วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 17 ตุลาคม 2568

กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้

เทรดทองเดี๋ยวนี้ >     

*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣ 

*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰 

*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁

ราคาทองคำ XAU/USD ในตลาดโลกยังคงสร้างปรากฏการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยช่วงเช้าของวันนี้ เพิ่งสร้างสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์อีกครั้งที่ $4,380

การพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงนี้ไม่ได้มาจากปัจจัยใดปัจจัยหนึ่ง แต่เป็นผลพวงจากความกังวลที่หลากหลายในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ตั้งแต่ความเสี่ยงที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะ Shutdown เป็นเวลานาน รวมถึงการคาดการณ์ว่าจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ไปจนถึงความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ปะทุขึ้นอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางปัจจัยบวกเหล่านี้ ยังมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ขัดแย้งและความเห็นจากนักวิเคราะห์ระดับโลกที่ชี้ให้เห็นถึงมิติที่ลึกซึ้งกว่าที่เคยเป็นมา ซึ่งนักลงทุนจำเป็นต้องทำความเข้าใจเพื่อจับทิศทางตลาดในระยะต่อไป

พายุเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปัจจัยคลาสสิกที่หนุนราคาทองคำ

ปัจจัยหลักที่ผลักดันราคาทองคำในขณะนี้ คือความเปราะบางของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แสดงออกมาในหลายมิติ

ประเด็นแรกคือความกังวลต่อการ Shutdown ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อเข้าสู่สัปดาห์ที่สาม และยังไม่มีวี่แววว่าจะหาข้อสรุปได้ เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประเมินว่าการ Shutdown ครั้งนี้อาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสูงถึง 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อสัปดาห์ สถานการณ์นี้สร้างแรงกดดันอย่างหนักต่อค่าเงินดอลลาร์ ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วจะส่งผลบวกโดยตรงต่อสินทรัพย์ที่ซื้อขายในสกุลดอลลาร์อย่างทองคำ

ประเด็นที่สองคือการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจต้องลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในปีนี้ หลังจาก Jerome Powell ประธาน Fed กล่าวว่าการชะลอตัวของการจ้างงานเป็นความเสี่ยงที่สำคัญต่อเศรษฐกิจ สอดคล้องกับความเห็นของ Christopher Waller หนึ่งในผู้ว่าการ Fed ที่สนับสนุนการลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป

นอกจากนี้ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่กลับมารุนแรงขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ประธานาธิบดี Donald Trump ส่งสัญญาณว่าอาจพิจารณาตัดความสัมพันธ์ทางการค้าบางส่วน ก็ยิ่งเป็นอีกหนึ่งแรงส่งให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยปรับตัวสูงขึ้น

เจาะลึกตัวเลขเศรษฐกิจที่ขัดแย้ง เมื่อข้อมูลไม่ได้ชี้ทิศทางที่ชัดเจน

แม้ว่าภาพรวมจะดูเหมือนเอื้ออำนวยต่อราคาทองคำ แต่เมื่อพิจารณาในรายละเอียดของข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด กลับพบสัญญาณที่สร้างความสับสนให้กับตลาด

ดัชนีภาคการผลิตของธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia Fed) ในเดือนตุลาคมหดตัวลงอย่างรุนแรงสู่ระดับ -12.8 ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่มองว่าจะอยู่ที่ 8.6 

ตัวเลขที่ย่ำแย่นี้สะท้อนให้เห็นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน และโดยปกติแล้ว ข้อมูลเชิงลบเช่นนี้ควรจะยิ่งหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นไปอีก

อย่างไรก็ตาม ตลาดกลับไม่ได้ตอบสนองในทิศทางนั้นอย่างเต็มที่นัก ราคาทองคำยังคงมีความผันผวนและไม่สามารถยืนในจุดสูงสุดของวันได้

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเมื่อมองลึกลงไปในองค์ประกอบของรายงานจะพบว่ายังมีความไม่สอดคล้องกันอยู่ เช่น ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ (New Orders Index) กลับปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ดัชนีการขนส่ง (Shipments Index) ลดลงอย่างมาก

นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังสวนทางกับดัชนีภาคการผลิต Empire State ของรัฐนิวยอร์กที่ประกาศออกมาก่อนหน้า ซึ่งกลับมาขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง

ภาพที่ไม่ชัดเจนและข้อมูลที่ขัดแย้งกันเองนี้ ทำให้แม้ว่าแนวโน้มโดยรวมจะยังคงสนับสนุนทองคำ แต่ก็สร้างความลังเลให้กับนักลงทุนบางส่วน และจำกัดการปรับตัวขึ้นของราคาในระยะสั้น

JP Morgan ชี้เป้าหมายถัดไปและเหตุผลที่นักลงทุนต้องมีทองคำ

ในขณะที่ราคาทองคำซื้อขายกันในระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์ คำถามสำคัญสำหรับนักลงทุนคือ “ยังคุ้มค่าที่จะซื้อหรือไม่”

Marcella Chow นักกลยุทธ์การตลาดของ JP Morgan Asset Management ตอบคำถามนี้อย่างหนักแน่นว่า “ใช่” โดยให้เหตุผลว่าปัจจัยพื้นฐานทั้งฝั่งอุปสงค์และอุปทานยังคงแข็งแกร่งอย่างยิ่ง

ฝั่งอุปสงค์ได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มการลดดอกเบี้ย การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ในระยะกลางถึงยาว และความต้องการที่ต่อเนื่องจากธนาคารกลางและผู้บริโภคในตลาดเกิดใหม่ โดยเฉพาะจีนและอินเดีย

ขณะที่ฝั่งอุปทานนั้นมีจำกัด เนื่องจากการทำเหมืองไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้รวดเร็วเหมือนการพิมพ์เงินหรือการก่อหนี้ของรัฐบาล

แม้แต่ Jamie Dimon CEO ของ JPMorgan ซึ่งไม่ได้ชื่นชอบทองคำเป็นพิเศษ ยังยอมรับว่าเป็นครั้งแรกๆ ในชีวิตที่เขามองว่า “เป็นเรื่องมีเหตุผล” ที่จะมีทองคำอยู่ในพอร์ตโฟลิโอ และมองว่าราคาอาจพุ่งไปถึง $5,000 หรือ $10,000 ได้ในสภาวะเช่นนี้

ทางด้าน Grace Peters หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนระดับโลกของ JPMorgan ก็ยังคงมุมมองเชิงบวก โดยได้ปรับเป้าหมายราคาในอีก 12 เดือนข้างหน้าไว้ที่สูงกว่า $4,000

โดยสรุปแล้ว แม้ว่าทองคำจะมีความผันผวนและไม่ได้ให้ผลตอบแทนเป็นกระแสเงินสด แต่นักวิเคราะห์ระดับโลกต่างมองว่า ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างระบบการเงินโลก ราคาทองคำยังคงมีช่องว่างให้ปรับตัวขึ้นได้อีก และการมีทองคำไว้ในพอร์ตโฟลิโอเพื่อการกระจายความเสี่ยงจึงเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดสำหรับนักลงทุนในเวลานี้

ภาพรวมทางเทคนิคจากกราฟ 4 ชั่วโมงล่าสุดยังคงสะท้อนถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง โดยราคาปัจจุบันได้พุ่งขึ้นมาซื้อขายอยู่ที่ประมาณ $4,324 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นการยืนยันถึงพละกำลังของตลาดกระทิงที่ยังคงเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแนวโน้มหลักจะยังคงเป็นขาขึ้นที่ชัดเจน แต่สัญญาณเตือนที่เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ได้ทวีความรุนแรงและน่าจับตามากยิ่งขึ้นสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความเข้าใจเชิงลึก

สัญญาณ Bearish Divergence บนดัชนี RSI ยังคงปรากฏชัดเจนและน่ากังวล โดยสังเกตได้ว่าในขณะที่ราคาทองคำสามารถทำจุดสูงสุดใหม่ (Higher High) ได้อย่างต่อเนื่อง แต่ดัชนี RSI กลับไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ตามได้

การที่สัญญาณนี้ยังคงอยู่และชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หมายความว่าแรงซื้อที่ผลักดันราคาขึ้นไปอาจไม่ได้มาจากการเข้าซื้ออย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนเหมือนช่วงแรกๆ ประกอบกับดัชนี Stochastic RSI ที่เริ่มมีการปรับตัวลงจาก เขต Overbought บ้างแล้ว สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนว่าแรงเทขายทำกำไรอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

สำหรับแนวโน้มราคาทองคำในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า ด้วยการที่ราคาทะยานขึ้นมาถึงแนวต้าน ประกอบกับสัญญาณ Bearish Divergence ที่ชัดเจนบน RSI และ Stochastic RSI ที่อยู่ในเขต Overbought ทำให้ความเสี่ยงที่ราคาจะเกิดการพักฐานหรือย่อตัวลงเพื่อลดแรงกดดันมีสูงมาก 

กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้จึงไม่ควรไล่ราคาที่บริเวณแนวต้านเหล่านี้ แต่ควรรอจังหวะที่ปลอดภัยกว่า หากมีแรงเทขายทำกำไรออกมาจริง แนวรับแรกที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดคือโซน $4,227 - $4,181 ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญที่เพิ่งทะลุผ่านมาและมีโอกาสที่จะกลายเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง 

หากราคาย่อตัวลงมาแล้วสามารถยืนเหนือโซนนี้ได้ จะยังคงเป็นสัญญาณบวกและอาจเป็นจังหวะ “ย่อซื้อ” (Buy on Dip) ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนระยะกลาง

อย่างไรก็ตาม หากแนวรับดังกล่าวถูกทำลายลงอย่างรุนแรง เป้าหมายถัดไปของการย่อตัวจะอยู่ที่แนวรับสำคัญบริเวณ $4,100 ซึ่งเป็นระดับที่มีนัยสำคัญทางจิตวิทยาและทางเทคนิค

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $4,277

• $4,181

• $4,100

แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง

• $4,381

• $4,400

• $4,420