วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้ - วันที่ 12 พฤศจิกายน 2568

ราคาทองคำวันนี้
กราฟแสดงราคาทองคำวันนี้
*ค่าคอม ฯ 0 และสเปรดต่ำ 0️⃣
*เงินเสมือนจริงฟรี $50,000 ดอลลาร์ 💰
*โบนัสสำหรับลูกค้าใหม่ $100 ดอลลาร์ 🎁
บทความที่คุณอาจจะสนใจด้วย >> |
วิเคราะห์ราคาทองวันนี้|วิเคราะห์ทองคํา forex วันนี้|วิเคราะห์ XAUUSD วันนี้
ราคาทองคำ XAUUSD ในช่วงเช้าของตลาดเอเชียกลับมาส่งสัญญาณฟื้นตัวที่น่าจับตามอง โดยราคาได้ดีดตัวกลับขึ้นมายืนเหนือระดับ 4,120 ดอลลาร์ หลังจากเผชิญแรงเทขายทำกำไรระยะสั้นจนร่วงหลุด 4,100 ดอลลาร์
ปัจจัยขับเคลื่อนหลักที่ทำให้ราคาทองคำกลับมามีบทบาทอีกครั้ง ยังคงเป็นเรื่องของความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่กลับมามีน้ำหนักมากขึ้น
เครื่องมือ CME FedWatch Tool ล่าสุดสะท้อนตัวเลขที่น่าสนใจว่า ตลาดให้ความน่าจะเป็นถึง 68% ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนธันวาคมนี้ และโอกาสดังกล่าวพุ่งสูงถึง 80% สำหรับการประชุมในเดือนมกราคมปีหน้า
แรงกดดันที่ทำให้เฟดอาจต้องตัดสินใจผ่อนคลายนโยบายการเงินเร็วขึ้น มาจากสัญญาณความเปราะบางในภาคแรงงาน
ข้อมูลจาก ADP ล่าสุดเผยว่าการจ้างงานภาคเอกชนชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉลี่ยลดลงกว่า 11,000 ตำแหน่งต่อสัปดาห์ในช่วงปลายเดือนตุลาคม
ข้อมูลชุดนี้ขัดแย้งกับตัวเลขที่ดูแข็งแกร่งในเดือนก่อนหน้า และกลายเป็นชนวนเหตุสำคัญที่ทำให้นักลงทุนกลับมาเก็งกำไรว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจกำลังต้องการยาแรงเพื่อกระตุ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังต้องติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายในวันนี้ เช่น John Williams และ Christopher Waller ซึ่งทุกสัญญาณที่ส่งออกมาจะส่งผลโดยตรงต่อความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์และราคาทองคำ
กับดักของการยุติ Shutdown และความจริงทางเศรษฐกิจที่รอการเปิดเผย
ประเด็นที่ซับซ้อนและน่าสนใจกว่าแค่เรื่องราคา คือสถานการณ์ทางการเมืองสหรัฐฯ แม้ข่าวล่าสุดจะระบุว่าวุฒิสภาผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐ (Government Shutdown) ไปจนถึงวันที่ 30 มกราคม
ซึ่งโดยปกติการคลี่คลายวิกฤตการเมืองมักทำให้สินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำลดความน่าสนใจลง แต่ในบริบทปัจจุบัน นักวิเคราะห์กลับมองว่านี่อาจเป็นดาบสองคมที่จะย้อนกลับมาหนุนราคาทองคำให้พุ่งสูงขึ้น
สาเหตุสำคัญคือ ช่วงที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐฯ แทบไม่ได้เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญเนื่องจากสภาวะ Data Blackout
การกลับมาเปิดทำการหมายถึงการที่ตลาดจะได้รับรู้ข้อมูลที่คงค้าง ซึ่งหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าตัวเลขเหล่านั้นจะสะท้อนภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่กว่าที่คิด
โดยเฉพาะดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ร่วงลงต่ำสุดในรอบ 3.5 ปี และดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจขนาดย่อม (NFIB) ที่ลดลงเหลือ 98.2 จุด ต่ำสุดในรอบ 6 เดือน สะท้อนว่าภาคธุรกิจกำลังแบกรับภาระหนักจากยอดขายที่ลดลง
Carsten Fritsch นักวิเคราะห์จาก Commerzbank ชี้ประเด็นนี้ว่า การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอจะเป็นตัวเร่งให้เฟดต้องลดดอกเบี้ยแรงขึ้นกว่าเดิม ซึ่งนั่นคือเชื้อเพลิงชั้นดีสำหรับราคาทองคำในระยะถัดไป
ความผันผวนในตลาด โอกาสในวิกฤตของนักเก็งกำไร
ในเชิงเทคนิคและการเก็งกำไร ทองคำกำลังพิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งแม้จะมีการพักฐาน
Tim Hayes หัวหน้านักกลยุทธ์จาก Ned Davis Research ได้นำเสนอมุมมองที่แตกต่างเกี่ยวกับความผันผวน โดยระบุว่า ในขณะที่ความผันผวนสูงมักเป็นสัญญาณอันตรายสำหรับตลาดหุ้น แต่สำหรับทองคำแล้ว สถิติในอดีตชี้ว่าเมื่อดัชนีความผันผวนของทองคำปรับตัวสูงขึ้น ราคามักจะมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นที่รุนแรงตามมา
การย่อตัวของราคาในช่วงต้นสัปดาห์จึงถูกมองว่าเป็นเพียงการ “เขย่า” (Shake out) เพื่อคัดกรองนักเก็งกำไรระยะสั้นออกจากตลาด และเปิดโอกาสให้นักลงทุนรอบใหม่เข้าสะสม
Jim Wyckoff นักวิเคราะห์จาก Kitco Metals เสริมว่า การที่ราคายังคงยืนเหนือระดับจิตวิทยาที่ 4,100 ดอลลาร์ได้ แม้ดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นบ้าง ถือเป็นสัญญาณบวกทางเทคนิค
นอกจากนี้ โลหะเงิน (Silver) ซึ่งมักเคลื่อนไหวล้อไปกับทองคำ ก็เริ่มฟื้นตัวมายืนเหนือ 50 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง การที่โลหะมีค่าทั้งสองชนิดเริ่มสร้างฐานราคาได้มั่นคง เป็นเครื่องยืนยันว่าโมเมนตัมขาขึ้นยังไม่จบลงง่ายๆ และตลาดพร้อมจะตอบรับเชิงบวกทันทีหากมีปัจจัยหนุนใหม่ๆ เข้ามา
ทิศทางระยะยาวปี 2026 หนี้สาธารณะคือระเบิดเวลาที่หนุนราคาทอง
เมื่อมองข้ามความผันผวนรายวันไปสู่ภาพใหญ่ปี 2026 สถาบันการเงินชั้นนำต่างมีมุมมองที่เป็นเอกฉันท์ในทิศทางขาขึ้น
UBS ประเมินว่าราคาทองคำมีโอกาสแตะระดับ 4,200 ดอลลาร์ในปีหน้า โดยปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญที่สุดไม่ใช่แค่เรื่องดอกเบี้ย แต่คือปัญหาเชิงโครงสร้างอย่างหนี้สาธารณะสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นจนน่ากังวล
การก่อหนี้มหาศาลสร้างความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการคลังและการด้อยค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้ ทองคำจะทำหน้าที่เป็นสินทรัพย์รักษามูลค่า (Store of Value) ที่ดีที่สุด
ทางด้าน Commerzbank ก็มองเป้าหมายเดียวกันที่ 4,200 ดอลลาร์ โดยเตือนว่าความเสี่ยงของการเกิด Shutdown อีกครั้งหลังเดือนมกราคมยังคงมีอยู่ รวมถึงความไม่แน่นอนจากคำตัดสินของศาลในประเด็นกฎหมายเศรษฐกิจ ยังเป็นปัจจัยพยุงราคา
ยิ่งไปกว่านั้น UBS ยังมองกรณี Bull Case ว่า หากความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจทวีความรุนแรง ทองคำอาจพุ่งไปได้ไกลถึง 4,700 ดอลลาร์
ดังนั้น การย่อตัวในปัจจุบันจึงเป็นเพียงคลื่นลูกเล็กๆ ในวัฏจักรขาขึ้นรอบใหญ่ (Super Cycle) ของทองคำที่ถูกขับเคลื่อนด้วยความเปราะบางของระบบการเงินโลก
วิเคราะห์กราฟทองวันนี้
กราฟราย 4 ชั่วโมงเผยให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแรงซื้อที่ยังคงคุมตลาดอย่างต่อเนื่อง จากโครงสร้างราคาล่าสุด จะเห็นได้ว่าราคากำลังพยายามฝ่าด่านแนวต้าน Fibonacci 50.00% ที่ระดับราคา 4,137 ดอลลาร์
ซึ่งหากสามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ภายใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า จะเป็นการเปิดประตูสู่เป้าหมายราคาถัดไปที่ระดับ Fibonacci 61.8% บริเวณ 4,195 ดอลลาร์ทันที
โดยมีเส้นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend Line) ที่ประคองจากด้านล่างทำหน้าที่เป็นแนวรับที่ช่วยยืนยันว่าทิศทางหลักยังคงเป็นขาขึ้นที่แข็งแรง
ตราบใดที่ราคายังไม่หลุดต่ำกว่าเส้นนี้ โอกาสในการปรับตัวขึ้นต่อยังคงมีน้ำหนักมากกว่า
อย่างไรก็ตาม RSI และ Stochastic RSI ได้ส่งสัญญาณเตือนที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม โดยทั้งสองพุ่งขึ้นไปอยู่ในโซนซื้อมากเกินไป (Overbought) อย่างชัดเจน
โดยเฉพาะ Stochastic RSI ที่เส้นสัญญาณเริ่มมีการตัดกันในโซนบนและเริ่มหักหัวลง สภาวะนี้บ่งชี้ว่าแรงส่งในระยะสั้นอาจเริ่มตึงตัว และมีความเป็นไปได้สูงที่ราคาทองคำอาจจะเกิดการพักตัวเล็กน้อยเพื่อลดความร้อนแรงก่อนที่จะสะสมพลังเพื่อดีดตัวขึ้นรอบใหม่
ซึ่งพฤติกรรมนี้ถือเป็นเรื่องปกติของการเคลื่อนไหวในแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแรง เพื่อให้ฐานราคามีความมั่นคง
สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวในอีก 24 ชั่วโมงข้างหน้า จุดสังเกตสำคัญอยู่ที่การย่อตัวลงมาทดสอบแนวรับ หากราคามีการปรับฐานลงมา แนวรับแรกคือบริเวณ 4,087 ดอลลาร์ ซึ่งเดิมเป็นแนวต้าน Fibonacci 38.2% ที่เพิ่งถูกทำลายขึ้นมา กลายเป็นแนวรับใหม่ตามหลักการ
ซึ่งหากราคาย่อลงมาแตะบริเวณนี้แล้วไม่หลุดและมีแรงซื้อกลับ จะถือเป็นจังหวะเข้าสะสมที่ได้เปรียบเพื่อลุ้นทำกำไรที่เป้าหมาย 4,195 ดอลลาร์
แต่ในกรณีเลวร้ายหากหลุดระดับนี้ลงมา แนวรับถัดไปจะอยู่ที่เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่และ Trend Line บริเวณ 4,057 ดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นจุดชี้ชะตาแนวโน้มระยะกลาง
ดังนั้นกลยุทธ์หลักยังคงเน้นการย่อซื้อตามแนวโน้ม แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวังความผันผวนจากการเคลียร์สถานะ Overbought ในระยะสั้นนี้ด้วย

แนวรับสำคัญที่ต้องจับตามอง
$4,087
$4,057
$4,000
แนวต้านสำคัญที่ต้องจับตามอง
$4,138
$4,195
$4,276
*** ลงทุนมีความเสี่ยง ในการเทรด CFD ท่านไม่ได้เป็นเจ้าของของสินทรัพย์อ้างอิงใดๆ และอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกท่าน ซึ่งอาจส่งผลให้ท่านสูญเสียเงินลงทุนขั้นต้น เพื่อเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นท่านควรพิจารณา เอกสารเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง ก่อนที่จะใช้บริการของเรา
การลงทุนมีความเสี่ยง เนื้อหาของบทความนี้ใช้สำหรับการอ้างอิงเท่านั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน


