หุ้น Apple และงบไตรมาส 4 ปี 2025 : สัญญาณการฟื้นตัวเชิงโครงสร้าง ธุรกิจบริการและเทคโนโลยี AI กำลังปูทางสู่การเติบโตในอนาคต

แหล่งที่มา Tradingkey

TradingKey – ในปี 2004 สตีฟ จ็อบส์ เคยกล่าวไว้ว่า “ยิ่งอุปกรณ์ผู้บริโภคมีมากขึ้นเท่าไร เทคโนโลยีแกนหลักที่อยู่ในนั้นก็จะยิ่งเป็นซอฟต์แวร์มากขึ้นเท่านั้น” (The more and more consumer devices, the core technology in them is going to be software.) กว่า 20 ปีต่อมา ทิม คุก ได้เดินตามวิสัยทัศน์นั้นอย่างมั่นคงและเป็นระบบ

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา Apple ได้ประกาศรายงานผลประกอบการประจำปีงบประมาณ 2025 หลังตลาดปิด ซึ่งสะท้อนชัดถึงการเปลี่ยนผ่านเชิงกลยุทธ์นี้ พร้อมด้วยหลักฐานทางการเงินที่แข็งแกร่ง

สรุปผลประกอบการ FY2025 Q4

รายได้ของไตรมาสนี้พุ่งขึ้นจากแรงหนุนของความต้องการ iPhone 17 ที่ทะยานสูง บวกกับรายได้จากซอฟต์แวร์และบริการที่ให้มาร์จิ้นสูง และแรงกดดันด้านภาษีศุลกากรทั่วโลกที่เริ่มผ่อนคลาย

Apple ทำรายได้รวม 102.47 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7.9% จากปีก่อน และ 9% จากไตรมาสก่อนหน้า สูงกว่าคาดการณ์ของ Wall Street ที่ 102.19 พันล้านดอลลาร์ พร้อมทำสถิติรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท

กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 48.3 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นอัตรากำไร 47.2% สูงกว่าช่วงคาดการณ์บน ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 27.47 พันล้านดอลลาร์ โต 86.4% YoY และเติบโตเลขสองหลักจาก QoQ

ทั้งปีงบประมาณ Apple มีรายได้รวม 416.16 พันล้านดอลลาร์ (+6%) และกำไรสุทธิ 112 พันล้านดอลลาร์ (+19%) เติบโตทั้งในด้านรายได้และกำไรสุทธิ

AAPL

ข้อมูลจาก: Reuters, TradingKey ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2025

รายได้ตามกลุ่มธุรกิจ

ทั้งฮาร์ดแวร์และบริการต่างมีการเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยรายได้จากฮาร์ดแวร์อยู่ที่ 73.7 พันล้านดอลลาร์ (+5.3%) ส่วนบริการเติบโตเร็วกว่าที่ +15% จาก 24.97 พันล้านดอลลาร์ เป็น 28.75 พันล้านดอลลาร์

AAPL

ข้อมูลจาก: Reuters, TradingKey ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2025

●  ฮาร์ดแวร์

ยอดขาย iPhone อยู่ที่ 49 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6% YoY แม้ต่ำกว่าคาดเล็กน้อยเนื่องจากการเปิดตัว iPhone 17 อยู่กลางไตรมาส และการส่งมอบ iPhone 17 Air ในจีนที่ล่าช้า ทำให้ยอดขายรอบนี้สะท้อนเพียงบางส่วนของรอบผลิตภัณฑ์เต็มปี

อย่างไรก็ตาม ความต้องการเริ่มต้นถือว่าแข็งแกร่ง โดยยอดขายใน 10 วันแรกของ iPhone 17 ในสหรัฐฯ และจีนสูงกว่า iPhone 16 ถึง 14%

ฝ่ายบริหารให้มุมมองเชิงบวก โดยคาดว่า Q1 2026 จะเป็น “ไตรมาสที่มียอดส่งมอบ iPhone สูงสุดตลอดกาล” จากแรงหนุนของการเติบโตระดับเลขสองหลัก

ส่วน Mac ทำผลงานโดดเด่น รายได้เพิ่มขึ้น 12.7% YoY เป็น 8.73 พันล้านดอลลาร์ ขับเคลื่อนด้วยการเปิดตัว MacBook รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป M5 ซึ่งให้ประสิทธิภาพด้าน AI สูงขึ้นถึง 3.5 เท่าจากรุ่นก่อน

● ซอฟต์แวร์และบริการ (Software & Services)

แม้อุปกรณ์ยังคงเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าถึงผู้ใช้ แต่บริการได้กลายเป็น “เครื่องจักรทำกำไร” ตัวจริงของ Apple รายได้จากบริการในไตรมาสนี้อยู่ที่ 28.75 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 15% YoY โดยมาร์จิ้นขั้นต้นขยายจาก 74% เป็น 75.3% ซึ่งมากกว่าสองเท่าของฝั่งฮาร์ดแวร์

ผลลัพธ์นี้ส่งผลให้มาร์จิ้นรวมของ Apple พุ่งขึ้นเป็น 47.2% และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ “รายได้จากบริการ” สร้างกำไรมากกว่า “iPhone” — โดยบริการคิดเป็น 42% ของกำไรขั้นต้น เทียบกับ 41% จาก iPhone

นักวิเคราะห์คาดว่ามาร์จิ้นของบริการจะยังคงอยู่เหนือ 70% ในระยะยาว ขณะที่ฮาร์ดแวร์จะอยู่ราว 36% ซึ่งช่วยหนุนการเติบโตของกำไรในปีงบประมาณ 2026

ผลประกอบการตามภูมิภาค

AAPL-C

ข้อมูลจาก: Reuters, TradingKey ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2025

จุดอ่อนเดียวของ Apple ในไตรมาสนี้คือภูมิภาคจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งรายได้ลดลง 3.6% YoY เหลือ 14.49 พันล้านดอลลาร์ แม้ “ทิม คุก” จะย้ำถึงความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของตลาดนี้ แต่การแข่งขันที่รุนแรงและความอ่อนไหวด้านราคาในท้องถิ่นยังคงกดดันผลลัพธ์

Apple พยายามลดราคาผลิตภัณฑ์ในไตรมาสก่อนเพื่อกระตุ้นยอดขาย แต่ผลตอบรับยังไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม สัญญาณล่าสุดเริ่มดีขึ้นจากชิปและกล้องระดับโปรใน iPhone 17 ที่ดึงดูดผู้บริโภคได้มากขึ้น บริษัทจึงได้สั่งเพิ่มเป้าหมายการผลิตขึ้น 25% YoY สำหรับ iPhone 17 รุ่นพื้นฐาน และถึง 60% สำหรับรุ่น Pro Max

งบดุลและกระแสเงินสด

Apple ปิดไตรมาสด้วยเงินสดและหลักทรัพย์ในมือรวม 132 พันล้านดอลลาร์ แม้สินทรัพย์ลดลงเล็กน้อยจากการลดสต็อก แต่ถือเป็นระดับเงินสดสูงสุดในประวัติศาสตร์บริษัท

หนี้สินระยะสั้นลดลง 10.76 พันล้านดอลลาร์ (-6.1%) เนื่องจากบริษัทเร่งชำระหนี้ ทำให้อัตราส่วนหนี้ต่อสินทรัพย์ปรับดีขึ้นจาก 84.4% เป็น 79.5%

กระแสเงินสดจากการดำเนินงานพุ่งขึ้นเป็น 29.73 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และกระแสเงินสดอิสระ (Free Cash Flow) สูงกว่ากำไรสุทธิ โดยอัตราส่วนกระแสเงินสดจากการดำเนินงานต่อกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.08 สะท้อนคุณภาพกำไรที่สูงและการเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพ

กระแสเงินสดจากการลงทุนติดลบ 2.59 พันล้านดอลลาร์ จากการใช้จ่าย CapEx และการลงทุนเชิงกลยุทธ์ รวมทั้งปี FY2025 Apple ใช้เงินลงทุนรวม 12.7 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 34.5% YoY

ทิม คุก ระบุว่า บริษัทจะเร่งลงทุนใน R&D ด้าน AI และขยายผ่านการเข้าซื้อกิจการ เพื่อเดินหน้ากลยุทธ์ระยะยาว

กระแสเงินสดจากการจัดหาเงินทุนติดลบ 27.48 พันล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่จากการซื้อหุ้นคืนและจ่ายเงินปันผล ซึ่งยังอยู่ในระดับที่ Free Cash Flow รองรับได้อย่างเต็มที่ โดยคณะกรรมการอนุมัติปันผล 0.26 ดอลลาร์ต่อหุ้น จ่ายวันที่ 13 พฤศจิกายน 2025

มุมมองอนาคต: ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตา

● กลยุทธ์ AI เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง

Apple กำลังขยายการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ส่วนตัวและการประมวลผล AI ในระดับชิป Siri กำลังถูกสร้างใหม่ให้มีความสามารถแบบโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) คาดเปิดตัวพร้อม iOS รุ่นถัดไปในปี 2026

บริษัทประกาศแผนลงทุน 60 พันล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ ภายใน 4 ปี เพื่อเสริมศักยภาพด้านการออกแบบชิป การผลิตภายในประเทศ และโครงสร้างพื้นฐาน AI โดยศูนย์ AI แห่งใหม่ในเมืองฮูสตันได้เริ่มเดินสายการผลิตแล้ว

● สมาร์ทโฟนพับได้และอุปกรณ์สวมใส่

iPhone รุ่นพับได้เครื่องแรกของ Apple มีแผนเปิดตัวในปี 2026 ราคาประมาณ 1,800 ดอลลาร์ แม้ตลาดนี้ยังเป็นกลุ่มเฉพาะ แต่การเข้ามาของ Apple อาจขยายตลาดและดึงดูดฐานลูกค้าใหม่

ในส่วนของ Headset และ Wearables บริษัทวางแผนเปิดตัวสินค้าหลายรุ่นตั้งแต่ปี 2027 เป็นต้นไป โดยคาดว่ามีการพัฒนาอุปกรณ์สวมใส่รวม 7 รุ่น ประกอบด้วย Vision Series 3 รุ่น และแว่นอัจฉริยะอีก 4 รุ่น

มูลค่าหุ้น Apple

ในกลุ่ม “Magnificent Seven” (หุ้น 7 นางฟ้า) ตัวหุ้น Apple ถือง่า “เงียบที่สุด” ในแง่การสื่อสารเรื่อง AI แต่ผลประกอบการล่าสุดชี้ว่าความกังวลนั้นอาจเกินจริง เพราะผู้บริโภคยังไม่ได้เรียกร้องสมาร์ทโฟนที่ขับเคลื่อนด้วย AI ขณะที่การอัปเกรดผลิตภัณฑ์แบบต่อเนื่องของ Apple ยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กลยุทธ์การเปลี่ยนผ่านสู่ “บริษัทบริการ” กำลังเห็นผลชัดเจน บริการได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตที่ให้กำไรสูงสุด ด้วยฐานผู้ใช้มหาศาลและการสร้างรายได้ต่อหัวที่เพิ่มขึ้น แนวโน้มนี้มีโอกาสเดินต่อได้อีกยาว

มูลค่าตลาดของ Apple ปัจจุบันทะลุ 4 ล้านล้านดอลลาร์ กลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในสหรัฐฯ โดยอิงจากกำไรสุทธิปี 2025 ที่ 112 พันล้านดอลลาร์ ค่า P/E ปัจจุบันอยู่ที่ราว 36 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวของบริษัท (25–35 เท่า)

ฝ่ายบริหารคาดว่า รายได้และกำไรสุทธิในปี 2026 จะยังคงเติบโตระดับเลขหลักเดียวปลาย ๆ ซึ่งแม้ราคาหุ้นอาจไม่ “ถูก” ในเชิงมูลค่า แต่ด้วยฐานผู้ใช้มหาศาล งบดุลแข็งแกร่ง และความเป็นไปได้ของนวัตกรรมใหม่ในด้านฮาร์ดแวร์หรือ AI ก็ยังคงเปิดโอกาสการเติบโตระยะยาวสำหรับนักลงทุนที่มองหาความมั่นคงและคุณภาพ

ความเสี่ยงที่ต้องติดตาม

การแข่งขันจาก Huawei, Samsung และผู้ผลิตรายอื่นยังคงรุนแรง โดยเฉพาะในตลาดสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์สวมใส่ ขณะที่ความไม่แน่นอนด้านภาษีและแรงกดดันทางภูมิรัฐศาสตร์ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของ Apple และกดดันทั้งอัตรากำไรและปริมาณการผลิต

นอกจากนี้ ความผันผวนทางเศรษฐกิจมหภาคและภาระการลงทุนขนาดใหญ่ได้สร้างแรงกดดันในการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญ ท้าทายเสถียรภาพทางการเงินของบริษัท ขณะเดียวกัน ความเสี่ยงด้านการดำเนินงานยังคงมีอยู่ หากการพัฒนาเทคโนโลยี AI โทรศัพท์พับได้ หรืออุปกรณ์สวมใส่เกิดความล่าช้าหรือไม่เป็นไปตามแผน ก็อาจส่งผลต่อแนวโน้มการเติบโตของกำไรในอนาคต

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: เพื่อการอ้างอิงเท่านั้น ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้บ่งบอกถึงผลลัพธ์ในอนาคต
placeholder
AUDUSD ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ประมาณ 0.6550 ก่อนการประกาศนโยบายการเงินของ RBAในช่วงเซสชันการซื้อขายยุโรปวันจันทร์ คู่ AUDUSD เคลื่อนไหวสูงขึ้น 0.11% ที่บริเวณ 0.6555 คู่เงินออสซี่ปรับตัวขึ้นเนื่องจากดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) ทำผลงานได้ดีกว่าสกุลเงินคู่แข่งก่อนการประกาศนโยบายการเงินของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ในวันอังคาร
ผู้เขียน  FXStreet
9 ชั่วโมงที่แล้ว
ในช่วงเซสชันการซื้อขายยุโรปวันจันทร์ คู่ AUDUSD เคลื่อนไหวสูงขึ้น 0.11% ที่บริเวณ 0.6555 คู่เงินออสซี่ปรับตัวขึ้นเนื่องจากดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) ทำผลงานได้ดีกว่าสกุลเงินคู่แข่งก่อนการประกาศนโยบายการเงินของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ในวันอังคาร
placeholder
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งห้ามการขายชิป AI Blackwell ของ Nvidia ให้กับจีนประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าสหรัฐฯ จะป้องกันไม่ให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ที่ทันสมัยที่สุดของ Nvidia สำนักข่าว CBS รายงานเมื่อวันจันทร์
ผู้เขียน  FXStreet
10 ชั่วโมงที่แล้ว
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าสหรัฐฯ จะป้องกันไม่ให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ที่ทันสมัยที่สุดของ Nvidia สำนักข่าว CBS รายงานเมื่อวันจันทร์
placeholder
EUR/USD ยังคงขาดทุนต่ำกว่า 1.1550 เนื่องจากการเก็งกำไรการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดลดลงในตลาดลงทุนเอเชียวันจันทร์ คู่ EURUSD ขยับลงและยังคงขาดทุนเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน ราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 1.1530
ผู้เขียน  FXStreet
13 ชั่วโมงที่แล้ว
ในตลาดลงทุนเอเชียวันจันทร์ คู่ EURUSD ขยับลงและยังคงขาดทุนเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกัน ราคาเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 1.1530
placeholder
คาดการณ์ XAUUSD: ราคาทองคำดิ่งลงใกล้ $3,950 จากความคิดเห็นที่เข้มงวดของเฟดและความหวังในการค้าในช่วงเช้าของตลาดลงทุนเอเชียวันจันทร์ ราคาทองคํา (XAUUSD) ปรับตัวลดลงมาอยู่ใกล้ $3,965 โลหะมีค่าปรับตัวลดลงต่อเนื่องเนื่องจากผลลัพธ์ที่สร้างสรรค์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนช่วยเสริมสร้างการยอมรับความเสี่ยงทั่วโลก
ผู้เขียน  FXStreet
17 ชั่วโมงที่แล้ว
ในช่วงเช้าของตลาดลงทุนเอเชียวันจันทร์ ราคาทองคํา (XAUUSD) ปรับตัวลดลงมาอยู่ใกล้ $3,965 โลหะมีค่าปรับตัวลดลงต่อเนื่องเนื่องจากผลลัพธ์ที่สร้างสรรค์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนช่วยเสริมสร้างการยอมรับความเสี่ยงทั่วโลก
placeholder
GBP/USD ยืนอยู่เหนือ 1.3150 ขณะที่การลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดเพิ่มขึ้นในตลาดลงทุนเอเชียวันศุกร์ GBP/USD ขยับขึ้นหลังจากการปรับตัวลดลงสามวัน เคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 1.3160 คู่สกุลเงินนี้ยังคงรักษาระดับราคาไว้ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เจอแรงกดดัน ท่ามกลางการเก็งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดมากขึ้น ตามข้อมูลจาก CME FedWatch Tool ตลาดขณะนี้คาดการณ์ว่ามีโอกาส 71% ที่เฟดจะ
ผู้เขียน  FXStreet
10 เดือน 31 วัน ศุกร์
ในตลาดลงทุนเอเชียวันศุกร์ GBP/USD ขยับขึ้นหลังจากการปรับตัวลดลงสามวัน เคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 1.3160 คู่สกุลเงินนี้ยังคงรักษาระดับราคาไว้ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เจอแรงกดดัน ท่ามกลางการเก็งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดมากขึ้น ตามข้อมูลจาก CME FedWatch Tool ตลาดขณะนี้คาดการณ์ว่ามีโอกาส 71% ที่เฟดจะ
goTop
quote