกชุดอย่างตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐฯ กลับเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว โดยดัชนีการขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales Index) ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 4.8% ในเดือนมิถุนายน สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 1.4% ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในตลาดที่อยู่อาศัย แม้จะเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
Lawrence Yun หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (NAR) กล่าวว่า “การเพิ่มขึ้นของสินค้าคงคลังที่อยู่อาศัยกำลังนำไปสู่การเซ็นสัญญามากขึ้น การเสนอราคาหลายรายการมีความเข้มข้นน้อยลง และผู้ซื้ออยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบมากขึ้น” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในแนวโน้มของตลาด
อย่างไรก็ตาม ภาคที่อยู่อาศัยยังคงมีหนทางอีกยาวไกลในการฟื้นตัวอย่างเต็มที่ โดยสำหรับทั้งปี การทำสัญญาลดลง 2.8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แสดงให้เห็นว่าตลาดยังคงเผชิญกับความท้าทาย
การแถลงข่าวของ Powell เชื่อมโยงความคาดหวังของตลาดและความจำเป็นในการรักษาทางเลือก
สิ่งสำคัญที่สุดในวันที่ผ่านมา คือการแถลงข่าวของ Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งได้อธิบายถึงเหตุผลในการคงอัตราดอกเบี้ยและให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มในอนาคต โดยเน้นย้ำว่าการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับข้อมูลทางเศรษฐกิจที่จะเข้ามาในอนาคต การแถลงข่าวนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากเป็นการให้แนวทางแก่ตลาดและนักลงทุนเกี่ยวกับทิศทางของนโยบายการเงินในอนาคต
โดยประเด็นสำคัญจากการแถลงข่าวของ Powell สามารถแบ่งแยกได้หลายหัวข้อดังนี้
-
การลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน: Powell กล่าวว่า “หากเราเห็นเงินเฟ้อลดลงอย่างรวดเร็ว หรือเป็นไปตามความคาดหวัง โดยที่การเติบโตยังคงแข็งแกร่งพอสมควร และตลาดแรงงานยังคงสอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน การลดอัตราดอกเบี้ยอาจอยู่บนโต๊ะพูดคุยในการประชุมเดือนกันยายนได้” คำกล่าวนี้ให้ความหวังแก่ตลาดว่าอาจมีการลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้ แต่ก็ยังคงขึ้นอยู่กับสภาวะทางเศรษฐกิจ
-
การพิจารณาข้อมูล: Powell เน้นย้ำว่าการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับ “ข้อมูลทั้งหมด มุมมองที่เปลี่ยนแปลงไป และความสมดุลของความเสี่ยง” ไม่ใช่เพียงแค่ข้อมูลใดข้อมูลหนึ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวทางที่รอบคอบและยืดหยุ่นของเฟดในการกำหนดนโยบาย
-
สถานการณ์เงินเฟ้อปัจจุบัน: Powell มองว่าสถานการณ์เงินเฟ้อในปัจจุบันดีกว่าปีที่แล้ว โดยเห็นการชะลอเงินเฟ้อที่กว้างขึ้นทั้งในด้านราคาสินค้า บริการที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย และบริการที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับเศรษฐกิจโดยรวม
-
ความเป็นอิสระทางการเมือง: Powell ยืนยันอย่างหนักแน่นถึงความเป็นอิสระของเฟด จากอิทธิพลทางการเมือง โดยกล่าวว่า “เราไม่เคยใช้เครื่องมือของเราเพื่อสนับสนุนหรือต่อต้านพรรคการเมือง นักการเมือง หรือผลลัพธ์ทางการเมืองใดๆ” คำยืนยันนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความเชื่อมั่นในความเป็นกลางของนโยบายการเงิน
-
โอกาสของภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง (Hard Landing): Powell มองว่าโอกาสเกิดภาวะนี้ยังต่ำ โดยกล่าวว่า “ยังไม่เห็นเหตุผลที่จะบอกว่าเศรษฐกิจกำลังร้อนแรงเกินไปหรือกำลังอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว” คำกล่าวนี้ช่วยลดความกังวลของนักลงทุนและผู้บริโภคเกี่ยวกับความเสี่ยงของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในระยะสั้น
-
สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC): สุดท้าย Powell ยืนยันว่าเฟดไม่มีแผนที่จะออก CBDC ในขณะนี้ และไม่ได้แสวงหาอำนาจในการทำเช่นนั้น แสดงให้เห็นว่าเฟดยังคงระมัดระวังในการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ในระบบการเงิน
การตัดสินใจของเฟดและคำกล่าวของ Powell ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินในหลายภาค เริ่มต้นที่ตลาดทองคำ ที่ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นกว่า 1.50% หลังการประกาศ สะท้อนถึงความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง โดยพันธบัตรอายุ 10 ปีอยู่ที่ 4.066% ลดลงเกือบ 8 basis points ซึ่งสะท้อนถึงความคาดหวังของตลาดต่อนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในอนาคต
ฝั่งดัชนีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ลดลง 0.42% มาอยู่ที่ 104.03 และนักลงทุนคาดการณ์ถึงการลดอัตราดอกเบี้ยลง 70 basis points ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความคาดหวังของตลาดต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงินในอนาคตอันใกล้
นักวิเคราะห์แสดงความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันและการตัดสินใจของ เฟด
มีนักวิเคราะห์หลายคนที่ออกมาตอบสนองต่อข้อมูลล่าสุดของสหรัฐฯ นำโดย Nela Richardson จาก ADP มองว่าการชะลอตัวของการเติบโตค่าจ้างสอดคล้องกับความพยายามของเฟดในการชะลอเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับเป้าหมายการควบคุมเงินเฟ้อ
ทางด้าน Paul Ashworth จาก Capital Economics แสดงความกังวลว่าการปรับสมดุลในตลาดแรงงานอาจจะไปไกลเกินไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว
ขณะที่ทางด้าน Kyle Rodda จาก Capital.com ชี้ให้เห็นถึงความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง แสดงให้เห็นถึงบทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่มีความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจ
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
วิเคราะห์กราฟทองคำประจำวัน ราคาทองคำ Gold Spot เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (XAU/USD) ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง
ราคาทองคำยังคงแสดงถึงแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง โดยพุ่งขึ้นทะลุผ่านแนวต้านสำคัญก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ ทำให้ราคาเข้าสู่ภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) ในระยะสั้น ซึ่งสังเกตได้จากค่า RSI ที่พุ่งขึ้นสูงเกือบถึงระดับ 80 ทำให้มีความเสี่ยงที่ราคาอาจจะเกิดการพักฐานในระยะสั้นได้
แนวรับสำคัญที่ควรจับตามองมี 3 ระดับ ได้แก่ $2,437 ซึ่งเป็นบริเวณ Fibonacci 23.6% และเป็นแนวต้านก่อนหน้านี้ ถัดไป จะเป็น $2,423 ซึ่งใกล้เคียงกับบริเวณเส้น EMA 12 (เส้นสีแดง) โดยมีแนวรับถัดไปบริเวณ $2,409 ซึ่งเป็นทั้ง Fibonacci 38.2% และใกล้เคียงกับบริเวณเส้น EMA 26 (เส้นสีฟ้า)
ส่วนแนวต้านสำคัญจะอยู่ $2,452 ซึ่งเป็นแนวต้านที่ราคากำลังทดสอบอยู่ในขณะที่เขียนบทความ และเป็นแนวรับก่อนหน้านี้ ถัดไปคือ $2,463 และ $2,483 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตลอดกาล
การคาดการณ์แนวโน้มใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า ราคาทองคำมีโอกาสที่จะเกิดการพักฐานระยะสั้น เนื่องจากการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและค่า RSI ที่อยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม แนวโน้มหลักยังคงเป็นขาขึ้น หากราคาสามารถยืนเหนือแนวรับที่ $2,437 ได้อย่างมั่นคง ก็มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ $2,463 และ $2,483 ตามลำดับ ทั้งนี้ ปัจจัยอย่างนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อทิศทางของราคาทองคำในระยะสั้นถึงกลางได้
แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,437
$2,423
$2,409
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$2,452
$2,463
$2,483
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน